ตอนที่แล้วGE128 ผลหลิงเพลิง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE130 ผู้ใด [ฟรี]

GE129 นางมาด้วยเหตุใด [ฟรี]


หนิงฝานนั่งอยู่บนศิลาก้อนหนึ่ง พลางมองต้นหลิงเพลิง

ด้านหลังมีชุ่ยหลิงและเย่หลิงกำลังจัดเตรียมอาหาร และจ้องมองหนิงฝานอย่างสงบ

ในช่วง 7 วันมานี้ หลู่หนานสื่อได้ผลหลิงเพลิงมาเป็นจำนวนมาก

เพียงให้ปรุงเป็นโอสถเว่ยหัวจินได้ 300 เม็ด

ไม่ว่าโอสถเว่ยหัวจินหรือโอสถจักรพรรดิหยกล้วนมีฤทธิ์ที่เหมือนกัน… หนิงฝานขบคิดอยู่นานพลางถอนหายใจ

ในอดีต หนิงฝานใช้ความเจ็บปวดจากปราณกระบี่สังหารเซียน เข้าสะกดข่มความเจ็บปวดจากโอสถจักรพรรดิหยก ทำให้พวกมันหักล้างกันเอง

นั่นทำให้ทราบว่า ความเจ็บปวดที่แตกต่าง สามารถสะกดกันได้… เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ความเจ็บปวดจากโอสถเว่ยหัวจินไม่สมควรมากไปกว่าโอสถจักรพรรดิหยก

หากหนิงฝานจะต้องเจ็บกับความเจ็บจากโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่ 4 เขาต้องหาความเจ็บปวดอีกชนิดที่รุนแรงไม่แพ้กันมาหักล้าง

หนิงฝานเลิกคิดให้มากความ เขานำกระถางโอสถออกมา

“เริ่มปรุงโอสถ!”

1 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว… ยามนี้มีเรือเหาะลำใหญ่ และฝูงสัตว์อสูรบินจำนวนมากมุ่งหน้ามายังเมืองหนิง ส่วน 4 แม่ทัพกำลังร่วมกันซ่อนแซมอาวุธ

อาวุธวิญญาณระดับต่ำ ‘หน้าไม้คร่าวิญญาณ’... นับเป็นชื่อที่เหมาะสมกับมัน เพราะเพียงนัดเดียวก็สามารถปลิดชีพผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้ เพียงแต่ลูกศรของมันมีราคาแพง… 1 ดอกมีราคา 10 หยกสวรรค์ เมื่อยิงไปแล้วไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก หนานกงทุ่มทรัพยากรมหาศาล เพื่อสร้างลูกศรชนิดพิเศษนี้ให้ทหารในกองทัพแต่ละคนมีได้ 10 ลูก

หากเหล่าทหารในกองเหนี่ยวไกพร้อมกัน ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำยังต้องหลบ ด้วยความเก่งกาจเหล่านั้น ทำให้ทัพของเมืองหนิงแทบจะเป็นทัพอันดับหนึ่งของแคว้นเยว่

ในเดือนที่ 2 เหนือนิกายเพลิงเมฆาได้ปรากฏเมฆาภัยพิบัติ 5 สี แต่ไม่นานมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ในเดือนที่ 3 ชายผิวดำที่สะพายกระบี่ใหญ่ไว้ข้างหลังได้กลับมายังเมืองหนิง พร้อมกับหัวของ 10 โจรผู้เลื่องชื่อ แห่งแคว้นเยว่… ชายผู้นี้แผ่แรงกดดันของกึ่งแก่นทองคำที่ทรงพลัง!

10 โจรผู้เลื่องชื่อแห่งแคว้นเยว่ พวกมันกระจายตัวอยู่ตามตำแหน่งต่างๆรอบนิกายกุ่ยเชว่ ทางตะวันและทางเหนือ มีโจรในขอบเขตแก่นทองคำอยู่หลายคน

และโจรเหล่านั้น ถูกซื่อถูกสังหารจนหมด!

ดวงตาซื่อถูปรากฏแสงสีทองประกายอ่อนจาง พร้อมกับปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงแผ่ออกมานอกร่าง

ด้วยปราณกระบี่ระดับนี้ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลางก็อยากรับหากไม่จำเป็น ยามนี้ ซื่อถูกได้ทะลวงขอบเขตเต๋าแห่งกระบี่ของตนได้แล้ว!

กาลเวลาปัจจุบันล่วงเข้าเดือนที่ 3 ทั่วท้องนภาของเมืองหนิงเต็มไปด้วยหมอกควันคุ้ง หนานกงสั่งไม่ให้คนนอกเข้าเมือง และสั่งผนึกเมืองเพื่อเตรียมพร้อม

ในขณะเดียวกันได้ เรือเหาะขนาดใหญ่ได้ทะลวง ‘ข่ามอาคมแบ่งโลก’ ข้ามเข้ามายังแคว้นเยว่

ในแต่ละแคว้นนั้นจะมีข่ายอาคมแบ่งโลกขวางกั้น ปักปันเป็นเขตแดน เหมือนกับข่ายอาคมที่ได้ปกคลุมโลกพิรุณเอาไว้… ข่ายอาคมแบ่งโลกมีหลายระดับ แบ่งแยกไปตามความหนานแน่นของปราณในแคว้นนั้นๆ ดังนั้น ข่ายอาคมแบ่งโลกในแคว้นเยว่สมควรมีระดับแก่นทองคำขั้นกลาง

ข่ายอาคมแบ่งโลกจะมีนิกายต่างๆทำหน้าที่เฝ้าคุ้มกัน และทุกๆ 500 ลี้ของข่ายอาคม จะมีประตูผ่านที่จะข้ามไปอีกแคว้น

ผู้ที่จะข้ามผ่านไปได้นั้น ต้องมีป้ายแสดงสถานะ

แต่สถานะเหล่านั้นปลอมแปลงได้ ไม่มีผู้ใดเสียเวลามาตรวจสอบ ฉะนั้น ไม่ว่าใครจะเข้าแคว้นเยว่ ไม่ว่าผูจะทำสิ่งใด ย่อมไม่มีใครล่วงรู้

นอกจากนี้ การจะข้ามแคว้นต้องเสียค่าผ่านทาง แต่หากเป็นตัวตนระดับสูง คนเหล่านั้นจะไม่จ่าย และไม่มีผู้ใดกล้าเรียกเก็บ

ฝั่งตะวันออกของแคว้นเยว่ ภายในหอคอยสีทองสูง นิกายอัสนีม่วง ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลางกำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่

ฝั่งตะวันออกของแคว้นเยว่อยู่ติดกับแคว้นหวู่ ผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองแคว้นมักจะเดินทางไปมาอยู่บ่อยๆ เมื่อผ่านไปหลายปีเข้า ค่าผ่านทางที่ได้ก็มหาศาล

วันนี้ ศิษย์ในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรและผู้อาวุโสขอบเขตประสานวิญญาณของนิกายอัสนีม่วง ได้ทำหน้าที่เฝ้าอารักษ์ข่ายอาคมแบ่งโลก

หากผู้เชี่ยวชาญจากแคว้นหวู่เดินทางมายังแคว้นเยว่ พวกมันจะได้ค่าผ่านทาง

“ฮ่าฮ่า เพียงเดือนเดียวก็ได้แต้มนิกายถึง 100 แต้ม ทั้งยังได้หยกสวรรค์ 50 ก้อนเป็นรางวัล… แบบนี้ข้าก็ซื้อของขวัญให้ศิษย์น้องหญิงเจ็ดแห่งตำหนักม่านหมอกได้แล้ว”

“พี่จ้าง… จากพรสวรรค์ของท่านแล้ว เหตุใดท่านถึงให้ของขวัญให้น้องเจ็ด ข้าว่า ศิษย์พี่หญิงสี่น่าจะเหมาะสมกับท่านมากกว่า”

“ฮ่าฮ่า เจ้าจะไปรู้อะไร… ถึงน้องเจ็ดไม่งดงาม แต่วิชาและฝีมือของนางไม่เป็นสองรองใคร...”

ศิษย์นิกายอัสนีม่วงพูดคุยเรื่องสตรี แต่เมื่อผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณภายในหอคอย แผ่สัมผัสเทพออกสำรวจและได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นคุยกัน มันขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

ศิษย์นิกายฝ่ายธรรมะ เหตุใดถึงพูดจาเหมือนนิกายฝ่ายอธรรม

แม้ผู้อาวุโสประสานวิญญาณคนนั้นจะเข้าใจ ว่าแม้เป็นศิษย์นิกายฝ่ายธรรมะ แต่ก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีปรารถนา การพูดจากเช่นนั้นถือเป็นเรื่องปกติ

“ถ้าเกิดผู้เชี่ยวชาญแคว้นหวู่เห็นท่าทางของพวกเจ้าเข้า นิกายอัสนีม่วงของข้าคงเสียหน้า!” ชายชรากล่าวด้วยสัมผัสกับเหล่าศิษย์ที่พูดคุย

ทำให้พวกมันเร่งสงบปากทันที พวกมันไม่กล้ากล่าวและไม่กล้าขัดคำสั่งชายชรา

ไม่นานนัก เรือเหาะขนาดยักษ์จากฝั่งแคว้นหวู่ ได้บินตรงมายังข่ายอาคมแบ่งโลกทางแคว้นเยว่ พร้อมกับเสียงเย้ยหยันสายหนึ่ง

“นิกายอันเล็กจ้อยของเจ้ายังมีหน้าตากับเขาอยู่เหรอ?”

เสียงนั่นมาพร้อมกับแรงกดดันกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม ดังสะท้อนอยู่ภายในหัวของเหล่าศิษย์นิกายอัสนีม่วงทั้ง 10 คน จนทะเลสติของพวกมันแตกสลายและตายในทันที

ผู้อาวุโสของนิกายอัสนีม่วงที่อยู่ในหอคอยหวาดกลัว แต่มันยังทะยานออกมาจากหอคอย หยุดยืนด้านบนสุดของหอคอย พลางมองเรือเหาะขนาดยักษ์ที่กำลังตรงมา

เรือเหาะลำนั้นทะลวงมข่ายอาคมแบ่งโลกดังสนั่น ข่ายอาคมระดับแก่นทองคำขั้นสูงสุด ไม่สามารถต้านทานเรือลำนั้นได้!

เรือเหาะลำนั้นพ่วงด้วยเรือเหาะขนาดเล็กทั้งหมด 6 ลำ แต่ละลำ บรรลุผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมเป็นจำนวนมาก!

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่บนเรือเหาะลำนั้น แต่งกายคละแบบ ระดับพลังต่ำสุดคือขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5

ในหมู่พวกมัน มีผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรจำนวน 6000 คน ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 44 คน และมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั้งหมด 9 คน แต่ผู้ที่มีแรงกดดันที่แตกต่างจากคนอื่นๆอย่างชัดเจน เป็นบุรุษที่สวมอาภรณ์ม่วง

อาภรณ์ของมันสลักด้วยรูปตะวันจันทรา ในลักษณ์ที่เป็นหยินหยาง ชายคนนั้นสูง 8 ฉื่อ ใบหน้าซีดขาวราวกับศพ ด้านหลังของมันมีโลงศพสีดำตั้งอยู่

ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั้ง 9 คนนั้น เป็นมนุษย์อยู่เพียง 4 คน

ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั้ง 44 คน ไม่มีผู้ใดแผ่กลิ่นอายของชีวิต

ในจำนวนผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจร 6000 คน เป็นคนที่ตายไปแล้วกว่าครึ่ง

ผู้อาวุโสของนิกายอัสนีม่วงหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็น มันคอยคุ้มกันข่ายอาคมแบ่งโลกส่วนนี้มานาน มันย่อมเคยได้ยินเรื่องการแปลงศพมาบ้าง

เพียงแต่ยามนี้ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับเหนือกว่าข่าวลือไปมาก… และผู้ที่มานั้น คือนิกายเต๋าสวรรค์แห่งแคว้นหวู่

“ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมพวกนั้นไม่ธรรมดา… พวกมันมาทำอะไรที่แคว้นเยว่! แย่แล้ว ข้าต้องเร่งรายงานท่านประมุข”

ผู้อาวุโสคนนั้นขบฟัน เร่งทะยานหนีไปอย่างรวดเร็ว เพราะเหล่าศิษย์ของมันทั้ง 10 คนถูกสังหารตายอย่างเหี้ยมโหด หากมันถูกจับตัวได้ มันไม่มีทางรอดแน่

แต่เมื่อชายชราทะยานออกไปได้ไม่นาน ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั้ง 7 คนก็ทะยานออกจากเรือเหาะ ไล่ติดตามมาอย่างรวดเร็ว

“ศพในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง… ฮ่าฮ่า แล้วได้รู้ว่าใครเป็นใคร!”...

ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดครึ่งดอก ชายร่างกายกำยำก็แบกร่างของผู้อาวุโสนิกายอัสนีม่วงกลับเรือ

แล้วเรือเรือเหาะของนิกายเต๋าสวรรค์ ก็ได้ลุกล้ำแคว้นเยว่แล้ว!

เรือเหะาทุกลำมุ่งหน้าไปทิศตะวันตกของแคว้นเยว่ เป้าหมายของพวกมันคือเมืองหนิง ระหว่างทางที่พวกมันผ่าน พวกมันทำลายตระกูลน้อยใหญ่ไปมากมาย

เหล่าผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะหรืออธรรมล้วนถอยห่างไม่กล้าเข้าใกล้

“นิกายเต๋าสวรรค์แห่งแคว้นหวู่ ช่างกล้าลุกล้ำแคว้นเยว่ของข้า! สงครามระหว่างแคว้นหวู่และแคว้นเยว่จบลงมือพันปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนตอนนี้ มันกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง!” สีหน้าประมุขนิกายอัสนีม่วงแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ไม่หรอก… ข้าได้ลอบจู่โจมเรือของพวกมัน จับตัวศิษย์พวกมันมาแล้วอ่านความทรงจำ… เป้าหมายของพวกมันคือเพื่อทำลายเมืองหนิง… เมืองของปีศาจทมิฬหนิง...” ประมุขนิกายเฉ่อไพ่ฉางกล่าว

“เหตุใดเป้าหมายจึงเป็นเมืองหนิง…” แววตาชู่ซวนเชียนสื่อแห่งนิกายไท่ชูไพ่แปรเปลี่ยนเย็นชา

เรื่องที่นิกายเต๋าสวรรค์บุกแคว้นเยว่ กระตุ้นความสนใจของทุกนิกาย ให้ตระหนกและหวาดกลัว

เหตุที่หวาดกลัวเพราะระดับพลังของผู้เชี่ยวชาซแคว้นเยว่ ต่ำกว่าผู้เชี่ยวชาญแคว้นหวู่ ดังนั้น นิกายต่างๆจึงต่างพากันเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับนิกายเต๋าสวรรค์

นิกายต่างๆของแคว้นเคยเดินทางไปพบปีศาจทมิฬหนิง เพื่อให้ช่วยปรุงโอสถก่อดวงจิต แต่เมื่อยามนี้ปีศาจทมิฬหนิงลำบาก พวกมันกลับเลือกที่จะทอดทิ้ง

ประมุขนิกายเต๋าสวรรค์มีนามว่าเทียนยี่

เมื่อนิกายเต๋าสวรรค์เคลื่อนไหว เหนือน่าฟ้านอกายจี๋หลิง ก็ปรากฏเรือเหาะขนาดใหญ่ 4 ลำด้วยกัน เป้าหมายของพวกมันคือมุ่งหน้าไปเมืองหนิง!

“นิกายจี๋หลิงข้าและนิกายเต๋าสวรรค์จะประกาศสงครามกับเมืองหนิง หากสหายเต๋าท่านใดไม่ขัดขวาง ข้าจะมอบโอสถก่อดวงจิตให้นิกายเป็นจำนวน 3 เม็ด!”

ประมุขนิกายจี๋หลิงกล่าว

หากจับตัวปีศาจทมิฬหนิงได้ ก็จะได้นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เป็นทาสคอยปรุงโอสถให้ นับว่าคุ้มค่ากว่า

แต่ถึงอย่างนั้น โอสถก่อดวงจิตกลับกลายเป็นสิ่งที่เย้ายวนใจนิกายน้อยใหญ่ จนทำให้พวกมันหันเหไปทางนิกายจี๋หลิง

นิกายเต๋าสวรรค์และนิกายจี๋หลิงตั้งใจจะทำลายเมืองหนิงให้ราบคาบ หากไม่มีนิกายใดหนุนหลัง เมืองหนิงคงไม่สามารถรับมือกับนิกายขนาดใหญ่ทั้งสองนี้ได้

หากกล่าวว่าเพื่อโอสถก่อดวงจิต เหล่านิกายในแคว้นเยว่จะร่วมมือเพื่อกำจัดสือหยิน แต่เมื่อสือหยินเป็นฝ่ายกล่าวแทนที่จะเป็นปีศาจหนิง เหล่าประมุขนิกายที่เป็นกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม จึงแทบจะคล้อยตามคำของสือหยิน

“รอดูเหตุการณ์เงียบๆ!” แต่ละนิกายในแคว้นเยว่ได้ออกคำสั่ง แต่ชู่ซวนเชียนสื่อกลับขมวดคิ้ว

“ไม่ว่านิกายฝ่ายธรรมะหรืออธรรมล้วนเห็นแก่ตัวไม่ต่างกัน…” นางเผยแววตาขุ่นเคือง ก่อนจะเหยียบย่างนภาตรงไปยังเมืองหนิง

ผ่านไป 10 วัน เรือเหาะขนาดใหญ่ของนิกายเต๋าสวรรค์และนิกายจี๋หลิงได้เข้าล้อมเมืองหนิง กางอาณาเขตไว้ถึง 100 ลี้!

แต่ยามนั้นเอง ชู่ซวนเชียนสื่อกลับปรากฏตัวเหนือเมืองหนิงด้วยแววตาโกรธเคือง

“สือหยิน เจ้ามีความแค้นอันใดกับเมืองหนิง ถึงได้ร่วมมือกับแคว้นหวู่ย่ำยีแคว้นเยว่ของตน!”

คำกล่าวของนางทำให้สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญนิกายไท่ชูไพ่แปรเปลี่ยน ก่อนจะเร่งกลับจากสังเกตุการณ์อย่างรวดเร็ว

เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากนิกายอื่นๆที่มาสังเกตุการณ์เมืองหนิง คิดว่าชู่ซวนเชียนสื่อได้ทำให้นิกายไท่ชูไพ่ตกที่นั่งลำบาก

แม้นิกายไท่ชูไพ่ไม่ธรรมดา และอาจไม่แพ้ต่อสงครามหากต้องเผชิญหน้ากับนิกายจี๋หลิงและนิกายเต๋าสวรรค์ แต่นั่นอาจทำให้มันเสียหายใหญ่หลวง

บางที แม้เป็นนิกายไท่ชูไพ่ นิกายฝ่ายธรรมะอันดับหนึ่งของแคว้นเยว่ อาจต้องยอมศิโรราบให้กับสงครามครั้งนี้

“ชู่ซวนเชียนสื่อไม่เคยมาเมืองหนิงมาก่อน ไม่เคยพบปีศาจทมิฬหนิงมาก่อน… เหตุใดนางต้องออกหน้าปกป้องเมืองหนิง… เห้อ… นางยึดมั่นในความดีเกินไป ยากที่จะอยู่รอดในโลกของผู้ฝึกตนเช่นนี้!”

ผู้เชี่ยวชาญนิกายไท้ชูไพ่ขมวดคิ้ว

พวกมันอยากให้ชู่ซวนเชียนสื่อหยุดสอดมือ ไม่อย่างนั้น นิกายไท่ชูไพ่อาจถึงคราวหายนะ

ถ้ำแห่งหนึ่งภายในเมืองหนิง แสงสีเงินเปล่งประกายออกมาจากภายใน หนิงฝานลืมตาและเผยสีหน้าประหลาดใจ

เขาทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกด้วยสัมผัสเทพ

“ชู่ซวนเชียนสื่อ? นางมาได้อย่างไร… คาดไม่ถึงว่านางจะมีจิตใจยึดมั่นในความดี ถึงกับออกหน้าให้เมืองหนิง...”

แต่ด้วยเพราะนาง แววตาของหนิงฝานจึงแปรเปลี่ยนเย็นชาในฉับพลัน

เหนือท้องนภาเมืองหนิง ชู่ซวนเชียนสื่อในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุด ไม่หวาดกลัวคนของนิกายจี๋หลิงและนิกายเต๋าสวรรค์

นางขมวดคิ้วมุ่น แอบโลจรปราณและวิชา แววตาสั่นไหว ท้องนภาที่เงียบสงบปรากฏเสียงระเบิดดังสนั่น!

“หากนิกายฝ่ายธรรมะไม่ปกป้องความยุติธรรม ก็ไม่สมเป็นนิกายฝ่ายธรรมะอีกต่อไป! พวกเจ้ารีบถอยไปซะ อีกไม่นานผู้อาวุโสทั้งสองของข้าจะมาถึงแล้ว!”

คำกล่าวของนางทำให้สือหยินเป็นกังวล

“เจ้าหมายถึง ‘ซ่งเชียนสื่อ’ และ ‘ไป่หงสื่อ’ งั้นรึ… ถ้านิกายไท่ชูไพ่สอดมือ เรื่องระหว่างเราไม่จบง่ายๆแน่”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด