ตอนที่แล้วGE126 เป็นกระถางขัดเกลาแล้วอย่างไร [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE128 ผลหลิงเพลิง [ฟรี]

GE127 ต้องจากลา [ฟรี]


นิกายกุ่ยเชว่ฝ่ายใน ตำหนักขนาดใหญ่

กุ่ยเชว่สื่อยืนมือไพล่หลังอยู่ภายในนั้น จื่อเฮ่อและซือซือก็อยู่ในนั้นเช่นกัน… จื่อเฮ่อถือถ้วยชาวิญญาณระดับสูง แม้มันจะไม่ต่างจากชาทั่วๆไป แต่มันหอมกว่า

แววตาของซือซือดูแปลกไป วันนี้นางดูเย็นชาและเต็มไปด้วยความสับสน

“หนิงฝานคือศัตรู แต่ยังเป็นนายของข้า… ข้าคือใครกัน...”

ความทรงจำที่ได้รับความเสียหายของนายค่อยๆฟื้นฟู แต่ไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็น

ไม่นาน หนิงฝานก็เดินเข้าตำหนักพร้อมกับหลานเหม่ย

“หนิงฝานคารวะประมุข”

“ฮ่าฮ่า ปีศาจหนิงไม่ต้องสุภาพไป”

กุ่ยเชว่สื่อจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาที่แฝงด้วยนัย หากเป็นทั่วไป กุ่ยเชว่สื่อจะเรียกหนิงฝานว่า ‘ฝานเอ๋อร์’ แต่เมื่อการเรียกขานเปลี่ยน หนิงฝานก็หุบยิ้ม สีหน้าแปรเปลี่ยนจริงจัง

เพราะนามปีศาจหนิง ใช้ยามพูดคุยเรื่องราวสำคัญ

“ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงสุภาพกับหนิงฝานนัก...” หลานเหม่ยไม่พอใจ กุ่ยเชว่สื่อยิ้มเจื่อนพลางโบกมือเป็นนัย ไม่ให้นางได้กล่าวต่อ

“เหม่ยเอ๋อร์ เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับปีศาจหนิง… ปีศาจหนิง ตามข้าไปห้องลับ”

ภายในห้องลับของตำหนัก… กุ่ยเชว่สื่อจ้องมองสำรวจหนิงฝานอยู่นาน สีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง

“ท่านประมุขมีอะไรก็พูดมาเถอะ… หากท่านมีคำถาม ข้าตอบได้ก็จะตอบ” หนิงฝานป้องมือให้ เขารู้ว่ากุ่ยเชว่สื่อมีบางอย่างจะกล่าว

“อืม… เช่นนั้นข้าก็มีเรื่องจะถามเจ้า… ที่เจ้ามานิกายกุ่ยเชว่ ไม่ใช่เพราะอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญของที่นี่ใช่หรือไม่”

“ข้ามีเป้าหมายอื่น ข้ามาเพื่อปราณหยินลึกล้ำ และเติมเต็มคำขอของอาจารย์ข้า”

คำตอบของหนิงฝานทำให้กุ่ยเชว่สื่อพยักหน้า

“ดีมาก… เจ้าเป็นคนสื่อตรงไม่โป้ปดข้า… ปราณหยินลึกล้ำอยู่ในสุสานวิหคทมิฬ หากเจ้ามีสามารถนำมันไปได้ ข้าก็ไม่ห้าม… คำถามที่สอง เจ้าคือปีศาจทมิฬหนิงใช่หรือไม่!”

“ใช่… เช่นนั้นข้าขอถามท่านบ้าง ท่านขอให้นักพยากรณ์แห่งแคว้นหวู่ทำนาย จึงได้รู้เรื่องของข้าใช่หรือไม่?” หนิงฝานขมวดคิ้ว

“เจ้าคือปีศาจทมิฬหนิงจริงๆ แต่เจ้าวางใจได้ เจ้าเป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋ ข้าไม่มีทางคิดร้ายกับเจ้า ส่วนเหตุผลที่ข้ารู้ตัวตนของเจ้าเป็นเพราะ...”

“เพราะคนสอดแนมในนิกายจี๋หลิงใช่หรือไม่?”

“ฮ่าฮ่า… หลักแหลมนัก... ถูกต้อง”

กุ่ยเชว่สื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจในคำถามที่สอง ยามนี้ แววตาของมันเผยความตกตะลึง เพราะแท้จริงแล้ว หนิงฝานคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแคว้นเยว่

กุ่ยเชว่สื่อเก็บซ่อนแววตาพลางถอนหายใจ แล้วกล่าวถามต่อ “คำถามที่ 3 หวังเจ้าจะตอบได้… เรื่องที่นิกายเทียนหลีโม่ถูกทำลาย เป็นฝีมือเจ้ากับตาเฒ่าหานใช่หรือไม่?”

“ใช่… เรื่องนี้ท่านรู้ได้อย่างไร?”

“เด็กน้อย… เห็นข้าอยู่เฉยๆเช่นนี้ คิดว่าข้าจะไม่รู้อะไรเชียวหรือ… ข้าเคยได้พบซื่อหวูเสียครังหนึ่ง กลิ่นอายของนาง ข้าไม่มีวันลืม… และตอนนี้ ซื่อหวูเสียก็กลายมาเป็นสตรีของเจ้าใช่หรือไม่? แต่ที่นางเป็นอยู่ตอนนี้ดูต่างไปจากเมื่อก่อน...”

“เรื่องมันยาว...”

“เช่นนั้นไม่ต้องเล่า มันเป็นความลับของเจ้า ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมสมควรมีความลับเป็นของตน… ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เจ้าคือปีศาจทมิฬหนิง… เรื่องที่ทำลายนิกายเทียนหลีโม่… เรื่องที่รับซื่อหวูเสียเป็นสตรีของตน… และเรื่องที่สังหารหวางเหยา… ไม่ว่าในอดีตเจ้าจะทำเรื่องอะไรมา หรือเจ้าต้องการสิ่งใดในนิกายกุ่ยเชว่… ข้ามีเพียงคำขอเดียวที่อยากจะกล่าวกับเจ้า… อย่าทำให้เหม่ยเอ๋อร์ผิดหวัง!”

แววตาของกุ่ยเชว่สื่อจริงจังอย่างที่สุด ไม่ว่าสิ่งใดมันไม่ตำหนิหนิงฝาน มันขอเพียงให้ดูแลบุตรสาวของตนให้ดี เพราะมันคือบิดาของนาง

หนิงฝานที่ยินคำกล่าวของกุ่ยเชว่สื่อ นึกว่าตนจะถูกขับออกจากนิกาย แต่ผลที่ได้กลับต้องประหลาดใจ… เรื่องทำลายนิกายเทียนหลีโม่ ไม่มีผู้ใดในแคว้นเยว่ที่รู้ แต่กุ่ยเชว่สื่อกลับรู้... เรื่องที่สังหารหวางเหยา ตนเองก็กำชับตระกูลหูไม่ปิดปากเงียบ เว้นแต่ใช้วิชาค้นความทรงจำกับคนตระกูลหู แต่กุ่ยเชว่สื่อกลับรู้… หรือในคืนนั้น กุ่ยเชว่สื่อจะอยู่ด้วย!

แต่ถึงแม้กุ่ยเชว่สื่อจะรู้เรื่องทั้งหมด หนิงฝานก็ไม่กังวล เพราะมันคือสหายคนสนิทของหานหยวนจี๋ เป็นบิดาของหลานเหม่ย และเป็นพ่อตาของเขา ที่สำคัญ ด้วยระดับพลังหนิงฝานในตอนนี้ ต่อให้เรื่องราวทั้งหมดแพร่งพรายออกไป ตนเองอาจประสบปัญหาอยู่บ้าง แต่ไม่หนักจนถึงชีวิต

เมื่อกุ่ยเชว่สื่อได้กล่าวถึงคำขอของตนอย่างหนักแน่น หนิงฝานจึงตอบกลับไปอย่างหนักแน่นเช่นกัน “ข้าจะไม่ทำให้หลานน้อยต้องผิดหวัง แต่ตอนนี้ข้ายังแต่งงานกับนางไม่ได้… ข้าต้องเตรียมตัวกลับเมืองหนิงเป็นการเร่งด่วน… 3 เดือนให้หลังจะเกิดสงครามที่เมืองหนิง และข้าจะเข้าทำลายนิกายจี๋หลิง... เมื่อสงครามจบ ข้าต้องออกจากแคว้นเยว่ บางทีอาจใช้เวลาเนิ่นนาน… หรืออาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก...”

“นิกายจี๋หลิง… ฮึ่ม! หากเจ้าไม่ทอดทิ้งเหม่ยเอ๋อร์ ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง เจ้าคือปีศาจหนิงแห่งนิกายกุ่ยเชว่ หากนิกายจี๋หลิงคิดลงมือกับเจ้า พวกมันต้องผ่านข้าไปก่อน!”

แววตากุ่ยเชว่สื่อเผยเจตนาสังหาร แรงกดดันที่รุนแรงของผู้เชี่ยวชาซกึ่งดวงจิตแรกเริ่มปะทุ ราวกับสายลมที่รุนแรงพัดกวาดภายในห้องลับ

“ข้าจะช่วยเจ้า… เพราะเจ้าเป็นคนของนิกายกุ่ยเชว่ เป็นศิษย์ของสหายคนสนิทของข้า และเป็นบุตรเขยของข้า…ไม่ว่าผลของสงครามจะเป็นเช่นใด ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องออกจากแคว้นเยว่...”

“ท่านประมุขเข้าใจผิดแล้ว… หากได้ท่านเป็นกำลัง ข้าไม่มีทางแพ้สงคราม แต่เรื่องที่ข้าต้องออกจากแคว้นเยว่นั้น ไม่ใช่เพราะกลัวนิกายจี๋หลิงตามล้างแค้น… แต่เพราะข้าและอาจารย์มีศัตรูคู่อาฆาตอยู่ผู้หนึ่ง มันแข็งแกร่งมาก อีก 100 ปีให้หลัง ข้าต้องต่อสู้กับมันด้วยตัวเอง หากข้ายังรั้งอยู่ในแคว้นเยว่ พลังของข้าจะก้าวหน้าได้ช้า… เวลาของข้าเหลือน้อยนัก...”

หนิงฝานรู้สึกอบอุ่น กุ่ยเชว่สื่อดีกับตนมาก ถึงขนาดยอมเข้าร่วมสงครามกับนิกายจี๋หลิง แม้ว่าตนเองอาจแพ้สงคราม แต่ยังยืนยังว่าจะปกป้องดูแล… หากเลือกได้ หนิงฝานก็อยากที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบในแคว้นเยว่ อยู่ในนิกายกุ่ยเชว่ และเมืองฉีเหม่ยต่อไป เฉกเช่นผู้เชี่ยวชาญทั่วไป… แต่โชคชะตาไม่ยอมให้เขาเลือกเส้นทางนั้น เขาไม่อาจย่ำอยู่กับที่ได้

เมื่อได้ยินคำกล่าวหนิงฝาน กุ่ยเชว่สื่อถอนหายใจยาว กุ่ยเชว่สื่อพอจะทราบเรื่องอยู่บ้าง ว่าหานหยวนจี๋มีที่มาไม่ธรรมดา… มันมีภาระหน้าที่ ที่ไม่อาจให้ที่พักพิงที่ปลอดภัยกับหานหยวนจี๋ได้  ทั้งยังไม่อาจถอนพิษที่ชายชราต้องในคราวนั้นได้

อีก 100 ปีข้างหน้าศัตรูผู้นั้นจะมา หนิงฝานจึงไม่ควรรั้งอยู่ในแคว้นเยว่ เพราะด้วยพรสวรรค์ของหนิงฝานแล้ว การรั้งอยู่ในแคว้นเยว่ก็รังแต่จะเสียเวลาเปล่า เขาต้องมุ่งไปยังแคว้นของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเพื่อเก็บประสบการณ์

“เมื่อเป็นเช่นนั้น… หากเจ้าจากแคว้นเยว่ไป ข้าจะเป็นผู้ดูแลเมืองหนิงและเมืองฉีเหม่ยให้… เวลาช่างกระชั้น อีก 3 เดือนจะเกิดสงคราม เจ้าห้ามประมาทศัตรูเด็ดขาด ข้าได้ยินมาว่านิกายจี๋หลิงได้เทียบเชิญนิกายเต๋าสวรรค์มา… ประมุขนิกายเต๋าสวรรค์เป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม และข้ายังได้ยินมาว่านิกายเต๋าสวรรค์ ได้สร้างศพจากโครงกระดูกของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกด้วย”

“นิกายจี๋หลิงของมันมีนิกายเต๋าสวรรคช่วย เมืองหนิงของข้าก็มีนิกายกุ่ยเชว่และนิกายเพลิงเมฆาช่วย… ประมุขจิงสั่วมาพบข้า และพวกข้าก็ข้อตกลงกัน”

หนิงฝานได้บอกเล่าเรื่องราวที่ตนได้พูดคุยกับจิงสั่วให้กุ่ยเชว่สื่อฟัง ทำให้มันตกตะลึง

ตามความเข้าใจ หนิงฝานไม่มีทางที่จะติดต่อขอให้นิกายเพลิงเมฆาเข้าร่วมสงครามได้ เพราะได้ยินมาว่าประมุขนิกายเพลิงเมฆาเป็นผู้จิตใจคับแคบ มันไม่ยอมเอื้อประโยชน์ให้หนิงฝานฝ่ายเดียวแน่

“เช่นนั้นแล้ว… ข้าจะทำทัพวิหคทมิฬไปเสริม...”

หนิงฝานพูดคุยเรื่องแผนการกับกุ่ยเชว่สื่อ ทำมันค่อยๆตกตะลึง

หนิงฝานไม่คิดจะเจรจาต่อรองกับนิกายจี๋หลิงและนิกายเต๋าสวรรค์… เขาจะทำทุกอย่างเพื่อทำลายพวกมัน

หนิงฝานในอาภรณ์ขาวเผยรอยยิ้ม และรอยยิ้มนั้น เป็นรอยยิ้มที่มั่นใจว่าตนจะทำลายนิกายจี๋หลิงได้

“เด็กผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมและเด็ดขาดนัก...” กุ่ยเชว่สื่อกล่าวในใจ

เมื่อพูดคุยกันเสร็จ หนิงฝานก็ออกจากห้องพร้อมกุ่ยเชว่สื่อ หลานเหม่ยที่รออยู่ผิดหวัง เพราะทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยเรื่องการแต่งงานเหมือนอย่างที่นางคิดไว้

นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่นางคาดไม่ถึง นั่นคือเรื่องที่หนิงฝานต้องออกจากแคว้นเยว่

ด้วยการจากลาที่เนิ่นนานเช่นนั้น นางไม่อาจทำใจ แต่ยังไงหนิงฝานก็ต้องไป

“เจ้าจะไปไม่ได้...” หลานเหม่ยเผยแววตาโศกเศร้า

“ข้าจะกลับมา” หนิงฝานกล่าวตอบสั้นๆ

เรื่องโถงขัดเกลาผสาน หนิงฝานยกให้ไป๋ลู่ดูแล แต่นั่นไม่ได้ทำให้นางมีความสุข นางแค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเป็นผู้อาวุโสของโถงขัดเกลาผสาน แต่กลับจะออกจากนิกาย… หากเจ้าไปเมื่อไหร่ ข้าจะดูแลโถงขัดเกลาผสานเอง”

หนิงฝานยื่นส่งหยกแผ่นหนึ่งให้ชูชิง ในนั้นมีวิธีบรรลุไปยังนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4… หยกแผ่นนี้จึงกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของชูชิง เพราะหากมันทำได้ นิกายกุ่ยเชว่จะมีโอสถระดับสูงได้ใช้

หนิงฝานยื่นม้วนวิชา ‘ศิลาน้ำแข็ง’ ให้หลานเหม่ย วิชานี้เป็นวิชาระดับไร้แบ่งแยกที่สตรีผู้หนึ่งได้สร้างขึ้น นอกจากนี้ เขายังได้นำโอสถบางอย่างให้นาง แม้นางจะมีโอสถมากอยู่แล้วก็ตาม

หนิงฝานขบคิด แล้วมอบวิชาขัดเกลาผสานพร้อมทั้งโอสถให้ไป๋ลู่ แต่นางกลับไม่รับแล้วเดินจากไป

เมื่อจัดแจงสิ่งต่างๆในนิกายเสร็จแล้ว หนิงฝานก็นำหนานเหว่ย จื่อเฮ่อ และซือซือกลับเมืองหนิง

นิกายกุ่ยเชว่เป็นสถานที่ที่ดี และหนิงฝานมีความทรงจำที่ดีมากมายกับสถานที่แห่งนี้

แล้วหนิงฝานก็นั่งเมฆเซียนระดับ 3 จากไป...

ระหว่างทาง หนานเหว่ยได้กล่าวเตือนหนิงฝาน

“นายน้อย ระหว่างทางท่านต้องระวังให้ดี… แถวๆนี้มีโจรที่เก่งกาจมาก หากคราวนั้นนายน้อยไม่ได้สลักบางสิ่งไว้ที่กระเป๋าโอสถ ข้าหนานเหว่ยคงตายไปแล้ว”

“โจร? รอบๆนิกายกุ่ยเชว่ 300 ลี้มีโจรวิ่งกันขวักไขว่ แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ เพราะรอบๆนิกายกุ่ยเชว่มีปราณหนานแน่น เหมาะกับการฝึกฝน ปล้นชิง และสังหาร… นับวันพวกมันยิ่งเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวศิษย์นิกายกุ่ยเชว่ลงมือ ดังนั้น ข้าจะจัดการพวกมันด้วยตัวเอง”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา แขาแผ่สัมผัสเทพกินวงกว้าง 500 ลี้ ทำให้ทราบถึงตำแหน่งของโจรที่รอซุ่มโจมดีทั้งหมด

“มีโจรกำลังมา..”

แววตาหนิงฝานเป็นประกาย ไกลออกไป 100 ลี้ในภูเขาแห่งหนึ่ง มีกลุ่มโจรจำนวนไม่น้อยกำลังใกล้เข้ามา

ก่อนจะออกจากนิกายกุ่ยเชว่ไป หนิงฝานคงต้องเรื่องที่สมควร อย่างการจัดการกับโจรเหล่านั้นให้ราบคาบ…

บนยอดเขา… มีโจรหลายคนกำลังวางข่ายอาคมเพื่อลอบจู่โจมหนิงฝาน

ยามนี้ โจรเหล่านั้นสัมผัสพบว่าแกะน้อยที่รอดมือพวกมันไป ได้กลับมาอีกครั้ง

แม้ครั้งก่อนหนานเหว่ยจะโชคดี สังหารโจรผู้หนึ่งได้ด้วยสัมผัสกระบี่ จนทำให้โจรคนอื่นๆหวาดกลัว แต่พวกมันยังคงไม่เข็ด และเห็นหนานเหว่ยเป็นแกะน้อยอยู่ดี

แม้หนานเหว่ยจะสังหารได้ด้วยวิธีแปลกๆ แต่โจรเหล่านั้นไม่ได้กลัวอะไรมากนัก หากพวกมันวางข่ายอาคมเป็นกับดัก พวกมันก็มั่นใจว่าจะจับตัวหนิงฝานและคนอื่นๆได้

ผู้ที่มากับหนานเหว่ยในคราวนี้ เป็นเพียงผู้เยาว์ที่มีร่างกายผอมบาง และสตรีที่งดงามอีก 2 คน

ผู้เยาว์คนนั้นยิ้ม แต่ดูไม่ต่างจากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ไม่จำเป็นต้องขบคิดให้มาก… แต่สตรีอีก 2 คนนั้น มีพลังที่ไม่ธรรมดา

แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาคือ นอกจากพวกนางจะแข็งแกร่งแล้ว พวกนางยังงดงามมาก!

หากจับพวกนางได้ แล้วเอาไปขายเป็นกระถางขัดเกลา คงได้ราคาสูงไม่น้อย นับว่าคราวนี้พวกมันโชคดี

“ครั้งนี้… อย่าปล่อยให้แกะน้อยพวกนั้นหนีไปได้...

โจรเหล่านั้นพูดคุย

แต่พวกมันไม่รู้ว่าเทพแห่งความตายกำลังคืบคลานมา

เมื่อตระเตรียมข่ายอาคมเสร็จ โจรเหล่านั้นก็เก็บซ่อนเจตนาสังหาร และซ่อนตัว

แต่เมื่อไม่นานพวกมันกลับต้องประหลาดใจ เพราะหนิงฝานที่โดยสารเมฆเซียนได้ผ่านข่ายอาคมของพวกมันไปโดยไม่เกิดสิ่งใด

เมฆเซียนของหนิงฝานเป็นเพียงเมฆเซียนระดับ 3 แต่มันกลับไม่ได้รับผลกระทบจากข่ายอาคม!

โจรเหล่านั้นประหลาดใจ แต่พวกมันก็เหยียบย่างนภา เร่งติดตามหนิงฝานไป

เมื่อพวกมันปรากฏตัว หนิงฝานที่ยิ้มร่ากลับหุบยิ้ม แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา

“หนานเหว่ย เจ้าบังคับเมฆเซียนต่อไป ข้าจะไปจัดการกับพวกมัน”

“ขอรับ!” หนานเหว่ยรับคำสั่ง และเปลี่ยนมาเป็นคนบังคับเมฆเซียนเอง

หนานเหว่ยยังคับเมฆเซียนไม่ให้ช้าหรือเร็วเกินไป เพื่อให้โจเหล่านั้นตามได้ทัน

กลุ่มโจรที่ซุ่มอยู่ระหว่างทางได้ระดมจู่โจมเมฆเซียน แม้โจรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ นำอาวุธระดับสูงเข้าจู่โจม แต่การจู่โจมเหล่านั้นกลับเคลื่อนผ่านเมฆไปอย่างไร้ทิศทาง

“ฮึ่ม! คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้.. ตามมันไป! ไม่ว่ายังไงต้องฆ่ามันให้ได้ แล้วนำสมบัติของมันมา!”

โจรจำนวนมากร่วมมือ ไล่ติตตามไปอย่างรวดเร็ว

โจรนับ 10 ไล่ล่าเมฆเซียน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ระหว่างทางหวาดกลัว

เมื่ออยู่ห่างจากเมืองหนิงฝาน 100 ลี้ จู่ๆเมฆเซียนก็หยุดลง

หนิงฝานที่หลับตา ลืมตาพร้อมกับเจตนาสังหารที่รุนแรง กระบี่กระดูกขาวปรากฏในมือ และเปล่งพลังวิชากายาหกจ้าง

“บุรุษตายเพราะความมั่งคั่ง… วิหคตายเพราะอาหาร… ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว!”

ดวงตาของหนิงฝานปรากฏเจตจำนงค์เทพพิรุณ

ทำให้โจรนับ 10 ที่ไล่ตามมา รู้สึกราวกับถูกพิรุณโหมกระหน่ำจนไม่อาจเคลื่อนไหว

หนิงฝานนำกระบี่บิน 5 ธาตุออกมา แล้วบังคับพุ่งเข้าใส่พวกมัน

โจรในขอบเขตแก่นทองคำ 1 คน โจรในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุดอีก 4 คนตกตายในพริบตา

เหลือเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณอีก 30 คนที่กำลังตามมา ในหมู่พวกมัน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง!

“โจรชั่ว… ถึงกับกล้าคิดจู่โจมข้าหนิงฝาน รนหาที่ตาย!”

กระบี่บินห้าธาตุของหนิงฝาน เขาสามารถสำแดงพลังของมันได้เพียง 1 ใน 10 ส่วน

แต่แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้าย ก็ยากที่จะรับมือพวกมัน นับประสาอะไรกับผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ!

เจตจำนงค์เทพพิรุณตรึงปราณของเหล่าโจรที่มา เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันหลบหนี

ก่อนที่กระบี่บินทั้ง 5 เล่มจะปลิดชีวิตพวกมันอีก 5 คนในพริบตา

พวกมันหวาดกลัวอย่างที่สุด เพราะพวกมันไม่อาจหลบหนี ไม่อาจต้านรับ พวกมันเสียใจที่ล่วงเกินปีศาจเช่นนี้

พวกมันเริ่มเห็นใบหน้าผู้ที่สังหารพวกพ้องของมัน แต่ใบหน้าต้องแสงชัดเจนขึ้น พวกมันยิ่งหวาดกลัวมากกว่าเดิม

“คนผู้นั้น… เป็นผู้ที่เอาชนะปีศาจไป๋แห่งนิกายกุ่ยเชว่… ปีศาจหนิง หนิงฝาน!”

เมื่อพวกมันได้ยินชื่อ พวกมันหวาดกลัวและรู้ชะตากรรมของตน

พวกมันไม่อาจหลบหนี… สิ่งที่พอทำได้คือ นำอาวุธของตนออกมาต้านรับกระบี่บินทั้ง 5 เล่มนั้น

อาวุธที่ดีที่สุดของโจรเหล่านี้คือสมบัติวิญญาณขั้นกลาง เมื่อปะทะกับกระบี่บินทั้ง 5 เล่ม อาวุธเหล่านั้นแตกสลายทันที

แต่นั่นยังไม่อาจทอนอานุภาพของกระบี่ได้ กระทั่งกระบี่พรากชีวิตของพวกมันไปอีก 5 คน

แต่ท้ายที่สุด ผู้ที่เหลือรอดก็ทะลายเจตจำนงค์เทพพิรุณ และหนีไปได้ เพียงแต่กระบี่บินรวดเร็วกว่า ด้วยความเร็วที่เกือบจะเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม จึงไม่มีผู้ใดรอดไปได้!

เพียง 10 ลมหายใจ โจรทั้งหมดก็ถูกสังหาร

หนิงฝานเก็บกระบี่บิน แววตามั่นคงไม่สั่นไหว

“กลับเมืองหนิงกันเถอะ!”

โจรทั้งหมดที่จู่โจมนั้น ราวกับไม่ควรค่าให้หนิงฝานกล่าวถึง

ราตรีนี้ ราวกับเป็นฝันร้ายของเหล่าโจร!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด