ตอนที่แล้วGE125 ลิขิตสวรรค์คือวัฏจักร[ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE127 ต้องจากลา [ฟรี]

GE126 เป็นกระถางขัดเกลาแล้วอย่างไร [ฟรี]


โอสถคืนชีวิต คือโอสถผันแปรที่ 3 ช่วยยืดอายุให้ศพคงทนมากขึ้น

หนิงฝานเลือกที่จะปรุงโอสถชนิดนี้เป็นอย่างแรก เพราะปรุงได้ง่าย ยิ่งด้วยบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 แม้จะสูญเสียปราณระหว่างการปรุงโอสถก็ไม่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อย

เมื่อปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ได้ง่าย คุณภาพของโอสถคืนชีวิตที่ได้ก็เพิ่มมากขึ้น

ทั้งหมดเป็นเพราะเจตจำนงค์พิรุณ!

หนิงฝานปรับลมหายใจชั่วครู่เมื่อปรุงโอสถคืนชีวิตเสร็จ จากนั้นปรุงโอสถก่อดวงจิต และโอสถเสริมดวงจิตต่อ ส่วนชูชิงที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ดวงตาร้อนแรงราวกับลุกโหมด้วยเพลิง! เพราะการที่หนิงฝานปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ได้ง่ายๆ แสดงว่าเขาคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 จริงๆ

เมื่อได้สังเกตุการปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ดวงตาชายชรายิ่งเบิกกว้าง ปรากฏน้ำตาไหลรินราวกับพิรุณพรมพิภพ

เพราะหนิงฝานปรุงโอสถก่อดวงจิต ที่อย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งเดือน

และโอสถเสริมดวงจิตที่แม้จะมีระดับต่ำกว่าโอสกก่อดวงจิตเล็กน้อย แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วัน

หนิงฝานสามารถปรุงพวกมันทั้งสองได้ในเวลาเพียงครึ่งเดือน! เป็นการแหกกฏทักษะปรุงโอสถที่เคยปรากฏ กระทั่งทำให้ปรุงโอสถได้เร็วขึ้น! เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเพลิงปีศาจทมิฬได้ผสานกับเพลิงพิภพ ยกระดับความรุนแรงของเพลิง ทำให้การปรุงโอสถรวดเร็วขึ้น

เมื่อมีเจตจำนงค์เทพพิรุณแฝงอยู่ในสัมผัสเทพของหนิงฝาน สัมผัสเทพพิรุณจึงถูกสลักลงไปที่โอสถ จนเกิดเป็นหมอกหนารอบตัวพวกมัน

แววตาของหนิงฝานเรืองรองด้วยเจตจำนงค์พิรุณ เขาเอื้อมมือเปิดฝากระถางปรุงโอสถ แล้วหยิบโอสถก่อดวงจิตออกมา

ด้วยมีข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่ม การปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จึงไม่ทำให้เกิดปรากฏการดึงดูด

ในที่สุดหนิงฝานก็ปรุงโอสถแล้วเสร็จ แต่การปรุงโอสถผันแปรที่ 4 นั้นทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยมาก

เจตจำนงค์พิรุณ… เพลิงปีศาจทมิฬ… และการบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5

ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่หนิงฝานได้มาจากสุสานวิหคทมิฬ ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการปรุงโอสถทั้งสิ้น

เมื่อเก็บโอสถใส่ขวดและผนึก หนิงฝานก็เก็บกระถางปรุงโอสถแล้วออกจากห้องไป ทิ้งให้ชูชิงยังคงดวงตาเบิกกว้าง เพราะทักษะการปรุงโอสถของหนิงฝานลึกล้ำสุดประมาณ

นี่คือเต๋าแห่งการปรุงโอสถที่ชั่วชีวิตชูชิงถวิลหา ยามนี้มันรู้แล้วว่าการยอมรับหนิงฝานเป็นอาจารย์คือเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตของมัน! หากเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 คนอื่นๆ คนเหล่านั้นจะไม่รับศิษย์ และไม่ถ่ายทอดวิชาให้… แต่หนิงฝานไม่เป็นเช่นนั้น

หนิงฝานยอมให้ชูชิงได้เห็นการปรุงโอสถของตน โดยเฝ้าสังเกตุอยู่ข้างกาย ซึ่งนั่น เป็นสิ่งที่แม้แต่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ยังไม่ยอมให้ทำ

“ขอบคุณอาจารย์ที่ถ่ายทอดทักษะปรุงโอสถให้ข้า!” ชูชิงมองแผ่นหลังหนิงฝานและป้องมือคารวะจากใจ

แม้จะได้ยินคำกล่าวอันน่ายินดี แต่หนิงฝานไม่หวั่นไหว

เพราะแคว้นเยว่แห่งนี้เป็นแคว้นของผู้เชี่ยวชาญระดับล่าง

ที่ตนเองเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 อาจมากพอให้เป็นใหญ่ในแคว้นแห่งนี้ แต่หากเมื่อไปแคว้นที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นอาจเพียงเคารพ

หากไปยังแคว้นที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ตนเองอาจพอเข้ากับคนเหล่านั้นได้บ้าง

เพียงแต่ข้อแม้อยู่ว่า ตนต้องแข็งแกร่งไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น เพราะหากอ่อนแอแต่มีทักษะปรุงโอสถระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจะเข้ามาจับตัว เพื่อนำไปเป็นนักปรุงโอสถส่วนตัว

กฏของโลกแห่งการฝึกตนก็เป็นเช่นนี้ หากไร้ปีกก็ไม่อาจโบยบิน

ปราณในแคว้นเยว่นั้นเบาบาง สมุนไพรหมื่นปีจึงหายาก ไม่สามารถปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้

นอกจากนี้แคว้นเยว่ยังไม่มีวิหารสาบสูญ ที่ช่วยย่นเวลาการฝึกฝน

ขาดเหตุการณ์นองเลือดที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ แต่ถึงอย่างนั้น ในแคว้นเยว่ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงซ่อนตัวอยู่

“หากใช้ชีวิตอยู่ในแคว้นเยว่ ข้าย่อมสุขสบาย แต่ข้าจะไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้ของเทพกษัตริย์เนี่ยได้… หากเสร็จเรื่องเมืองหนิง ข้าคงต้องออกจากแคว้นเยว่ มุ่งหน้าไปทะเลไร้สิ้นสุดเพื่อบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ”

ในใจของหนิงฝานยามนี้ เป็นเฉกเช่นเดียวกับชู่เฉินสื่อ ผู้บรรลุเจตจำนงค์เทพพิรุณในอดีต...

เมื่อหนิงฝานออกจากห้องปรุงโอสถแล้วเขาก็ยื่นโอสถให้กับฮูนหยินหยุนฮว๋า

หนิงฝานในยามนี้ดูเย็นชาราวกับโลกแห่งน้ำแข็ง เจนแม้แต่ฮูหยินหยุนฮว๋ายังไม่กล้าสบตา

สายตาที่หนิงฝานจับจ้องฮูหยินหยุนฮว๋ายามนี้ ทำให้จิงสั่วผู้แฝงอยู่ในร่างนางสั่นสะท้าน ราวกับมันเห็นพิรุณกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง

“เป็นไปได้อย่างไร! แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ยังไม่มีแรงกดดันเช่นนี้...”

มันหลบตาหนิงฝาน แต่เมื่อมันแผ่สัมผัสเทพไปยังขวดที่หนิงฝานส่งให้ ใบหน้ามันกลับเผยความสุข

ในนั้นมีโอสถ 3 ชนิด แม้มันไม่เคยปรุงโอสถเอง แต่มันมองออก มันรู้ว่าโอสถที่อยู่ในขวดเหล่านั้น มีคุณภาพสูงกว่าทั่วไปมาก!

“โอสถของปีศาจหนิงเป็นประโยชน์กับข้ามาก ไม่รู้ข้าจะตอบแทนท่านยังไง!” จิงสั่วป้องมือคารวะหนิงฝานด้วยความเคารพ หนิงฝานให้โอกาสแก้แค้นกับมัน และทำให้ภรรยาในร่างศพของมันอยู่ได้นานขึ้น

“ไม่ต้องสุภาพเช่นนั้น สหายเต๋าจิงสั่วเร่งกลับนิกายและเตรียมตัวเถอะ... เวลาเพียง 3 เดือนช่างสั้นนัก”

“วางใจได้! หากศัตรูบุกเมืองหนิง ข้าจะนำกำลังทั้งหมดของนิกายบุกไปช่วยทันที!”

หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน จิงสั่วก็นำหยุนฮว๋ากลับไป

ส่วนหนิงฝาน เดินไปตามเส้นทางภายในนิกาย ระหว่างทางไม่พูดคุย แหงนมองท้องนภาที่สงบ

ความรู้สึกที่หนิงฝานได้จากสุสานชั้น 8 ทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วน และง่ายที่จะชักนำหัวใจแห่งปีศาจ เพื่อทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ… หากไม่ตัดความรู้สึก เขาก็ไม่อาจทะลวงขอบเขต

หนิงฝานไม่อยากยอมรับกฏเกณฑ์สวรรค์… เขาจะต่อต้านมัน

ส่วนเรื่องทำลายนิกายจี๋หลิง เขาต้องบอกสตรี 2 คนก่อน

เมื่อกลับไปถึงโถงขัดเกลาผสาน หนิงฝานเข้าห้องลับ นำเย่หลิงและชุ่ยหลิงออกมาจากแหวนขัดเกลาผสาน หนิงฝานยังคงกะเวลาได้ดี เพราะยามนี้พวกนางกำลังกอดกัน พูดคุย และใบหน้าแดงก่ำ

เมื่อพวกนางรู้สึกตัวว่าตนเองอยู่นอกแหวน พวกนางก็ผละออกจากกันทันที จากนั้นป้องมือคารวะพลางกล่าว “คารวะนายท่าน...”

นี่เป็นครั้งแรกที่สตรีผู้เย่อหยิงอย่างพวกนางยอมรับหนิงฝานเป็นนาย

ตั้งที่หนิงฝานเห็นฉากที่เย้ายวนของพวกนาง พวกนางก็ยิ่งคลอเคลียกันมากขึ้น ทั้งยังไม่ใส่ใจเรื่องที่ตนเองเป็นกระถางขัดเกลาของหนิงฝาน

ต่อให้ต้องเป็นกระถางขัดเกลาผสานแล้วอย่างไร… ที่นี่เป็นบ้าน และเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับพวกนาง

“ที่ข้าเรียกพวกเจ้าออกมาเพราะมีธุระ...” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว

“หรือนายท่านต้องการพวกข้า!” เย่หลิงอุทาน สีหน้าดูตระหนก ชุ่ยหลิงเม้มปากเล็กน้อย แต่ก็ตระหนกไม่แพ้กัน

ท่าทางของพวกนางทำให้หนิงฝานประหลาดใจ

ที่เขาเรียกพวกนางออกมาเพราะมีธุระจริง แม้จะใช่เรื่องขัดเกลาผสานก็ตาม… พวกนางเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น หากหนิงฝานไม่ดูดซับพลังของพวกนางทั้งหมด ผลของการขัดเกลาผสานจะไม่มีประโยชน์มากนัก

แต่เรื่องที่จะดูดซับพลังของพวกนางจนหมดนั้น หนิงฝานก็หักใจทำไม่ได้

ที่สำคัญ หากหนิงฝานไปทะเลไร้สิ้นสุด กระถางขัดเกลาในขอบเขตแก่นทองคำจะหาเท่าไหร่ก็ย่อมได้

ยิ่งเมื่อโม่หนิงกลับมา ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มก็หามาทำกระถางขัดเกลาได้เช่นกัน

หรือบางทีอาจจะยอมจ่ายราคาสูงเพื่อซื้อกระถางขัดเกลาในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มจากศาลาไร้ธรรมที่อยู่ในแคว้นอื่น

เพราะสตรีเหล่านั้นล้วนเกิดมากำพร้าบิดามารดา พวกนางเพียงถูกเลี้ยงมาเพื่อเป็นกระถางขัดเกลา และขายออกไป… แม้เรื่องขายกระถางขัดเกลาผสานจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไรมากนัก

หากจะให้ร่วมรักกับเย่หลิงและชุ่ยหลิง หนิงฝานอาจไม่ปฏิเสธ แต่หากให้ดูดซับพลังของพวกนางและสตรีที่เหลืออยู่ในแหวน จะทำให้เส้นลมปราณของพวกนางเสียหายมากเกินไป… หนิงฝานจึงไม่คอกจะทำ

“ข้าคิดว่าจะปล่อยพวกเจ้าให้เป็นอิสระ...” หนิงฝานหุบยิ้มพลางถอนหายใจเล็กน้อย

“นายท่านจะปล่อยพวกข้าไปจริงๆหรือ...” เย่หลิงก้มหน้าด้วยความเศร้า

“นายท่านคงยังไม่ลืมว่า สือหยินแห่งนิกายจี๋หลิงกำลังตามหาพวกข้า… หากท่านปล่อยพวกข้าไป พวกข้าไม่รอดแน่...” ชุ่ยหลิงขบฟันกล่าว

“ข้าจะบอกความจริงกับพวกเจ้า… อีก 3 เดือนข้าหน้า ข้าและสือหยินจะทำสงครามกัน หากพวกเจ้าจากไปตอนนี้ ย่อมไม่เป็นอันตราย เพราะอีก 3 เดือนข้างหน้า นิกายจี๋หลิงจะถูกทำลายไม่เหลือซาก!” แววตาหนิงฝานเผยเจตนาสังหาร แต่ไม่ใช่เพราะพวกนางเป็นสาเหตุ

พวกนางหวาดกลัว แต่ไม่ใช่เพราะเจตนาสังหารของหนิงฝาน แต่เป็นเพราะคำพูดของเขา

ในอดีตพวกนางถูกหนิงฝานจับตัวมาเป็นกระถางขัดเกลา คราวนั้นพวกนางไม่ยอม และหวังจะหนีไปทุกเมื่อเชื่อวัน

แต่ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นไม่เหลืออยู่แล้ว พวกนางไม่อยากไปไหน

พวกนางเข้านิกายจี๋หลิงมา 100 ปี ถูกฝึกฝนให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ เพื่อเป็นกระถางขัดเกลา คราวนั้น พวกนางไม่เคยมีความสุข แต่เมื่อได้อยู่ข้างกายหนิงฝาน ได้เผชิญอันตรายในป่าแห่งภูติพราย ทำให้พวกนางมีความสุขที่ได้สัมผัสกับชีวิตจริงๆ ทั้งยังได้กินอาหารร่วมกับหนิงฝาน... แม้เมื่อตอนที่เย่หลิงบาดเจ็บ หนิงฝานยังโกรธเคืองแทนนาง

พวกนางถอนหาย… ในโลกใบนี้ยังมีบุรุษที่ลงมือสังหาร เพราะอีกฝ่ายทำให้สตรีของบุรุษผู้นั้นบาดเจ็บ

การที่สือหยินเสียกระถางขัดเกลาไป มันก็โกรธแค้นเช่นกัน แต่หากเทียบกับบุรุษคนอื่นๆแล้ว หนิงฝานอ่อนโยนมากกว่า

“นายท่าน… ท่านจะทำลายนิกายจี๋หลิงจริงๆหรือ… พวกข้าไม่อยากให้ท่านทำเช่นนั้น...” เย่หลิงและชุ่ยหลิงหันมองกัน พวกนางก้มหน้าด้วยความเศร้า

“เพราะอะไร? หรือเจ้าคิดว่าข้ายังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ?” หลังประหลาดใจเล็กน้อย หนิงฝานก็กลับมาเย้าหยอกพวกนาง

“พวกข้าหวังดีกับท่าน… แต่หากท่านจะทำอย่างที่ว่าจริงๆ พวกข้าจะยอมให้ท่านได้ดูดซับพลัง...”

สีหน้าและท่าทางของพวกนางทำให้หนิงฝานถอนหายใจ

พวกนางไม่รู้ว่า แม้มันจะดีกับหนิงฝานมากกว่า แต่เขาไม่อาจใจดำอัมหิตทำเรื่องแบบนั้นได้

“ช่างเถอะ ถ้าพวกเจ้าไม่มีที่ไป จะอยู่ข้างกายข้าก็ได้… แม้พวกเจ้าจะผูกพันกับนิกายจี๋หลิง แต่อีก 3 เดือนให้หลัง ข้าก็จะทำลายมันอยู่ดี” หนิงฝานกล่าว

“ในนิกายจี๋หลิง นอกจากพี่น้อง 15 ของข้าแล้ว ข้าก็ไม่มีผูกพัน… เพราะประมุขสือหยินไม่ยอมให้พวกข้าได้ติดต่อกับผู้ใด”

เย่หลิงขดปาก นางยังจำได้ว่าหนิงฝานดูดซับพลังของพี่น้องนางทั้ง 15 คนไป

แต่ถึงอย่างนั้น พวกนางยังรู้สึกอบอุ่น

หนิงฝานตั้งใจจะทำลายนิกายจี๋หลิง แต่เหตุที่ถามพวกนางก่อนเพราะกลัวว่าจะพลั้งมือสังหารคนที่พวกนางรู้จัก

การที่หนิงฝานใส่ใจพวกนางเช่นนี้ทำให้พวกนางมีความสุข นอกจากนี้หนิงฝานยังลูบศีรษะพวกนางด้วยความเอ็นดู

เดิมทีเขาคิดจะปล่อยให้พวกนางเป็นอิสระ แต่เมื่อพวกนางไม่ตัดสินใจจะไป เขาก็จะให้พวกนางได้เข้าไปอยู่ในแหวน

“เช่นนั้นพวกเจ้ากลับเข้าไปในแหวนก่อน”

“ไม่… พวกข้าอยากช่วยท่านจัดการสือหยิน” ชุ่ยหลิงเผยแววตากังวล เพราะนางรู้ดีว่าสือหยินแข็งแกร่ง

“ได้… ข้าจะไปเมืองหนิง ตอนนี้พวกเจ้ากลับเข้าแหวนก่อน หากไปถึงที่นั่นข้าจะนำพวกเจ้าออกมา”

เมื่อกล่าวจบ หนิงฝานก็นำพวกนางกลับเข้าสู่แหวน แล้วออกจากโถงขัดเกลาผสานไป

ยามนี้ หนิงฝานให้สตรีทั้ง 15 นาง ชุ่ยหลิง และเย่หลิงได้อยู่ในมิติเดียวกัน เพื่อให้พวกนางได้พูดคุย

แต่เมื่อหนิงฝานออกจากห้องลับ หลานเหม่ยที่เฝ้ารออย่างอดทนก็รั้งหนิงฝานไว้

“กลิ่นของสตรี… เจ้าซ่อนสตรีไว้ในห้องลับหรือ?”

หลานเหม่ยแผ่สัมผัสเทพเข้าสำรวจห้องลับ แต่กลับว่างเปล่า

“ข้าซ่อนสตรีไว้มากมาย… หลานน้อยอยากเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว

“ใครใช้ให้เจ้าเรียกข้าว่าหลานน้อย… ห้ามเรียกเด็ดขาด! ที่ข้ามาเพราะบิดาบอกว่ามีเรื่องจะหารือกับเจ้า เป็นเรื่องสำคัญกับชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 3 เดือน”

หลานเหม่ยหวังว่า เรื่องที่บิดาจะพูดคุยกับหนิงฝาน คือเรื่องงานแต่งงานของทั้งสอง ยิ่งคำว่าเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต นางยิ่งมีความสุข

หากได้แต่งงาน นางจะกลายเป็นภรรยาของหนิงฝาน และหนิงฝานจะไม่อาจเจ้าชู้ได้อีก… แต่หากมีโอกาส ให้หนิงฝานได้เจ้าชู้บ้างก็ไม่เป็นไร

แต่เมื่อหนิงฝานได้ยินคำกล่าวของนาง เขากลับขมวดคิ้ว

อีก 3 เดือน… หรือกุ่ยเชว่สื่อจะรู้แล้ว… เพราะในนิกายจี๋หลิง มีคนสอดแนมของนิกายกุ่ยเชว่อยู่  แม้ภายนอกกุ่ยเชว่สื่อจะดูเป็นคนยิ้มแย้ม แต่ลึกๆกลับปิดบังความลับไว้มากมาย

นิกายกุ่ยเชว่และนิกายเพลิงเมฆาล้วนมีคนสอดแนมอยู่ในนั้น ซึ่งคนเหล่านั้น อาจจับตาดูนิกายจี๋หลิงทุกฝีเก้า

ทันใดนั้นเอง หนิงฝานก็เข้าใจสองเรื่อง

เรื่องแรก... เรื่องที่กุ่ยเชว่สื่อจะพูดคุยอาจเกี่ยวข้องกับนิกายจี๋หลิง

เรื่องที่ 2 หากอยู่ในนิกายกุ่ยเชว่ เขาไม่ควรให้ชุ่ยหลิงและเย่หลิงออกมา เพื่อป้องกันนิกายจี๋หลิงล่วงรู้

“จริงสิ… ท่านพ่อเรียกจื่อเฮ่อและซือซือด้วย...” หลานเหม่ยขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ว่าเรื่องที่สำคัญกับชีวิตที่จะพูดคุยกับหนิงฝาน เหตุใดจึงต้องเรียกจื่อเฮ่อและซือซือไปด้วย หรือว่าบิดาอยากให้หนิงฝานเลิกกับสตรีทั้งสองคนนั้น และให้นางได้ครอบครองหนิงฝานเพียงผู้เดียว?

สตรีทั้งสองคนนั้นอยู่ข้างกายหนิงฝานมาก่อน หากจะให้หนิงฝานขับไล่พวกนางไป หลานเหม่ยรู้ดีว่าหนิงฝานไม่มีทางทำแบบนั้น

บางทีหนิงฝานอาจโกรธเคือง และปฏิเสธการแต่งกับตนไป

จะทำยังไงดี… หากบิดาทะเลาะกับหนิงฝาน ทั้งหมดคงจบสิ้น...

นั่นคือความกังวลของหลานเหม่ย

“จื่อเฮ่อและซือซือคงไปหาพ่อตาของข้าแล้ว… ดูเหมือนท่านมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกับข้า” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อยและออกจากโถงขัดเกลาผสานไป

หนิงฝานเดาว่า เมื่อกุ่ยเชว่สื่อรู้ถึงการเคลื่อนไหวของนิกายจี๋หลิง จึงอยากยื่นมือช่วยเมืองหนิงต่อกรกับพวกมัน

หากได้นิกายกุ่ยเชว่ นิกายเพลิงเมฆา เสริมิด้วยทัพปีศาจทมิฬของตน ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนิกายจี๋หลิงแล้ว!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด