ตอนที่แล้วGE124 ดูดซับผลแห่งความฝัน[ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE126 เป็นกระถางขัดเกลาแล้วอย่างไร [ฟรี]

GE125 ลิขิตสวรรค์คือวัฏจักร[ฟรี]


ผลแห่งความฝันทำให้หนิงฝานยกระดับความแข็งแกร่งของจิตใจไป 50 ปี และยามนี้ เขาไม่สามารถกินผลแห่งความฝันได้อีก

เพราะระดับจิตใจของเขามุ่งมาถึงขอบเขตประสานวิญญาณชั้นสูงสุด หากยังยกระดับต่อไป เขาต้องเผชิญกับหัวใจแห่งปีศาจ และการทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ

เขาจึงต้องเก็บผลแห่งความฝันไว้กินหลังจากบรรลุขอบเขตแก่นทอคำแล้ว

หมิงเชว่ยังคงไม่ตื่นจากนิทรา ส่วนหนิงฝานก็ไม่อาจรั้งอยู่ในสุสานได้อีก เขาเข้าสุสานมานานหลายมัน บางทีประมุขนิกายเพลิงเมฆาอาจรวบรวมสมุนไพรที่สั่งมาครบ ยามนี้ควรมุ่งหน้ามายังนิกายกุ่ยเชว่เพื่อรอให้หนิงฝานปรุงโอสถให้ เตรียมรับมือกับสงครามในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

หนิงฝานจ้องมองใบหน้าที่งดงามของหมิงเชว่ยามหลับ นางช่างงดงามเหมือนองค์หญิงผู้สูงศักดิ์

สาวน้อยนางนี้ช่างงดงามสูงศักดิ์ ราวกับนางเป็นตัวตนที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำสุสานแห่งนี้

พลังของอสูรเช่นนางช่างน่าพิศวง… ทำให้ราวกับต้องมนต์สะกดได้

“ข้าไปก่อน...”

หนิงฝานหันกายจากไปพร้อมกับร่างจำแลงของหมิงลั่ว แต่ในขณะที่หนิงฝานไปนั้น เปลือกตาของหมิงเชว่กลับขยับ ราวกับนางอยากจะลืมตา แต่เหนื่อยมากจนเกินไป

“ท่านพี่โอสถ… สมบัติข้า… เมฆเซียนข้า… ข้ายกให้” นางกล่าวราวกับละเมอ แต่หนิงฝานที่จากไปไม่ได้ยิน

หมิงลั่วนำหนิงฝานขึ้นเมฆเซียน ไปส่งยังชั้น 1 ของสุสาน เรื่องที่อีกร่างของหนิงฝานฝึกฝนอยู่ในปล่องภูเขาไฟนั้น เขาได้บอกชายชราไว้ และบอกว่าจะคืนจิตวิญญาณให้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า… แม้ชายชราจะไม่เต็มใจนัก แต่ด้วยระดับพลังของชายชราแล้ว หากชายชราไม่อณุญาติ โม่หนิงก็ออกจากสุสานไม่ได้ ดังนั้น ชายชราจึงไม่กังวลนัก

ชายชราที่หนิงฝานไปส่งนั้น เค้นพลังของร่างจำแลงทั้งหมดเพื่อปกป้องและรับมือกับเหล่าสัตว์อสูรที่เจ้าจู่โจม แม้จะมีชายชราเกร็ดงูรอ แต่หมิงลั่วไม่กลัว

สุสานชั้น 9 เป็นแหล่งของพิรุณที่ไม่เหมือนพิรุณใดๆ

สุสานชั้น 8 คือพิรุณที่ท้าทายสวรรค์ หยิ่งทะนง และผสานกับการแก้แค้นของชู่เฉินสื่อ

ระหว่างทางที่กลับ หนิงฝานจึงมองพิรุณเหล่านั้นอีกครั้ง เพราะยามนี้ เวลาต่างกัน จิตใจต่างกัน อาจเห็นพิรุณที่แตกต่างกัน

เมื่อผ่านพิรุณชั้นที่ 8 ของสุสาน หนิงฝานก็ได้ทราบจากพิรุณว่าต้องจำเป็นต้องตัดความรู้สึก… แต่ถ้าหากไม่อยากตัดความรู้สึก มีเพียงวิธีเดียวคือยกระดับจิตใจให้แข็งแกร่งขึ้น

“แม้จะท้าทายสวรรค์ แต่ก็ต้องทำให้ได้...” หนิงฝานอาภรณ์ขาวหลับตาสัมผัสกับพิรุณ

ชั้น 7 ของสุสาน เป็นพิรุณที่แฝงด้วยวายุและอัสนี พวกมันแฝงด้วยเจตนาสงครามของชู่เฉินสื่อ

ชั้นที่ 6 ของสุสาน พิรุณแฝงด้วยเจตนาสังหารของชู่เฉินสื่อ

ชั้นที่ 5 คือพิรุณน้ำแข็ง

ชั้นที่ 4 คือพิรุณในฤดูใบไม้ผลิ ชั้นที่ 3 คือพิรุณอันไร้สิ้นสุด ชั้นที่ 2 คือพิรุณในฤดูร้อน และชั้นที่ 4 คือพิรุณในฤดูใบไม้ร่วง

หนิงฝานหวนกลับไปยังสุสานชั้น 1 ยืนกลางข่ายอาคมเคลื่อนย้าย ดูเหมือนสถานที่แห่งนี้ไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ พิรุณยังคงโปรยปราย...

พิรุณเกิดขึ้นเป็นวัฏจักร เมื่อมันผสานกับเต๋า ก็หวนคืนสู่ธรรมชาติ ยามนี้ เจตจำนงค์เทพของหนิงฝานได้ก่อตัวขึ้นแล้ว เพียงแต่มันไม่เป็นไปตามวัฏจักร… เพราะมีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้น ที่เป็นที่ยอมรับของสวรรค์ และมีเจตจำนงค์เทพในครอบครองได้

คำว่าวัฏจักร มีความหมายอีกนัยหนึ่งว่า สิ่งที่สวรรค์กำหนด

จิตใจที่ยกระดับขึ้น 50 ปีทำให้หนิงฝานเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้น แต่ยามนี้เขายังอ่อนแอและบอบบาง ยังไม่เติบใหญ่… แต่เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ผู้อาวุโสลั่ว ข้าและท่านเข้าใจผิดต่อกัน ข้าเองก็ได้ประโยชน์จากท่านมากมาย ขอบคุณท่านมากจริงๆ”

หนิงฝานป้องมือคารวะชายชรา ก่อนจะก้าวเข้าไปยังข่ายอาคมเคลื่อนย้าย แล้วหายไป

“ฮ่าฮ่า… เจ้ายังมีโอกาสที่จะกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง หมิงเชว่ชอบเจ้ามาก” หลังจากชายชราได้เห็นการกระทำของหนิงฝานหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ชายชรามองหนิงฝานดีขึ้นมาก

สัมผัสกระบี่ทำลายจิตวิญญาณของชายชราเกร็ดงู

ปรุงโอสถผันแปรที่ 5

สะกดพิษไร้ลักษณ์

และเข้าสู่โลกแห่งความฝันของหมิงลั่ว

ผู้เยาว์อาภรณ์ขาวเก่งกาจ… ผู้เยาว์อาภรณ์ดำเย็นชา

หนิงฝานสร้างร่างวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกยังไม่อาจทำได้ แต่หนิงฝานทำได้

“เด็กนี่ไม่ธรรมดา… เหมาะสมกับหมิงเชว่ แต่… ต้องรอให้หมิงเชว่เติบโตก่อน...” หมิงลั่วมองหนิงฝานที่จากไป และเผยรอยยิ้มที่หาได้ยาก การที่พิษไร้ลักษณ์ของหมิงเชว่ถูกสะกดโดยสมบูรณ์ ชายชราดีใจมาก

“เจ้าเฉ๋อจื่อ...กล้าคิดลอบจู่โจมข้า… แค้นนี้ต้องชำระ!”

แววตาของหมิงลั่วแปรเปลี่ยนเย็นชา นานแล้วที่ชายชราไม่ได้มีอารมณ์ร้ายเช่นนี้ คราวนี้ สมควรแก่การนอกเลือดที่ชั้น 8 ของสุสาน!

หนิงฝานปรากฏตัวยังวิหารกำเนิดพิภพ ไม่ไกลนัก มีเหล่าสตรีที่ออกมาจากสุสานก่อน พวกนางเฝ้ารออย่างกังวล

จื่อเฮ่อและหลานเหม่ยเป็นห่วงกังวลหนิงฝานมาก แต่ซือซือกลับไม่เป็นห่วงนัก เมื่อหนิงฝานปรากฏตัว พวกนางก็ผ่อนคลาย

“พี่ฝาน ท่านออกมาแล้ว ท่า...ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่… ข้าว่าดูท่านเปลี่ยนไป...” จื่อเฮ่อจ้องมองหนิงฝานในอาภรณ์ขาวที่กำลังยิ้ม ด้วยสายตาแปลกๆ

ผ่านไปไม่กี่วัน หนิงฝานเปลี่ยนแปลงไปมาก จื่อเฮ่อมองออก หลายเหม่ยก็เช่นกัน แต่นางไม่มั่นใจ

หยานเป่ยที่สังเกตุเห็นท่าทางสงบของหนิงฝาน ทั้งแรงกดดันยังเปลี่ยนไปมาก แม้สีหน้ามันยังสงบ แต่ในใจกลับตกตะลึง  ดูเหมือนหนิงฝานจะได้หลายๆสิ่งมาจากสุสาน จิตใจพัฒนาไปมาก ระดับพลังจากขอบเขตประสานวิญญาณ บรรลุยังกึ่งแก่นทองคำ ภายในร่างมีแก่นทองคำเทียมก่อตัวแล้ว!

“อีกไม่นานเด็กคนนี้จะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ!” หยานเป่ยขมวดคิ้ว มันสัมผัสอันตรายได้จากหนิงฝาน

ส่วนชูชิง มันได้กลิ่นสมุนไพรหมื่นปีจากตัวหนิงฝาน หากเป็นคนทั่วไปจะมองไม่ออก แต่ชายชราที่เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 จึงมองออก

นอกจากสมุนไพรหมื่นปีแล้ว ชายชรายังเดาว่าทักษะปรุงโอสถของหนิงฝานยกระดับ หรือลึกลงไปในสุสานจะสามารถยกระดับทักษะปรุงโอสถได้?

“เห้อ..พลาดโอกาสเสียแล้ว… หากรู้ว่าจะยกระดับทักษะปรุงโอสถได้แบบนี้ ต่อให้ตายข้าก็ต้องติดตามอาจารย์ไปให้ได้” ชายชราเสียใจมาก

แต่สุดท้าย ชูชิงก็เดาไม่ผิด ทักษะการปรุงโอสถของหนิงฝานยกระดับเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 แต่บางที แม้เรื่องนี้มันไม่คาดเดา หนิงฝานก็อาจจะบอกมันเอง

หนิงฝานจ้องมองจื่อเฮ่อ ยามนี้ ความรู้สึกที่เขามีให้นางนั้นเบาบางลงมาก แม้ที่โลกภายนอกจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ในความฝัน เขาอยู่คนเดียวลำพัง 50 ปี สังหารล้างเพียงลำพัง

“จริงสิ... พี่ฝาน ที่ท่านให้พวกข้ามาจากสุสานก่อน เกิดอะไรขึ้น… หรือท่านเผชิญอันตราย… ผู้เฒ่าชิวบอกเราว่า ท่านประสบอันตรายร้ายแรง...” จื่อเฮ่อยังคงกังวล

เมื่อชูชิงถูกนางเรียกว่าผู้เฒ่าชิง สีหน้ามันแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์ แต่ไม่ว่าภรรยาของอาจารย์จะเรียกขานมันยังไง มันก็ต้องยอมรับ

“อืม… ข้าเผชิญอันตรายเล็กน้อย แต่ตอนนี้มันผ่านไปแล้ว” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อยพลางลูบสัมผัสผมนุ่มสลวยของจื่อเฮ่อต่อหน้าผู้คน ทำให้นางหน้าแดง

จื่อเฮ่ออายุได้เพียง 14 ปี หน้าอกของนางยังไม่เติบโตเต็มที่ รูปร่างผอมบางได้รูป ทั้งยังมีพลังในขอบเขตประสานวิญญาณ ยามนี้นางไม่ใช่สาวน้อยอีกต่อไป จิตใจของนางได้เติบโตเป็นสตรีเต็มตัว

หากไม่ได้จื่อเฮ่อ หนิงฝานอาจตายในนิกายเหอฮวน… ไม่มีโอกาสก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝน… ชะตากรรมของเขาผันแปรไปก็เพราะนาง จนยามนี้ นางได้กลายเป็นความรู้สึกที่สำคัญในหัวใจปีศาจของเขา

แต่เรื่องทั้งหมดนั้น หนิงฝานไม่ได้บอกจื่อเฮ่อ เขาเพียงยิ้มให้

แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ออกมาจากใจ มันแฝงไปด้วยความกังวล จนทำให้นางสัมผัสได้

“นานแล้วที่เราไม่ได้ขัดเกลาผสาน...” จู่ๆหนิงฝานก็กล่าวเย้าหยอกจื่อเฮ่อ

ทำให้นางหน้าแดงทันที นางทั้งโกรธทั้งอาย แต่หลายเหม่ยกลับอิจฉา และซ่อนแววตาที่ขมขื่น

ชูชิงแอบยกนิ้วให้หนิงฝาน

สมแล้วที่เป็นอาจารย์ หน้าหนายิ่งนัก… แม้เป็นเรื่องขัดเกลาผสานยังกล้ากล่าวต่อหน้าผู้คนมากมาย… ช่างเหมือนหานหยวนจี๋นัก

เมื่อยามราตรีมาเยือน หนิงฝานและจื่อเฮ่อเข้าพักยังโถงขัดเกลาผสาน เสียงครางกระเส่าของบุรุษสตรีดังสะท้อน

หลังจากนั้น 3 วัน ประมุขนิกายเพลิงเมฆา จิงสั่ว ก็รวบรวมสมุนไพรได้ครบ และย้อนกลับมายังนิกายกุ่ยเชว่

ครั้งล่าสุดที่มันมา มันมาขอให้หนิงฝานปรุงโอสถก่อดวงจิตและโอสถคืนชีวิตให้ โอสถคืนชีวิตเป็นเพียงโอสถผันแปรที่ 3… แต่โอสถก่อดวงจิตและโอสถเสริมดวงจิตอีกชนิดกลับเป็นโอสถผันแปรที่ 4… ยามนี้หนิงฝานบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 แล้ว ดังนั้นการปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ทั้ง 2 ชนิดจะใช้เวลาสั้นลง เพียงครึ่งเดือนก็สมควรปรุงพวกมันเสร็จ

หนิงฝานวางข่ายอาคมที่ทรงพลัง ป้องกันกลิ่นอายและปราณสมุนไพรของโอสถผันแปรที่ 4 หลุดรอด… หนิงฝานไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่า นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แห่งนิกายกุ่ยเชว่คือปีศาจทมิฬหนิง

แต่ด้วยกำลังจะทำสงครามกับนิกายจี๋หลิง หนิงฝานรู้ว่ายังไงก็ไม่อาจปิดบังความจริงได้ แต่อย่างน้อยๆ ตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากให้มันเปิดเผย

ภายในตำหนักโอสถมีข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มอยู่ เหล่าประมุขรุ่นก่อนๆได้วางเอาไว้ ยามนี้หนิงฝานได้ซ่อมแซมมัน เสริมความเสียหายให้สมบูรณ์กระทั่งป้องกันกลิ่นของโอสถเล็ดลอดออกไปได้

หากเกิดปัญหาจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ตอนนี้ ผ่อนคลายขึ้นมากแล้ว

ครั้งนี้ หนิงฝานให้ชูชิงเข้ามาในห้องปรุงโอสถด้วย เพื่อเฝ้าสังเกตุการปรุงโอสถของตน

ทำให้ชายชราตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะในที่สุด มันก็จะมีโอกาสได้เห็นหนิงฝานปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ด้วยตาของตน

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เป็นที่เคารพของเหล่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 เป็นที่เคารพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ!

ยามนี้ หนิงฝานได้ถ่ายทอดทักษะเก้าผันแปรแห่งวารีขอบเขตที่ 1 ให้กับชูชิง

เมื่อถ่ายทอดเสร็จ หนิงฝานก็เริ่มชักนำเพลิงพิภพ แต่ในระหว่างนั้นชูชิงกลับตกตะลึง เพราะที่นิ้วของหนิงฝานปรากฏแสงสี 5 สาย ซึ่งเป็นสัญญบอกว่าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5

“อาจารย์… ท่าน… เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5!”

ชายชราตกตะลึง!

เดิมทีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 44 ก็น่าตกตะลึงมากแล้ว เพราะในแคว้นกว่า 800 แห่งของโลกพิรุณ มีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เพียงไม่กี่พันคน และส่วนใหญ่แล้ว นักปรุงโอสถเหล่านั้นจะถูกเทียบเชิญไปยังวิหารพิรุณ และได้รับการชี้แนะจากเทพกษัตริย์แห่งโลกพิรุณ!

ยามนี้ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ได้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 แล้ว!

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ทั่วทั้งโลกพิรุณคงปั่นป่วน แม้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 7… หนึ่งเดียวแห่งวิหารพิรุณอย่าง ‘หยุนไป่เทียน’ ผู้ได้รับฉายาว่า ‘นักพรตโอสถ’ ยังต้องมาพบหนิงฝานด้วยตนเอง

หากหนิงฝานจะทะลวงไปยังนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 ย่อมไม่ใช่เรื่อยาก กระทั่งอาจมีโอกาสเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 7 คนที่ 2 แห่งโลกพิรุณ!

“อย่ามัวแต่ตกตะลึง… ตั้งใจดูการปรุงโอสถของข้า ในอนาคตเจ้าจะได้มีโอกาสเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5”

หนิงฝานส่ายหน้าพลางกล่าวเตือนชูชิง เพราะหากผู้ใดพลาดโอกาส มันจะไม่หวนคืนอีกครั้ง… แต่ถึงอย่างนั้น สมควรเปลี่ยนความตกตะลึงให้เป็นความกล้า และทำให้มันเพิ่มพูนยิ่งๆขึ้น!..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด