ตอนที่แล้วGE117 ทักษะปรุงโอสถยกระดับ ก้าวเท้าสู่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE119 เกลียดชัง[ฟรี]

GE118 เต๋าของข้า[ฟรี]


หนิงฝานหันกลับมา เห็นชายชรารูปร่างผอมบางคนหนึ่ง

ชายชราผู้นี้สูงเพียง 5 ฉื่อ ใบหน้าตอบเหี่ยว สวมอาภรณ์ดำ ร่างกายปกคลุมด้วยหมอกดำ ศีรษะคล้ายเม่น ดวงตาแดงฉาน ผิวขาว... คาดไม่ถึงว่ามันจะใช้ชีวิตอยู่ในนี้มานานหลายปี

การปรากฏตัวของชายชราทำให้หนิงฝานรู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรง

ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก!

ชายชรากล่าวถึงผลแห่งความฝัน กล่าวถึงเงื่อนไขที่หนิงฝานไม่อาจปฏิเสธ

หนิงฝานรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาไม่ชอบความรู้สึกคุกคามเช่นนี้… ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกก็ตาม

หนิงฝานขบคิดนับร้อยพัน… ชายชราผู้นี้กล่าวน้อย นิสัยดูรุนแรง ดวงตาแดงฉาน ที่เป็นเช่นนั้นอาจเพื่อข่มขู่ และจากลักษณะนิสัยของชายชราแล้ว เงื่อนไขที่ต้องทำ ต้องเหนือกว่าระดับพลังที่หนิงฝานจะทำได้

เมื่อชายชรากล่าวจบ ชายชราก็หันไปหาหมิงเชว่ ราวกับมีเจตนาอื่น

หนิงฝานสัมผัสได้ว่า ชายชราเป็นกังวลกับเพลิงปีศาจทมิฬที่หนิงฝานจุดเมื่อครู่ แม้ชายชราจะปิดซ่อนความกังวลนั้นเป็นอย่างดี แต่เขายังสัมผัสได้

แปลก… เหตุใดผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกถึงเป็นกังวลกับเพลิงปีศาจทมิฬ

หมอกสีดำที่คลุมร่างชายชรา ราวกับเป็นเกราะหุ้มไม่ให้สัมผัสเทพผ่านเข้าไปสำรวจระดับพลังของตน วิธีการเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก… นอกจากนี้ หนิงฝานยังรู้สึกคุ้นเคยกับหมอกสีดำอย่างบอกไม่ถูก และทันใดนั้น หนิงฝานก็นึกออกว่าเคยเจอหมอกแบบนี้ที่ไหน

เมล็ดของผลแห่งความฝันที่หมิงเชว่มี และสมุนไพรหมื่นปีที่อยู่ภายในผ้าคาดเอวของหมิงเชว่ก็มีเช่นกัน!

หนิงฝานเดาว่า สัมผัสกระบี่ของตนสามารถตัดผ่านหมอกของชายชราได้ และจะได้เห็นถึงระดับพลังที่แท้จริงของชายชรา

“สัมผัสกระบี่!”

ชายชราตกตะลึงเล็ก แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เข้าใจบางสิ่งของหนิงฝาน สีหน้าชายชราก็แปรเปลี่ยนเย็นชา

“เจ้ารู้!”

“ใช่… ข้ารู้… เงื่อนไขที่ท่านว่า หากท่านให้ตบรางวัลให้ข้ามากพอ ข้าอาจจะรับปากช่วยท่าน”

หนิงฝานยิ้มอย่างมีนัย ไม่ได้กังวลและกดดันเหมือนก่อน

ชายชราผู้นี้คือผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกจริง แต่ร่างที่ปรากฏตัวนี้ไม่ใช่ร่างที่แท้จริง ที่สำคัญ ชายชรายังหวาดกลัวเพลิงปีศาจทมิฬของหนิงฝานมาก

ก่อนหน้านี้หนิงฝานสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสงสัย เมื่อใช้สัมผัสกระบี่ตัดผ่านม่านหมอก เขาก็พบความจริง

ชายชราผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นต้นไม้ที่จำแลงร่างเป็นมนุษย์...ต้นแห่งความฝัน!

ร่างจริงของชายชราอยู่ในชั้น 9 ของสุสาน ชายชราใช้เส้นผมของตนสร้างร่างจำแลงมายังชั้นที่ 5 แม่ชายชราจะแผ่แรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก แต่ปราณกลับอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณ

ดูเหมือนสุสานแห่งนี้จะมีความพิเศษ ที่ป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรที่มีพลังเหนือกว่าขอบเขตที่กำหนด เดินทางไปยังชั้นต่างๆ

ต้นแห่งความฝันเป็นต้นไม้ประหลาด มันไม่ชอบเพลิงอย่างที่สุด หากเป็นร่างจริงชายชราอาจต้านรับเพลิงหนิงฝานได้ แต่ร่างจำแลงที่อยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณ ไม่อาจต้านรับเพลิงของหนิงฝานได้

หนิงฝานทราบถึงความจริงที่ชายชราปิดซ่อนด้วยเวลาไม่นาน ทั้งยังพบว่าชายชราหวาดกลัวตน หากร่างจริงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกมา หนิงฝานอาจต้องรับเงื่อนไขโดยไม่อาจปฏิเสธ แต่ยามนี้ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น… หากผู้อื่นทราบความจริงที่ชายชราหวาดกลัวหนิงฝาน คงได้เป็นที่หัวเราะกันทั่ว

สีหน้าชายชรามืดมน... ก่อนหน้านี้มันใช้สัมผัสเทพเพ่งไปยังหมิงเชว่ เพราะกลัวว่านางจะได้รับอันตรายจากหนิงฝานที่เป็นคนแปลกหน้า แต่สุดท้าย หนิงฝานก็ไม่ทำอะไรนาง

เมื่อได้เห็นว่าทักษะปรุงโอสถของหนิงฝานบรรลุไปยังนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 มันจึงเกิดความคิดบางอย่าง

มันคิดจะจับตัวหนิงฝานไว้ให้อยู่ในสุสาน เพื่อเป็นนักปรุงโอสถส่วนตัว! เพราะหากมีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 อยู่… อาจถอน ‘พิษไร้ลักษณ์’ ในร่างกายของหมิงเชว่ได้

ด้วยที่ชายชราเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก จึงถูกกักให้อยู่ภายในชั้น 9 ของสุสาน ไม่อาจขึ้นมายังชั้น 5 ได้ด้วยตนเอง มันจึงต้องอาศัยร่างจำแลงมาแทน

แต่เมื่อร่างจำแลงของชายชราเข้ามาใกล้หนิงฝาน มันสัมผัสได้ถึงเพลิงปีศาจทมิฬ… หากเป็นร่างจริงมันอาจไม่กลัว แต่เมื่อเป็นเพียงร่างจำแลง และด้วยที่ตัวตนที่แท้จริงเป็นต้นไม้ จึงต้องหวาดกลัวเพลิงเป็นเรื่องธรรมดา

ดังนั้น ชายชราจึงเลิกคิดเรื่องที่จะกักตัวหนิงฝานเอาไว้ เปลี่ยนมาเป็นใช้ผลแห่งความฝันเป็นรางวัล และแผ่แรงกดดันข่มขู่… ชายชราวางแผนไว้ว่า อย่างแรกคือให้หนิงฝานรับเงื่อนไขตน จากนั้นนำไปยังชั้นที่ 9 ของสุสาน เมื่อไปถึงที่นั่น ร่างจริงของตนรออยู่ก็จับตัวหนิงฝานไว้ เมื่อถึงยามนั้น มันก็ไม่ต้องมอบรางวัลให้หนิงฝาน และหนิงฝานจะไม่อาจกลับออกไปจากสุสานได้อีก

แรงกดดันที่ชายชราแผ่ข่มขู่นั้น น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด หากเป็นคนทั่วไปอาจกลายเป็นบ้า

แต่หนิงฝานเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกมาแล้วหลายคน ทั้งจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ เทพกษัตริย์เนี่ย องค์หญิงเหม่ย และหยุนปู้ชู

หนิงฝานไม่ได้หวาดกลัวชายชรา ทั้งยังเปิดโปงความจริงได้...

ยามนี้หนิงฝานยิ้มพลางจ้องมองชายชรา เขากำลังรอฟังเงื่อนไขของชายชรา หากเงื่อนไขไม่ยากนัก เขาจะรับปากเพื่อรับผลแห่งความฝันเป็นรางวัล

แต่หากชายชราคิดจะพาเขาไปชั้น 9 ของสุสาน...ไม่มีวัน!

และชายชราก็ไม่อาจข่มขู่หนิงฝานได้อีก

“ท่านปู่… อย่าโกรธไปเลย ท่านพี่โอสถเป็นคนดี...” หมิงเชว่กล่าว แววตาของชายชราที่มองนางก็อ่อนโยน

“หมิงเชว่… เจ้ายังเชว่เยาว์นัก หากเจ้าโตขึ้น เจ้าจะรู้ว่าใครอันตราย… หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าติดต่อสัมพันธ์กับมนุษย์เด็ดขาด!”

แม้ชายชราจะหันมองหนิงฝานด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับโกรธเคือง

ผู้ที่รู้สึกถูกคุกคามกลับกลายเป็นชายชราเสียเอง หนิงฝานไม่ได้โกรธชายชราและยิ้มให้... มนุษย์นั้นมากเล่ห์ ลึกล้ำ ไร้ยางอาย ทั้งหมดนั้นสามารถเก็บซ่อนไม่แสดงออกทางสีหน้าได้

ชายชราไม่เข้าใจว่าเหตุใดหนิงฝานถึงยิ้ม รอยยิ้มเช่นนั้นดูราวกับมั่นใจ ไม่มีอะไรเป็นกังวล

“ข้ามีนามว่า ‘หมิงลั่ว’... อย่างที่เจ้าเห็นว่าข้าคือร่างจำแลง เรื่องที่ข้าจะขอร้องเจ้า ค่อนข้างเป็นเรื่องที่พิเศษ ข้าจึงต้องขอเชิญเจ้าไปยังชั้น 9 ของสุสานเพื่อพูดคุย”

“ข้าไม่ไป… ชั้น 6 ก็ไม่ไป!”

หนิงฝานหุบยิ้ม ถอยหลัง 3 ก้าว กระทืบพื้น เปลวเพลิงปีศาจทมิฬลุกโหม

รากไม้รากหนึ่งที่ทะลวงผ่านพื้นดินถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน ชายชราได้รับผลกระทบและบาดเจ็บเล็กน้อย

ลอบจู่โจม! ในขณะที่ชายชรากำลังกล่าวเมื่อครู่ มันได้ลอบจู่โจมหนิงฝานด้วยรากไม้!

“ท่านขอให้ข้าไปสุสานชั้น 9 ทั้งยังลอบจู่โจมข้า… ช่างไร้ยางอาย… ข้าไม่ต้องการผลแห่งความฝัน และจะไม่ช่วยสิ่งใดทั้งสิ้น... ถือว่าเห็นแก่หมิงเชว่ ข้าจะไม่สังหารร่างจำแลงของท่าน แต่หากท่านยังคิดร้ายกับข้า ข้าจะฆ่าท่านซะ!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เก็บกระถางโอสถ ดับเพลิงพิภพ หากไม่เพราะสถานที่แห่งนี้อยู่ในการควบคุมของชายชรา และมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังเฝ้าจับตา เขาคงไม่สุภาพกับอีกฝ่าย และลงมือสังหารไปแล้ว

“ฮึ่ม! มีปัญญาหนีรึไง! สัตว์อสูรในสุสานทุกตัวเชื่อฟังคำสั่งข้า หากข้าไม่อนุญาติ เจ้าก็ออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”

แววตาชายชราแปรเปลี่ยนเย็นชา แผ่สัมผัสเทพรอบทิศราวกับออกคำสั่ง ดวงตาแดงฉานหลายคู่ปรากฏ และเดินตรงเข้าหาหนิงฝานทีละก้าว… นี่คือการข่มขู่ที่น่ารังเกียจเป็นอย่างมาก!

เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หมิงเชว่เริ่มตระหนก นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดปู่ของนาง ถึงคิดจะจับตัวหนิงฝานตั้งแต่แรกพบ

“พอแล้วท่านปู่! หากท่านทำอันตรายท่านพี่โอสถ ข้าจะไม่ยอมกินโอสถรักษาเด็ดขาด!”

ดวงตาของนางเปล่งแสงสีดำ สัตว์สัตว์ที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของนางล้วนหวาดกลัวจนตัวสั่น

พวกมันหวาดกลัวหมิงลั่ว ทั้งยังหวาดกลัวหมิงเชว่ด้วย!

แต่หลังจากนางแผ่แรงกดดัน นางกลับเกิดอาการเจ็บปวดรุนแรง

อาการเจ็บปวดของนางทวีความรุนแรง ใบหน้าเริ่มคืนสภาพร่างจริง ปีกคู่สีดำทะลุออกมาจากแผ่นหลัง!

นางเจ็บปวดอย่างที่สุด ในขณะที่ปีกของนางงอกออกมา นางเจ็บปวดจนร้องตะโกนก่อนจะหมดสติไป

ชายชราที่เห็นเหตุการณ์ เผยสีหน้าตกตะลึง!

“แย่แล้ว นางปะทุปราณอสูร ทำให้พิษไร้ลักษณ์ในร่างกำเริบฉับพลัน… ต้องเอาโอสถรักษาให้นางเดี๋ยวนี้!”

พิษไร้ลักษณ์คือพิษโบราณที่รุนแรง สกัดได้จากขนของวิหคทมิฬ ผสานกับพลังไร้ลักษณ์ของวิหคทมิฬ… เมื่อครั้งอดีต เหล่าเซียนได้ถูกพิษของวิหคทมิฬสังหารตายไปมากมาย

เมื่อนานมาแล้ว… ชายชราได้ตรวจพบว่าในร่างของหมิงเชว่มีพิษไร้ลักษณ์อยู่ มันจึงได้พยายามทุกวิถีทางในการสะกดพิษเอาไว้ แต่ที่น่าตกใจคือ พิษกลับรุนแรงเกินกว่าที่มันคาดเอาไว้ แม้เป็นพลังในขอบเขตไร้แบ่งแยกของมันยังขับพิษไม่ได้

ชายชราจึงได้ออกรวบรวมสมุนไพรหมื่นปี เพื่อนับว่าสะกดพิษเอาไว้ แม้หมิงเชว่จะใช้ปราณอสูร พิษจะยังคงไม่แผ่กระจาย แต่ถึงอย่างนั้น… ทุกๆช่วงเวลาหนึ่ง นางต้องกินโอสถเพื่อสะกดพิษเอาไว้อีกครั้ง

ชายชราไม่รู้วิธีปรุงโอสถ จึงไม่มีหนทางถอนพิษออกจากร่างนาง ยิ่งนานไป พิษก็ยิ่งสะกดได้ยากขึ้น และหากพิษออกฤทธิ์เมื่อไหร่ หมิงเชว่จะต้องตาย… ดังนั้น เมื่อมันรู้ว่าหนิงฝานปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้ มันจึงอยากให้ช่วย!

มันคาดไม่ถึงว่าหมิงเชว่จะปกป้องหนิงฝาน โคจรปราณอสูรกระทั่งไปกระตุ้นพิษที่ถูกสะกดให้กำเริบ!

ชายชราร้อนใจอย่างที่สุด มันไม่มีอารมณ์คิดเรื่องหนิงฝานแล้ว เพราะยามนี้ มันไม่รู้ว่าหมิงเชว่จะทนพิษได้นานแค่ไหน

ชายชราหันมองหนิงฝานด้วยความโกรธ ราวกับจะกลืนกินเขาทั้งตัว!

“หากหมิงเชว่ตาย หากจะนำสัตว์อสูรทั้งหมดออกจากสุสาน ตามไปฉีกเจ้าให้เป็นชิ้นๆ… ไสหัวไปซะ!”

ชายชราอุ้มร่างที่ไร้สติของนางมุ่งตรงไปยังอุโมงค์ลงชั้น 6

แต่หนิงฝานที่ขมวดคิ้วนั้น ได้เรียกรั้งชายชราไว้ แม้เขาไม่พอใจชายชราอย่างที่สุด แต่เขาไม่อาจเมินเฉยต่อหมิงเชว่ได้

“ช้าก่อน!”

“มีอะไร!” ชายชราหันกลับมาด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นแววตาเป็นห่วงของหนิงฝาน ความโกรธจนบรรเทาลงเล็กน้อย

“นางต้องพิษไร้ลักษณ์จริง… หากข้าเข้าใจไม่ผิด พลังที่นางใช้เมื่อครู่คือ ‘ปราณอสูรทมิฬ’ แห่ง ‘เผ่าวิหคทมิฬโบราณ’... แม้ข้าจะไม่รู้ว่าท่านใช้โอสถอะไร แต่การที่ใช้โอสถนั้นสะกดพิษ ไม่ได้ช่วยให้นางดีขึ้น ซ้ำยังเป็นการทำร้ายนาง” แววตาหนิงฝานมืดมน

“ปราณอสูรทมิฬ… เผ่าวิหคทมิฬโบราณ… เป็นไปไม่ได้ นางคือปีศาจสมุนไพรน้อย ข้าเห็นนางเติบโตมากับตา” ชายชราหวาดกลัว เพราะนามของเผ่าวิหคทมิฬโบราณนั้น ขึ้นชื่อว่าน่าสะพรึงกลัวมาก

ชายชรากล่าวว่าเห็นนางเติบโตมากับตา… เหตุใดจะเป็นวิหคทมิฬโบราณได้… ไร้สาระสิ้นดี!

แต่คำกล่าวของหนิงฝานก็ทำให้ชายชราฉุกคิดถึงพลังอันลึกลับในร่างนาง มันช่างคล้ายกับพลังของเผ่าวิหคทมิฬในตำนาน

วิหคทมิฬโบราณเป็นตัวตนระดับผู้นำของงเหล่าสัตว์ทั้งมวล แต่หลายปีที่ผ่านมา วิหคทมิฬโบราณไม่ปรากฏตัว นอกจากนี้ ปราณอสูรทมิฬ มีเพียงวิหคทมิฬเท่านั้นที่ใช้ได้

เมื่อครั้งที่หมิงเชว่เกิดมา นางมีพลังที่ทำให้เหล่าสัตว์อสูรหวาดกลัว แต่บางทีพลังนั้นอาจทำให้ชายชรารู้สึกดีจึงได้มองข้ามไป

ชายชรายังไม่ปักใจเชื่อ แต่เมื่อขบคิดแล้วก็เปลี่ยนใจเชื่อหนิงฝาน 3 ใน 10 ส่วน

ปีศาจสมุนไพรกลายเป็นวิหคทมิฬโบราณได้อย่างไรชายชราไม่ทราบ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง

หากนางเป็นวิหคทมิฬโบราณจริง พิษไร้ลักษณ์สมควรเป็นประโยชน์กับนาง แต่ในหลายปีที่ผ่านมา ชายชราได้ให้โอสถกับนาง ซึ่งเป็นการหล่อเลี้ยงพิษให้รุนแรงยิ่งขึ้น

หากหมิงเชว่ดูดซับพิษไร้ลักษณ์ได้ บางทีนางอาจทะลวงไปยังขอบเขตไร้ดัดแปลง… แต่ด้วยพิษรุนแรงเกินไป จึงสะกดให้พลังนางเหลือเพียงขอบเขตแก่นทองคำเท่านั้น

หากนางตาย คงตายเพราะไม่อาจควบคุมพิษไร้ลักษณ์ได้… ส่วนสาเหตุที่ทำให้พิษเสียการควบคุมนั้น อาจเป็นเพราะชายชราสะกดมันมากเกินไป!

“เจ้ามั่นใจขนาดไหนว่านางมีปราณอสูรทมิฬ...” ชายชราหลับตาอย่างโศกเศร้า

“7 ใน 10 ส่วน” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย

“ฮ่าฮ่า ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้นข้าก็จะเชื่อ… มิน่าพิษไร้ลักษณ์ถึงได้รุนแรงขึ้น ข้าเข้าใจแล้ว ยามนี้สมควรหาทางช่วยนาง”

“ถ้าเกิดพิษหลุดออกมาจากร่างนาง สุสานแห่งนี้คงพินาศ...”

“ฮ่าฮ่าสหายน้อย เจ้าดูดถูกพิษไร้ลักษณ์เกินไป... อย่าว่าแต่สุสานแห่งนี้เลย ภายนอกกินวงกว้างถึงแสนลี้ก็ต้องพังพินาศ… สหายน้อย ข้าหวังว่าเจ้าจะมีหนทางช่วยนาง”

“มีโอกาสสำเร็จเพียง 3 ใน 10 ส่วนเท่านั้น” หนิงฝานหลับตา

ท่ามกลางชีวิตและความตาย หนิงฝานมั่นใจเพียง 3 ใน 10 ส่วนว่าจะช่วยนางได้สำเร็จ… ร่างกายของนางแข็งแกร่งมาก แต่พิษไร้ลักษณ์กลับรุนแรงยิ่งกว่า

“อืม… ข้าไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว หากเจ้ายอมช่วยหมิงเชว่ เจ้ามีเงื่อนไขอะไรจงกล่าวมา!”

“ข้ามี 3 เงื่อนไข… เงื่อนไขแรก ท่านต้องส่งจิตวิญญาณของท่านให้ข้า หากท่านคิดกลับคำ ข้าจะทำให้ท่านบาดเจ็บสาหัส”

“นี่...ย่อมได้!” ชายชราลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยอมส่งนจิตวิญญาณของตนให้ เพราะเงื่อนไขของหนิงฝานนั้น ทำเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น

“เงื่อนไขที่ 2 ข้าต้องการสมุนไพรหมื่นปี มันจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จเป็น 7 ใน 10 ส่วน!”

“7 ใน 10 ส่วน! ย่อมได้” ครั้งแรกที่ชายชราได้ยินว่าหนิงฝานขอสมุนไพรหมื่น ชายชราแอบเย้ยหยัน แต่เมื่อได้ยินว่าสมุนไพรเหล่านั้นจะเพิ่มโอกาสสำเร็จ ชายชราก็รับปากทันที ทั้งยังเผยสีหน้ามีความสุข

“เงื่อนไขที่ 3 ข้ายังไม่ได้คิด… ไว้ช่วยนางได้แล้ว ข้าจะบอกอีกที… แต่หากการรักษาล้มเหลวและพิษอพร่กระจาย ข้าเชื่อว่ามันจะไม่ลุกลามไปยังเบื้องบน และข้าก็ต้องตายที่นี่...”

หนิงฝานทำให้ชายชราประทับใจ ก่อนหน้านี้ชายชราจงใจกล่าวว่า หากพิษแพร่กระจาย มันจะส่งผลกับทุกสิ่งในรัศมีแสนจ้าง นั่นเป็นคำลวงเพื่อให้หนิงฝานหนีไป แต่ยามนี้เขากลับคิดจะช่วยหมิงเชว่

หากรักษานางไม่ได้ ชายชราก็ไม่มั่นใจว่าหนิงฝานออกจากสุสานได้ทันหรือเปล่า… นอกจากนี้ ชายชรายังไม่มั่นใจว่าเหตุใดหนิงฝานที่เพิ่งเข้ามาในสุสานได้ไม่นาน ถึงได้ผูกพันธ์กับนางมากนัก

เพราะสำหรับนางแล้ว นางไม่จำเป็นต้องห่วงใยหนิงฝานมากขนาดนั้น และหากไม่เพราะต้องการช่วยหนิงฝาน นางก็ไม่ต้องกระตุ้นปราณอสูรทมิฬ จนทำให้เป็นอันตรายเช่นนี้

แต่นั่นอาจทำให้นางมีโอกาส… หากไม่เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้น หนิงฝานอาจจากไป และไม่รู้ว่านางจะต้านพิษได้นานขนาดไหน เพราะวันหนึ่ง ร่างของนางต้องระเบิดจากพิษที่เสียการควบคุม

มีโอกาส 7 ใน 10 ส่วนที่จะช่วยนางได้สำเร็จ หากหนิงฝานทำได้ก็ดีไป… หากทำไม่ได้ พิษจะปะทุและทำให้เขาตายอยู่ที่นี่

หากไม่ช่วยเหลือนาง... หนิงฝานจะถามตนเองว่าฝึกตนไปเพื่ออะไร หากไม่ช่วยเหลือนาง… ตนเองจะกลายเป็นคนเนรคุณและถูกหัวเราะเยาะ

ที่หนิงฝานช่วยเหลือนาง ไม่ใช่เพราะชายชรากล่าวว่าจะให้รางวัล แต่เป็นเพราะมันคือหัวใจแห่งเต๋าของเขา!

หนิงฝานนำศิลาชิ้นหนึ่งขึ้นมา โคจรปราณเพื่อส่งข้อความให้ชูชิง

“ชูชิง… รีบพาจื่อเฮ่อ หลานเหม่ย และซือซือออกจากสุสานให้เร็วที่สุด!”

สถานการณ์อันตรายเช่นนี้ เขาไม่ยอมให้จื่อเฮ่อและคนอื่นๆต้องเสี่ยง เขาจึงกล่าวกับชูชิงอย่างรวบรัด

นี่คือเต๋าของข้า

ในสายตาของหนิงฝาน เต๋าของเขาได้แปรเปลี่ยนอย่างช้าๆ แต่กลับน่าตกตะลึง! เจตจำนงค์เทพพิรุณที่อยู่รอบกายก็ดูราวกับจะแปรเปลี่ยนไปตามเต๋าของหนิงฝานอย่างช้าๆเช่นกัน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด