GE113 เด็กๆของข้า[ฟรี]
เมื่อข่ายอาคมเคลื่อนย้ายถูกกระตุ้นใช้งาน ลำแสงพลังไร้ลักษณ์ปรากฏ เงาร่างของคนที่อยู่ภายในหายไป... เมื่อผ่านไป 10 หายใจ ทั้งหมดก็ปรากฏยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่อยู่ลึกใต้พื้นดิน 1 แสนจ้าง
สุสานวิหคทมิฬ โลกใต้พิภพ!
ภายในที่มืดสลัว รอบข้างเป็นพื้นที่กว้างขวางไร้สิ้นสุด พิรุณโปรยปราย บรรยากาศดูอึมครึม ไกลออกไปทุกๆพันจ้างจะมีหอคอยโบราณ ที่ถูกสลักด้วยลวดรายแปลกตา แต่พวกมันลุกโหมด้วยเพลิง ส่องสว่างให้กับโลกใต้พิภพอันมืดมิด
เมื่อเดินออกจากข่ายอาคมเคลื่อนย้าย หนิงฝานสัมผัสได้ถึงปราณที่เย็นเฉียบ มันส่งผลให้ร่างกายหนาวเหน็บ ให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัว
สิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้นกับหนิงฝานอีกอย่างคือ ด้วยปราณน้ำแข็งที่สัมผัสได้ กลับทำให้ปราณภายในเส้นลมปราณของเขาโคจรเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
นั่นหมายความว่า สถานที่แห่งนี้เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม ที่จะทำให้พลังเพิ่มพูนขึ้นมากขึ้นเป็นเท่าตัว หากเทียบกับโลกภายนอก
“ปราณน้ำแข็งเหล่านี้ช่างน่าอัศจรรย์...”
หนิงฝานสั่นเทา เขาแผ่สัมผัสเทพกวาดผ่านสำรวจ ความผ่อนคลายแต่เดิมได้หายไป คนอื่นๆก็ระมัดระวังเช่นกัน
แม้ชูชิงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น แต่ยังรู้สึกหนาวสั่น ส่วนจื่อเฮ่อและหลานเหม่ยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ พวกนางหนาวกระทั่งมีน้ำแข็งเกาะที่ผม
“พี่ฝาน ข้าหนาว...”
จื่อเฮ่อกล่าวเบาๆ ความหนาวเหน็บระดับนี้ นางไม่อาจทนได้ ดังนั้น นางจึงทำเหมือนเด็กคลอเคลียหนิงฝาน
“เด็กโง่… เจ้าต้องอยู่แค่ชั้นที่ 1 ของสุสาน ที่นี่ช่วยปราณเพิ่มพูนได้มากเป็นเท่าตัว แต่หากเป็นชั้นที่ 2 ความหนาวเหน็บจะรุนแรงขึ้น เจ้าห้ามไปเด็ดขาด… นี่… กระถางแยกโอสถ เพลิงในนี้จะช่วยให้ความอบอุ่นกับเจ้า ส่วนนี้โอสถ เจ้ารับไป ข้ากับชูชิงจะลงไปดูชั้น 3”
หนิงฝานลูบหัวจื่อเฮ่อเบาๆ แล้วนำกระถางแยกโอสถ นำกระเป๋าโอสถออกมาและแจกจ่ายโอสถให้กับสตรีทุกคน จากนั้นนำเชื้อเพลิงที่จะช่วยให้เพลิงลุกไหม้ออกมาด้วย
เมล็ดเหล่านี้ได้มาจากเพลิงระดับ 3 ที่จิงสั่วเป็นผู้มอบให้เป็นของขวัญ
เมล็ดเพลิงเหล่านี้ไม่มีประโยชน์กับหนิงฝาน จึงได้มอบให้เหล่าสตรีเพื่อช่วยเสริมความอบอุ่น
หนิงฝานไม่ได้จุดเพลิงปีศาจทมิฬให้พวกนาง เพราะเพลิงรุนแรงจนเกินไป หากหนิงฝานไม่อยู่ด้วยและเพลิงเกิดการควบคุม อาจเกิดอันตรายร้ายแรง นอกจากนี้ หนิงฝานตั้งใจจะดูดซับเพลิงปีศาจทมิฬส่วนที่เหลือที่นี่ด้วย!
การดูดกลืนเพลิงปีศาจทมิฬนั้น จำเป็นพึ่งพาวิชาลับปีศาจทมิฬ ยิ่งด้วยยามนี้ หนิงฝานบรรลุกึ่งแก่นทองคำ การดูดกลืนเพลิงปีศาจทมิฬจึงไม่ใช่เรื่องยาก
สถานที่เย็นเฉียบแห่งนี้จะช่วยลดทอนความเย็นของเพลิงปีศาจทมิฬลงได้มาก หนิงฝานเตรียมพร้อมทุกสิ่งแล้ว จึงได้ตั้งใจจะลงมาสุสานวิหคทมิฬ นอกจากตั้งใจจะดูดซับเพลิงปีศาจทมิฬแล้ว หนิงฝานยังตั้งใจจะไปหาสมุนไพรปีศาจกับชูชิงด้วย!
หนิงฝานและชูชิงเหยียบย่ำพื้นโคลนมุ่งหน้าไกลออกไป ปล่อยให้กระถางแยกโอสถที่ลุกไหม้ด้วยเพลิง เป็นแหล่งให้ความอบอุ่นแก่นเหล่าสตรี จื่อเฮ่อและหลานเหม่ยที่จ้องมองเปลวเพลิงรู้สึกอบอุ่น แต่ซือซือกลับรู้สึกคุ้นเคยกับกระถางแยกโอสถอย่างบอกไม่ถูก
“ข้าเคยเห็นกระถางใบนี้มาก่อน… แต่ที่ใด?”
ลึกเข้าไปในสุสานชั้นที่ 1 ไร้ภูติผี ความหนาวเหน็บไม่อาจทำอันตรายหนิงฝาน ในระหว่างที่ก้าวเดินท่ามกลางสายพิรุณนั้น หนิงฝานสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง
เบาบาง...เป็นเจตจำนงค์เทพที่เบาบางมาก
หนิงฝานสัมผัสได้ถึงเจตจำนงค์เทพ เขาถอนปราณที่โคจร ปล่อยให้พิรุณพรมร่าง
“อาจารย์ ตั้งแต่ชั้นที่ 1 ถึง 9 มีฝนตกตลอด ทำให้อากาศหนาวเย็นยิ่งขึ้นเป็นเท่าทวี ข้าว่า ทางที่ดีควรจะใช้ปราณหุ้มกายไว้” ชูชิงกล่าวอย่างเคารพ
“อืม… แต่ถึงฝนเหล่านี้จะทำให้หนาว แต่มันก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน...”
หนิงฝานหลับตา ก้าวเดิมท่ามพิรุณชโลมกาย มุ่งตรงไปยังชั้นที่ 3 ของสุสาน
พิรุณเหล่านี้ราวกับสามารถกระตุ้นความทรงจำของคน ซึ่งมันคือหนึ่งในความสามารถของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ เจตจำนงค์เทพ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พิรุณเหล่านี้ไม่เคยหยุด ราวกับต้องการอาบชโลมร่างของผู้ฝึกตน เพื่อทำให้ก้าวหน้ามากขึ้น
สีหน้าหนิงฝานในยามนี้เรียบเฉย แต่ในใจกลับค่อยๆตกตะลึง
เหล่าบรรพบุรุษระดับสูงของนิกายกุ่ยเชว่ ได้ฝึกตนกระทั่งบรรลุเจตจำนงค์เทพ สร้างเป็นพิรุณโปรยปรายอาบชโลมผู้คนมานานกว่าหมื่นปี
ในขณะที่หนิงฝานกำลังอาบชโลมพิรุณอยู่นั้น เสียงของชายชราคนหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“พิรุณถือกำเนิดในพิภพ… ดับสูญในพิภพ... นั่นคือวิถีของมัน...”
คำกล่าวนี้แฝงด้วยเจตจำนงค์เทพพิรุณโปรย ทำให้จิตใจของหนิงฝานกระจ่างใส่ราวกับวารี
“กล่าวได้ดี!”
หนิงฝานชงักฝีเท้า แหงนหน้าขึ้นมองพิรุณที่โปรยปราณ เพื่อประจักษ์กับความโศกเศร้าของมัน แต่ไม่นาน หนิงฝานก็เผยรอยยิ้ม และเร่งมุ่งหน้าต่อไป
“ชูชิง เราไปดูฝนที่ชั้น 2 กัน!”
“ขอรับ!”
ชั้นที่ 1 ของสุสานดูราวกับสถานที่อันไร้ที่สิ้นสุด แต่ไกลออกไปพันจ้างจะมีอุโมงขนาดยักษ์ เพื่อลงไปยังชั้นที่ 2 ของสุสาน
หนิงฝานและชูชิงกระโดดลงไปตามอุโมงค์ แต่เมื่อกระโดดลงไปแล้ว ทั้งสองกลับพบสภาพไร้น้ำหนัก ราวกับอุโมงค์นี้มีพลังงานลึกลับบางอย่างหนุนเสริม
แต่ในขณะนั้น ทั้งสองก็ราวกับถูกฉุดลงไปกระทั่งถึงชั้นที่ 2 ของสุสาน ที่นั่นมีสระน้ำใหญ่กว่าพันจ้าง แต่สระแห่งนี้ไม่ใช่สระทั่วไป มันมีพลังที่แข็งแกร่งคอยจู่โจมสิ่งที่กีดขวางพิรุณ ที่โปรยปราณลงในสระ
หนิงฝานและชูชิงเหยียบย่างนภาหลบพลังงานที่แผ่ออกมาจากสะ และหยุดลงบนศิลาขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง
พิรุณยังคงโปรยปรายอย่างต่อเรื่อง แต่ทิวทัศโดยรอบที่มืดสลัวนั้น กลับปรากฏดวงตาแดงฉานของสัตว์
“ภายในสุสานชั้น 2 นี้ เป็นแหล่งอยู่อาศัยของสัตว์อสูรในขอบเขตประสานวิญญาณ ไม่เหมาะแก่การฝึกฝน อาจารย์เร่งไปชั้นที่ 3 เถอะ ไม่งั้นสัตว์เหล่านั้นจะเข้ามาพัวพันไม่เลิก”
ชูชิงจ้องมองดวงตาแดงฉานหลายคู่ด้วยความระมัดระวัง เพราะดวงตาเหล่านั้นมีด้วยกันหลายร้อยคู่
หากสัตว์อสูรขอบเขตประสานวิญญาณหลายร้อยตัวจู่โจมพร้อมกัน แม้เป็นชูชิงก็อยากจะรับมือ มีเพียงทางเดียวคือหลบหนี
แต่เมื่อชูชิงจ้องมองแววตาเหล่านั้นดีๆ กลับกลายเป็นว่า แววตาของสัตว์อสูรเหล่านั้นเผยถึงความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัว พวกมันไม่กล้าเข้ามาหรอก… สระนั่นน่าสนใจ เพราะพิรุณทั้งหมดในสุสาน มาจากสระน้ำนั่น และมันคือสถานที่เจตจำนงค์เทพรุนแรงที่สุด”
หนิงฝานจ้องมองสระแห่งนั้น ลักษณะของมันเป็นสีเหลี่ยม นอกจากพิรุณที่โปรยปรายลงมาแล้ว ที่ผิวสระยังมีปราณที่หนานแน่น จนเกิดเป็นภาพลวงตาของเมฆเซียนได้
หนิงฝานมองเมฆเซียนเหล่านั้น เมฆเซียนแต่ละก้อนมีรอยสลัก 2 ขีด และจากคุณภาพของมัน สมควรแก่การนำไปทำเมฆเซียนระดับสูง
แต่ในขณะนั้นเอง ดวงตาของหนิงฝานก็จับจ้องไปยังบางสิ่ง
ในหมู่ภาพลวงตาของเมฆเซียนนั้น มีเมฆเซียนจริงๆอยู่!
เมฆเซียนก้อนนั้นราวกับถูกชโลมด้วยพิรุณมานานหลายปีจึงก่อตัว แต่เหตุใดจึงมีเมฆเซียนเพียงก้อนเดียวนั้น หนิงฝานไม่ทราบ
“เมฆเซียน 4 รอยสลัก สมควรเป็นเมฆระดับสูง มีระดับเทียบเคียงได้กับเมฆเซียนของไป๋เฟยเถิง… หากข้าได้ครอบครอง...”
หนิงฝานหวั่นไหวเล็กน้อย วิชาก้าวย่างนั้นไม่ใช่วันเดียวจะบรรลุระดับสูง หากได้เมฆเซียนระดับมา และสร้างให้มันเป็นเมฆเซียนแก่นชีวิต แบบนั้นแล้ว ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำคนใดก็ตามจับเขาได้ยาก
เขาจึงเริ่มเดินตรงไปยังสระน้ำ และคิดหวังจะชิงเมฆเซียนจากระยะไกล
แต่หนิงฝานไม่อาจทำได้ ราวกับมีบางสิ่งช่วยเมฆเซียนก้อนนั้นไว้ ไม่ให้ผู้ใดช่วงชิง
เมื่อครู่หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพเพื่อหวังชิงเมฆเซียน แต่ในขณะนั้น กลับมีพลังความเย็นสายหนึ่งพัดมา ทำให้สัมผัสเทพของเขาถูกแช่แข็ง! ในตอนนั้นเอง หนิงฝานจึงได้เห็นเงาของสัตว์อสูรขนาดยักษ์
หนิงฝานตกตะลึง สัมผัสเทพที่ก่อตัวเป็นสัมผัสกระบี่กลับถูกแช่แข็ง นอกจากนี้ ภายในสระนั่น มีสัตว์อสูรขนาดยักษ์ ที่มีพลังน้ำแข็งที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่
หรือสัตว์ตัวนั้น...อาจเป็นสัตว์อสูรระดับดวงจิตแรกเริ่ม?
ไม่อาจชิงเมฆนั่นได้แล้ว…. แม้มันจะเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ชีวิตสำคัญกว่า
หนิงฝานหันมองชูชิงพลางกล่าว “ไปชั้นที่ 3 กันเถอะ...”
“เกรงว่าจะไปไม่ได้แล้ว...” ชูชิงฝืนยิ้มพลางกล่าว
เพราะสัตว์อสูรดวงตาแดงฉานเหล่านั้นกว่าหลายร้อยตัวกำลังเดินเข้ามา ลักษณะของพวกมันดูแปลก มีปราณสัตว์อสูรหนาแน่น มีเท้าขนาดใหญ่ ดวงตาแดงก่ำราวกับโลหิต มีเขา หางยาวราวกับแซ่
“สัตว์อสูรพิรุณ!”
หนิงฝานประหลาดใจ สัตว์อสูรเหล่านี้ดูคล้ายสัตว์อสูรที่ปรากฏในสมัยโบราณ คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นพวกมันที่นี่
แม้พวกมันจะมีจำนวนมาก แต่หนิงฝานไม่กลัว เพราะสัมผัสกระบี่ของเขาสามารถจัดการกับศัตรูเป็นจำนวนมากได้ ตราบใดที่พวกมันไม่ใช่สัตว์อสูรระดับแก่นทองคำขั้นกลาง ก็ไม่ยากที่จะสังหารพวกมัน
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา แต่เมื่อเขากำลังจะปลดปล่อยสัมผัสกระบี่นั้น จู่ๆกลับเกิดบางสิ่ง
สัมผัสเทพสายหนึ่งแผ่ออกมาจากสระน้ำ แม้จะมองไม่เห็น แต่สัตว์อสูรเหล่านั้นสัมผัสได้ ดวงตาแดงฉานของมันกลับคืนปกติ และเร่งแยกย้ายหลบหนีอย่างรวดเร็ว
สัมผัสนั้นเป็นของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขึ้นกลาง แม้ชูชิงจะสัมผัสไม่ได้ แต่หนิงฝานสัมผัสได้
หนิงฝานจ้องมองสระน้ำ ยามนี้เขามั่นใจแล้วว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาอยู่ในสระนั่น
แม้จะสงสัย แต่เขาไม่โง่พอที่จะเข้าไปใกล้ เพราะในโลกแห่งผู้เชี่ยวชาญนั้น ความสงสัยเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย!
ชูชิงสงสัย เหตุใดสัตว์อสูรที่ตั้งท่าจะจู่โจม กลับหนีไปเมื่อแววตาของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา
เมื่อครู่ชูชิงก็ถอยด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน ต่างจากหนิงฝานที่เลือกเผชิญหน้า นั่นทำให้มันนับถือหนิงฝานมากขึ้น
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว… ก็ไปชั้น 3 กัน ที่นี่ไม่เหมาะให้อยู่นาน”
แววตาหนิงฝานไม่เผยความหวาดกลัว เขามุ่งผ่านสระน้ำ ตรงไปยังชั้นที่ 3 ของสุสาน
เมื่อหนิงฝานจากไป ก็มีเสียงของสตรีดังขึ้นมาจากสระน้ำ
“ครั้งก่อนตาเฒ่านั่นไม่หวาดกลัว เหตุใดยามนี้… มนุษย์นั่นอีกคน… เมื่อครู่มันกำลังจะลงมือ ข้าสัมผัสได้ว่ามันจะลงมือสังหาร ‘เด็กๆของข้า’ ได้ในพริบตา… ทั้งสายตาชั่วร้ายที่มันมองข้าอีก… ถึงมันจะไปชั้นที่ 3 ของสุสาน ข้าก็จะตามไปแกล้งพวกมัน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หลังจากนางหัวเราะอย่างชั่วร้าย แสงสีเงินก็พุ่งออกจากสระน้ำ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย...