ตอนที่แล้วบทที่ 59 อนาคตคือปีศาจหนวดปลาหมึกจริงๆ ด้วย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 61 ความทรงจำฟื้นคืน

บทที่ 60 เป็นซอมบี้หนึ่งวัน คือซอมบี้ตลอดไป


บทที่ 60 เป็นซอมบี้หนึ่งวัน คือซอมบี้ตลอดไป

 

ในเวลาพักหนึ่งชั่วโมงกว่า หลิงม่อศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้ใช้พลังควบคุมหุ่นของตัวเองได้ให้ได้อย่างใจมากขึ้น หรือจะเรียกว่าทำอย่างไรให้พลังหนวดสัมผัสของตัวเองมีพลังสังหารมากกว่าเดิมก็ได้...

 

มีเย่เลี่ยนและซย่าน่าคอยสลับกันมาเป็นคู่ซ้อม หลิงม่อก็จับทริคได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป้าหมายไปใช้พลังจิตควบคุมวัตถุแทน

 

แต่ประสบการณ์ของหลิงม่อจำกัดอยู่แค่การควบคุมสิ่งมีชีวิต อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นวัตถุ เขาจึงสับสนไปพักหนึ่ง แน่นอนว่ามันมีความเป็นไปได้อยู่ แต่เป็นเพราะพลังหนวดสัมผัสของหลิงม่อยังไม่กล้าแกร่งพอ เขาลองอยู่หลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ

 

ครั้งที่เกือบจะสำเร็จนั้นคือหลิงม่อทำให้ใบไม้ขยับได้นิดหน่อย แต่แค่การขยับนั้นก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกว่าหัวแทบจะระเบิดแล้ว

 

แม้จุดนี้จะทำให้หลิงม่อรู้สึกว่าไม่สมดังใจหมายอยู่บ้าง แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป แค่ได้ค้นพบวิธีใช้อีกแบบของพลังควบคุมหุ่นก็ทำให้หลิงม่อดีใจมากแล้ว

 

คิดว่าเมื่อพลังจิตเลื่อนระดับไปอีกขั้น เวลาที่ทำการทดลองแบบนี้อัตราการประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้นมาก

 

พลังควบคุมหุ่นทำให้หลิงม่อต้องเสียพลังงานเยอะมาก ใช้เวลาศึกษาไปชั่วโมงกว่าก็ถึงขีดจำกัด หากยังทำต่อไปก็รังแต่จะทำให้ตัวเองเหนื่อยหอบ

 

เมื่อรู้สึกว่าอาการที่ไหล่ดีขึ้นมากแล้ว หลิงม่อก็พาเย่เลี่ยนและซย่าน่าเดินทางต่อเลย

 

สิ่งที่ทำให้หลิงม่อหงุดหงิดคือ พอกลับไปที่ถนนก็ดันมีพายุฝน

 

แต่เพื่อที่จะกลับไปถึงไซต์งานก่อนที่ฟ้าจะมืด หลิงม่อก็ยังตัดสินใจรีบเดินทางต่อ

 

แม้จะบอกว่าซอมบี้ไม่กลัวเปียกฝน แต่หลิงม่อมีหรือจะยอมให้เย่เลี่ยนและซย่าน่าเปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำได้ เขาเลยตั้งใจไปหาเสื้อกันฝนในร้านเล็กๆ ข้างทางให้พวกเธอ

 

เงาร่างของทั้งสามคนที่ใส่เสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้มฝ่าฝนตกหนักไปข้างหน้า เกรงว่าในคงเป็นภาพที่หาไม่ได้ในเมืองนี้แล้ว

 

นี่เป็นพายุฝนแรกหลังวันโลกาวินาศ เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วหล่นมากระแทกพื้น ชะล้างคราบเลือดที่แทบจะแข็งตัวเป็นลิ่มเลือด

 

น้ำฝนบนพื้นไหลรวมเป็นลำธารสีดำสายเล็กๆ มองแล้วชวนให้กลุ้มใจ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนตายไปมากมายเท่าไรจึงจะเกิดเป็นภาพขนาดอย่างในตอนนี้ได้

 

มีเย่เลี่ยนและซย่าน่าช่วยเบิกทางให้ แม้จะฝ่าฝนไปข้างหน้า แต่ความเร็วของพวกเขาก็ยังถือว่าเร็วมาก จึงกลับถึงอาคารไซต์งานโดยที่ฟ้ายังไม่ทันมืดสลัว

 

หลังจากที่จัดเก็บของที่รวบรวมมาได้อย่างง่ายๆ และต้มบะหมี่กลืนลงท้องแล้ว หลิงม่อก็เอาก้อนไวรัสจากซอมบี้ระดับสูงออกมา

 

ตามแผนเดิมของเขา ก้อนไวรัสน่านี้ควรจะแบ่งให้เย่เลี่ยนและซย่าน่าคนละครึ่ง แต่ตอนที่เขาส่งก้อนไวรัสให้ซย่าน่า เธอกลับลังเลนิดหนึ่ง จากนั้นก็แบ่งส่วนของตัวเองออก มาไว้ในมือของเธอ ซึ่งมีประมาณหนึ่งในสามส่วน

 

เมื่อเห็นหลิงม่อมองมาทางตนอย่างฉงน ซย่าน่าจึงเอ่ยขึ้นอย่างลังเล “มากไป...อันนี้ บริสุทธิ์มาก”

 

หลิงม่อตระหนักขึ้นมาทันทีว่า ซย่าน่ามีวิวัฒนาการทางกายเนื้อของสู้เย่เลี่ยนไม่ได้ หากกินมากไปก็จะรับไม่ไหว

 

เพื่อความปลอดภัย หลิงม่อให้ซย่าน่าและเย่เลี่ยนกินก้อนไวรัสตามลำดับ น่าจะเพราะการวิวัฒนาการของพวกเธอได้เลื่อนมาถึงระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นแม้ครั้งนี้ก้อนไวรัสที่กินนั้นจะบริสุทธิ์กว่าแต่ก่อนมาก แต่พวกเธอก็ไม่ได้สลบไป แค่ดวงตาทั้งคู่เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ปลุกสัญชาตชาณของซอมบี้กลายพันธุ์ และพวกเธอต่างก็ฝืนรับการเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้นที่เกิดจากไวรัสในสภาพนี้

 

แต่แม้หลิงม่อเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า การเลื่อนระดับในครั้งนี้จะใช้เวลาถึงสามันเต็มๆ ระหว่างนั้นแม้ซย่าน่าและเย่เลี่ยนจะไม่ได้หมดสติไปเลย ทว่าก็ไม่มีสติรู้ หลิงม่อไม่กล้ากระทั่งใช้หนวดสัมผัสไปตรวจดูอาการของพวกเธอ เพราะไม่ว่าอย่างไรในร่างกายของพวกเธอก็ยังเป็นโลกของจิต ที่เหมือนคลื่นยักษ์ที่ม้วนตัวขึ้นมาลูกแล้วลูกเล่า

 

และหลิงม่อก็ได้รู้สึกว่าตัวเองเลื่อนระดับขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่เหมือนกับครั้งก่อน การเลื่อนระดับทางกายของเขายังคงไม่มากเหมือนเดิม มีเพียงพละกำลังและความเร็วเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อย ตรงกันข้ามพลังจิตกลับเลื่อนระดับขึ้นสูงมาก หนวดสัมผัสทางจิตก็ปราดเปรียวกว่าเดิม สีก็เกือบจะเป็นสีเลือด

 

ข้อนี้ทำให้หลิงม่อพอใจมาก ตอนนี้เขาได้ค้นพบจุดประสงค์ที่แท้จริงของพลังควบคุมหุ่นแล้ว พลิงจิตก็ย่อมแข็งแกร่งขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ

 

ซย่าน่ากินก้อนไวรัสก่อน เธอจึงกลับสู่สภาพเดิมก่อนเช่นกัน

 

เธอมองหลิงม่อแวบหนึ่งอย่างสับสนนิดๆ จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นแจ่มชัดขึ้น “เหมือนฉันจำอะไรได้ตั้งมากมาย”

 

พอได้ยินน้ำเสียงของเธอ หลิงม่อก็ผงะไปทันที จากนั้นก็เผยให้เห็นสีหน้าประหลาดใจระคนดีใจสุดๆ!

 

น้ำเสียงนี้เหมือนกับซย่าน่าก่อนกลายพันธุ์มาก! แม้จะมีความเย็นชาอยู่บ้างและขาดความรู้สึก แต่มันก็ใกล้เคียงที่สุดแล้ว! ถ้าหากให้คนที่ไม่รู้ความจริงมานั่งอยู่ตรงนี้ ก็คงดูไม่ออกว่าร่างกายซย่าน่ามีอะไรผิดปกติ และยิ่งทายไม่ถูกว่าเธอจะเป็นซอมบี้!

 

“เธอจำอะไรได้เหรอ?” หลิงม่อถามอย่างกระวนกระวาย

 

ซย่าน่าจ้องตาหลิงม่อจริงจัง แล้วเอ่ยทีละคำ “ฉันจำนายได้”

 

สีหน้าของหลิงม่อเปลี่ยนเป็นเก้อเขินทันที

 

“นายถือโอกาสตอนที่อาบน้ำให้ฉัน เล่นไม่ซื่อกับฉัน...” ซย่าน่ายิ่งพูด สายตาของหลิงม่อก็ยิ่งสับสน

 

นี่มันอะไรกันเนี่ย!

 

เรื่องแรกที่นึกขึ้นมาหลังจากฟื้นคืนสติปัญญาก็ควรเป็นการทอดถอนใจกับชีวิต มองย้อนกลับไปที่อดีต จากนั้นก็ซาบซึ้งที่ในความพยายามทั้งหมดนี้ของหลิงม่อไม่ใช่เหรอ?!

 

ต่อให้ไม่ได้มอบความรู้สึกทั้งหมดให้เขา แต่อย่างน้อยมอบให้สักจูบก็คงไม่มากเกินไปหรอกมั้ง?

 

หลิงม่อเคยวาดฝันถึงภาพตอนที่ซย่าน่าและเย่เลี่ยนฟื้นคืนสติปัญญามานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งบางทีก็ซาบซึ้งจับใจ บางทีก็ร้อนแรงดังไฟเผา...

 

แต่ก็ไม่ใช่สถานการณ์อย่างในตอนนี้!

 

แม้น้ำเสียงของซย่าน่าจะราบเรียบมาก ถึงขั้นไม่อาจเรียกได้ว่ามีความมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้...ถ้าหากมองข้ามเนื้อหาที่เธอพูด อย่างพื้นๆ ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสามวันก่อน

 

แต่ก่อนหน้านี้แม้ซย่าน่าจะจำเรื่องพวกนี้ได้ ทว่าไม่เธอเคยเจาะจงพูดออกมา อาจจะเป็นเพราะในความคิดของเธอ เรื่องประเภทนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่ใส่ใจนัก

 

หรือสติปัญญาของซย่าน่าจะฟื้นคืนกลับมาหมดแล้ว?

 

และในตอนนี้ อยู่ๆ ซย่าน่าก็เอ่ยเสริมเรียบๆ อีกประโยค “นี่น่าจะเป็น ** ที่มนุษย์อย่างพวกนายพูดถึงกันล่ะมั้ง?”

 

“เอ่อ มนุษย์อย่างพวกนายเหรอ?”

 

หลิงม่อผงะไปโดยไม่รู้ตัว

 

คำนี้เข้าหูหลิงม่อ เขามองสายตาของเย่เลี่ยนที่แปรเปลี่ยนเป็นสับสนนิดๆ

 

ก่อนหน้านี้ซย่าน่าเคยพูดว่า เธอไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป และไม่คิดอยากกลับไปเป็นมนุษย์ใหม่อีกครั้ง และยิ่งไม่อยากนึกถึงเรื่องแต่ก่อนขึ้นมาได้ทั้งหมด

 

ไม่คิดเลยว่าตอนที่สติปัญญาของเธอฟื้นถึงมาถึงระดับนี้จะยังคงมีความคิดแบบเดิม

 

แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าหากเธอเห็นตัวเองเป็นมนุษย์จริงๆ นั่นต่างหากที่แย่ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ความทรงจำที่เธอกินก้อนไวรัสพวกนั้นก็มากพอที่จะทำให้เธอใจสลายได้แล้ว

 

หลังจากที่กลายพันธุ์ ซย่าน่าก็กลายเป็นอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง ซึ่งก็คือซอมบี้

 

เธอฟื้นคืนความทรงจำได้ แต่กลับคืนสัญชาตญาณเดิมไม่ได้ จากรากฐานสำคัญนี้ ไม่ว่าสติปัญญาของเธอจะฟื้นคืนถึงระดับไหน เธอก็ยังคงเป็นซอมบี้

 

ไม่ว่าเธอจะหาความทรงจำในส่วนที่เป็นของมนุษย์เจอมากน้อยแค่ไหน แต่เธอในตอนนี้ ก็ทำได้เพียงขบคิดปัญหาด้วยวิธีอย่างซอมบี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด