ตอนที่ 15 : สิ่งแรกที่ต้องทำทุกเช้า...(อ่านฟรี)
เมืองจิวหัว เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของนักรบ!
ตามบทกวี: มีไวน์เป็นหมื่นชนิดในมณฑลเจียงหนานและมีนักรบนับไม่ถ้วนในจิวหัว เมื่อพวกเขาต่างเมืองพบกันพวกเขาต่างนั่งพักพลางดื่มด้วยกัน มีหอคอยสูงและต้นหลิวสีเขียว
บทกวีนี้ช่างบรรยายเกี่ยวกับเมืองจิวหัวอย่างสมบูรณ์แบบ!
- โรงเตี๊ยมหยุนชาน -
โรงเตี๊ยมแบบนี้มีอยู่ทั่วเมืองจิวหัว หยุนชาน ต้าเหวิน ไม่มีชื่อเสียงอะไร แต่ราคามันสมเหตุสมผล ซึ่งนักรบส่วนใหญ่ชอบดื่มเป็นครั้งคราวนั่นทำให้พวกเขาชวนเพื่อนๆ มานั่งดื่มกันที่ร้านเหล้าแห่งนี้พลางพูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน มันช่างเป็นรูปแบบความบันเทิงยอดนิยมที่นี่ในจิวหัว
โดยธรรมชาติแล้วนักรบอย่างเหลียงซีที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลัง แต่เขามีพลังมีเพื่อนที่มีทัศนคติคล้ายกัน
“ชีมาดื่มกัน!” พวกเขาดื่มไวน์ บุคลิกของพวกแสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่เหมือนนักรบ
“ฉันสงสัยว่าเมื่อเร็วๆนี้มีอะไรเกิดขึ้นในเมืองจิวหัว” ชายชราอายุราวสี่สิบปีไว้เคราแพะและมีดาบยาวข้างหลังของเขา เขาหัวเราะขึ้นมา “อาบโลหะของฉันน่ะสิมันกลายเป็นสนิม!”
“ฮ่าๆ!” ชายอีกคนไว้จอนตะโกนว่า “เหลียงนายโทรหาพวกข้าวันนี้เพราะมีปัญหาหรือ.. หรือว่านายมีงานให้เราทำ?” ชายคนนั่นตบหน้าอกของเขาและเอ่ยขึ้นดังว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าทุกคนคือพี่น้องกันไม่ต้องสุภาพก็ได้!”
เหลียงชีทำขนมปังปิ้งให้พวกเขาให้พวกเขาอีกครั้งก่อนจะยิ้มตอบ “พี่ชายเข้าใจผิดแล้วฉันโทรหาเพื่อบอกข่าว”
“มันเป็นข่าวดีหรือไม่?”
“มันคือ..!” จากนั้นเขาเริ่มอธิบายเกี่ยวกับ Resident Evil ให้พวกเขาฟัง
ทันทีที่คนรอบตัวได้ยินเรื่องที่เหลียงชีพูดว่าเป็นสิ่งที่ดีพวกเขาเริ่มแอบฟังอย่างตั้งใจ
“Resident Evil!”
“เกมที่จะพาเขาสู่อีกโลกหนึ่ง!?”
ไม่มีใครรวมถึงผู้แอบฟังเข้าใจในสิ่งที่เหลียงชีพูดถึง ยิ่งเขาพยามอธิบายมากเท่าไรยิ่งทำให้คนพวกนั้นสับสนมากขึ้น
“มันเหมือนโลกที่อยู่ในนวนิยายน่ะหรอ?”
“จากสิ่งที่นายพูดไม่ว่าสิ่งเหล่านี้จะดูเสมือนจริงเพียงใดแต่ก็ดูเหมือนว่ามันปลอมอยู่ดี” ชายวัยกลางคนที่มีเคราแพะพูด “สิ่งที่นายพูดอาจทำให้เราอยากรู้อยากเห็นแต่เราทั้งสองไม่อยู่ในวัยที่สมควรจะเล่นเกมอีก”
เมื่อได้ยินแบบนี้เหลียงชีส่ายหัว “นี่ไม่ใช่แค่เกมเล่นสนุกๆ ฉันสามารถอธิบายถึงประโยชน์ที่แท้จริงของมันได้ มากับฉันเถอะ! ท่านจะไปกับข้ามั้ย?”
“แต่...” เพื่อนของเขาเริ่มลังเล พวกเขาอยากทำอย่างอื่นกับเขา แต่เขาชวนไปเล่นเกมเนี่ยนะ?
ช่างไร้สาระ!
“โปรดอย่าทำไขว่เขว่!” เหลียงชีอธิบายเมื่อเห็นความลังเล “ฉันยอมรับนะว่ามันเป็นเกม แต่มันเป็นเกมที่ดีมีประโยชน์อย่างมากต่อทักษะการต่อสู้ ถ้าเกมมันไม่ดีฉันก็จะไม่แนะนำให้นายสองคนหรอก”
“อืมมมมม..” เขาคิดพลางผงกหัวตามคำพูด แต่อย่างไรชายไว้เคราแพะกล่าวเสริม “วันนี้เราไม่มีอะไรต้องทำมากมาย เราอาจไปกับนายได้”
เหลียงชีพยักหน้า
“มันช่างแปลกและลึกลับมาก!” เมื่อเห็นพวกเขาเดินออกไป นักรบที่ดักฟังมองหน้ากันและบ่นว่า “ซอมบี้คืออะไร ปืนพก.. และทีมอัลฟ่า..”
“พวเรา..ควรตามพวกเขาไปดูไหม?” พวกเขามองหน้ากัน “ไปกันเถอะ!”
…
สำนักหลิงหยวนเป็นหนึ่งในสี่สำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดาจิน นักรบและผู้มีความสามารถนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อศึกษาหาความรู้จากอาจารย์
นักเรียนในสำนักแบ่งออกเป็นสี่บ้าน - สวรรค์, โลก, ซวน(Xuan) และ หวาง (Huang) นักเรียนที่เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่จะถูกคัดไปที่บ้านหวาง ใช้คะแนนสอบเป็นเกณฑ์วัดว่าใครเหมาะสมกับบ้านไหน
วันนี้เป็นวันแรกของการเรียนสำหรับนักเรียนใหม่
มีนักเรียนประมาณ 40 คนในชั้นเรียน A ของบ้านหวาง และทุกคนในชั้นเรียนนี้เป็นนักเรียนที่มีคะแนนสอบดีที่สุด พวกเขาเก่งและเลิศ นักเรียนชั้นนี้ร่างกายและพัฒนาการของพวกเขาเหมาะที่จะเป็นนักรบที่แท้จริง!
รวมไปถึงซงฉิงเฟิงที่อยู่ในชั้นนี้ด้วย นักเรียนชั้นนี้โดยส่วนใหญ่จัดเป็นนักเรียนอัจฉริยะ
ในช่วงพักนักเรียนส่วนใหญ่ มักใช้เวลาของตัวเองอย่างมีค่าเช่น ขอคำปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษาเกี่ยวกับการฝึกอบรม แต่ในขนะเดียวกันซงฉิงเฟิงและเพื่อนๆ นั่งลงและเริ่มพูดคุยกัน
“ฉิงเฟิง ถ้าเราเรียนแบบเทคนิคของจิลล์และหาเพื่อนร่วมทีมที่คอยดูแลเราอยู่ห่างๆเราจะสามารถเอาชนะกับกับดักนั้นได้ไหม?”
“ไม่!” ซงฉิงเฟิงตอบนั่นทำให้ทุกคนเงียบลง “ฉันไม่รู้ว่านายทั้งสองให้ความสนใจปืนของแบรี่ มันดูเหมือนกันปืนพกแม็กนั่มของฟางฉี แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า”
“ฉันพบหญิงสาวคนหนึ่งจากทีมบราโว่ เธอชื่อรีเบคก้าฉันเห็นเธอมีปืนพกธรรมดา” ซงฉิงเฟิงพูดต่อ “ถ้าปืนนี้สามารถทพลายกับดักได้ทำไมฉันต้องไปพึ่งคนอื่น”
“นี่ฉิงเฟิง นายพบเพื่อนร่วมทีมแล้วหรอ?” หลินเซียวและซูเลียวอุทาน “นายพบเธอได้อย่างไรเทียบกับแบรี่แล้วเธอเป็นไงบ้าง?
“เธออ่อนโยนแต่ถึงแม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งไม่เท่ากับแบรี่ แต่เธอก็สามารถรักษานายได้เมื่อนายได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เธอยังรู้ที่ซ่อนยาถอนพิษ จากพิษของซอมบี้ว่าอยู่ที่ไหน”
“นี่ฉิงเฟิงทำไมนายไม่พูดก่อนหน้านี้!?” ดวงตาของผู้ฟังเปล่งรัศมีอาฆาต สาวสวยเนี่ยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวยในขณะที่กำลังผจญภัย
สมุนไพรและยาที่ไว้ถอนพิษจากซอมบี้เป็นสิ่งที่หายากมาก!
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายไม่ยอมเล่าเรื่องพวกนี้ให้พวกเราฟัง!”
“นี่ฉิงเฟิงบอกพวกฉันทีว่าเจอเธอได้ที่ไหน!?”
“...”
พวกเขาทั้งสามคุยกันอย่างเมามัน นั่นทำให้นักเรียนคนอื่นๆที่ได้ยินสับสน
ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเหลืองเดินขึ้นไปคำนับซงฉิงเฟิง “ท่านฉิงเฟิงสำนักของเรากำลังจะเผยอันดับของทุกคนในไม่ช้า คุณคือ...”
ก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก สายตาทั้งสามคู่หันไปที่เขา “ไม่สนใจ!”
“...” นั่นทำให้ชายชุดคลุมเหลืองแสดงท่าทีเคอะเขิน ผู้ที่ได้รับการตอบรับเข้าเรียนที่สำนักหลิงหยวนล้วนเป็นบุคคลที่มีความโดดเด่นอย่างมาก หากใครมีชื่อติดอยู่ในสี่บ้าน สวรรค์, โลก, ซวนและหวางได้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับการยอมรับจากสำนักพวกเขายังมีชื่อเสียงในภูมิภาคเจียงหนานอีกด้วย!
ทำไมซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ มีท่าที่ที่ไม่สนใจมัน? เขาไม่อยากจะเชื่อ!?
“ซอมบี้และฮันเตอร์คืออะไร?” ทุกคนเข้าใจคำจำกัดความของคำเหล่านี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าคำเหล่านี้มีความหมายอย่างไรในบริบทนี้ ชายหนุ่มเสื้อเหลืองและคนอื่นๆ ต้องผิดหวัง เพราะไม่สามารถเข้าร่วมการสนทนาของกลุ่มได้
“แปลก.. ในเมืองจิวหัวมีอะไรใหม่ๆที่เรายังไม่รู้ใช่ไหม?” ทุกคนมองหน้ากัน ต่างตั้งคำถามอย่างสงสัยว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
‘ปืนสั้น’ และ ‘ทีมบราโว่’ เป็นคำที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน! ยิ่งคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไรยิ่งอยากค้นหามากเท่านั้น มีคนตะโกนขึ้นมาว่า “ต่อไปฉันจะตรวจสอบว่ามีอะไรใหม่เกิดขึ้นในเมืองจิวหัว!”
…
“ฉีซิน เธออาจจะยังไม่รู้ว่านิยายเรื่อง ‘นักรบจากสวรรค์(Celestial Warrior)’ บทที่แปดคลอดออกมาแล้ว!” หญิงสาวชุดเขียวอายุประมาณ 17-18 ปี เธอจับมือซูฉีซิน “ไปซื้อกันเถอะ!”
“ไว้ก่อนดีกว่า” ซูฉีซินส่ายหัว
“เฮ้.. ฉีซินเธอไม่ชอบนิยายเล่มนั้นแล้วหรอ?”
ซูฉีซินยิ้ม เมื่อก่อนเธอจะต้องรีบไปซื้อนวนิยายทันทีที่ตอนใหม่ออก แต่ตอนนี้.. กับเธอแล้วไม่มีอะไรเทียบกับความสนุกของ Resident Evil ได้เลย!
นวนิยายเป็นความบันเทิงของเธอเพียงแค่ช่วงวันหยุด เนื่องเพราะเธอต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้ แต่การเล่น Resident Evil ทำให้เธอสามารถฝึกฝนและให้ความบันเทิงในเวลาเดียวกัน!
“ถ้าเธออยากอ่าจเธอควรจะไปซื้อมันนะ แต่เมื่อวานนี้ฉันเพิ่งเจอสิ่งที่น่าสนใจ”
“มีอะไรน่าสนใจกว่านี้หรอ?” สาวชุดเขียวเอ่ยถาม “นั่นอะไรน่ะ?”
ซูฉีซินชี้นิ้วไปที่หน้าร้าน “อยู่ที่นี่!”
ร้านยังไม่เปิด..
เมื่อเห็นว่าร้านยังไม่เปิดใบหน้าของซูฉีซินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เจ้าของร้านบอกเวลาเปิดให้บริการคือ 08.00 น.
นี่เวลา 09.00 น. และร้านยังไม่เปิด
เธอเห็นผู้คนมากมายรออยู่ข้างนอก หนึ่งในนั้นคือนักรบชั้นสูงที่ให้คำแนะนำแก่เธอเมื่อวานนี้
เธอชี้ไปที่ประตูและเอ่ยถามว่า “ทำไมร้านยังไม่เปิด?”
เหลียงชียิ้มแหยๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันมาถึงมันก็ยังไม่เปิด”
“ซวยจริงๆ!” ชายไว้จอยเท้าเอว “ฉันว่าเราควรเปิดร้านด้วยขวานนี้!”
“ใจเย็นก่อนพี่อูอย่าเพิ่งวู่วาม!” เหลียงชีดึงเพื่อนของเขา อูฉานเป็นคนอารมณ์ร้อน เหลียงชีจึงกลัวว่าเขาอาจจะทุบร้านขึ้นมาจริงๆ
แน่นอน ร้านยังไม่เปิดเพราะฟางฉีเพิ่งลุกออกจากเตียง เขาส่ายหัวไปมาก่อนจะมองไปรอบๆห้อง เฮ้เจ้าอ้วนอยู่ที่ไหน ฉันคิดว่าฉันได้ยินเขาพูดว่า ... 8 โมงเช้า หวังใต้ปลุกเขาและบอกว่าเขากำลังจะไปสำนักหลิงหยวน หลังจากนั้นฟางฉีก็กลับไปนอน
หลังจากงีบสั้นๆ เขามองไปที่นาฬิกาและเห็นว่านี่คือเวลา 9 โมงเช้า *0*
เขารีบสวมเสื้อผ้าล้างหน้าแปรงฟันใช้เวลาร่วม 20 นาทีเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเปิดร้าน จากนั้นเขาลงไปชั้นล่างปลดล็อคประตูร้าน ก็พบว่ามีใบหน้าชวนหน้ากลัวกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาเรียกสติกลับคืนมาแล้วเอ่ยถาม “ทำไมพวกคุณ.. มาทีนี่กันเร็วจัง?” เขาถามคนห้าคนที่ยืนรออยู่นอกร้าน
“เร็ว?” ใบหน้าของทุกคนขรึมขึ้น
“นี่นายเป็นเจ้าของร้านนี้หรอ?” ชายวัยกลางคนไว้จอนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้า ยืนเผชิญหน้ากับฟางฉี นัยตาของเขาเปร่งพลังงานมืดออกมา
“ฉันเอง” ฟางฉีตอบกลับด้วยท่าทีสับสน ฉันไม่ได้ทำอะไรเขาทำไมเขาถึงมองมาที่ฉันด้วยสายตาเกลียดชังแบบนี้
“พี่อู เรามาเล่นเกมนี้กันเถอะ” เหลียงชีถึงเขาเข้ามาในร้านอย่างรวดเร็วและอธิบายว่า “อูเพื่อนฉันเป็นคนอารมณ์ร้านดังนั้นอย่าโกรธเขาเลยนะ ขอเราเข้าไปข้างในเถอะ!”