ตอนที่แล้วบทที่ 54 อิจฉา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 56 คนเป็นสามีอย่างนายดูไม่ค่อยมีตัวตนไปหน่อยหรือเปล่า

บทที่ 55 วันนั้นบังเอิญเห็นคุณหมอซ่งคนนั้นอุ้มเธอเดินออกไปพอดี


บทที่ 55 วันนั้นบังเอิญเห็นคุณหมอซ่งคนนั้นอุ้มเธอเดินออกไปพอดี

 

ถึงแม้เธอกับฟู่อวี้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่สายตาเขาเธอก็พอดูออกอยู่บ้างนิดหน่อย

 

เวลาที่อยู่กับเธอ แม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่รอยยิ้มในดวงตาเขาจืดจางเสียเหลือเกิน ทว่าในตอนนี้ถึงเขาจะยิ้มบางๆ เช่นกัน แต่ในดวงตาเขากลับดูเป็นประกายแวววาวอย่างที่เธอเองก็บอกไม่ถูก มันราวกับว่าในฤดูหนาวที่แสนเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างนั้นในที่สุดความเขียวขจีก็มาเยือนเสียที

 

ฟู่อวี้ไม่เคยมีสายตาแบบนี้กับศิลปินหญิงคนไหนในสังกัดมาก่อนเลย

 

คนคนนั้นที่อยู่ในใจฟู่อวี้คือฉางฉิง จู่ๆ เธอก็เกิดแน่ใจขึ้นมาเต็มเปี่ยม

 

ในดวงตาเธอฉายแววสับสนเจือเจ็บปวด ทำไมไม่เป็นคนอื่น ทำไมถึงต้องเป็นฉางฉิงด้วยนะ

 

ในตัวฉางฉิงมีทุกอย่างที่เธอไม่มี ทั้งๆ ที่ฉางฉิงไม่มีแม่ แต่กลับใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ภายใต้การดูแลปกป้องของพ่อและพี่สาว

 

หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย ทุกคนต่างก็ทุ่มเทพยายามเพื่อที่จะได้มีชื่อเสียง แต่เธอกลับทำงานอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ เพราะมีพ่อคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง

 

ตอนนี้เยี่ยนเหล่ยอยู่ในสภาวะย่ำแย่ ก็ยังมีฟู่อวี้ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กโผล่ออกมาช่วยเหลือสนับสนุนฉางฉิงอีก

 

บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าการที่เธอเปรียบเทียบกับฉางฉิงเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ

 

เธอทั้งอิจฉา ทั้งริษยา แล้วก็เคยเปรียบเทียบกับฉางฉิงด้วย

 

แต่ก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น เพราะว่าฉางฉิงเป็นเพื่อนสนิทเธอ แล้วหญิงสาวที่ใสซื่อคนนี้ก็ยังเคยให้กำลังใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่าในยามที่ชีวิตเธอยากลำบากที่สุด

 

พวกเธอทั้งสี่คนหัวเราะเฮฮามาด้วยกันจนถึงวันนี้ เป็นช่วงเวลาที่แสนจะอบอุ่นที่สุด

 

แต่ทำไมคนที่ตอนนี้เธอตั้งใจอยากจะคบหานั้นต้องไปชอบฉางฉิงด้วยนะ

 

กว่านอิงคิดวนไปวนมาอยู่ในใจ แม้แต่กระเป๋าถือที่อยู่ในมือถูกขยำจนเป็นรอยยับย่นเธอก็ยังไม่รู้ตัว

 

ฉางฉิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็คิดวนไปวนมาเช่นกัน โคมระย้าแก้วที่แขวนอยู่เหนือศีรษะก็สว่างแสบตาจนเธอปวดตาไปหมด แต่รอยยิ้มบนใบหน้าเธอกลับยิ่งดูสวยสดใสกว่าเดิม ฉางฉิงได้ยินตัวเองพูดว่า “ใช่ค่ะ พี่ฟู่อวี้หล่อมากจริงๆ ดูเหมาะกับเสี่ยวอิงมากราวกับกิ่งทองใบหยกเลย”

 

“จริงเหรอ” ฟู่อวี้ยังคงยิ้มเหมือนเดิม แต่ดวงตาที่ดำขลับลุ่มลึกนั้นดูเหมือนมีน้ำตาเอ่อคลอไปมาเล็กน้อย

 

ฉางฉิงสังเกตเห็นน้ำตาของเขา แล้วก็ตะลึงงันไป ความรู้สึกที่แปลกประหลาดแวบขึ้นมาในใจ แต่แล้วเธอก็มองข้ามความรู้สึกนั้นไปอย่างรวดเร็ว

 

พี่ฟู่อวี้อาจจะดีใจมากไปหน่อยที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้น

 

“จริงค่ะ” ฉางฉิงพยักหน้าอีกครั้ง ดวงตาดูใสแป๋ว “ไม่เคยเห็นคู่ไหนที่เหมาะสมกันยิ่งกว่าคู่ของพี่อีกแล้ว”

 

กำปั้นของฟู่อวี้ที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงค่อยๆ กำแน่นขึ้น เขาจ้องมองเธออยู่พักหนึ่ง แล้วพูดเสียงอบอุ่นว่า “ผมขอไปเตรียมตัวขึ้นกล่าวบนเวทีก่อน พวกคุณสามคนคุยกันไปนะครับ”

 

“อืม ไปเตรียมตัวเถอะค่ะ” กว่านอิงปล่อยแขนเขาอย่างว่าง่าย แล้วมองตามเขาไปด้วยสายตาที่อ่อนโยน

 

เจียงตั่วเหยาโบกมือไปมาตรงหน้ากว่านอิง แล้วหยอกล้อว่า “คนเขาเดินไปแล้ว ยังจะมองอยู่อีก ฉันอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาหาพวกเธอ ช่วยต้อนรับฉันให้ดีๆ หน่อยได้มั้ย”

 

“ฉันผิดเองจ้ะ ฉันผิดเอง มา เดี๋ยวฉันพาพวกเธอไปหาอะไรกิน” กว่านอิงจูงมือซ้ายคนมือขวาคนเดินไปทางระเบียง

 

ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ที่ช่วยบดบัง ดวงจันทร์สุกสกาวลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า มีทั้งความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ

 

บนโต๊ะมีอาหารเลิศรสมากมายหลายอย่าง เจียงตั่วเหยาหยิบช่อดอกไม้ในแจกันมาช่อหนึ่ง พอดูใกล้ๆ เธอก็ตะลึง “ที่แท้ก็เป็นช่อดอกไม้บิสกิต สวยประณีตจริงๆ ฉางฉิงลองชิมมั้ย เมื่อกี้เธอบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ”

 

ฉางฉิงหยิบกินไปหนึ่งคำ แล้วเธอก็อารมณ์เสียเพราะมันไม่มีรสชาติเหมือนกับเคี้ยวขี้ผึ้งเลย

 

เจียงตั่วเหยาคุยกับพวกเธอสองคนเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องระมัดระวังในการถ่ายละคร แต่คุยกันไปได้แค่สิบกว่านาที ผู้ช่วยก็มาเรียกเจียงตั่วเหยาไปให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเป็นเวลาห้านาที

 

“ตั่วเหยานี่ดังจริงๆ เลย มีดารามาตั้งหลายคน แต่นักข่าวก็อยากสัมภาษณ์ตั่วเหยาแค่คนเดียว” กว่านอิงพูดด้วยความอิจฉา

 

“สักวันเธอก็จะดังแบบนี้ อีกไม่นานหรอก” ฉางฉิงหยิบน้ำผลไม้ขึ้นมาจิบ แล้วก็อดถามไม่ได้ว่า “ที่จริง...วันนั้นที่โรงพยาบาลน่ะ พอซื้อสตรอว์เบอร์รีเสร็จแล้วกลับมา ฉันบังเอิญเห็นคุณหมอซ่งคนนั้นอุ้มเธอเดินออกไปพอดี เสี่ยวอิง เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง”

 

ขณะที่พูด ฉางฉิงก็เหลือบมองกว่านอิงทีหนึ่ง เมื่อกี้กว่านอิงเดินเหินคล่องแคล่ว ดูไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บเลย นี่ก็แสดงว่าวันนั้นกว่านอิงแค่มีแผลถลอกเท่านั้น

 

กว่านอิงปัดปอยผมที่ตกลงมาที่หว่างคิ้วออก แล้วก้มหน้าพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง “วันนั้นฉันถูกมอเตอร์ไซค์ชนล้ม โชคดีที่เขาออกหน้าช่วยจัดการให้ฉัน อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากให้เขาอุ้มหรอกนะ แต่เขาเป็นห่วงฉันมาก ยืนกรานว่าจะอุ้มฉันไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลเขาถึงจะวางใจได้ ฉางฉิง ที่ฉันไม่ได้บอกเธอเพราะ...กลัวว่าเธอจะเข้าใจผิด แล้วก็คิดมากน่ะ”

 

...................................

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด