ตอนที่แล้วบทที่ 54 ลาดตระเวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 56 แคมป์รวมพลซอมบี้

บทที่ 55 ความจริงแล้วเป้าหมายของผมคือการเป็นปีศาจหนวดปลาหมึก


บทที่ 55 ความจริงแล้วเป้าหมายของผมคือการเป็นปีศาจหนวดปลาหมึก

 

หลิ่งม่ออาศัยวิธีที่สามารถเอาชนะได้แน่นอนนี้ เก็บกวาดซุปเปอร์มาร์เก็ตไปได้สองห้อง เก็บเกี่ยวมาได้เหลือเฟือทีเดียว

 

ระหว่างนั้นเขาก็ตั้งใจพิสูจน์ความสามารถควบคุมหุ่นซอมบี้ของตัวเองไปด้วย และพบว่ามันเลื่อนระดับขึ้นจริงๆ

 

แต่ก่อนตอนที่เขามองไม่เห็นเส้นไหมไร้รูป จำเป็นต้องอาศัยการสื่อสารทางสายตากับหุ่นซอมบี้ จึงจะมองเห็นดวงแสงแห่งจิตของฝ่ายตรงข้าม

 

แต่ตอนนี้เขายิ่งมองเห็นเส้นไหมไร้รูปชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่เหมือนกับเป็นวัตถุจริงๆ ขีดจำกัดเวลาที่เขาควบคุมหุ่นซอมบี้ก็ลดลงไปมาก

 

หากจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหุ่นซอมบี้ ขอเพียงใช้เส้นไหมไร้รูปรัดพันดวงแสงแห่งจิตของซอมบี้ก็ได้แล้ว แต่หากจะควบคุมอีกฝ่ายก็จำเป็นต้องให้ด้ายไหมนั้นพันลึกเข้าไปข้างใน

 

เช่นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซย่าน่าก็อยู่แค่ในระดับที่ใช้ด้ายไหมพันไว้เท่านั้น แต่กับเย่เลี่ยนกลับเหมือนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับดวงแสงแห่งจิตของเธอ เวลาควบคุมเธอก็ย่อมรู้สึกถนัดมือเป็นธรรมดา

 

และหลิงม่อได้ตั้งชื่อเหมาะๆ ให้วิธีใช้เส้นไหมนี้ว่า หนวดสัมผัสทางจิต หรือจะเรียกสั้นๆ ว่า หนวดสัมผัส

 

เมื่อมองหนวดสัมผัสนับไม่ถ้วนที่แผ่กระจายออกไปโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง ที่นำพาให้ซย่าน่า เย่เลี่ยนและเขาได้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น มุมปากของหลิงม่อก็ปรากฎรอยยิ้มชั่วร้าย

 

ถ้าหากหนวดสัมผัสพวกนี้กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้จริงๆ ล่ะก็...ยังไม่ทันได้คิดลึกต่อไป หลิงม่อก็หัวเราะเยาะตัวเอง “แค่พลังทางจิตเท่านั้น ต่อให้กลายเป็นของจริงขึ้นมาได้...ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะกลายเป็นปีศาจปลาหมึกเหรอ?”

 

อีกด้านหนึ่งระหว่างที่เขาอยู่ในการต่อสู้ก็ได้พบข้อมูลที่สำคัญมาก

 

เพราะเป็นซอมบี้เหมือนกัน เย่เลี่ยนและซย่าน่าจึงเข้ากันได้ดีมาก ไม่ได้มีทีท่าจะโจมตีกันแบบตอนที่พวกเธอเผชิญหน้ากับพวกเดียวกัน

 

แต่พวกเธอสองคนก็ไม่สามารถร่วมมือกันได้ โดยเฉพาะตอนที่หลิงม่อลดการควบคุมเย่เลี่ยนและให้เธอต่อสู้โดยใช้สัญชาตญาณ จุดด้อยนี้จะเห็นชัดเป็นพิเศษ ต่างคนต่างสู้ บวกกับพวกเธอต่างเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ แทบจะโจมตีอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้เกิดความยุ่งยากได้ง่ายๆ ในพื้นที่ที่มีซอมบี้ชนิดนี้เยอะ

 

แต่หากให้หลิงม่อเป็นตัวหลักแล้วให้พวกเธอสองคนเป็นผู้ช่วย ปัญหานี้ก็จะคลี่คลายได้ง่ายๆ ไม่ว่าเย่เลี่ยนหรือซย่าน่า ต่างก็ให้ความร่วมมือตามจังหวะก้าวของหลิงม่อในเวลาต่อสู้ ทำให้ผลลัพธ์ยกระดับสูงขึ้นทันที

 

“ดูท่าว่าถ้าไม่มีฉันก็คงยังไม่ได้สินะ...”

 

ซอมบี้สาวกลายพันธุ์สองตัวนี้ทำได้เพียงร่วมมือกับหลิงม่อ ซึ่งเป็นบททดสอบพลังการต่อสู้ของหลิงม่ออย่างมาก ดีที่หลังจากที่เขาเลื่อนระดับแล้ว แม้พลังทางกายจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ความเร็วกลับเพิ่มขึ้นไม่น้อย ไม่เพียงสามารถตามทันความเร็วในการโจมตีของเย่เลี่ยนได้ แต่ยังควบคุมซย่าน่าให้เข้าจู่โจมได้เร็วขึ้นด้วย

 

คนหนึ่ง ซอมบี้สอง เรียกได้ว่าร่วมมือกันอย่างรู้ใจ บวกกับการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังจึงไม่มีใครบาดเจ็บเลยตลอดทาง ตรงกันข้ามยังจัดการซอมบี้ได้มากมาย

 

เมื่อเห็นว่าหาของกินมาได้พอสมควรแล้ว และออกจากที่พักมาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปประมาณสามชั่วโมงแล้ว หลิงม่อจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นล่าซอมบี้กลายพันธุ์แทน

 

เนื่องจากใช้พลังควบคุมหุ่นซอมบี้อย่างต่อเนื่อง และยังต้องคอยรักษาสายสัมพันธ์ทางจิตกับซอมบี้สาวทั้งสอง ต่อให้หลิงม่อจะมีหนวดสัมผัสทางจิตที่แข็งแกร่งแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอ่อนแรง

 

เทียบกับการเลื่อนระดับทางร่างกาย หนวดสัมผัสก็ยัง...ไม่สิ การเลื่อนระดับพลังทางจิตนั้นสำคัญกว่าอยู่หน่อยนึง!

 

ก้อนไวรัสเป็นของต้องรีบใช้และยิ่งมีเยอะได้ก็ยิ่งดี!

 

แต่ซอมบี้ทั่วไปมีอยู่เต็มท้องถนน ซอมบี้กลายพันธุ์กลับไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น ดังนั้นระหว่างที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า หลิงม่อก็คอยมองหารอบๆ

 

“ห้างยุคใหม่...”

 

ห่างออกไปไกลมาก หลิงม่อเห็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เขารู้สึกประทับใจชื่อห้างยุคใหม่ของห้างนี้ และรู้ว่านี่คือห้างที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ ก่อนวันสิ้นโลกจำนวนคนที่นี่จะเยอะจนน่าตกใจทุกวัน

 

สถานที่แบบนี้ ข้างในจะต้องมีซอมบี้กลายพันธุ์แน่!

 

แต่พอมาถึงห้างแล้วหลิงม่อก็ไม่ได้รีบร้อนเข้าไป ทว่าหลบพักหายใจอยู่ที่มุมหนึ่งและถือโอกาสสำรวจสถานการณ์ด้านในห้าง

 

ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง จำนวนซอมบี้ข้างในนั้นมหาศาลจนยากจะจินตนาการ ทอดสายตามองไปในห้างที่ใหญ่โตอลังการ ทุกพื้นที่ก็แทบจะมีแต่ซอมบี้!

 

แต่เมื่อเทียบกับซอมบี้จำนวนมหาศาลแล้ว ทางเข้าออกของห้างแบบนี้กลับแคบเหลือเกิน ซึ่งสังเกตเห็นได้ยากมาก!

 

เดิมหลิงม่อยังกังวลว่าเคยมีผู้รอดชีวิตปรากฎตัวที่นี่แล้วดึงดูดซอมบี้ข้างในออกไป แต่พอเดินเข้าไปใกล้จึงพบว่าตัวเองกังวลมากเกิน

 

ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แบบนี้ เห็นชัดว่าผู้รอดชีวิตต่างต้องการอยู่ให้ห่าง สิ่งของที่วางขายอยู่ข้างในไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับของกิน นอกจากผู้รอดชีวิตที่มีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงอย่างหลิงม่อแล้ว คนอื่นๆ จะย่างกรายมาใกล้ที่นี่ได้ยังไง

 

แต่ถึงไม่มีผู้รอดชีวิตเฉียดใกล้มาแถวนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะไม่มีร่องรอยการสังหารหมู่ ตรงกันข้ามใกล้ๆ ประตูใหญ่ของห้างแทบจะมีแต่รอยเลือด น้ำเลือดและเศษชิ้นเนื้อเกาะตัวอยู่ด้วยกัน เหมือนปูพื้นด้วยพรมที่เหม็นคาวเลือดสุดๆ ไว้ชั้นหนึ่ง พบเจอเศษเสื้อผ้าถูกฉีกทึ้งได้ทั่วทุกที่ ตลอดจนกระดูกมนุษย์กระจายเกลื่อนกลาด จินตนาการได้เลยว่า ที่นี่เคยจัดงานเลี้ยงเนื้อมนุษย์ที่ชวนคลื่นไส้...

 

แต่ในตัวห้างก็ยิ่งเป็นแบบเดียวกัน แทบจะไม่มีพื้นที่ตรงไหนสะอาดเลย

 

แม้แต่หลิงม่อก็ยังถูกกลิ่นเข้มข้นนี้รมจนอดขมวดคิ้วไม่ได้ ซย่าน่าและเย่เลี่ยนสองสาวซอมบี้กลับดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งดวงตาทั้งคู่ของซย่าน่ายังเรืองแสงสีแดงเรื่อนิดๆ ในด้านนี้พลังสมาธิของเธอกลับสู้เย่เลี่ยนไม่ได้ ดังนั้นหลิงม่อรู้สึกได้รางๆ ว่า แม้ซย่าน่าจะฟื้นคืนสติรู้ได้มากกว่านิดหน่อย แต่ด้านร่างกายและสัญชาตญาณนั้น เย่เลี่ยนพัฒนาได้สูงกว่านิดๆ

 

ไม่ว่ายังไงกลิ่นคาวเลือดก็ยังดึงดูดความสนใจของซอมบี้ได้ชะงัดจริงๆ...

 

แต่ด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นขนาดนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าซอมบี้พวกนี้จะพบว่าเขาเป็นคนเป็นๆ ผ่านกลิ่นเหม็นนั้น ขอแค่ระวังตัว ไม่ส่งเสียงและกลบซ่อนร่องรอยเอาไว้ดีๆ ยังไม่จำเป็นก็ไม่ต้องรีบบุกเข้าไปในห้างที่ดูเหมือนเป็นเครื่องบดเนื้อแห่งนี้ หลิงม่อเคยมาที่ห้างนี้มาก่อน เขารู้ว่ายิ่งขึ้นไปข้างบน ร้านขายของก็ยิ่งเป็นร้านขายของคุณภาพดี คนที่มาเดินก็ยิ่งน้อยเป็นธรรมดา

 

อีกอย่างหลังจากที่เกิดหายนะ ทุกคนคงจะแห่กันลงไปข้างล่าง ดังนั้นแม้ซอมบี้ที่กระจุกตัวอยู่ที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองจะเยอะ แต่ก็ไม่แน่ว่าชั้นบนจะเป็นพื้นที่ร้างโล่งไร้ผู้คน

 

อย่างน้อยที่สุด หลิงม่อก็จะหนีเข้าไปได้โดยใช้บันไดสองสามอัน

 

หลังจากตัดสินใจแล้ว หลิงม่อก็กลั้นหายใจแล้วเลียบตามรอบนอกของตัวห้าง เดินหาอยู่รอบหนึ่ง ในที่สุดเขาก็เข้าไปทางช่องทางเดินของพนักงานที่อยู่ด้านข้าง

 

ส่วนเย่เลี่ยนและซย่าน่า แม้จะบอกว่าพวกเธอสองคนสามารถเข้าไปในกลุ่มซอมบี้ได้ตามสบาย แต่พอเห็นจำนวนซอมบี้ที่ป้วนเปี้ยนอยู่ในตัวห้างแล้ว หลิงม่อก็รู้สึกขึ้นมารางๆ ว่าไม่ค่อยเหมาะ ดังนั้นเขาจึงให้ซอมบี้สาวสองตัวตามมาอยู่ข้างกายเขาด้วย ไม่ให้พวกเธอบุกเข้าทางประตูหน้า

 

หลังจากเข้าไปทางทางเดินของพนักงานแล้ว ก็เป็นพื้นที่ปิดครึ่งหนึ่ง ซึ่งสามารถมองลอดช่องประตูแง้มที่ไว้ครึ่งหนึ่ง ที่มองเห็นในตัวห้างได้ และยังขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆ ได้ด้วย

 

แม้จะไม่ได้สัมผัสกับซอมบี้กลุ่มใหญ่ในห้างโดยตรง แต่การผ่านกลุ่มซอมบี้ในระยะประชิดขนาดนี้ก็ยังทำให้รู้สึกเสียวไส้นิดๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด