SH.19 - หัวใจกากอย
19 - หัวใจกากอย
“คุณโรดส์! พวกเราเจอแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ โรดส์หันกลับไปมองทันทีและมองไปยังแมทที่ยืนอย่างมีความสุขอยู่ที่ประตูทางเข้าโบสถ์ เขาถือรูปปั้นที่งดงาม มันเป็นรูปปั้นของกากอยทั้งสองตัววกำลังโค้งคำนับ ดวงตาของพวกเขาทำมาจากทับทิม เปล่งแสงแวววาว
นั่นคืออุปกรณ์ควบคุม!
การกระทำของแมทดึงดูดความสนใจของกากอยทั้งสองตัวอย่างมาก ในฐานะสิ่งมีชีวิตเล่นแร่แปรธาตุ พวกมันรู้ดีว่ารูปปั้นพวกนั้นคืออะไร ดังนั้น กากอยทั้งสองเปลี่ยนความสนใจไปที่แมททันที
“ว้ากกก!”
เมื่อพบว่ามอนสเตอร์ทั้งสองกำลังพุ่งมาทางเขา แมทกรีดร้องออกมา เขาอยากจะวิ่งหนีแต่ในเวลานั้น โรดส์ตะโกนใส่เขา
“โยนข้ามมา!”
แมทหยุดชะงักเมื่อเขาได้ยินเสียงของโรดส์ และเมื่อเขามองไปที่กากอยทั้งสองที่กำลังตรงมาทางเขา เขาไม่มั่นใจว่าเขามีความสามารถในการทำลายมันได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาใช้ความคิดและขว้างรูปปั้นสีดำนั้นออกไป
พ่อค้าร่างอ้วนขว้างได้แย่มาก ถ้าเขาโยนให้มันลอยไปในวิถีโค้ง มันจะโค้งและร่วงลง แต่ทิศทางที่เขาโยนนั้นตรงข้ามกับที่เป้าหมายที่เขาตั้งใจไว้ อาจจะพูดได้เลยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจขว้างไปที่โรดส์ แต่เขาโยนมันให้กับกากอยทั้งสองตัวแทน
ถ้าใครซักคนกำลังดูฉากนี้ เขาคงเชื่อว่าแมทกำลังช่วยกากอยทั้งสองแทนที่จะช่วยโรดส์ กากอยทั้งสองประหลาดใจและจ้องมองของขวัญที่กำลังลอยมาหาพวกมัน แต่ในขณะที่พวกมันกำลังเหยียดกรงเล็บไปคว้ารูปปั้นเล็กๆนั้น
ราวกับว่าพวกมันกำลังจะทำสำเร็จ ทันใดนั้นสายลมพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันคือวิหควิญญาณล่องหน! มันพุ่งผ่านอากาศและคว้ารูปปั้นไปก่อนที่กากอยจะทันสังเกต
การเคลื่อนไหวเหล่านี้โรดส์ใช้ความพยายามครั้งสุดท้าย ไม่ว่าความแข็งแกร่งทั้งหมดจะเหลือเท่าไหร่ เขาเก็บดาบและทำสัญลักษณ์มือด้วยมือขวา
วิหควิญญาณกำลังบินกลับมาหาโรดส์เมื่อได้ยินเสียง กากอยทั้งสองหยุดอยู่ระหว่างทาง สายตาของพวกมันมุ่งเป้าไปที่โรดส์อีกครั้ง
“วูซซซซ!!”
กากอยที่อยู่บนพื้นหมุนตัวและตวัดหางไปทางวิหควิญญาณ มันไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆได้ เนื่องจากเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธาตุลมที่ก่อตัวขึ้น
ทันใดนั้น กรงเล็บโผล่มาจากท้องฟ้าและฟาดไปยังร่างของวิหควิญญาณ การคงอยู่ของธาตุลมไม่สามารถคงสภาพไว้ได้ มันสลายหายไป รูปปั้นสีดำลอยไปตามทิศทางเดิม เงาขนาดใหญ่ทั้งสองปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันพยายามใช้กรงเล็บและอ้าปากคว้ารูปปั้นที่อยู่ตรงหน้า แต่พบว่ามันได้ตกไปอยู่ในมือของโรดส์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
[ได้รับอุปกรณ์ควบคุมกากอยที่กำหนดไว้]
[คำสั่ง---]
“Aig” (แปล : คำสั่งให้หยุด)
โรดส์พูดด้วยเสียงต่ำ กากอยที่มีท่าทีไม่เป็นมิตรหยุดทันที แสงสว่างจ้าสว่างบนร่างของกากอย ดวงตาสีแดงกล่ำหายไปในทันที เงาขนาดใหญ่ทั้งสองพุ่งผ่านโรดส์กระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง
ตูม!!! ตามมาด้วยอาการสั่นๆ กากอยสูญเสียพลังและถูกเปลี่ยนกลายเป็นรูปปั้น ตอนนี้พวกมันนั่งอยู่ข้างๆโรดส์ หลังจากสูญเสียพลังเวทมนตร์ พวกมันไม่น่ากลัวอีกต่อไป เศษซากของพวกมันกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
“เฮ้อออ....”
โรดส์ถอนหายใจออกมา ในขณะนั้น เขารู้สึกไม่มีแรง เนื่องจากเขาใช้พลังวิญญาณมากเกินไป เขาไม่มีแรงที่จะยืน แม้แต่แขนขวาที่ถือรูปปั้นอยู่ก็รู้สึกไม่มีแรง แต่ภายนอก เขายังมีสีหน้าสงบนิ่งและนั่งลงอย่างมั่นคง จากนั้นเขาเก็บรูปปั้นไว้ในกระเป๋าของเขา
“คุณโรดส์!”
ไลซ์และแมทวิ่งตรงมาทางเขาและมองเขาด้วยแววตากังวล
“คุณเป็นอะไรไหม!?”
“ผมไม่เป็นไร”
โรดส์หายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้เขาอยากนั่งพักสักครู่ใหญ่ๆ ในเกมการใช้พลังวิญญาณมากเกินไปจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตัวละคร แต่การได้สัมผัสโดยตรงกับความรู้สึกแบบนั้นด้วยร่างกายที่แท้จริงนั้นหนักหนามากเกินไป เขาไม่สามารถล้มลงได้
โชคดีที่หลังจากตรวจสอบหมอกรอบๆ เขาไม่จบเจตจำนงแห่งหมอกบริเวณนี้อีกต่อไป เหมือนกับว่าพวกมันยอมแพ้และแยกย้ายกันออกไป
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะยอมแพ้ไปทั้งหมด แต่ยังถือว่าเป็นข่าวดี โรดส์มักไม่แสดงอารมณ์ของเขาออกมาอย่างชัดเจน ในฐานะหัวหน้าทีม เขาต้องเยือกเย็นและไม่ตกใจกับเรื่องเล็กน้อย ถ้าเขากรีดร้องทุกครั้งที่มีเรื่อง ลูกน้องของเขาคงไม่ปฏิบัติของเขาอย่างจริงจัง แม้ว่าปัจจุบันโรดส์จะไม่ได้เป็นหัวหน้ากิลด์ของผู้เล่นหนึ่งพันคน แต่นิสัยนี้ยังมีผลกับเขา
เนื่องจากท่าทางที่สงบเยือกเย็น นั่นทำให้ไลซ์และแมทรู้สึกโล่งใจ เมื่อครั้งที่พวกเขากำลังค้นหาตัวควบคุม พวกเขากังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านนอก ไลซ์พยายามอย่างหนัก แต่ในกรณีของการระบุไอเทม เห็นได้ชัดว่าแมททำได้ดีกว่าเธอ สุดท้ายพวกเขาพบรูปปั้นเล็กๆมุมห้องๆหนึ่ง พกเขาต้องยอมรับว่าพวกเขาใช้เวลามากเกินไป ถ้าพวกเขาช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว สถานการณ์ในตอนนี้คงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ในตอนแรก โรดส์วางแผนจะผ่านซากปรักหักพังแห่งหมอกอย่างรวดเร็ว แต่เพราะกากอยทั้งสองตัว เขาจึงต้องเปลี่ยนความคิด การเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งสองกินพลังงานอย่างมาก ถ้าเขาไม่ได้พัก การต่อสู้ครั้งต่อไปจะอันตรายมาก ดังนั้นโรดส์จึงตัดสินใจนอนพักในโบสถ์หนึ่งคืนและเดินทางต่อในวันถัดไป เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการซุ่มโจมตีอีกต่อไป เพราะในเกมผู้เล่นใช้โบสถ์แห่งนี้ในการพักผ่อนและจัดระเบียบสิ่งของ ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาใดๆตามมา
แม้ว่าภายในโบสถ์จะมืดมนและน่าขนลุก แต่อย่างที่รู้...แมทไม่มีสิทธิ์ต่อต้านการตัดสินใจของโรดส์
ท้องฟ้ามืดลง
หมอกหนาทึบปกคลุมรอบโบสถ์ เมื่อมองผ่านหน้าต่างไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ ทั้งสามคนนั่งอยู่ตรงกลางโบสถ์ ไม้ที่ถูกทิ้งและม้านั่งที่พังกลายมาเป็นฟืนใช้ก่อไฟ แสงไฟส่องสว่างในยามค่ำคืน สร้างความอบอุ่นให้ทั้งสาม สายลมที่หนาวเหน็บพัดผ่านช่องหน้าต่างที่แตก แทรกผ่านกำแพง ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆทั้งร้อนๆหนาวๆ
ไลซ์เหยียดมือออกมาอย่างระมัดระวังและถอดผ้าพันแผลออกจากหน้าอกของโรดส์ คิ้วของเธอกระตุกเล็กน้อย เมื่อเห็นบาดแผลของเขา
“แผลของคุณเปิดอีกแล้วค่ะ คุณโรดส์”
“ผมรู้”
โรดส์พยักหน้าและไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ ความจริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ตลอดทางเขาเป็นคนที่ต่อสู้อยู่ในแนวหน้าเสมอ แม้ว่าเขาจะระวังเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ เขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้มือซ้าย แต่เมื่อถึงสถานการณ์จวนตัว เขาจำเป็นต้องใช้ ดังนั้นมันจึงทำให้แผลของเขาเปิดอีกครั้ง ตามที่ไลซ์บอก บาดแผลของเขาควรจะหายดีภายใน 2-3 วัน แต่เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าเขาต้องใช้เวลามากกว่า 10 วันหรือมากกว่านั้นในการรักษาให้หายดี
ไลซ์ไม่สามารถบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอช่วยโรดส์ได้คือทำความสะอาดผ้าพันแผลเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ โชคดีที่ก่อนที่เรือบินจะตก ในฐานะนักบวชเธอมีชุดปฐมพยายามไว้บ้าง
เมื่อเธอถอนผ้าพันแผลออก เธอเห็นรอยแผลลึกที่หน้าอกของเขา แมทหายใจเข้าลึกๆ เมื่อมองไปที่แผลของเขา เขาแตะหน้าอกตัวเองด้วยความกลัว มันลึกมาก รอยลึกของกรงเล็บสีดำและร่องรอยบาดแผลอื่นๆ เนื่องมาจากการต่อสู้กับกากอยก่อนหน้านี้ แผลมากมายถูกเปิดออก เลือดสีแดงผสมเข้ากับเลือดสีดำที่แห้งเพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้คนทั่วไปสั่นกลัวได้
ไลซ์หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเทน้ำจากหม้อ จากนั้นกดลงบนหน้าอกของโรดส์ ทำให้ร่างของเขากระตุกโดยไม่รู้ตัว แม้แต่แมทก็ไม่กล้ามองดูภาพตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงหันไปรอบๆโดยไม่กล้ามอง
“ขอโทษค่ะ เจ็บมากไหม?”
“ไม่เป็นไร”
ไลซ์ถามขึ้นด้วยความตกใจ โรดส์ส่ายศีรษะ แม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บปวด แต่เขายังคงทนได้อยู่
เมื่อเธอได้ยินคำตอบ เธอรู้สึกโล่งใจและเช็ดแผลต่อไป ในเวลาเดียวกันเธอแอบสังเกตชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างลับๆ
พูดอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน เขาดูธรรมดามาก เนื่องจากเขาดูมีเสน่ห์และมีผิวขาวมากๆ เธอจึงคิดว่าเขาเป็นขุนนาง แต่ทัศนคติของเขาไม่เหมือนขุนนางหนุ่มทั่วไปที่เธอเคยพบ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอยอมรับเขา ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมองดูเขาอย่างจริงจังมาก่อน ที่ผ่านมาชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนกับผู้หญิงมาก ความประทับใจแรกที่เขามอบให้เธอคือ ‘อ่อนแอ’
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มุมมองของไลซ์เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
เขาต่างจากขุนนางหนุ่มทั่วไป พลังของเขาพิเศษ เขาแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าของเธอ ตัวตนของเขาสงบ เยือกเย็น การติดตามเขาทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ แม้แต่ในสถานการณ์ที่อันตราย เขาก็ไม่ตื่นตระหนก ต่างไปจากรูปร่างของเขา เขาเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
ไลซ์รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงแค่ไหน ตั้งแต่ที่เธอเป็นนักบวชมา เธอรักษาบาดแผลมากมาย ชายหนุ่มที่ผ่านสนามรบกรีดร้องออกมาเมื่อเธอรักษาบาดแผลให้พวกเขา แต่กับโรดส์ที่ไม่เคยปริปากบ่น ไม่เพียงเท่านั้น เขายังต่อสู้ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรงอีกด้วย....
ทันใดนั้นมือของไลซ์หยุดลง
ฉันคิดอะไรกันเนี่ย? นี่มันบ้าไปแล้ว
เด็กสาวส่ายศีรษะไปท่แบะผลักความคิดในหัวของเธอออกไป หลังจากนั้นเธอทำงานของเธอต่อ
โรดส์ไม่ได้สังเกตท่าทางแปลกๆของไลซ์ ตอนนี้เขาสนใจเพียงมือขวาของเขาที่กำลังถืออัญมณีเรืองแสงทั้งสองชิ้น อัญมณีสีแดงเข้ม
มันเป็นของที่ได้รับมาจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หัวใจกากอย!