ตอนที่แล้วบทที่ 51 เครื่องตามรอย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 ที่อยู่ใหม่

บทที่ 52 เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ


บทที่ 52 เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

 

หวังหลิ่นเป็นผู้มีความสามารถพิเศษจริงๆ ด้วย ข่าวนี้ทำให้หลิงม่อประหลาดใจนิดๆ

 

ความจริงแล้วตอนที่เขาพบว่าตัวเองมีความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้ก็เคยคาดเดาแบบนี้ ท่ามกลางโลกาวินาศก็ไม่น่าจะมีแค่ตัวเองที่มีความสามารถพิเศษหรอกมั้ง

 

แม้แต่หวังหลิ่นเองก็บอกไม่ถูกว่า ความสามารถพิเศษนี้ปรากฏกับตัวเองได้อย่างไร ตอนที่เพิ่งจะเริ่มหนีเพื่อรักษาชีวิต ทุกอย่างโกลาหลและตึงเครียดมากเหลือเกิน ถ้าวันนี้ย้อนคิดกลับไป นอกจากทุกวันที่รู้สึกตื่นกลัวจนแทบจะไม่ได้หลับดีๆ แล้วก็แทบจะไม่มีความทรงจำอื่นๆ เกี่ยวข้องเลย

 

อีกทั้งถ้าจะบอกว่าความสามารถพิเศษนี้เกิดขึ้นปุบปับ ไม่สู้บอกว่ามันเหมือนสัญชาตญาณหนึ่งของตัวเองที่ตื่นขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสมจะถูกต้องกว่า

 

แต่สิ่งที่หลิงม่อเป็นกังวลมากกว่าคือ ความจริงแล้วจะใช้ประโยชน์จากความสามารถพิเศษนี้ยังไงให้ตัวเองอยู่ต่อไปให้ดีกว่านี้

 

แต่เมื่อเทียบกับความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้แล้ว ความสามารถพิเศษของหวังหลิ่นนั้นกะโหลกกะลามาก ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ดังนั้นสิ่งที่เธอพึ่งพาอาศัยก็ยังเป็นวิชาดาบของตัวเอง

 

หากมองแบบนี้ ผู้มีความสามารถพิเศษในวันสิ้นโลกก็มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ ความสามารถพิเศษของแต่ละคนก็น่าจะไม่เหมือนกันเลยสินะ สรุปคือไม่รู้ว่าในเมืองนี้มีผู้มีความสามารถพิเศษเหมือนอย่างตนมากมายเท่าไร...

 

ไม่รู้ทำไมหลิงม่อรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่า ระหว่างผู้มีความสามารถพิเศษและซอมบี้เหมือนจะมีจุดที่เหมือนกันอยู่นิดหน่อย

 

หากนับว่าความสามารถพิเศษเป็นวิวัฒนาการอย่างหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นในหมู่มนุษยชาติผู้มีความสามารถพิเศษก็เท่ากับซอมบี้ในหมู่ซอมบี้ที่เกิดการกลายพันธุ์

 

ซอมบี้กลายพันธุ์อาจจะวิวัฒนาการต่อไป แบบนั้นผู้มีความสามารถพิเศษก็จะพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องเหรอ? เกรงว่าคงจะมีแค่ตัวเองเท่านั้นที่ต้องไปเรียนรู้ถึงจะหาคำตอบเจอล่ะมั้ง...

 

ตอนที่พวกหลิงม่อสามคนจากไป หวังหลิ่นจึงได้อ้าปากสูดหายใจเฮือกใหญ่

 

หลังจากที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความรู้สึกหวาดกลัวและความอัปยศ เธอก็ตาแดงไปทันที ขณะเดียวกันสองขาก็อ่อนแรง คุกเข่าอยู่บนพื้น

 

คำพูดที่หลิงม่อเอ่ยขึ้นก่อนจะจากไปยังดังก้องอยู่ในสมองเธอ

 

“จำไว้ว่าอย่าทำเรื่องที่ฉันไม่ชอบใจ จะไม่มีครั้งหน้าอีก”

 

ตอนที่หลิงม่อพูดประโยคนี้ สายตาเย็นยะเยือกของเขาก็ทำให้หวังหลิ่นรู้สึกหวาดผวาจากก้นบึ้งของหัวใจเล็กน้อย...

 

หลังจากลงมาจากอาคาร อยู่ๆ ซย่าน่าที่ตามติดหลังหลิงม่อก็เอ่ยถามเบาๆ “นายไม่ฆ่าเธอ...เพราะอะไร...”

 

“หืม?” หลิงม่อผงะ

 

ซย่าน่าพูดต่ออีก “ฉันรู้สึกว่า...นายอยากฆ่าเธอ...”

 

สีหน้าหลิงม่อเปลี่ยนไปทันที เขาเกิดความรู้สึกอยากฆ่าหวังหลิ่นขึ้นมาจริงๆ แหละ แต่เห็นแก่ที่ถึงยังไงอีกฝ่ายก็เป็นน้องของซย่าน่า และน่าจะเป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวของซย่าน่าในโลกใบนี้ ก็เลยล้มเลิกความคิดนี้ไป

 

แม้เธอจะเป็นคนนำเรื่องเดือดร้อนมาให้ แต่มองจากตอนจบแล้ว เธอก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้เขา ทว่ายังถูกสั่งสอนอย่างเหี้ยมโหดไปชุดหนึ่ง และสุดท้ายก็ถูกเขาริบอาวุธไปด้วย

 

สิ่งที่ทำให้หลิงม่อตะลึงก็คือ ซย่าน่าที่ดูเหมือนมึนๆ งงๆ กลับแอบสำรวจอย่างละเอียดและตั้งใจใช้ความคิด...

 

“หวังหลิ่นเป็นน้องสาวของเธอ เห็นแก่หน้าเธอ ฉันฆ่าหวังหลิ่นไม่ได้หรอก” หลิงม่อหัวเราะบอก

 

“ฉันไม่ค่อยเข้าใจนัก...” ซย่าน่าพยักหน้า “แต่ถ้าฆ่าแล้ว...ไม่รู้ว่าทำไม...ฉันอาจจะ...รู้สึกไม่ดี”

 

“นั่นสิ ถึงยังไงระหว่างพวกเธอก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด”

 

หลิงม่อกำลังเตรียมพาซย่าน่าจากไป แต่อยู่ๆ กลับสังเกตเห็นเหมือนที่คอของซย่าน่ามีอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมา จึงดึงเธอไว้ด้วยความประหลาดใจอย่างมาก แล้วเอื้อมมือปัดผมที่ยุ่งอยู่ตรงหน้าอกของหญิงสาว

 

ในสายตาของซย่าน่าแวบหนึ่งเกิดประกายขัดขืน “อย่าบีบ...”

 

“ฉันไม่ได้จะบีบหน้าอกเธอ! เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นหรือยังไง?” หลิงม่อถลึงตาใส่ซย่าน่าอย่างผู้มีศีลธรรม จากนั้นก็ล้วงสิ่งที่ห้อยอยู่ที่คอของเธอออกมา

 

นี่คือมีดหยดขนาดจิ๋วที่เนื้อดีมากและดูเหมือนจะมีอายุเล็กน้อย แม้หลิงม่อจะดูหยกไม่เป็น แต่ก็รู้สึกว่าหยกชิ้นนี้จะต้องเป็นของล้ำค่าหายากแน่นอน งานแกะสลักงามประณีต ลูบแล้วให้สัมผัสเย็นลื่น ด้ามมีดก็ยังสลักตัวอักษรด้วยตัวอักษรจ้วน[1] เป็นคำว่า ‘หวัง’

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่หลิงม่อช่วยเช็ดตัวทำความสะอาดให้ให้ซย่าน่าก็ไม่เคยเห็นหยกประดับชิ้นนี้

 

“ตั้งแต่เมื่อไร...”

 

ใช่แล้ว ตอนที่เพิ่งจากมา ซย่าน่าเดินรั้งท้าย เห็นชัดว่าหวังหลิ่นฉวยโอกาสนี้เอาหยกประดับให้ซย่าน่า

 

เรื่องนี้ทำให้หลิงม่อผงะไป อดหันกลับไปมองโรงแรมด้านหลังไม่ได้

 

ท่าทีที่หวังหลิ่นแสดงต่อซย่าน่านั้น ช่างปากไม่ตรงกับใจเลยจริงๆ หรือว่าที่เธอตั้งใจตามมานี้ ไม่ใช่แค่มาแย่งมีดของเธอกลับไป แต่ยังเอาของชิ้นนี้มาให้ซย่าน่าด้วย?

 

ไม่ว่าจุดประสงค์จะคืออะไร ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงชั่วคราว วิธีการของเธอห่วยแตกไปหน่อย ชวนให้ขยะแขยง หลังจากครั้งนี้ เธอก็น่าจะได้บทเรียนแล้ว

 

“นี่คงเป็นหยกมรดกตกทอดของสกุลหวังล่ะมั้ง” หลิงม่อถอนหายใจ แล้วเอาหยกยัดใส่กลับเข้าไปในคอเสื้อของซย่าน่า แต่ในเวลาเดียวกัน เขากลับรู้สึกหวั่นไหว ใบหน้าพลันเกิดมีสีหน้าประหลาด “ซย่าน่า เธอน่าจะจำหวังหลิ่นได้ใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ให้ยอมให้หวังหลิ่นเข้าใกล้หรอก และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะให้หวังหลิ่นเอาหยกชิ้นนั้นมาห้อยคอเธอด้วย!”

 

ซย่าน่าเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนกำลังเรียบเรียงถ้อยคำ หลิงม่อกลับมองเธออย่างใจจดใจจ่อ

 

“อื้ม รู้จักเธอ เป็นน้องสาวของฉัน...” ซย่าน่ายอมพยักหน้าในที่สุด แล้วชี้ที่ศีรษะตัวเอง “คิดเยอะแยะ สับสน”

 

“ไม่เป็นไร ไม่รีบ ค่อยๆ คิด จะต้องคิดออกทั้งหมดแน่นอน ถึงตอนนั้นเธอก็จะกลับมาเป็นซย่าน่าคนก่อนแล้ว”

 

หลิงม่อคลี่ยิ้มพอใจ หยิกแก้มซย่าน่า

 

ทว่าประโยคต่อมาที่ซย่าน่าพูดกลับทำให้หลิงม่อตัวแข็งทื่อไปเลย “ฉันไม่อยากกลับไปเป็น...ซย่าน่าคนก่อน ฉันกับเลี่ยนเป็นแบบเดียวกัน ดังนั้น...ไม่อยากจำได้”

 

คิดมาได้ถึงขั้นนี้ สติปัญญาของซย่าน่าฟื้นคืนกลับมามากจริงๆ...หลิงม่อมองซย่าน่าด้วยความรู้สึกว่างเปล่า พลันหัวเราะขมขื่นอยู่ในใจ

 

นั่นสิ ไม่ว่าสุดท้ายซย่าน่าจะฟื้นคืนสติปัญญาได้หรือไม่ แต่ร่างกายซอมบี้ของเธอก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และยังจะพัฒนาต่อไปไม่หยุดด้วย ไม่ว่าจะซย่าน่าหรือเย่เลี่ยน พวกเธอต่างก็ห่างจากความเป็นคนธรรมดาไกลออกไปเรื่อยๆ แม้พวกเธอจะฟื้นคืนสติรับรู้ในที่สุด แต่ก็จะไม่มีใครเห็นพวกเธอเป็นมนุษย์ และมุมมองที่พวกเธอมองคนอื่นๆ ก็คือผู้ล่ามองเหยื่อเช่นกัน

 

อยู่ๆ หลิงม่อก็รู้สึกว่า ตัวเองน่าจะยอมรับข้อนี้ได้ตั้งนานแล้้ว แม้ซย่าน่าจะฟื้นคืนสติปัญญาได้บ้าง แต่เวลาเธอเผชิญหน้ากับคนที่ไม่รู้จัก ก็ยังคงแสดงความมุ่งร้ายอย่างแรงกล้า แม้เธอจะจำหวังหลิ่นได้ แต่ท่าทีที่แสดงต่อหวังหลิ่นก็เย็นชา น่าจะเพราะความทรงจำในส่วนที่เกี่ยวกับความรักระหว่างคนในครอบครัวถูกปลุกขึ้นมาบางส่วน เธอจึงพูดคำพูดเมื่อครู่นี้ออกมา แต่ความรู้สึกนี้คือความทรงจำ ไม่ใช่ความรู้สึกที่เป็นของซย่าน่าในตอนนี้

 

นี่คือสัญชาตญาณของการเป็นซอมบี้ แม้อาหารการกินของพวกเธอจะกลายเป็นก้อนไวรัส ไม่ได้กินเนื้อคนที่ดิบๆ สดๆ แต่ในฐานะที่เป็นซอมบี้ พวกเธอก็ไม่มีทางเป็นมิตรกับคนเป็นๆ

 

ภายนอกแล้วเธอยังเป็นซย่าน่าคนนั้นในตอนแรก แต่ภายในนั้นได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว...

 

แล้วเย่เลี่ยนเองก็คงเหมือนกันสินะ...

 

พอเห็นหลิงม่อเงียบไม่พูดไม่จา ซย่าน่าเหมือนจะรู้สึกถึงความสับสนในใจของหลิงม่อได้ผ่านทางสายสัมพันธ์ทางจิต

 

อยู่ๆ เธอก็ยื่นมือออกมาหยิกแก้มหลิงม่อเบาๆ “นายไม่ใช่แบบเดียวกัน...แต่...ไม่เหมือน กับคนอื่น”

 

ความอบอุ่นพลันทะลักเข้ามาในหัวใจของหลิงม่อ

 

เขาสามารถรับรู้ได้จากสายสัมพันธ์ทางจิตที่ลึกซึ้งขึ้นว่า ในความรับรู้ของซย่าน่าและเย่เลี่ยน พวกเธอยิ่งสนิทสนมกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ

 

จริงๆ แหละ ขอแค่พวกเธอเห็นเขาไม่เหมือนกับคนอื่นๆ มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ?

 

หลิงม่อหัวเราะเยาะตัวเอง จากนั้นก็คลี่ยิ้มประหลาด “จำไว้นะว่า มีแค่ฉันที่หยิกแก้มเธอได้ แต่เธอหยิกแก้มฉันไม่ได้ ต่อไปเวลาที่อยากจะแสดงความรัก...ให้ใช้จูบ”

 

ซย่าน่าเพิ่งจะทำหน้างงๆ กลีบปากก็ถูกหลิงม่อจุ๊บเบาๆ หนึ่งที

 

“จำได้แล้วใช่ไหม?”

 

“อื้ม”

 

“ทำอีกครั้งให้ฉันดูหน่อย ฉันทำไปเพื่อสอนเธอนะ รู้รึเปล่า?”

 

“…อื้ม ได้สิ...”

 

เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการลำเอียง หลิงม่อจึงจูบเย่เลี่ยนแรงๆ หนึ่งที

 

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ ตอนที่ผละจากเย่เลี่ยนแล้ว อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนเลือดของตัวเองเดือดพล่านขึ้นมา เสียงหัวใจเต้นส่งเสียงโครมครามดังลั่นในทันทีทันใด

 

“ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!”

 

เสียงหัวใจเต้นเหมือนรัวกลองดังขึ้นข้างหู เลือดทั่วทั้งตัวไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ความร้อนส่งผ่านมาจากหน้าท้อง พริบตาก็ไหลเวียนไปทั่วร่าง

 

หลิงม่อสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ความรู้สึกนี้เคยเกิดขึ้นในครั้งแรกที่จูบเย่เลี่ยน!

 

แค่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการกลายพันธุ์ หลิงม่อจึงจัดความรู้สึกแบบนี้เป็นความรู้สึกทางจิตใจ แต่ตอนนี้มันปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง ก็สามารถพิสูจน์ได้โดยสมบูรณ์ว่า ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือว่าตอนนี้ ความรู้สึกแบบนี้เป็นความจริง!

 

ชัดเจนมากว่า ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่อารัมภบทของการกลายพันธุ์

 

แต่ทำไมหลังจากที่ได้รับน้ำหวานจากพวกเธอแล้ว ตัวเองจึงเกิดปฏิกิริยาแบบนี้ล่ะ?

 

หรือว่านอกจากเลือดแล้ว ของเหลวอื่นๆ ในร่างกายของพวกเธอจะมีไวรัสปนอยู่ด้วย? แต่ถ้าหากเป็นไวรัส แล้วทำไมตัวเขาถึงไม่กลายพันธุ์ไปด้วย? น่าเสียดายที่การคาดเดาเหล่านี้อาจจะพิสูจน์ไม่ได้...

 

คราวก่อนความรู้สึกแปลกๆ นี้กินเวลาถึงยี่สิบกว่านาที แต่คราวนี้เวลากลับสั้นลงมาก น่าจะสองสามนาทีหลังจากนั้น หลิงม่อก็รู้สึกเป็นปกติแล้ว

 

และจนกระทั่งก่อนนี้ หลิงม่อก็ได้พบเรื่องหนึ่งที่น่าตกตะลึงที่สุด!

 

หลังจากที่ความรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงราวกับเมาเหล้านั้นหายไป หัวของเขาก็สดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งเรี่ยวแรงที่ใช้ไปจนหมดก็เหมือนจะกลับมาหมด!

 

น้ำหวานที่สาวๆ ซอมบี้ผลิตออกมาเหมือนจะไม่ใช่แค่ไม่เป็นพิษ ทว่ายังให้ผลวิเศษมากๆ อีกด้วย! แค่ดูผลของมัน ก็น่าจะคล้ายๆ กับการโด๊ปยา

 

น่าจะคล้ายๆ กับพิษผึ้ง พิษงู อิงจากวิธีใช้ที่แตกต่าง ความเข้มข้นที่แตกต่าง ไม่เพียงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายคน ทว่ายังเป็นประโยชน์อีกด้วย!

 

ไวรัสซอมบี้ที่แต่เดิมน่ากลัว หลังจากที่ผ่านการ ‘ทำให้บริสุทธิ์’ ภายในร่างกายพวกเธอและหลอมรวมเข้าไปในน้ำแล้ว ก็กลายเป็นสารกระตุ้นที่กินได้!

 

ภาพตรงหน้าหลิงม่อสว่างวาบทันที สายตาที่มองซย่าน่าและเย่เลี่ยนก็เปลี่ยนเป็นร้อนแรงกว่าเดิม

 

ไม่เสียแรงที่เป็นสาวๆ ซอมบี้ของฉัน ล้ำค่าไปหมดทั่วทั้งตัวเชียวนะ...

 

+++++

[1] ตัวอักษรจ้วน (篆字 หรือ 篆书)เป็นตัวอักษรจีนแบบหนึ่งที่มีรูปทรงอักษรสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงสูง เข้ามาแทนที่ยุคตัวอักษรที่เป็นภาพ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด