ตอนที่แล้วGE103 กระบี่แยกสวรรค์ กระบี่ใหญ่ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE105 ข้าเดิมพันว่าหนิงฝานชนะ [ฟรี]

GE104 เวทีนภาหยกม่วง แจกันสะสมทรัพย์ [ฟรี]


ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าหนิงฝานทำสิ่งใดในถ้ำ ยามนี้ได้ล่วงถึงเวลาประลองของหนิงฝานและไป๋เฟยเถิง เหล่าผู้เชี่ยวชาญมากมาย จึงได้มุ่งมายังนิกายกุ่ยเชว่เพื่อรอรับชมการประลองที่หาได้ยาก

สูงขึ้นไปจากนิกายกุ่ยเชว่ 1000 จ้าง เวทีประลองสีม่วงขนาดใหญ่ลอยเด่น กุ่ยเชว่ชื่อลงทุนไปไม่น้อยเพื่อสร้างเวทีประลองที่อลังค์การเช่นนี้

เวทีประลองมีชื่อว่า ‘เวทีนภาหยกม่วง’ ในอดีตนิกายเทียนหลีโม่เคยมีเวทีประลองเช่นนี้ลอยเด่น เมื่อเมื่อนิกายเทียนหลีโม่ถูกทำลาย นิกายกุ่ยเชว่ก็กลายเป็นนิกายฝ่ายอธรรมอันดับหนึ่งของแคว้นเยว่

นิกายกุ่ยเชว่มี 4 ปีศาจเฒ่า มีผู้อาวุโสอยู่หลายคน และหนิงฝานฝานก็เป็นผู้อาวุโสรุ่นเยาว์ที่เพิ่งมาใหม่ แต่กลับสร้างแรงกดดันให้กับนิกายไม่น้อย

แสงตะวันสาดส่องลงมาจากท้องนภา… เหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณต่างพากันเหยียบย่างนภา นอกจากนี้ยังเหล่าผู้มั่งคั่งขี่เมฆเซียน เหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำโดยสารเรือเหาะขนาดใหญ่ มุ่งหน้าไปยังเวที ประลอง

เพื่อให้เกิดความสงบ นิกายกุ่ยเชว่ได้จัดให้กองทัพจำนวน 500 นาย แต่ละนายเป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 6 ขึ้นไป โดยสารสัตว์อสูรบิน เข้าต้อนรับแขกเหรื่อที่มา และนำไปยังเวทีประลอง

ผู้นำทัพนิกายกุ่ยเชว่...ยิ่งหยาง รับหน้าที่ดูและแขกผู้มีชื่อเสียง

หยิงหยางสวมชุดเกราะสีดำ เป็นชายวัยกลางคนมีรอยแผลถูกฟันที่ใบหน้า ขี่นกสูงสามจ้างโบนบินบนท้องนภา

เมื่อมันเห็นว่ามีแขกเหรื่อโดยสารสมบัติมา มันจะเร่งไปรับหน้าอย่างรวดเร็ว

ยิ่งหยางคือผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของนิกาย แต่ด้วยที่ต้องเป็นแม่ทัพ มันจึงท่าทีดูเย่อหยิ่ง

หากแขกเหรื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ มันจะคารวะให้เล็กน้อย แต่กหากเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ มันจะยิ้มรับอย่างสุภาพ ยิ่งหยางเป็นถึงหนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเยว่ แม้อีกฝ่ายจะเป็นเหล่าบรรพบุรุษของตระกูล ยิ่งหยางยังควรค่าแก่การเคารพมากกว่า

“แม่ทัพยิ่งหยาง ยินดีที่ได้พบท่าน ผู้น้อยผู้อาวุโสนิกายอัสนีม่วง...ซ่งฉิง”

“ยินดีที่ได้พบเช่นกัน ผู้อาวุโสซ่งฉิง...” ยิ่งหยางยิ้มให้เล็กน้อย เพราะซ่งฉิงเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง

“ข้าตาเฒ่าชิงเฉิง… ยินดีที่ได้พบแม่ทัพยิ่งหยาง...”

“โอ้? สหายเต๋าชิงเฉิง เชิญมากับข้าทางนี้ ข้าจะนำทางท่านสู้เวทีประลอง!” น้ำเสียงของยิ่งหยางผ่อนคลายลงเล็กน้อย เพราะชิงเฉาเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น

“นี่คือฮูหยินหยุนฮว๋า วันนี้นางมาเยือนนิกายกุ่ยเชว่โดยเฉพาะ”

“โอ้! คาดไม่ถึงว่าฮูหยินจะมาเยือนนิกายข้า... ข้าต้อนรับท่านได้ไม่ดีนัก ขออภัยด้วย!” แววตาของยิ่งหยานเผยความเคารพ มันสัมผัสได้ถึงความร้อนสายหนึ่งที่พัดพามาจากนาง จนต้องกลืนน้ำลาย

ฮูหยินหยุนฮว๋า หรือสตรีที่งดงามอันดับหนึ่งของแคว้นเยว่ แม้ว่านางจะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง แต่เสน่ห์ของนางกลับทำให้บุรุษแทบทุกผู้หลงไหล เพียงแต่ สามีของนางคือผู้นำนิกายเพลิงเมฆา… สาวงามกับปีศาจเฒ่าเป็นสามีภรรยาไม่นับเป็นเรื่องแปลก นั่นทำให้ยิ่งหยางต้องเคารพนาง

ที่น่าแปลกคือเหตุใดนางถึงมาเยือนนิกายกุ่ยเชว่ได้อย่างอิสระ เพราะด้วยนิสัยของสามีนางแล้ว มันเป็นคนจิตใจคับแคบ ไม่ยอมให้ผู้ใดได้เห็นสตรีของตน ทำให้การเดินทางออกนอกนิกายเพลิงเมฆา กลายเป็นสิ่งต้องห้ามไป

นั่นอาจหมายความว่า การที่นางเยือนนิกายกุ่ยเชว่ เพราะเป็นคำสั่งของสามี… ผู้นำนิกายเพลิงเมฆาอาจมีเรื่องสำคัญ ที่จะให้ผู้ใดล่วงรู้ไม่ได้ กระทั่งตัวตนระดับสูงของนิกายยังไม่เว้น

“อืม! หากมีผู้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่มันต้องการจะทำคงนำปัญหายากเกินหยั่งถึงมาให้...”

ยิ่งหยางขบคิดถึงความน่ากลัวของผู้นำนิกายเพลิงเมฆา มันยิ่งหวาดกลัวและไม่กล้ามองฮูหยินหยุนฮว๋า

ยามนี้ได้เลยเวลาการประลองมาแล้ว เวลาล่วงเลยเกินกว่า 6 เดือน แต่หนิงฝานยังไม่ปรากฏ แต่ผู้ที่มาก็ยินดีจะรอ เพราะสำหรับผู้ฝึกฝนตนนั้น การเสียเวลาเพียงไม่กี่วันไม่นับเป็นอันใด

การที่มีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมชมงาน ก็ต้องมีการเดิมพันเกิดขึ้น บางที การผู้ที่เชี่ยวชาญจำนวนมางาน อาจมีเป้าหมายคือการเดิมพัน

“ผู้เชี่ยวชาญมากันมากหน้าหลายตาจริงๆ...” ยิ่งหยางลูบแผลบนใบหน้าพลางถอนหายใจ

“เป็นเรื่องธรรมดา ใครๆก็อยากดูการประลองทั้งนั้น”

เสียงคนกล่าวดังขึ้นไม่ให้ซุ่มให้เสียง ยิ่งหยางเสียวสันหลังวาบ แต่เมื่อมันหันหลังกลับไป มันจึงผ่อนคลาย ในโลกของผู้ฝึกตนนั้น การที่อีกฝ่ายเข้าข้างหลังโดยที่ตนเองไม่อาจสัมผัสถึง นับเป็นเรื่องอันตรายอย่างที่สุด ที่สำคัญ สถานที่แห่งยังเป็นนิกายกุ่ยเชว่ของมัน

“ยิ่งหยางคารวะปีศาจไป๋!”

ยิ่งหยางมองสำรวจร่างไป๋เฟยเถิงด้วยความตกตะลึง

ระดับพลังของไป๋เฟยเถิงบรรลุไปอีกขั้น ทำให้มันเร้นกายของตนได้อย่างสมบูรณ์ ยามนี้มันสมควรบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูง

“ไม่ต้องมากพิธี… หนิงฝานมาหรือยัง?” แววตาของไป๋เฟยเถิงเผยถึงความมั่นใจ

“ยังไม่มา… ผู้อาวุโสหนิงฝานกำลังเก็บตัวฝนฝนอยู่...”

“ฮึ่ม! ไม่รู้จักมารยาทเสียจริง! ให้ผู้อาวุโสไปตามมัน!”

ไป๋เฟยเถิงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

มันต้องอดทนรอการประลองกับหนิงฝานถึง 6 เดือน มันเฝ้ารอวันนี้อย่างอดทน แต่หนิงฝานกลับมาช้า

“เอ่อ… ผู้อาวุโสหนิงช่างไร้มารยาท ปล่อยให้ท่านรอ...”

ยิ่งหยางยิ้มเจื่อน สำหรับมันแล้ว ไม่ว่าไป๋เฟยเถิงกล่าวอะไรก็ถูกไปเสียหมด แต่ทันทีที่มันกล่าวจบ สัมผัสอันตรายที่รุนแรงยิ่งกว่าไป๋เฟยเถิงได้ปรากฏขึ้นข้างหลังของพวกมัน

ไม่เพียงยิ่งหยางที่ตกตะลึง ไป๋เฟยเถิงก็เช่นกัน เพราะมันไม่อาจสัมผัสได้ว่าคนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่!

“อา… เป็นอย่างแท้ทัพยิ่งหยางกล่าว ข้าหนิงฝานชออภัยด้วย...”

ผู้เยาว์ในชุดคลุมขาวดำปรากฏตัวขึ้นด้านหลังยิ่งหยางโดยที่มันไม่อาจสัมผัสถึง!

แววตาที่มีความสุขของมันได้แปรเปลี่ยนหวาดกลัว หากมันสัมผัสไม่ผิด มันรู้สึกราวกับมันกำลังจะถูกหนิงฝานสังหาร!

“ผะ...ผู้อาวุโสหนิง ข้ายิ่งหยางปากไม่ดี! ยกโทษให้ข้าด้วย!”

หวาดกลัว! หวาดกลัวอย่างที่สุด! นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้อยู่ใกล้หนิงฝานขนาดนี้ ยิ่งคิดมันยิ่งหวาดกลัว

ชื่อเสียงของหนิงฝานไม่เป็นเหมือนข่าว แต่เหนือกว่าข่าวลือเป็นอย่างมาก เขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!

“ฮ่าฮ่า… ขอโทษอะไรกัน แม่ทัพยิ่งหยางไม่ต้องตื่นกลัวไป… ข้าเพิ่งออกจากถ้ำฝึกฝน ปราณยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ ต้องใช้เวลาอีกหลายวันฟื้นฟู… แต่บนเวทีประลองนั่นมีผู้คนมากมายรอข้า… รอให้ข้าใช้ชื่อปีศาจหนิง ข้าชอบชื่อนี้นัก...”

หนิงฝานป้องมือให้ยิ่งหยางเล็กน้อย ก่อนเหยียบย่างนภาตรงไปยังเวทีประลอง แต่เมื่อหนิงฝานไป สีหน้าไป๋เฟยเถิงแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์อย่างที่สุด

คำกล่าวของหนิงฝานทั้งเสียดสี เหยียดหยาม ไร้ซึ่งความเคารพ ยิ่งผู้กล่าวเป็นเพียงผู้เยาว์ยิ่งน่าเจ็บใจ

“ฮึ่ม! เจ้าจะผยองได้เฉพาะแค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า การอวดดีกับผู้อาวุโสจะเป็นยังไง!” ไป๋เฟยเถิงขบฟันกล่าว

เมื่อหนิงฝานปรากฏตัวบนเวทีประลอง ฮูหยินหยุนฮว๋าที่นั่งพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆอยู่นั้น กลับขมวดคิ้ว แววตาแปรเปลี่ยนตกตะลึง

“เด็กคนนี้ เป็นไปตามที่สามีข้ากล่าว… อืม เช่นนั้น ข้าต้องทำสิ่งที่สามีมอบหมายให้สำเร็จ”

“เปิดรับเดิมพัน เดิมพันว่าผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ...”

บนเวทีประลอง ผู้เยาว์ที่มีลักษณะคล้ายขอทาน ได้กล่าวเปิดการเดิมพันโดยที่ตนเป็นเจ้ามือ

ในระหว่างที่รอชมการประลองนั้น มีผู้เชี่ยวชาญบางส่วนที่เปิดรับการแลกเปลี่ยนโอสถ และสมบัติที่ไม่ได้มีมูลค่าสูงนัก

และยามนี้ก็มีผู้กล่าวเปิดการเดิมพัน

ผู้เยาว์ที่ดูเหมือนขอทานผู้นั้น มีผมเผ้ายุ่งเหยิง อาภรณ์ขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมม เครายาวรุงรัง แต่เนื้อแท้กลับเป็นผู้ที่มีใบหน้าหล่อเหลา และดูแข็งแรง

เมื่อได้ยินว่ามีผู้เปิดรับเดิมพัน ผู้เชี่ยวชาญที่กำลังเบื่อก็เข้าร่วม

“เปิดรับเดิมพัน ไม่ว่าสหายเต๋าผู้ใดก็วางเดิมพันได้เพียงใช้หยกสวรรค์” ผู้เยาว์คนนั้นกลับคนอื่นๆไม่ได้ยิน จึงกล่าวเสียงดังจนได้ยินทั่วลานประลอง เหล่าผู้เชี่ยวชาญจึงดูครึกครื้นมากขึ้น

“เด็กผู้นั้นอยู่ระดับใด ถึงได้กล้ากล่าวอย่างเปิดเผยเช่นนั้น...” ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายผู้หนึ่งกล่าว

“ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้น… ให้ฆ่าเลยหรือเปล่า?” ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลางอีกคนกล่าว

“ช่างเถอะ ที่นี่เป็นเขตของนิกายกุ่ยเชว่ ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด...”

ผู้เยาว์ขอทานไม่รู้ว่าการที่มันกล่าวเสียงดัง จะทำให้คนอื่นไม่พอใจ

แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากก็ยังให้ความสนใจเดิมพัน… การเดิมพันเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไป

“ฮ่าฮ่า… สหายเต๋า ในเมื่อเจ้ารับเดิมพัน แล้วจะเดิมพันอะไร?” ชายชราผู้หนึ่งยิ้มพลางกล่าว

“โอ้! ฮ่าฮ่า ขออภัยด้วย… วันนี้ข้า ‘ชู่ปู้ยวิน’ เปิดรับเดิมพันอย่างกระทันหันเกินไป เช่นนั้น...การเดิมพันคือ...เดิมพันว่าการประลองใครจะเป็นผู้ชนะ!”

“ฮึ่ม!”

ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนมองชู่ปู้ยวิน มันเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น แต่กลับหาญกล้ารับเดิมพันการประลองระหว่างหนิงฝานและไป๋เฟยเถิง

ไม่ว่าฝ่ายใดเดิมพันชนะหรือแพ้ แต่ละฝ่ายต้องไม่พอใจกันอยู่ดี

แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะยังไงซะมันก็คือการเดิมพัน

เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่รอฟังคำกล่าวของชู่ปู้ยวิน ได้ยินสิ่งที่มันกล่าว ทั้งหมดแค่นเสียงและไม่กล่าวสิ่งใดต่อ

“เอ่อ… สหายเต๋า ข้าว่าเจ้าลืมบอกกฏการเดิมพันไป เจ้าจะให้พวกข้าเดิมพันเช่นไร...” ชายชราคนหนึ่งกล่าว

“โอ้! ข้าลืม...ขออภัยด้วยข้าลืมจริงๆ ฮ่าฮ่า ข้าความจำไม่ค่อยดี”

“เจ้าต้องให้ความสำคัญกับการเดิมพันด้วย เพราะนี่เป็นการประลองของผู้อาวุโสหนิงและไป๋เฟยเถิง” ชายชราคนหนึ่งกล่าวเตือน

“การกระทำเช่นนั้นนับเป็นเรื่องไร้มารยาท… เช่นนั้น ข้าจะเขียนกฏการเดิมพันลงบนป้าย จะได้ไม่ลืม...”

ผู้เยาว์คนนั้นสัมผัสกระเป๋า นำป้ายไม้โบราณออกมาแผ่นหนึ่ง เพื่อเขียนกฏการเดิมพันเข้าไป… ดูเหมือนผู้เยาว์คนนี้จะทำแบบนี้บ่อยๆ

มันทำมือคล้ายมีด โคจรปราณ และตัดป้ายไม้ออกมาส่วนหนึ่ง จากนั้นนำปากกาด้านหนึ่งออกมา เลียน้ำลายที่หัวปากกา ราวกับปากกาไม่มีหมึกก็เขียนได้

“หืม? ป้ายไม้นั่น… ต้นไม้สวรรค์หมื่นปี!”

“ใช่! ส่วนนั้นคือปากกเทพ แม้ไม่มีหมึกก็เขียนได้ ตามตำนานกล่าวขาน มีเพียงวังพิรุณเท่านั้นที่มี หรือเด็กนี้จะเป็นผู้คุ้มกันของวังพิรุณ”

แล้วชู่ปู้ยวินเขียนตัวอักษรลงบนแผ่นไม้

หากหนิงฝานชนะต้องจ่าย 1 หยกสวรรค์

หากหนิงฝานถอนตัวต้องจ่าย 100 หยกสวรรค์

และหากหนิงฝานแพ้ต้องจ่าย 1000 หยกสวรรค์

เมื่อเขียนเสร็จ ชู่ปู้ยวินที่มองตัวอักษรก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

เมื่อผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆได้เห็นกฏการเดิมพัน ต่างก็ขบคิด

เด็กนั่นอาจจะบ้าไปแล้วถึงได้เขียนกฏเช่นนั้น...

หากหนิงฝานเป็นผู้ชนะ ฝั่งที่แพ้ต้องจ่าย

การเดิมพันในครั้งนี้ หากหนิงฝานถอนตัว ผู้ที่ทายถูกจะได้รางวัลเป็น 100 หยกสวรรค์

แต่หากลงเดิมพันว่าจะเอาชนะได้ ก็มีโอกาสได้หยกสวรรค์จำนวน 1000!

การตั้งกฏเดิมพันเช่นนี้ทำให้สูญหยกสวรรค์ไปโดยใช่เหตุ แต่ผู้คนทั้งหมดยังเชื่อว่าหนิงฝานจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ ไป๋เฟยเถิงเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงของแคว้นเยว่ หากยังแพ้ให้ผู้เยาว์ คงไม่มีหน้าไปพบใคร

หากเดิมพันว่าหนิงฝานจะแพ้ ผู้ที่เดิมพันมีโอกาสมากที่จะได้ 1000 หยกสวรรค์

หากเดิมพันว่าหนิงฝานจะหนี แต่ถ้าเขาไม่หนีและพ่ายแพ้การประลอง หยกสวรรค์ที่เดิมพันจะถูกยึด แต่ด้วยหนิงฝานแข็งแกร่งและไป๋เฟยเถิงก็ห่วงหน้าตา มันคงไม่ยอมให้หนิงฝานหนีได้

หากเดิมพันว่าหนิงฝานจะชนะ… ไม่มีผู้ใดสนใจ เพราะยังไงซะหนิงฝานก็ไม่มีทางสู้ได้

“ข้าเดิมพันว่าหนิงฝานแพ้… นี่ 1000 หยกสวรรค์! แต่ข้าสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง… ถ้าเกิดข้าชนะเดิมพัน ข้าจะได้หยกสวรรค์ 1 ล้านใช่หรือไม่?”

ชายชรากล่าวถาม และดึงดูความสนใจจากคนอื่นๆ

หากชนะชายชราคนนั้นจะได้หยกสวรรค์จำนวนมาก นั่นทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆอยากเดิมพัน

หยกสวรรค์ 1 ล้าน… ชู่ปู้ยวินจะมีหยกสวรรค์มากขนาดนั้นได้ยังไง

เมื่อได้ยินคำถาม ผู้เยาว์คนนั้นก็หันกลับมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ที่ท่านถามเพราะกลัวว่าข้าไม่มีหยกสวรรค์จ่ายเหรอ… บ้าน่า… ข้าแต่งตัวดูเหมือนคนยากจนจนาดนั้นเลยเหรอ?”

เสียงของผู้เยาว์ดังสะท้อนไปทั่ว ทำให้ผู้ที่ได้ยินหันมองด้วยความไม่พอใจ

แต่การแต่งตัวของผู้เยาว์คนนี้ก็ดูเหมือนยาจกเสียด้วยซ้ำ

เมื่อหวนคิดถึงแผ่นป้ายและปากกา ผู้เยาว์คนนี้อาจมีที่มาไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญคิดกัน

เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆกำลังดูหมิ่นตน มันก็ขมวดคิ้ว สัมผัสกระเป๋าแล้วนำแจกันที่ชำรุดใบหนึ่งออกมา แล้วนำหยกสวรรค์จำนวนหนึ่งใส่ลงไป

“นี่คือของตกทอดของตระกูลข้า แบบนี้แล้วพอใจหรือยัง? ข้าจะใช้หยกสวรรค์พวกนี้เดิมพัน”

“หยกสวรรค์เพียงแค่นี้… เจ้าล้อพวกข้าเล่นหรือ” ผู้เชี่ยวชาญหลายคนไม่พอใจ ดูเหมือนหยกสวรรค์จะน้อยเกินไป

“พวกท่านคงหูตาไม่ดี ใครบอกว่ามีหยกสวรรค์แค่นั้น?” ผู้เยาว์เผยสีหน้าลึกลับ

“ก็เจ้าใส่ลงไป 10 หยกสวรรค์ จะมี 11 ได้อย่างไร?”

“ฮึ่ม! ไร้สาระ ถึงข้าจะจน แต่ข้าไม่ได้จนขนาดนั้น! ‘แจกันสะสมทรัพย์’ จะทำให้ข้ามั่งคั่ง!”

ผุ้เยาว์คนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าโกรธเคือง มันคว่ำแจกันลง มีหยกสวรรค์จำนวนมากหล่นออกมา… ตอนแรกใส่หยกสวรรค์เข้าไป 10 แต่ตอนนี้กลับมีหยกสวรรค์หลายพันเกลื่อนพื้น

“ผู้ใดจะบอกว่าข้าไม่มีหยกสวรรค์อีก! ข้าจะเอาหยกสวรรค์ไปถมมันให้ตาย!” ผู้เยาว์คนนั้นตะโกนลั่น ผู้เชี่ยวชาญโดยรอบตกตะลึงไปตามๆกัน

“แจกันสะสมทรัพย์… สมบัติเซียนแห่งวิหารพิรุณ! เจ้าเป็นใครกันแน่ถึงได้ครอบครองมัน!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด