ตอนที่แล้วGE101 เก็บตัวฝึกฝนและการเปลี่ยนแปลง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE103 กระบี่แยกสวรรค์ กระบี่ใหญ่ [ฟรี]

GE102 วังวนมังกรเพลิง ศิลาทดสอบกระบี่ [ฟรี]


วิชาลับสัมผัสกายา แยกร่างจิตวิญญาณ 100 ร่าง ทำให้หนิงฝานทำความเข้าใจวิชาได้เร็วกว่าคนทั่วไป 100 เท่า

ในโลกของผู้ฝึกตน มีการแบ่งแยกวิชาในแต่ละขอบเขตเป็น 9 ระดับย่อย

หากผู้ฝึกตนทั่วไปต้องการบรรลุวิชาในขอบเขตใหม่นั้น ต้องใช้เวลาหลายปี แต่สำหรับหนิงฝานแล้ว เขาบรรลุได้ในเวลาไม่นาน

ผ่านไป 1 เดือน หนิงฝานบรรลุวิชาลับปีศาจทมิฬขอบเขตที่ 1 และทะลวงไปยังขอบเขตที่ 2 แทบจะในทันที

ทำให้วิชาลับปีศาจทมิฬ อยู่ในระดับเดียวกันกับวิชาเหยียบย่างหิมะ เป็นเหมือนหยินหยางที่สมดุล แต่ยามนี้หนิงฝานยังไม่ดีใจกับมัน เพราะเขาต้องการให้ทั้งสองวิชานั้น บรรลุถึงขอบเขตที่ 2 ระดับ 9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของขอบเขต

การบรรลุแต่ละขอบเขตวิชานั้น ทำให้อานุภาพของวิชาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 ใน 10 ส่วน หากกล่าวง่ายๆแล้ว ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่บรรลุขอบเขตวิชาเหนือกว่า จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั่วไป

วิธีการฝึกฝนของหนิงฝานคือ... สำหรับวิชาลับปีศาจทมิฬนั้น หนิงฝานนำเพลิงปีศาจทมิฬออกมาให้ร่างวิญญาณของตนได้ศึกษา ส่วนวิชาเหยียบย่างหิมะ หนิงฝานนำปราณเยือกแข็งกระดูกขาวออกมาให้จิตวิญญาณศึกษาเช่นกัน

ทั้งเพลิงและน้ำแข็งนั้น มีระดับเป็นถึงเพลิงชีพจรพิภพ และปราณยือกแข็งป่าสวรรค์ คนทั่วไปไม่อาจทนรับอานุภาพของพวกมันได้

เมื่อเข้าเดือนที่ 2 ของการฝึกฝน หนิงฝานบรรลุวิชาทั้งสองไปยังขอบเขตที่ 2 ระดับ 6 และเมื่อเข้าเดือนที่ 3 หนิงฝานก็บรรลุถึงระดับ 9!

หนิงฝานเหลือเวลาอีก 3 เดือนให้ฝึกฝน แม้ยามนี้ ปราณของเขายังไม่ยกระดับ แต่กลิ่นอายที่เขาแผ่ออกมากลับรุนแรง กระทั่งคนที่สัมผัสไม่กล้าหายใจ

เพลิงปีศาจทมิฬนั้น เป็นหนึ่งในเพลิงแห่งมังกรทั้ง 9 ครั้งแรกที่เขาใช้มัน ทำให้ยุ่ยฉีที่ยามนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น ได้รับบาดเจ็บ

ยามนี้ หนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด วิชาบรรลุขอบเขตที่ 2 ระดับ 9 ต่อให้ไม่ใช้อาวุธ เขาก็สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงสุดได้

หนิงฝานขยับมือสำแดงวิชาแรกของวิชาลับปีศาจทมิฬ

“วังวนมังกร!”

เพลิงปีศาจทมิฬได้ลุกโหมคล้ายเสาค้ำยัน ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 10 จ้าง! แผดเผา ‘ศิลาทดสอบกระบี่’ ขนาดใหญ่

โดยทั่วไปแล้ว ศิลาทดสอบกระบี่มักจะถูกนำมาใช้ทดสอบวิชาของผู้ฝึกตน ศิลาทดสอบกระบี่นั้นแข็งและทนมาก แต่ไม่ยืดหยุ่นพอให้นำไปสร้างเป็นสมบัติหรืออาวุธ

แต่ถึงอย่างนั้น ศิลาชนิดก็หาได้ยาก หนิงฝานได้ศิลาก้อนนี้มาจากหลานเหม่ย และนางก็ได้มาจากบิดาของนาง

เปลวเพลิงปีศาจทมิฬที่แผดเผาศิลาทดสอบกระบี่นั้น ไม่อาจสร้างความเสียหายได้

ดูเหมือนศิลาทดสอบกระบี่จะทนการจู่โจมได้เหนือกว่าขอบเขตประสานวิญญาณ

เสาเพลิงปีศาจทมิฬของหนิงฝานเริ่มหมุนวน ศิลาทดสอบกระบี่ขนาดใหญ่หมุนตาม

ที่ศูนย์กลางของเสาเพลิงปรากฏเสียงมังกรคำราม อานุภาพเพลิงเพิ่มพูนเป็นเท่าตัว

‘วังวนมังกรที่ 1’

วังวนมังกรที่ 1 แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งแก่นทองคำยังถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน ศิลาทดสอบกระบี่ในยามนี้ เริ่มเปล่งเสียงตอบสนอง แม้ดูผิวเผินศิลาจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่มันก็เริ่มทนเพลิงของหนิงฝานไม่ได้

“วังวนมังกรที่ 2!”

หนิงฝานโคจรปราณตามวิชา ทำให้เสาเพลิงปีศาจหมุนวนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว

วังวนมังกรที่ 2 จะเสริมอานุภาพให้เพลิงรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว! แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นยังบาดเจ็บสาหัส

ด้วยอานุภาพของเพลิงที่รุนแรง ศิลาเริ่มปรากฏรอยปริแตก แม้ไม่มาก แต่ก็แสดงให้เห็นว่า วิชาที่รุนแรงสามารถทำลายศิลาได้

หนิงฝานพึงพอใจกับวิชาวังวนมังกรของตน

เพราะวังวนมังกรนั้น มีด้วยกัน 9 ลำดับ! แต่ละลำดับจะทำให้เพลิงทรงพลังขึ้นเป็นเท่าทวี วังวนมังกรที่ 2 สามารถทำร้ายผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น หากเป็นวังวนมังกรที่ 3 จะสามารถเอาชนะไป๋เฟยเถิงได้ วังวนมังกรที่ 3 จะสามารถแปรเปลี่ยนเสาเพลิงให้เป็นมังกรเพลิง แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงยังไม่พ้นบาดเจ็บสาหัส

“หากบรรลุวังวนมังกรที่ 3 จะสามารถแปรเปลี่ยนเสาเพลิงเป็นมังกรเพลิง คราวหน้าที่ข้าสู้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเผยไพ่ในมืออีก เพียงวิชาที่ฝึกฝนก็รับมือได้… ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”

หนิงฝานยิ้มเล็กน้อยราวกับคิดบางสิ่งออก ทันใดนั้น สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาชี้นิ้วขึ้น โคจรปราณน้ำแข็งภายในร่างและยิ่งตรงเข้าใส่ศิลาทดสอบกระบี่

ปราณน้ำแข็งที่ไม่ใช่ปราณเยือกแข็งป่าสวรรค์ อานุภาพไม่รุนแรงมากนัก แต่เมื่อมันกระทบกับศิลาทดสอบกระบี่ที่ถูกเผาจนร้อนจัด มันก็ปริแตกมากขึ้นในทันที

แม้ศิลาทดสอบกระบี่ยังไม่พังทะลาย แต่ก็มีรอยปริแตกลึกกว่าหนึ่งซุนอยู่ทั่ว

เมื่อใช้เพลิงเผาจนร้อน ก็จู่โจมด้วยน้ำแข็ง

หนิงฝานเข้าใจ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่นักหลอมสร้างเข้าใจดี เพราะการจะหลอมสร้างสมบัตินั้น ต้องใช้ความเย็นคลายร้อนอย่างช้าๆ ไม่งั้นสมบัติที่ถูกหลอมจะพังได้ง่ายๆ

และหนิงฝานก็พบว่า วิธีนี้ใช้ในการต่อสู้ได้เช่นกัน หากเขาพบการป้องกันที่แข็งแกร่งราวกับหินผา เขาต้องใช้วังวนมังกรจู่โจมก่อน จากนั้นใช้ปราณน้ำแข็งจู่โจมตาม แล้วการป้องกันของศัตรูจะเปราะบางลงและถูกทำลาย

ในวิชาเหยียบย่างหิมะ มีวิชาอยู่ทั้งหมด 3 วิชา

วิชาแรกคือเหยียบย่างหิมะ เป็นวิชาที่หนิงฝานใช้อยู่เป็นประจำ

วิชาที่สองคือเกราะน้ำแข็ง เป็นวิชาหายาก ที่เปลี่ยนปราณน้ำแข็งให้กลายเป็นเกราะคุ้มกาย หนิงฝานยังไม่ได้ฝึกฝน

วิชาที่สามคือ ‘เหมันต์วายุสิบลี้’ เป็นวิชาที่เปลี่ยนให้พื้นที่ในรัศมี 10 ลี้กลายเป็นดินแดนน้ำแข็ง วิชานี้เป็นวิชาที่ลึกลับ ครั้งหนึ่งจักรพรรดิสวรรค์เคยใช้วิชาเหมันต์วายุสิบลี้ แปรเปลี่ยนสมรภูมิรบให้กลายเป็นแดนหิมะเป็นเวลาชั่วธูปไหม้หมดดอก

วิชานี้เป็นวิชาที่ท้าทายสวรรค์ แต่ก็ไม่ยากจะฝึกฝนจนเกินไป เพียงแต่วิชาเหยียบย่างหิมะนั้น ไม่มีวิชาที่ใช้จู่โจม มีเพียงวิชาที่ใช้หนุนเสริม

ในเมื่อไม่มีวิชาน้ำแข็งระดับสูง หนิงฝานจำเป็นต้องฝึกฝนวิชาน้ำแข็งทั่วไป อย่าง ‘วิชาพิรุณน้ำแข็ง’

วิชาพิรุณน้ำแข็งคือวิชาระดับกลาง ผลของมันคือเปลี่ยนให้ปราณเป็นฝนหอกน้ำแข็งที่แหลมคม เหมาะกับการใช้รับมือศัตรูที่เป็นกองทัพ ร้อยหอกพิรุณน้ำแข็งอาจฟังดูไม่รุนแรง แต่ถ้าเป็นพันหอกพิรุณ อานุภาพที่ได้จะทรงพลังมากขึ้นตามจำนวน

ในโลกพิรุณแห่งนี้ วิชาพิรุณน้ำแข็งนับเป็นเพียงวิชาทั่วไป… แต่หากเปลี่ยนความคิด ใช้มันแช่แข็งศัตรู จากนั้นใช้เพลิงเผาพวกมัน ผลลัพธ์ที่ได้จะทรงพลังมากขึ้น

หากในขณะที่หนิงฝานจู่โจมด้วยวังวนมังกร เขาใช้ปราณน้ำแข็งจู่โจม จะทำให้เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ นอกจากนี้ เมื่อเห็นว่าเป็นวิชาพื้นๆทั่วไป ศัตรูจะไม่ระวังตัว

การที่ทำให้ศัตรูประมาทได้นั้น ดียิ่งกว่าจู่โจมศัตรูด้วยวิชาระดับสูง

ในโลกของผู้ฝึกตนนั้นมีคำกล่าวอยู่ว่า หากว่ายน้ำไม่เป็น...ต่อให้มีร่มกันฝนก็ยังเปียก บางครั้งการจู่โจมด้วยวิชาระดับสูง จะเป็นการดึงดูดให้ศัตรูระวัง แต่หากจู่โจมด้วยวิชาระดับล่าง ศัตรูจะประมาท และนั่นจะทำให้มันถึงจุดจบ

ผู้เชี่ยวชาญมักอายุสั้น คนเหล่านั้นไม่ได้ตายตามอายุขัย แต่ตายด้วยความโง่เขลา

จู่โจมด้วยวังวนมังกรแล้วตามด้วยพิรุณน้ำแข็ง ศัตรูจำนวนมากคงไม่อาจรอดชีวิต

“ข้าต้องฝึกฝนให้วังวนมังกรและพิรุณหิมะให้บรรลุขอบเขตที่สูงขึ้น!”...

ผ่านไป 1 เดือน จู่ๆหนิงฝานก็ลุกยืน ดวงตาข้างซ้ายแผ่ความเย็น ดวงตาข้างขวาลุกโหมด้วยเพลิงที่รุนแรง!

มือข้างขวาใช้วังวนมังกรเผาศิลาทดสอบ

วังวนมังกรที่ 1 ศิลาขยับเล็กน้อย

วังวนมังกรที่ 2 ทำให้ศิลาเริ่มปรากฏรอยปริแตก

แต่เมื่อเป็นวังวนมังกรที่ 3 ศิลาเริ่มสั่นอย่างรุนแรงและปรากฏรอยปริแตกไปทั่ว ในระหว่างนั้น มังกรเพลิงทมิฬได้ปรากฏ และกัดศิลาอย่างรุนแรง ทำให้เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่

แต่นั่นยังไม่จบ หนิงฝานเปลี่ยนวิชา มังกรเพลิงได้หาย ก่อนปรากฏพิรุณหิมะนับพันกระหน่ำจู่โจมศิลา

พิรุณน้ำแข็งที่แหลมคมนับพันจู่โจม อานุภาพของมันอาจสร้างความเสียหายในผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลางได้ แต่กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอาจไม่มีผลมากนัก

ในระหว่างที่พิรุณน้ำแข็งระดมจู่โจมอยู่นั้น ศิลาได้ปรากฏเสียงปริแตกอย่างรุนแรงราวกับอัสนีฟาดผ่า

ศิลาทดสอบกระบี่ที่ต้านรับการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้ ยามนี้กลับแตกเป็นเสี่ยงๆ!

เสียงปริแตกของศิลาดังเล็ดลอดออกมานถ้ำ ก่อนกระจายไปทั่วนิกาย!

ผู้ชี่ยวชาญในนิกายตกตะลึง แต่เมื่อได้รู้ว่าไม่ใช่ศัตรู ทั้งหมดก็ผ่อนคลาย เพราะต้นเสียงมาจากโถงขัดเกลาผสาน

และที่นั่น หนิงฝานได้เก็บตัวฝึกฝนอยู่!

“ผู้อาวุโสหนิงฝีกฝนวิชาใดกัน ถึงได้ทรงอานุภาพขนาดนี้...”

ณ ตำหนักขาว… ไป๋เฟยเถิงที่กำลังฝึกฝนวิชาน้ำแข็งได้ผุดลุกขึ้น มองไปยังโถงขัดเกลาผสานด้วยความไม่อยากเชื่อ

ถึงคนอื่นๆจะไม่รู้ว่าเสียงเมื่อครู่คืออะไร แต่มันรู้ดี

“เป็นไปไม่ได้! หนิงฝานเก็บตัวฝึกฝนเพียง 4 เดือน แต่กลับทำลายศิลาทดสอบกระบี่ได้!”

มันไม่อยากเชื่อ แม้ว่าครั้งหนึ่งมันจะเคยทำลายศิลาทดสอบกระบี่มาแล้ว แต่นั่น มันใช้เวลาเก็บตัวฝึกฝนมากถึง 10 ปี และจู่โจมศิลาก้อนนั้นอย่างต่อเนื่อง

แต่หนิงฝานที่เก็บตัวฝึกฝนเพียง 4 เดือน กลับทำลายศิลาเป็นเสี่ยงๆ การประลองครั้งนี้ มันคงดูแคลนหนิงฝานไม่ได้

“ฮึ่ม ไม่ว่าอย่างไร… ข้าก็ไม่มีวันแพ้ให้เจ้า ยิ่งข้าดูดกลืนปราณน้ำแข็งระดับ 4 ได้ เจ้าก็ยิ่งสู้ข้าไม่ได้!”

ไป๋เฟยเถิงก้มมองกระถางที่มันนำออกมา ในนั้นมีปราณน้ำแข็งม่วง

“ข้าจะไม่แพ้ให้ศิษย์ของหานหยวนจี๋เด็ดขาด! สมบัติระดับสูงสุดของเจ้าต้องเป็นของข้า!”

ไป๋เฟยเถิงยิ้ม...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด