ตอนที่แล้วบทที่ 47 ร่วมมือกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 49 สวรรค์มีทาง แต่คุณไม่เดิน

บทที่ 48 การตอแยไม่เลิกไม่ใช่นิสัยที่ดี


บทที่ 48 การตอแยไม่เลิกไม่ใช่นิสัยที่ดี

 

ถึงแม้เมือง X จะมีพื้นที่กว้างขวางมากและมีซอมบี้อยู่ทั่วทุกแห่ง แต่หลิงม่อก็ไม่ถึงกับมืดแปดด้าน

 

เมื่อคืนเขาได้ตัดสินใจเรื่องจุดหมายปลายทางต่อไปไว้เรียบร้อยแล้ว ที่นั่นก็คือมหาวิทยาลัยเมือง X ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก

 

แม้จะไม่ใช่สถาบันการศึกษาชั้นสูงเพียงแห่งเดียวในเมือง X แต่ก็เป็นที่ที่หลิงม่อคุ้นเคยที่สุด อย่างไรเสียเย่เลี่ยนก็เป็นนักศึกษาของที่นั่น เขาก็เลยเคยไปมหาวิทยาลัยนี้อยู่สามสี่ครั้ง

 

พื้นที่กว้างขวาง สภาพแวดล้อมสลับซับซ้อน ตั้งอยู่ในย่านเจริญ มีซอมบี้มากมายนับไม่ถ้วน...ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของหลิงม่อต่อสภาพปัจจุบันของมหาวิทยาลัยเมือง X

 

สถานที่เช่นนี้ช่างเหมาะแก่การไล่ล่าซอมบี้กลายพันธุ์เสียจริงๆ! ส่วนอันตรายที่แฝงอยู่...อันตรายมักจะอยู่ควบคู่กับผลประโยชน์เสมอ หลิงม่อเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

 

แต่เขาเพิ่งจะก้าวเท้าออกจากร้านขายเสื้อผ้า ก็พลันต้องชะงักงันทันที จากนั้นก็รีบก้าวถอยไปข้างหลังและหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางเงามืดภายในร้าน

 

จู่ๆ เงาคนสามคนก็ปรากฏขึ้นที่ลานกว้าง!

 

สิ่งที่หลิงม่อไม่อยากจะเชื่อสุดๆ ก็คือเขารู้จักทั้งสามคนนี้ แถมยังเพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้หยกๆ...หวังหลิ่น หลี่อวี้ แล้วก็...หวังเฉิง!

 

ทำไมหวังเฉิงมาเดินอยู่ด้วยกันกับพวกเขาได้ ถึงจะประจบประแจงก็เถอะ แต่ก็ออกจะเลื่อนขั้นเร็วไปหน่อยนะ

 

แล้วหลิงม่อก็นึกถึงความเป็นไปได้ขึ้นมาได้หนึ่งอย่างแทบจะในทันที หรือว่าหวังเฉิงจะบอกเรื่องของซย่าน่าให้กับหวังหลิ่นรู้

 

หากเป็นเจ้าทึ่มลู่ซินนั่น ความเป็นไปได้นี้มีสูงมาก แต่หลิงม่อคิดว่าคนอย่างหวังเฉิงน่าจะรู้ดีว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด

 

บวกกับหวังเฉิงไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับหลิงม่อโดยตรง หลิงม่อจึงไม่เคยมีความคิดที่จะฆ่าเขาทิ้ง ถึงแม้หลิงม่อจะมีความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้ก็ตามที แต่เขาก็ไม่ใช่พวกโรคจิตชอบฆ่าคน

 

คงจะเป็นเพราะแยกห่างจากกลุ่มขนาดใหญ่เป็นครั้งแรก หลี่อวี้จึงคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังอยู่ตลอดเวลา ในมือเขาถือแท่งเหล็กเหลาแหลมหนึ่งแท่งและสีหน้าแลดูเป็นกังวลเล็กน้อย ส่วนหวังหลิ่นเดินถือดาบวงพระจันทร์อยู่ด้านหน้า โดยมีหวังเฉิงเดินตามติดอยู่ข้างหลัง

 

หลิงม่อสังเกตเห็นทันทีว่าแท่งเหล็กในมือของหลี่อวี้เปรอะเปื้อนเศษเนื้อและคราบเลือดสดเล็กน้อย อีกทั้งเนื้อตัวก็มีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ส่วนดาบวงพระจันทร์ในมือหวังหลิ่นก็ยังคงมีเลือดหยดลงบนพื้นอยู่ ดูท่าทางพวกเขาจะผ่านการต่อสู้นองเลือดมาระหว่างทางที่มาที่นี่

 

หลี่อวี้มีฝีมือไม่เลว การที่เขามีลักษณะท่าทางแบบนี้ก็ไม่แปลก แต่หวังหลิ่นดูร่างกายอ่อนแอแบบนั้น เธอกลับสังหารซอมบี้ได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?! ส่วนเรื่องกลัวหรือไม่นั้น...ดูจากสีหน้าที่ซีดเซียวมาแต่ไหนแต่ไรของเธอแล้ว เขาดูไม่ออกเลยจริงๆ

 

ที่สำคัญที่สุดคือทำไมสองคนนี้ถึงมาที่นี่ได้

 

หวังหลิ่นเดินตรงไปที่ลานกว้าง แล้วก็สังเกตเห็นคราบเลือดและเศษซากเนื้อที่อยู่บนพื้นพวกนั้นตั้งแต่แวบแรก เธอเดินเข้าไปดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตาไปทางสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บริเวณรอบลานกว้าง

 

เมื่อเห็นหวังหลิ่นมองมา หลิงม่อก็ก้าวถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวเบาๆ ส่วนเย่เลี่ยนก็แน่นิ่งไม่ขยับตามการควบคุมของเขา แต่ซย่าน่ากลับดูกระสับกระส่ายอยู่ข้างหลังหลิงม่อ ทว่าเพียงไม่นานหลิงม่อก็ใช้สายตาปลอบให้เธอสงบลง

 

และแล้วหวังหลิ่นก็พบโรงน้ำชาหลังนั้นที่ซ่อนอยู่ในมุม เธอกวักมือเรียกหลี่อวี้ที่กำลังเหลียวหน้าแลหลังอยู่ จากนั้นก็วิ่งล่วงหน้าไปที่โรงน้ำชาก่อน

 

พอเห็นบรรดาซากซอมบี้ที่อยู่บนพื้น ใบหน้าของหวังหลิ่นก็เผยรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องออกมาทันที ส่วนหวังเฉิงที่อยู่ด้านหลังมองหวังหลิ่นด้วยความประหลาดใจและรีบพูดประจบทันที “พี่หลิ่น พี่เก่งสุดยอดเลย”

 

“ก่อนหน้านี้นายก็พูดสรรเสริญเยินยอเจ้าแซ่หลิงนั่นไม่ใช่เหรอไง” หวังหลิ่นกลับพูดอย่างอารมณ์เสีย

 

หวังเฉิงยิ้มเหยเก “พี่หลิ่น ก็พี่ถามผมว่าความสามารถของหลิงม่อเป็นยังไง ผมก็ไม่กล้าโกหกพี่น่ะสิ”

 

“โกหกหรือไม่ ตามเขาทันแล้วก็จะได้รู้กัน ตอนที่ออกมาจากแคมป์ ฉันพูดเตือนนายไปแล้วว่าถ้านายกล้าหลอกฉัน ฉันก็จะทิ้งนายไว้ข้างนอกนี่ ปล่อยนายไปตามบุญตามกรรม!” หวังหลิ่นทำเสียงฮึดฮัดเย็นชาพลางพูด

 

หวังเฉิงรู้สึกทันทีว่ามีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา เขามองหวังหลิ่นด้วยความขุ่นเคืองแวบหนึ่ง แล้วตะโกนร้องในใจว่าซวยจริงๆ

 

รู้อย่างนี้ไม่เอ่ยปากประจบประแจงเสียก็ดี! ทีแรกเห็นหวังหลิ่นมาซักถามเรื่องของหลิงม่อด้วยความสนใจใคร่รู้ หวังเฉิงก็เลยเล่าให้ฟังเล็กน้อย หวังจะผูกมิตรกับเด็กสาวที่มีตำแหน่งค่อนข้างสูงคนนี้สักหน่อย คิดไม่ถึงว่ากลับถูกเด็กสาวคนนี้พามาด้วย เพิ่งจะเข้าไปในแคมป์ไม่ทันไร ก็ถูกลากตัวออกมาซะแล้ว! โชคดีที่เด็กสาวคนนี้มีกำลังความสามารถไม่เลว มีฝีมือสูสีพอๆ กับซย่าน่า ตลอดทางมานี้เขาจึงอยู่รอดปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายใดๆ

 

แต่ให้ตายเถอะ คนที่เธอจะไปหาเรื่องคือหลิงม่อ! พอคิดมาถึงตรงนี้ หวังเฉิงก็อยากจะหันหลังกลับและวิ่งหนีไป แต่ด้วยความสามารถของเขาแล้ว หากออกห่างจากหวังหลิ่นก็คือตาย เพราะฉะนั้นไม่ว่าในใจจะตื่นกลัวแค่ไหน เขาก็จำเป็นต้องติดสอยห้อยตามหวังหลิ่นไป

 

ในทางกลับกัน หลิวอวี่หาวปิดปากสนิทไม่พูดไม่จา แต่กลับรอดตัวไป...

 

“ให้ตายเถอะ...” พอหลี่อวี้ที่ตามมาทีหลังเห็นสภาพตรงหน้า เขาก็ตะลึงงันไปในทันที

 

“เป็นยังไง ฉันบอกแล้วไงว่าเขาหนีไม่พ้นเงื้อมมือฉันหรอก นายดูซากพวกนี้สิ เลือดยังไหลอยู่เลย พวกมันเพิ่งจะตายได้ไม่นาน” หวังหลิ่นเหลือบมองหลี่อวี้ทีหนึ่ง ดูท่าแล้วเธอจะพอใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายมากเลย

 

หลี่อวี้เดินวนรอบกองซากซอมบี้หนึ่งรอบ แล้วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย “แต่พี่หลิ่น ตอนนี้เรายังตามพวกเขาไม่ทันเลยนะ สงสัยพวกเขาคงจะไปแล้วละ”

 

“กลัวอะไร ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องตามพวกเขาให้ทันให้ได้” หวังหลิ่นพูดโดยไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

 

“แต่ว่า...” หลี่อวี้ลังเลเล็กน้อยและมองดูซากซอมบี้บนพื้นอีกที จากนั้นก็ตัดสินใจพูดว่า “ถึงจะตามทัน แต่เราก็สู้เขาไม่ไหวหรอก...”

 

พอพูดจบ หัวใจเขาก็ “เต้นตึกตัก” ทันที แล้วก็ไม่กล้ามองหวังหลิ่นอีก เมื่อได้ยินที่เขาพูด สีหน้าของหวังหลิ่นก็พลันเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้

 

“พี่หลิ่น ผมแอบตามพี่ออกมาแบบนี้ พอกลับไปต้องถูกลูกพี่ซ่งด่าเปิงแน่ อีกอย่างพี่ก็เห็นแล้วนี่ว่าคนๆ นี้แข็งแกร่งมาก บรรดาซอมบี้บนพื้นพวกนี้ ล้วนแล้วแต่ถูกเขาฆ่าทั้งนั้น” หลี่อวี้ดึงดันพูดต่อไป

 

หวังหลิ่นถลึงตาใส่หลี่อวี้ด้วยความโมโหและพูดว่า “โง่จริง! เขาคนเดียวจะฆ่าซอมบี้เยอะแยะขนาดนี้ได้ยังไงกัน ซย่าน่าต้องช่วยเขาอยู่แล้ว! แล้วซย่าน่าก็ไม่มีทางลงไม้ลงมือกับฉันแน่นอน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าถ้าสู้กันตัวต่อตัว แล้วเจ้าหัวขโมยนั่นจะสู้ฉันได้!”

 

เดิมทีหวังเฉิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้าไม่พอใจของหวังหลิ่น เขาก็ตัดสินใจปิดปากเงียบ

 

หลี่อวี้นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วซักไซ้ด้วยความอยากรู้ว่า “พี่หลิ่น พี่บอกผมหน่อยได้ไหม พี่รู้ได้ยังไงว่าพวกเขาไปทางไหน”

 

“บอกไม่ได้” หวังหลิ่นทำเสียงฮึดฮัดเย็นชาใส่ แล้วหันไปมองร้านค้าพวกนั้น จากนั้นพูดพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยินว่า “น่าเสียดายที่ไม่สามารถรับรู้ตำแหน่งได้ชัดเจน เซ็ง! แต่เขาต้องอยู่แถวๆ นี้แน่นอน!”

 

เมื่อเห็นว่าพวกหวังหลิ่นหยุดอยู่ที่ชั้นล่างของโรงน้ำชาพักหนึ่ง แล้วค่อยๆ เดินจากไปที่ถนนอีกสายหนึ่ง หลิงม่อที่หลบซ่อนอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าก็ถอนหายใจออกมาทันที

 

เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้มาตามหาเขา ดูท่าว่าจะยังไม่ตัดใจจากมีดสั้นของเธอ แต่หลิงม่อรู้สึกว่าเรื่องที่เธอต้องการมีดสั้นคืนคงเป็นแค่หนึ่งในเหตุผลเท่านั้น เรื่องกู้หน้าคืนต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ

 

คนเราตัดสินกันที่รูปร่างหน้าตาภายนอกไม่ได้จริงๆ ด้วย เด็กสาวคนนี้ดูอ่อนแอบอบบาง ในจินตนาการของหลิงม่อ เธอน่าจะเป็นผู้หญิงแนวอ่อนหวานและพูดจาเสียงเบานุ่มนวล คิดไม่ถึงว่าเธอไม่เพียงจะปากร้ายไม่มีเหตุผลเท่านั้น แต่ยังมีนิสัยไม่ดีอยู่อย่างหนึ่งด้วย นั่นคือเกาะแกะตอแย!

 

ไหนๆ ก็วันสิ้นโลกแล้ว แต่เธอก็ยังพาคนออกมาตามหาเขาอย่างไม่ลดละ! เขาแค่เอามีดของเธอไป ไม่ได้พรากพรหมจรรย์เธอสักหน่อย!

 

ว่าแต่เด็กสาวคนนี้ตามมาถึงที่นี่ได้ยังไงกันนะ เรื่องนี้หลิงม่อไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

หลิงม่อตำหนิอยู่ในใจพักหนึ่ง เมื่อคาดว่าพวกเขาคงไปกันไกลแล้ว หลิงม่อถึงค่อยๆพาเย่เลี่ยนกับซย่าน่าเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้า จากนั้นก็จงใจเลือกเส้นทางที่ตรงกันข้ามกับพวกหวังหลิ่น

 

นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวเกรงเด็กสาวคนนี้ แต่เป็นเพราะข้างกายเขายังมีซย่าน่าอยู่ หนทางที่ดีที่สุดก็คือเลี่ยงไปดีกว่า เธอคงเอาแต่ตามหาเขาทั่วเมืองไม่ได้หรอกมั้ง

 

ถ้าอยากจะตามหานัก ก็ตามหาไปเลย! เมืองใหญ่โตขนาดนี้ อีกทั้งมีซอมบี้อยู่ทั่วทุกแห่ง ดูสิว่าเธอจะตามไปถึงไหน!

 

หลิงม่อแอบก่นด่าพลางเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยๆ หนึ่ง แต่เขาหารู้ไม่ว่าหลังจากที่เขาเดินเข้าไปในซอยได้ไม่นาน เงาร่างของหวังหลิ่นก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่บริเวณปากถนนเส้นนั้น

 

ใบหน้าเธอเจือรอยยิ้มเย็นชาและมองไปทางซอยเล็กๆ ซอยที่หลิงม่อเดินเข้าไป “จับได้แล้ว บังอาจแย่งมีดฉันไป หนำซ้ำยังกล้าขู่เข็ญซ่งเทียนอีก...”

 

เพิ่งจะเดินเข้ามาในซอยได้ไม่ถึงสองร้อยเมตร หลิงม่อก็พลันหยุดชะงัก จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองรอบหนึ่ง แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมองลงในทันที

 

เขาทิ้งเย่เลี่ยนไว้ที่ปากซอยชั่วคราว แล้วจากมุมมองของเย่เลี่ยน เขามองเห็นได้ชัดเจนว่าพวกหวังหลิ่นกำลังเดินข้ามลานกว้างมาทางนี้

 

“เจ้าเล่ห์จริงๆ เด็กสาวคนนี้สามารถรู้ตำแหน่งที่อยู่ของฉันได้...” หลิงม่อทำเสียงฮึดฮัด หลังจากมองซ้ายมองขวาแล้ว เขาก็พาซย่าน่าเดินเข้าไปในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ร้านหนึ่ง ส่วนเย่เลี่ยนก็ถูกเขาเรียกตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่มีซอมบี้อยู่ไม่น้อย ประเมินอย่างคร่าวๆ น่าจะมีสักสิบกว่าตัวเป็นอย่างต่ำ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดทางพื้นที่ พวกมันจึงไม่ได้เป็นอันตรายต่อหลิงม่อเท่าใดนัก

 

หลังจากเก็บซอมบี้สี่ตัวที่ถูกเขาควบคุมเอาไว้แล้ว ซอมบี้ที่เหลือก็ถูกเขาสังหารราบคาบ แล้วหลิงม่อก็วิ่งขึ้นไปบนชั้นสองของร้านอินเตอร์เน็ตกับเย่เลี่ยนและซย่าน่า

 

บนท้องถนนก็มีซากซอมบี้สามสี่ตัวที่ถูกเขาสังหารเช่นกัน เมื่อบวกกับนิสัยที่เหมือนกับตังเมของหวังหลิ่นด้วยแล้ว จึงเดาออกได้ไม่ยากว่าเขาซ่อนตัวอยู่แถวๆ นี้ แต่การจะตามหาเขามาถึงบนชั้นสองนี้ มันยากมากทีเดียว

 

หลิงม่อรู้ว่าหวังหลิ่นคงรู้แค่ตำแหน่งของเขาอย่างคร่าวๆ แต่ไม่อาจระบุตำแหน่งได้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้นี้ที่ลานกว้างเธอคงไม่กลับไปมือเปล่าหรอก แต่เด็กสาวคนนี้ก็นับว่าฉลาดพอตัว เพราะเธอย้อนกลับมาอีกรอบ ทว่าหลิงม่อเองก็ไม่ใช่คนโง่ เขาไม่คิดหรอกว่าลานกว้างที่เขาต้องเดินอ้อมถนนหลายสายกว่าจะเจอ หวังหลิ่นกลับหาเจอโดยบังเอิญ เขาถึงได้ทิ้งเย่เลี่ยนไว้ที่ปากซอย ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไว้ก่อน

 

เมื่อเห็นว่าเย่เลี่ยนใกล้จะอยู่นอกเหนือขอบเขตการควบคุมของเขาแล้ว เขาพยายามควบคุมให้เย่เลี่ยนตามเขาทัน หวังหลิ่นก็โผล่ออกมาแล้ว

“เกาะติดเป็นปลิงจริงๆ...” หลิงม่อก่นด่าด้วยความโมโห จากนั้นก็หันไปมองหุ่นซอมบี้สี่ตัวที่อยู่ข้างหลัง แล้วเขาก็เผยรอยยิ้มประหลาดออกมาทันที

 

ในเมื่อเธอตามตอแยไม่เลิก งั้นฉันก็จะให้เธอได้ลองลิ้มรสหายนะสักหน่อย...

 

..........................................................................................................................................................

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด