ตอนที่แล้วบทที่ 46 วิญญาณหิมะปรภพ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 วิญญาณหิมะปรภพ (4)

บทที่ 47 วิญญาณหิมะปรภพ (3)


บทที่ 47 วิญญาณหิมะปรภพ (3)

 

        มีดเสียงอันนุ่มนวลแต่ละเล่มลอยออกมาตามสองมือแปดนิ้วของเย่อินจู๋ แม้เวทมนตร์สายมนตร์ดำจะเต็มไปด้วยพลังโจมตีแบบกัดกร่อนและทำลายล้าง แต่กลับไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเย่อินจู๋เกินระยะห้าเมตรได้เลย

 

เย่อินจู๋มือซ้ายใช้ท่าเสียงสะท้อนกลางหุบเขาโล่ง มือขวาใช้ท่าธารน้ำพุกลางหุบเขาลึกดีดบรรเลงพร้อมกัน “พวกเจ้ารับช่วงต่อข้าที” มีดเสียงสี่เล่มไขว้กันเป็นรูปดาวแปดแฉกกลางอากาศลอยไปยังนักเรียนเอกมนตร์ดำทั้งห้าคน มีดเสียงมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ล่องลอยในอากาศราวกับไร้แรงบังคับ เปลี่ยนทิศทางเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ความเร็วกลับแทบจะแล่นผ่านเพียงแวบเดียว

 

ตอนที่ฆ่าพวกลูเฟเต้หลายคนคราวก่อนเย่อินจู๋รู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ จึงอาศัยช่วงที่คู่ต่อสู้ตกตะลึงกับเสียงพิณของตัวเองใช้เจ็ดเสียงสังหารอย่างสุดพลัง ระเบิดพลังยุทธ์และเวทมนตร์ทั้งหมดจนชนะตั้งแต่ยกแรก ทว่าตอนนี้เขาสงวนไว้บ้างเล็กน้อย ถึงอย่างไรด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ หากปล่อยเจ็ดเสียงสังหารจะไม่มีแรงเหลืออีกเลย

 

ทันใดนั้น หมอกหนาสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากหน้าอกของอีคลิปส์ ก่อตัวเป็นกำแพงหมอกสีดำกลางอากาศ พร้อมกับมีดเสียงรูปดาวแปดแฉกที่ยิงเข้าไป มนตร์หมอกมืดราตรีก็สั่นอย่างรุนแรงหลายที ก่อนสกัดการโจมตีของมีดเสียงไว้ได้ในที่สุด

 

“แยกเงา” อีคลิปส์สั่งเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงของเธอฟังดูหอบเล็กน้อย แม้จะพึ่งของวิเศษเพื่อปล่อยเวทมนตร์ป้องกัน แต่การที่เธอรับมีดเสียงสี่เล่มทั้งหมดส่งผลกระทบต่ออานุภาพเวทมนตร์ของเธออย่างมหาศาล

 

นักเรียนเอกมนตร์ดำทั้งห้าคนล้วงเอาไข่มุกสีดำขึ้นมาบีบจนแตกในอากาศพร้อมกัน ทันใดนั้น เงาร่างสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็แผ่กระจายออกมา พวกเขาทุกคนต่างแยกออกเป็นหกร่าง แยกย้ายกันมาล้อมวงรอบด้านเอกเทวคีตอย่างรวดเร็ว ร่ายคาถาไม่ได้ พวกเขาก็อาศัยของวิเศษปล่อยเวทมนตร์ฉับพลันระดับเหลือง ปีศาจมืดแยกเงา เอกมนตร์ดำไม่ได้ยากจนเหมือนเอกวารี

 

ไม่มีอะไรเหมาะจะรับมือเย่อินจู๋ในตอนนี้มากไปกว่าทักษะแยกเงา นักเรียนเอกมนตร์ดำต่างก็ไม่ได้ต่อต้านพลังของมีดเสียง แต่การแบ่งร่างแยกเพิ่มอย่างฉับพลันทำให้เย่อินจู๋ไม่สามารถจับตำแหน่งร่างจริงของพวกเขาได้ มีดเสียงสิ้นเปลืองพลังยุทธ์และเวทมนตร์ที่สุด เย่อินจู๋ย่อมไม่เอาออกมาใช้ง่ายๆ อยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เพลง ‘ภูตสาวแสนสวย’ บรรเลงไปจนถึงหนึ่งในสามส่วนแล้ว

 

หนึ่งในสามส่วน คือช่วงเวลาที่เพลงพิณของเย่อินจู๋เริ่มสำแดงอิทธิฤทธิ์นั่นเอง นักเรียนเอกมนตร์ดำห้าคน แทบจะรู้สึกได้พร้อมกันว่าความโศกเศร้าอย่างรุนแรงท่วมท้นขึ้นมาในส่วนลึกของหัวใจ จิตใต้สำนึกราวกับคิดเพียงแต่ว่าจะตั้งใจฟังเพลง ไม่ใช่ดำเนินการประลองต่อไป ร่างแยกที่เกิดจากการแยกเงาเริ่มพร่าเลือนลงแล้ว

 

ถึงอย่างไรอีคลิปส์ก็เป็นนักเวทระดับเดียวกับเย่อินจู๋ จึงกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงในช่วงเวลาคับขัน ใช้ประโยชน์จากความเจ็บปวดที่แล่นมาจากกลีบปากปลุกตัวเองให้ได้สติขึ้นมา ก่อนตะโกนสั่งว่า “ออกมาเถิด สหายของข้า ดาร์คสโนว์”

 

ดาวเวทมนตร์หกแฉกสีฟ้าหม่นปรากฏขึ้นในอากาศเบื้องหน้าเงาดำผืนใหญ่ เงาร่างอรชรที่มองไปแล้วกลับดูเหมือนเด็กผู้หญิงอายุเพียงหกถึงเจ็ดปีล่องลอยอยู่กลางอากาศ ผมยาวสีฟ้าเข้มปลิวไสวอยู่ด้านหลัง ความยาวเกินกว่าขาทั้งสองข้างของมัน ดวงตากลมโตสีดำเต็มไปด้วยแววเย็นเยียบ รัศมีสีฟ้าหม่นอ่อนจางหมุนวนรอบร่างของมันไม่ขาดสาย สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือร่างของมันแลดูโปร่งใส ใสราวกับคริสตัล

 

บนอัฒจันทร์ นีนาสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนเอ่ยเสียงหลงว่า “สัตว์เวทเติบโตประเภทวิญญาณ วิญญาณหิมะปรภพ”

 

สัตว์เวทเติบโตทุกตัวล้วนมีความสามารถที่จะวิวัฒนาการไปถึงระดับสัตว์เวททรงภูมิปัญญา เพียงแต่ขั้นตอนจะยาวนานและยากลำบาก ส่วนสัตว์เวทเติบโตประเภทวิญญาณนั้นมีจำนวนน้อยนิด ถึงขนาดเทียบเคียงกับมังกรยักษ์ขั้นเก้าได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิญญาณหิมะปรภพอันโดดเด่นในนั้น ควรรู้ไว้ว่าการทำพันธสัญญากับสัตว์เวทเติบโตตัวใดก็ตามต้องเริ่มตั้งแต่ช่วงวัยเยาว์ วิญญาณหิมะปรภพโตเต็มวัยคือสัตว์เวทขั้นเก้า และตลอดชีพให้กำเนิดวิญญาณได้เพียงหนึ่งดวงเท่านั้น หากต้องการได้วิญญาณสักดวงมาทำพันธสัญญา ไม่เพียงแต่ต้องหาวิญญาณหิมะปรภพให้เจอเสียก่อน ขณะเดียวกันก็ต้องปราบวิญญาณหิมะปรภพโตเต็มวัยที่ระดับเทียบเท่ากับผู้วิเศษสายวารีและสายมืดระดับม่วงด้วยถึงจะทำได้

 

“วิญญาณกรีดร้อง” พร้อมกับเสียงแผดตะโกนของอีคลิปส์ วิญญาณหิมะปรภพที่เห็นชัดว่ายังไม่โตเต็มวัยก็เปล่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงยาวนานออกมาจากปาก เสียงกรีดร้องบาดหูเปี่ยมไปด้วยความโหยหวนและความเย็นเยียบ แต่เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันนี้เองได้บั่นทอนพลังของเพลง ‘ภูตสาวแสนสวย’ ที่เอกเทวคีตทั้งห้าคนบรรเลงร่วมกันลงทันที

 

“หิมะระบำ” อีคลิปส์ออกคำสั่งอีกครั้ง ทันใดนั้น จุดแสงสีฟ้าหม่นก็เริ่มปรากฏขึ้นรอบร่างของวิญญาณหิมะปรภพ ค่อยๆ ควบแน่นเป็นเกล็ดหิมะเล็กละเอียดปลิวว่อนไปในอากาศ

 

อีคลิปส์ใช้โอกาสนี้รีบไปรวมตัวกับเพื่อนเอกมนตร์ดำอีกสี่คน ก่อนจะเริ่มร่ายคาถาของพวกเขา

 

“โอมเทพแห่งความมืด...ขอพระองค์เสด็จมาเยือนจากอันธการ...” นักเรียนเอกมนตร์ดำคนแรกร่ายคาถา

 

“นำมาซึ่งความโศกเศร้าสุดลึกล้ำ...นำไปซึ่งวิญญาณของข้าพเจ้า...” นักเรียนเอกมนตร์ดำคนที่สองร่ายคาถาต่อจากคนแรก

 

“นำพาความสิ้นหวังมาสู่ศัตรูของข้าพเจ้า...นำพาการสังหารมาปกคลุมโลกมนุษย์...” คนที่สามยังคงรับช่วงต่อได้กลมกลืนอย่างยิ่ง ราวกับร่ายคาถาต่อไปเรื่อยๆ โดยคนคนเดียว ขณะที่ทุกคนกำลังร่ายคาถา พวกเขาก็แผ่รัศมีสีเหลืองออกมาจากตัวจำนวนมาก รวมกันอยู่บริเวณกึ่งกลางของทั้งห้าคน

 

“ใช้โลหิตข้าพเจ้าถวายสัตย์สาบาน...สังเวยวิญญาณของข้าพเจ้า...” คนที่สี่เพิ่งร่ายคาถาจบก็อ้าปากพ่นหมอกโลหิตออกมาพร้อมกับสามคนแรก รัศมีสีเหลืองที่รวมกลุ่มกันก่อนหน้านี้กลายเป็นสีเขียวคล้ำขึ้นมาทันใด

 

บนอัฒจันทร์ เฟอร์กูสันกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ร่ายมนตร์ซ้อน คำสาปมนตร์ดำ นี่มันเวทมนตร์สายมืดระดับสูง หัวหน้าเอกบัสเติน นักเรียนใหม่เอกมนตร์ดำปีนี้ยอดเยี่ยมมาก!” ระหว่างที่พูด พลังเวทมนตร์สีม่วงของเขาก็เริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียน เขาไม่หวังให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้นในศึกประลองนักเรียนใหม่

 

ความรู้สึกของบัสเตินหัวหน้าเอกมนตร์ดำผู้ไม่พูดไม่จาในตอนนี้สามารถใช้คำว่าขมขื่นมาบรรยายได้เท่านั้น เวทมนตร์สายมนตร์ดำระดับสูงอย่างคำสาปมนตร์ดำ แม้แต่นักเรียนปีห้าก็มีน้อยคนนักที่สามารถปล่อยออกมาโดยลำพังได้ การร่ายมนตร์ซ้อนที่เขาออกแบบขึ้นมาอย่างชาญฉลาดในครั้งนี้ เดิมทีเตรียมไว้ใช้ในการประลองรอบสำคัญกว่านี้ ทำให้เอกมนตร์ดำได้แสดงผลงานอันน่าตื่นตะลึง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสนามที่สองกลับเจอเอกเทวคีตที่ได้ชื่อว่านักเวทกระจอกบังคับให้เอาออกมาใช้ แม้เขาจะคิดว่าชัยชนะถูกกำหนดไว้แล้ว แต่การเปิดเผยความสามารถเร็วเกินไปไม่ใช่สิ่งที่เขายินดีจะเห็นอย่างเห็นได้ชัด

 

“คำสาปมนตร์ดำ อเวจีโหยหวน” อีคลิปส์ร่ายคาถาประโยคสุดท้ายจนจบ ทันใดนั้น รัศมีสีเขียวคล้ำก็ปกคลุมนักเรียนเอกมนตร์ดำทั้งห้าคนไว้ข้างในพร้อมกัน เสียงกรีดร้องโหยหวนแผ่คลุมไปทั่วทั้งสนามในพริบตา

 

ตอนที่นักเรียนเอกมนตร์ดำร่ายคาถาของพวกเขา พวกเย่อินจู๋ก็เจอกับปัญหาไม่น้อย วิญญาณหิมะปรภพที่เป็นสัตว์เวทเติบโตประเภทวิญญาณของสายมืดและสายหิมะสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้แก่พวกเขา

 

ถึงแม้จะอยู่ในช่วงเติบโต แต่วิญญาณหิมะปรภพดวงนี้กลับมีความสามารถเกินระดับสี่ เกล็ดหิมะสีฟ้าหม่นไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยลมปราณอันเย็นเยียบราวกับใบมีดคม สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือพลังกัดกร่อนที่แฝงอยู่ในนั้น แค่สัมผัสนิดเดียวก็ถูกย่อยสลายจากการกัดกร่อนได้เลย!

 

‘ภูตสาวแสนสวย’ ไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด เย่อินจู๋รู้ว่าบทเพลงของนักเทวคีตใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณไม่ว่าตัวใดก็ตามอย่างแน่นอน แม้แต่สัตว์เวทประเภทวิญญาณก็ไม่มีข้อยกเว้น มีดเสียงไม่มีทางสกัดกั้นเกล็ดหิมะที่โปรยไปทั่วทุกหนแห่งได้ ดังนั้น ในช่วงเวลาคับขัน เขาจึงปลดปล่อยเทพจันทราพิทักษ์ ครอบคลุมฝ่ายตัวเองทั้งห้าคนไว้ข้างในทั้งหมด ขณะปล่อยให้เกล็ดหิมะสีฟ้าหม่นเฉือนบาด สองมือของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย พลังยุทธ์อัดรวมอยู่ที่นิ้วมือทันที เสียงพิณขยายกว้างขึ้นอีกเท่าตัวในพริบตา สะกดข่มเสียงกรีดร้องของวิญญาณหิมะปรภพเอาไว้

 

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด