ตอนที่แล้วบทที่ 44 ฆาตกรรมในคืนเดือนมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 46 ศึกษาวิจัย

บทที่ 45 ซอมบี้ที่โชคร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์


บทที่ 45 ซอมบี้ที่โชคร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

 

จากนั้นไม่นานการเข่นฆ่าระหว่างซอมบี้นี้ก็สิ้นสุดลง แต่ผู้ชนะในท้ายที่สุดกลับไม่ใช่ซอมบี้สาววัยกลางคนตัวนั้น ทว่ากลับเป็นซอมบี้เพศชายที่ดูอ่อนแอตัวหนึ่ง

 

ดูท่าว่าความได้เปรียบทางด้านรูปร่างคงไม่มีประโยชน์อะไรหลังจากที่กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว เห็นแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าซอมบี้สาววัยกลางคนจัดเป็นพวกพละกำลังมหาศาล แต่หลังจากที่ถูกซอมบี้มากมายห้อมล้อมโจมตี กำลังของมันก็ค่อยๆ ถดถอยลง แม้ซอมบี้สาวจะไม่มีทีท่าล่าถอยแม้แต่น้อย ทว่าอย่างไรเสียกำลังในการโจมตีก็ไม่เพียงพออยู่ดี ในทางกลับกัน ก่อนหน้านี้ซอมบี้หนุ่มที่อ่อนแอตัวนั้นไม่เป็นที่เตะตาเลยสักนิด และไม่ได้สัมผัสแตะต้องซอมบี้สาวแม้แต่ปลายเล็บ แต่ด้วยการเคลื่อนไหวที่ว่องไวปราดเปรียว ในที่สุดซอมบี้หนุ่มก็ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย

 

ซากซอมบี้ที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์นับสิบกว่าตัวนอนตายเกลื่อนอยู่ที่เท้าของซอมบี้หนุ่ม มันเองก็ไม่มีท่าทีเกรงใจ ย่อตัวลงและเริ่มกินทันที

 

แม้ว่าภาพนี้จะดูน่าขยะแขยง แต่เพื่อที่จะรู้ให้แน่ชัดว่าตกลงแล้วซอมบี้วิวัฒนาการกลายพันธุ์อย่างไรกันแน่ หลิงม่อจึงจำเป็นต้องตั้งอกตั้งใจจับตาดูการเคลื่อนไหวของมัน

 

ตอนแรกก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ มันแค่กินเนื้อดื่มเลือดเหมือนกับซอมบี้ตัวอื่นๆ...แต่หลังจากที่แทะกินศีรษะของซอมบี้สาววัยกลางคนตัวนั้นเสร็จแล้ว จู่ๆ มันก็กลิ้งไปมาบนพื้นอย่างคลุ้มคลั่ง

 

“ทำอะไรของมันนะ”

 

อย่างไรเสียตอนนี้ก็เป็นเวลากลางคืนที่แสงมัวสลัว อีกทั้งยังอยู่ไกลมาก แม้ว่าพลังจิตของหลิงม่อจะดีพอสมควร สามารถได้ยินเสียงที่อยู่ค่อนข้างไกลได้และสายตาก็ดีใช้ได้ แต่การจะมองเห็นอากัปกิริยาต่างๆ ของซอมบี้หนุ่มตัวนั้นได้อย่างชัดเจนในระยะไกลขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

 

โชคดีที่ซอมบี้ตัวนี้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากลุกขึ้นยืน มันก็หมดความสนใจซากซอมบี้ตัวอื่น

 

กินอิ่มแล้ว? หลิงม่อจ้องมองซอมบี้ตัวนี้ด้วยความสนใจใคร่รู้ เขาละอยากจะให้ซย่าน่าหรือไม่ก็เย่เลี่ยนไปจับซอมบี้ตัวนี้มาศึกษาดูเสียเดี๋ยวนี้ตอนนี้เลย แต่พอซอมบี้ตัวนี้ลุกขึ้นยืน มันก็พุ่งไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลย นอกเสียจากว่าจะมีเหยื่อปรากฏตัว ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆ ซอมบี้จะวิ่งพรวดพราดไปแบบนี้ได้อย่างไร

หลิงม่อรีบมองไปยังทิศทางนั้นทันที แม้ว่าจะแยกแยะให้ชัดเจนได้ยาก แต่เขาก็พอจะมองเห็นเงาคนตะคุ่มๆ จำนวนหนึ่ง...

 

“ที่แท้ก็มีซอมบี้ถูกดึงดูดมาทางนี้แล้ว” หลิงม่อเผยรอยยิ้มเย็นชาทันที

 

ตอนกลางคืนเป็นเวลาของพวกซอมบี้โดยสิ้นเชิง บางทีภายในเมืองใหญ่ที่กลายเป็นเมืองร้างไปแล้วแห่งนี้อาจจะกำลังเกิดเรื่องแบบนี้อยู่ทั่วทุกแห่งก็ได้ การวิวัฒนาการของซอมบี้คงไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เขาเห็นหรอกมั้ง...

 

การสู้รบเข่นฆ่าของซอมบี้ฝูงนี้เปิดฉากขึ้นที่อีกมุมหนึ่งของลานกว้าง แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นเนื่องจากอยู่ไกล แต่โชคดีที่ข้างกายเขายังมีซอมบี้กลายพันธุ์อยู่สองตัว

 

เนื่องด้วยสภาพของซย่าน่ายังไม่เสถียรดี หลิงม่อจึงควบคุมเย่เลี่ยนให้ลงไปชั้นล่างเปิดประตู แล้วก็หันกลับมาปิดล็อกประตู จากนั้นถึงค่อยพุ่งตรงไปยังบริเวณที่ต่อสู้กัน

 

ภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด เงาร่างอันปราดเปรียวของเย่เลี่ยนดูเหมือนกับเงาดำแปลกประหลาดที่วิ่งแฉลบผ่านลานกว้างไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ยืนอยู่ใต้ชายคาร้านค้าร้านหนึ่งอยู่เงียบๆ แล้วมองไปยัง “สนามรบ” ที่อยู่ไม่ไกลออกไป

 

ระยะห่างนี้ถึงขีดจำกัดการควบคุมของหลิงม่อแล้ว แต่ด้วยความที่การมองเห็นของเย่เลี่ยนไม่มีข้อจำกัดเรื่องแสงสว่าง จึงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบริเวณนั้นได้อย่างชัดเจน

 

เวลานี้เรียกได้ว่าซอมบี้หนุ่มตัวนั้นได้ระเบิดอานุภาพออกมาอย่างเต็มที่ พวกซอมบี้ที่ปรากฏตัวตรงหน้ามันล้วนถูกจัดการอย่างรวดเร็ว แต่มันไม่ได้กินซากซอมบี้สามสี่ตัวนี้จนหมดเรียบราบคาบ มันกลับเล็งเป้าไปที่ศีรษะของพวกซอมบี้เท่านั้น พูดให้ถูกคือที่ศีรษะด้านหลัง...

 

หลิงม่อขมวดคิ้วพลางจับตาดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านสายตาของเย่เลี่ยน ศีรษะด้านหลังของซอมบี้ธรรมดาก็มีจุดศูนย์รวมของโรคเช่นกัน ซึ่งก็คือก้อนไวรัสนั่นเอง เพียงแต่ซอมบี้กลายพันธุ์อย่างเย่เลี่ยนไม่ได้สนใจก้อนเหนียวหนืดในสมองของซอมบี้ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว ที่เธอต้องการคือก้อนเหนียวหนืดในสมองของซอมบี้กลายพันธุ์ต่างหาก

 

นอกจากนี้หลิงม่อยังเห็นเต็มสองตาว่าซอมบี้หนุ่มตัวนี้ไม่ได้ควักก้อนเหนียวหนืดออกมาจากสมองของพวกมัน แต่ยัดกินเข้าไปทั้งสมองเลย

 

ภาพนี้ชวนให้หลิงม่อพลันหวนนึกถึงซากซอมบี้พวกนั้นที่เขาเห็นในรถประจำทางตอนที่เขาเพิ่งหาเย่เลี่ยนเจอ ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตดูอย่างละเอียด แต่ตอนนี้พอมาคิดๆ ดู สมองของซอมบี้พวกนั้นล้วนถูกควักจนกลวงโบ๋ไปแล้วจริงๆ ทว่าไม่ได้เหมือนกับเย่เลี่ยนที่ควักออกมาแค่เฉพาะก้อนไวรัส เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจหลิงม่อก็รู้สึกประหลาดขึ้นมาทันที แต่แล้วเขาก็ขจัดความรู้สึกนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว

 

กินสมองคนแล้วยังไง! อย่างไรเสียเขาก็ต้องการเย่เลี่ยน! แล้วอีกอย่างซอมบี้พวกนี้ พวกมันก็ไม่นับว่าเป็นคนอีกต่อไปแล้ว...

 

หลังจากควักสมองของซอมบี้พวกนี้จนหมดเกลี้ยงแล้ว ดูเหมือนว่าซอมบี้หนุ่มตัวนี้จะยังไม่พอ มันก็เลยกลับไปควักสมองของซากซอมบี้ที่เหลือออกมาทั้งหมด

 

เมื่อวัดจากปริมาณความต้องการอาหารของซอมบี้ นับว่ามันกินไปมากพอสมควรทีเดียว ไม่แน่ว่าหากกินเข้าไปอีกอาจจะท้องแตกก็เป็นได้

 

แต่หลังจากกินเสร็จแล้ว มันกลับแหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามต่ำ ถึงแม้เสียงจะไม่ดัง ทว่ากลับทำให้หลิงม่อสะดุ้งตกใจทันที

 

ซอมบี้ตัวนี้กำลังจะกลายพันธุ์อย่างนั้นเหรอ แม้ว่าจะอยู่ค่อนข้างไกลกัน แต่หลิงม่อก็เห็นชัดเจนว่าประกายสีแดงในดวงตาของมันดูสว่างขึ้น นอกจากนี้ตอนที่แหงนหน้าขึ้นส่งเสียงคำรามต่ำ ก็ดูเหมือนว่ากระดูกตามร่างกายกำลังส่งเสียงดังกรอบแกรบ ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงแค่ความรู้สึก แต่หลิงม่อคิดว่าเขาเห็นจริงๆ! ทันใดนั้นร่างกายมันก็ยืดเหยียดเล็กน้อย ส่วนแววกระหายเลือดในดวงตาก็ดูร้อนแรงมากขึ้น

 

ซอมบี้กลายพันธุ์! แม้จะดูอ่อนแอกว่าซอมบี้กลายพันธุ์ที่เขาเคยเจอเล็กน้อย แต่มันก็เป็นซอมบี้กลายพันธุ์ที่ถือกำเนิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาจริงๆ!

 

หลิงม่อตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขารู้ว่าอีกไม่นานกลิ่นคาวเลือดบริเวณนี้จะต้องดึงดูดซอมบี้ตัวอื่นมา ดังนั้นขณะที่ซอมบี้กลายพันธุ์ที่ถือกำเนิดใหม่ตัวนี้ยังคงส่งเสียงคำรามต่ำอยู่ เขาก็ควบคุมเย่เลี่ยนให้พุ่งไปที่ด้านหลังของซอมบี้ตัวนี้!

 

ทั้งคู่ต่างก็เป็นซอมบี้กลายพันธุ์ แต่เมื่อเทียบกับเย่เลี่ยนแล้ว “ซอมบี้กลายพันธุ์ที่ถือกำเนิดใหม่” ตัวนี้ไม่มีทางสู้ได้เลย มันเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเย่เลี่ยนอยู่ข้างหลัง ก็ตอนที่เย่เลี่ยนอยู่ห่างจากมันแค่สิบเมตรแล้ว ปฏิกิริยาพิเศษเฉพาะระหว่างพวกเดียวกัน...

 

สำหรับเย่เลี่ยนแล้ว สิบเมตรไม่นับว่าห่าง ซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนี้เพิ่งจะหันหน้ามา เย่เลี่ยนก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้ามันแล้ว จากนั้นเย่เลี่ยนก็ใช้สันมือสับเข้าที่คอของมันอย่างแรง

 

จุดอ่อนของซอมบี้ไม่ได้ต่างอะไรไปจากของคนธรรมดาเลย เพียงแต่การบาดเจ็บที่ไม่ถึงแก่ชีวิตไม่อาจยับยั้งการโจมตีของพวกมันได้ก็เท่านั้นเอง พอเย่เลี่ยนใช้สันมือสับลงไป ซอมบี้กลายพันธุ์ก็ตาเหลือกและสลบไปทันที

 

มันคงเป็นซอมบี้ตัวแรกที่ถูกตีสลบ เวลาที่คนธรรมดาเผชิญหน้ากับซอมบี้ มันเป็นการต่อสู้แห่งความเป็นความตาย แล้วก็คงไม่มีใครที่เข้าไปใกล้ซอมบี้ เพียงแค่เพื่อที่จะตีพวกมันให้สลบ การต่อสู้ระหว่างซอมบี้ด้วยกันเองยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้องตายกันไปข้าง! แล้วถึงแม้มันจะไม่ทันระวังถูกตีจนสลบ แต่สิ่งที่รอมันอยู่ก็คือความตาย!

 

เพราะฉะนั้นซอมบี้กลายพันธุ์ที่เพิ่งถือกำเนิดใหม่ตัวนี้จึงเป็นซอมบี้ผู้โชคร้ายตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกพวกเดียวกันตีสลบ แถมยังถูกดึงลากไปตามทางอีกต่างหาก

 

เย่เลี่ยนร่างกายอ่อนแอบอบบาง แต่กลับลากซอมบี้หนุ่มตัวโตได้สบายมาก ดูจากท่าทางแล้วเธอไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย ตอนนี้ด้านในร้านค้าที่ชั้นล่างไม่มีซอมบี้อยู่แล้ว หลิงม่อก็เลยไม่มีอะไรต้องพะว้าพะวัง เขาวิ่งลงไปเปิดประตูให้กับเย่เลี่ยน แล้วก็ล็อกประตูเหล็กกลับตามเดิม

 

“ศึกษาเจ้าซอมบี้กัน...”

 

หลังจากกลับขึ้นมาชั้นบน หลิงม่อก็นั่งลงตรงหน้าซอมบี้ตัวนี้ด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับถูไม้ถูมือโดยไม่รู้ตัว

 

....................................................................................................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด