ตอนที่แล้วบทที่ 38 รีบส่งกางเกงในมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 ทำไมนายไม่เล่นไพ่ตามกฎ!?

บทที่ 39 โป๊กเกอร์ใบนั้น


บทที่ 39 โป๊กเกอร์ใบนั้น

 

        “ฉันคิดไม่ถึงว่าจะเป็นนาย อีเฉวียน”

       

ในรอยยิ้มเย็นชาของซีซือนั้นมีความหมายที่ยากจะบรรยายแฝงอยู่

 

เงาร่างที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสือเสี่ยวไป๋อย่างกะทันหันนั้น คลุมตัวด้วยผ้าคลุมสีขาว สวมชุดสีเหลืองรัดรูปทั้งตัว หน้าตาอ่อนโยนเรียบง่าย ศีรษะเรียบโล้นเงาใส ไม่มีเส้นผมเลยสักเส้น ทั้งยังเป็นฮีโร่ที่เคยช่วยชีวิตสือเสี่ยวไป๋จากเงื้อมมือของซาฮัตตันอย่างน่าประทับใจ อีเฉวียนหัวล้าน!

 

หลังจากที่อีเฉวียนคีบหนีบไพ่โป๊กเกอร์ไว้ ก็สะบัดเบาๆ โยนกลับไปให้ซีซือ อุทานว่า“นายรังแกเด็กคนนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่เพราะอยากบีบให้ฉันปรากฏตัวหรอกเหรอ? ตอนนี้ นายพอใจหรือยัง?”

 

ซีซือนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบสิ่งใดกับอีเฉวียน แต่ย้อนถามว่า “ในเมื่อคนที่ปรากฏตัวคือนาย เช่นนั้น ‘ปิดผนึกดินแดน’บนร่างของเล่นน้อยชิ้นนี้ คือนายที่เป็นคนประทับลงไป?”

 

อีเฉวียนไม่ได้ตอบคำถาม เพียงหันไปเหลือบมองสือเสี่ยวไป๋ที่ยังคงหวาดผวาอยู่ ก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้าทันที พร้อมด้วยเกราะพิทักษ์สีดำบานหนึ่งก็พลันคลี่กางออกกว้างจากตัวเขา ก่อนจะครอบเขาและซีซือไว้ด้วยกัน เกราะพิทักษ์สีดำบานนี้ถูกเกราะพิทักษ์ของซีซือล้อมอยู่ด้านใน กลายเป็นเกราะในเกราะอีกที

 

สือเสี่ยวไป๋รู้สึกได้ทันทีว่าแรงกดดันไร้รูปสายนั้นบนตัวเขาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ในที่สุดร่างกายก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมีอิสระ

 

“เมื่อครู่เหมือนว่าข้าจะได้ยิน ‘ปิดผนึก’อะไรสองคำนี้ หรือว่าพวกเขาจะรู้กันแล้วว่าข้าได้รับการปิดผนึกจากเทพแห่งมารครอบจักรวาล?”

 

ในใจของสือเสี่ยวไป๋เกิดข้อสงสัย แต่ไม่นานก็โยนทิ้งไว้ข้างหลัง เขาหันมองดูรอบตัว ทันใดนั้นเขาก็พบว่าตัวเองในเวลานี้ยืนอยู่ท่ามกลางเกราะพิทักษ์ของคนทั้งสอง เกราะพิทักษ์สีดำนั้นคล้ายกับกระจกที่สร้างขึ้นมาพิเศษ สามารถมองเห็นข้างนอกได้จากข้านใน แต่คนข้างนอกไม่สามาถมองเห็นข้างในได้

 

สือเสี่ยวไป๋มองเห็นบรรดาเด็กใหม่นอกเกราะพิทักษ์บานใหญ่นี้กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ และก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังอลหม่านของพวกเขา ทว่าเขากลับไม่สามารถมองเห็นอีเฉวียนและซีซือในเกราะพิทักษ์บานเล็กนั่นได้ อีกทั้งไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาด้วย เกราะพิทักษ์ของซีซือแยกพวกเขาทั้งสามและบรรดาเด็กใหม่ออกจากกันแล้ว และเกราะพิทักษ์ของอีเฉวียนก็แยกสือเสี่ยวไป๋ออกจากพวกเขาทั้งสอง

 

สือเสี่ยวไป๋ลองใช้กำปั้นชกใส่เกราะพิทักษ์สีดำบานนั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนว่ากำลังชกอยู่บนแผ่นเหล็กแข็ง ด้วยความเจ็บปวดจึงต้องยอมแพ้การดิ้นรนนั้นไปอย่างหดหู่ เขาทำได้เพียงนั่งอยู่บนแผ่นเหล็กอย่างเบื่อหน่าย จึงหันมาลองปลดปล่อยพลังจิตอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มควบคุมพลังจิตให้เปลี่ยนรูป

 

“ข้าจะต้องสร้างปราสาทออกมาให้ได้!”

 

ในดวงตาของสือเสี่ยวไป๋จุดประกายความฮึกเหิมอย่างมาดมั่น!

 

......

 

 

 

เกราะพิทักษ์บานเล็กของอีเฉวียนครอบตัวเขาและซีซือไว้ด้วยกัน นั่นก็เพราะเขาไม่อยากให้สือเสี่ยวไป๋ได้ยินบทสนทนาต่อไปนี้

 

“‘ปิดผนึกดินแดน’ เป็นฝีมือของฉันเอง นั่นก็เพื่อปกป้องเขา” อีเฉวียนตอบคำถามของซีซืออย่างสงบ

 

“หึหึ ฉันเข้าใจแล้ว เจ้าของเล่นน้อยจอมดื้อรั้นคนนั้นใช้เวลาเพียงสิบวันก็สามารถเปลี่ยนจากคนธรรมดาพัฒนาตัวมาอยู่ขั้นปฐมจิตชั้นสามได้แล้ว ความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้ได้ล้มล้างความรู้ความเข้าใจของเหล่ามนุษยชน และเป็นเรื่องยากมากที่ว่าจะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนบางคน เพื่อปกป้องเขาจึงปิดผนึกดินแดนเขาไว้ที่ขั้นปฐมจิตชั้นหนึ่ง ที่จริงมันก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุด”

 

ซีซือกำแบมือไปมาพูดว่า “แม้ว่าฉันเองก็แปลกใจอยู่มากว่าสรุปแล้วเขาใช้วิชาฌานสมาธิอย่างไร ถึงได้บรรลุความเร็วในการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งถึงเพียงนี้ แต่ว่า ‘ความบันเทิง’ของเขามันอยู่เหนือความประหลาดใจมากเหลือเกิน ดังนั้นน่ะ ฉันก็เลยไม่ได้รบกวนแผนการของนายเลย เพียงแต่ว่าช่วยทำให้เขาโตขึ้นอีกสักหน่อยก็เท่านั้น”

 

อีเฉวียนตอบกลับเสียงเย็นชา“นายหลอกให้เขาใช้ ‘เพลิงโลกันต์ต้องห้าม’ นี่น่ะเหรอที่บอกว่าทำนิดหน่อย?”

 

ซีซือยักคิ้วเล็กน้อย พูดว่า“นายใช้ ‘น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ’บนตัวของเขา ก็แค่เปลวไฟของ ‘เพลิงโลกันต์ต้องห้าม’มันเผาเขาให้ตายไม่ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะล้มเหลวเขาก็ไม่ตายหรอก ไม่งั้นมาพนันกันไหมล่ะ? ตัดสินจากผลลัพธ์ ที่จริงนายควรจะขอบใจฉันถึงจะถูก”

 

สีหน้าของอีเฉวียนเย็นชาลงเล็กน้อย ไม่ได้พูดสิ่งใด เพราะหากมองข้ามขั้นตอนไปแล้วดูแต่ผลลัพธ์ที่ได้มา การกระทำโดยวิธีดึงกล้าให้โตของซีซือที่จริงก็ถือว่าได้ผลที่สำเร็จ

 

ซีซือคล้ายกับนึกอะไรออกขึ้นมาโดยพลัน คิ้วพลันขมวดย่นลงกล่าวว่า “ข้ายังนึกว่าบนโลกใบนี้จะมีเพียงหลีจื่อแห่งวังทักษิณคนเดียวเท่านั้นที่สามารถได้รับการรักษาอย่างพิเศษจากนาย คิดไม่ถึงเลยว่านายจะเสียเวลามากมายไปกับการประทับ ‘ปิดผนึกดินแดน’บนร่างของเล่นชิ้นนี้ด้วย อีกทั้งยังสิ้นเปลือง ‘น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ’ของศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าอีกหนึ่งหยดไปด้วย”

 

อีเฉวียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “จากคำทำนายของท่านมหาปุโรหิตผู้เปรื่องปราด บอกว่าคลื่นลูกที่สี่ของ ‘วันอวสานโลก’จะมาถึงในอีกสี่สิบปีข้างหน้า ถึงเวลานั้น เด็กคนนี้จะกลายเป็นหนึ่งในความหวังของเหล่ามนุษยชน ในเมื่อร่างกายของเขาอยู่ที่ [ไกอา] พวกเราก็จะต้องพยายามปกป้องเขาให้ถึงที่สุด เพื่อให้เขาได้เติบโตขึ้นมาอย่างราบรื่น”

 

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ในเมื่อเกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของเหล่ามนุษย์และความสงบสุขของโลก การที่นายให้ความสำคัญกับเขาก็ถือว่าสมเหตุสมผลดีอยู่ วางใจเถอะ เขาในตอนนี้ยังเป็นหนึ่งในของเล่นสุดโปรดของฉันอยู่ แน่นอนว่าฉันจะต้องปกป้องเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน”

 

ซีซือยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่ หากว่าของเล่นทำให้เจ้าของต้องโมโหก็คงต้องจัดการสั่งสอนให้ดีเสียหน่อย ข้อนี่น่ะฉันยอมให้ไม่ได้หรอก”

 

อีเฉวียนเอ่ยเสียงเย็นชา “เลือกใช้คำสาปโหดร้ายอย่าง‘หมื่นงูกัดกินใจ’เช่นนี้ มันเรียกว่าเป็นการสั่งสอนของนายอย่างนั้นเหรอ? เด็กคนนี้เพิ่งจะสิบสามขวบเองนะ ต้องทนรับกับความทรมานเหมือนกับตายของคำสาปนั่น จิตใจของเขามีแนวโน้มจะต้องเสียสติเป็นบ้าแน่นอน นี่นายกำลังทำลายเขาอยู่”

 

ซีซือยกบ่าขึ้นลงกล่าวว่า“ที่นายพูดมาก็มีเหตุผล ฉันน่ะเมื่อกี้กำลังหัวร้อนอยู่จึงทำอะไรรุนแรงไปหน่อย ในเมื่อเจ็ดดอกจิกมันรุนแรงไปหน่อย เช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นใช้สามดอกจิกเป็นไง?”

 

อีเฉวียนส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าวว่า“ในเมื่อฉันปรากฏตัวแล้ว ก็จะไม่ยอมให้นายเข้ามายุ่งอีก เด็กคนนั้นจิตใจบริสุทธิ์ และเพิ่งจะมาถึงที่นี่ไม่นาน คิดไปแล้วเขาคงจะไม่รู้เรื่องต้องห้ามของนายเหล่านั้น และก็คงไม่ได้ตั้งใจพูดสามคำนั้นออกมา การกระทำเมื่อครู่นี้ถือเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจโดยแท้จริง นายจะให้อภัยสักครั้งได้ไหม?”

 

“ถ้าฉันบอกว่า ไม่ ล่ะ?”สีหน้าของซีซือเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย รังสีเย็นเยียบแผ่กระจายออกมาจากตัวเขา ภายในเกราะพิทักษ์ก็เปลี่ยนไปคล้ายกับพื้นน้ำแข็งหิมะ

 

“ฉันจะขัดขวางนาย”อีเฉวียนขยับดึงดาบซามูไรข้างเอวขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นคมดาบในฝักประกายลำแสงหนาวเหน็บเย็นชา

 

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ลองดู!”

 

ซีซือตะโกนเสียงเย็นชา ทันใดนั้นภายในเกราะพิทักษ์ก็เกิดเสียง“พรึบ”ดังขึ้นพร้อมไพ่โป๊กเกอร์นับร้อยนับพันใบปรากฏอออกมา ไพ่เหล่านั้นลอยเบียดเสียดกันอยู่กลางอากาศ เบียดอัดขึ้นมาเต็มพื้นที่ของเกราะพิทักษ์ ล้อมตัวอีเฉวียนไว้แน่น

 

อีเฉวียนถอนหายใจก่อนจะชักดาบออกมาถือไว้ในมือ ด้วยแรงดึงอันดุดันทำเอาผ้าคลุมสีขาวพลิ้วทะยานสูงขึ้นตามลม และในเวลานี้ดวงตาเบื่อหน่ายไร้ชีวิตชีวาคู่นั้นพลันเบ่งบานแสงเย็นอันแหลมคมออกมา

 

ไพ่โป๊กเกอร์จำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้นต่างกระเหี้ยนกระหือรือรอบุกโจมตี คมดาบของอีเฉวียนก็เตรียมพร้อมรับคำสั่ง

 

“ติง! ติง! ติง!”

 

ทันใดนั้นเสียงระฆังสองสายที่มีจังหวะพร้อมกันก็ดังขึ้นข้างกายของคนทั้งสอง อีเฉวียนและซีซือต่างก็ยกมือขวาขึ้นมาทันที ก่อนจะก้มมองดูนาฬิกาข้อมือที่ออกแบบมาเหมือนกันบนมือข้างขวา และสีหน้าของคนทั้งสองพลันเปลี่ยนไปมาก

 

“มหันตภัยระดับ A!?”

 

“ฝนดาวตก!?”

 

เนื้อหาที่คนทั้งสองอุทานนั้นต่างกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องๆ เดียวกันอยู่ ก่อนจะเงยหน้าสบตากัน แล้วทั้งคู่ก็เผยรอยยิ้มขมขื่นขึ้นมา

 

“ดูท่าพวกเราไม่มีเวลาจะมายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว”

 

ซีซือยักไหล่ขึ้นลง แล้วไพ่โป๊กเกอร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างมืดฟ้ามัวดินก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนจะกล่าวว่า“ฝนดาวตก มหันตภัยระดับA ยังเหลืออีกสามชั่วโมงจะตกลงที่เมืองหนานจิน ในฐานะฮีโร่ระดับS พวกเราจะไม่ไปยังสนามนั่นก็เห็นจะไม่ได้ล่ะ ตอนนี้รีบไปก็น่าจะทันอยู่”

 

อีเฉวียนพยักหน้า เก็บดาบลงฝักพร้อมกันนั้นเกราะพิทักษ์สีดำก็สลายไปเช่นกัน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า“นายไปก่อน”

 

ซีซือนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง เหลือบมองสือเสี่ยวไป๋ที่กำลังคุกเข่าลองฝึกสร้างปราสาทให้ออกมา นัยต์ตาก็วาบแสงที่ไม่พอใจขึ้นมาสายหนึ่ง ก่อนจะสะบัดมือเก็บเกราะพิทักษ์สีดำที่ตัวเองกางขึ้นมา แล้วหมุนกายเร็วดั่งพายุหมุนตัวออกไปข้างนอก หายวับไปไกลจากสายตา

 

เกราะพิทักษ์คลายตัวไปทั้งหมดแล้ว บรรดาเด็กใหม่เห็นเงาของอีเฉวียนแวบๆ ต่างส่งเสียงอุทานตกใจทันที

 

“ท่านอีเฉวียนผู้ยิ่งใหญ่!?”

 

“ชิบหาย นั่นมัน...อีเฉวียนผู้ไร้พ่ายใช่ไหม?”

 

“พระเจ้า ในที่สุดฉันก็ได้พบไอดอลกับตาตัวเองแล้ว!”

 

“เป็นฮีโร่ระดับSสามตัวเป้งแนวหน้าของไกอาเช่นเดียวกับซีซือ ในตำนานกล่าวว่า เขาเป็นผู้ชายที่ไม่มีใครกล้าบังอาจมาเป็นศัตรู!”

 

“ที่ฉันเข้ามาอยู่ในไกอาก็เพื่อหวังว่าสักวันจะได้เห็นท่านอีเฉวียนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้กับตาตัวเอง ไม่คิดเลยว่าความฝันจะเป็นจริงได้เร็วขนาดนี้!”

 

“...”

 

“อีเฉวียนได้ฟังคำกล่าวเคารพยกยกเทิดทูนของบรรดาเด็กใหม่ ทำหน้าทื่อบื่อ หลังจากยืนนิ่งเงียบอยู่สองสามนาที จนแน่ใจแล้วว่าซีซือไม่ได้ย้อนกลับมาอีก จึงพยักหน้าจริงใจไปยังบรรดาเด็กใหม่บนที่นั่ง ก่อนจะโบกมืออำลาแล้วจึงกระโจนออกประตูห้องไปด้วยความเร็วสูง และหายวับไปจากสายตาของผู้คนเช่นเดียวกัน

 

“ข้าทำสำเร็จแล้ว!”

 

ทันใดนั้น เสียงปิติดีใจก็ดังขึ้นจากบนเวที ดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งหมดให้หันมาพบกับสือเสี่ยวไป๋ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตลอด ก่อนจะลุกพรวดยืนขึ้นมา แล้วหันตัวไปยังฝูงชน ในมือของเขายกสิ่งของบางอย่างที่เป็นสีขาวบริสุทธิ์ เมื่อเพ่งตาไปมองก็เห็นว่ามันคือปราสาทจำลองที่สร้างขึ้นอย่างประณีตบรรจง

 

“ปราสาทของข้า สำเร็จแล้ว!” สือเสี่ยวไป๋ยิ้มสดใสราวกับดวงดารา

 

ฝูงชนถึงกับไม่เชื่อสายตา แม่งเอ้ยมันทำได้อย่างไรเนี๊ยะ?

 

นายน่ะแม่งทำไมถึงสามารถเล่นกับตัวเองอยู่ตรงนั้นได้อย่างเงียบสงบล่ะ?

 

และในเวลานี้เอง ไพ่โป๊กเกอร์ใบนั้นก็ค่อยๆ หล่นลงมาจากยอดเพดาน ก่อนจะหล่นมาแตะเบาๆบนบ่าของสือเสี่ยวไป๋

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด