ตอนที่แล้วบทที่ 37 ศึกแรกของศึกประลองนักเรียนใหม่ (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 ศึกแรกของศึกประลองนักเรียนใหม่ (3)

บทที่ 38 ศึกแรกของศึกประลองนักเรียนใหม่ (2)


บทที่ 38 ศึกแรกของศึกประลองนักเรียนใหม่ (2)

 

        วัลคีรียกที่นั่งของตัวเองให้เฟอร์กูสัน เฟอร์กูสันโบกมือให้กับเหล่าอาจารย์ทั้งสองเอกที่ลุกขึ้นยืนทักทายเขารอบด้านพลางกล่าวว่า “ทุกคนนั่งลงเถอะ การแข่งขันจะเริ่มขึ้นแล้ว”

 

ในสนามประลองที่กว้างขวางถึงหนึ่งพันตารางเมตร นักเรียนสิบคนที่ลงแข่งขันของเอกเทวคีตและเอกวารีขณะนี้ยืนอยู่กลางสนามแล้ว ไห่หยางยังคงมีผมยาวบังครึ่งหน้า ยืนอยู่ข้างหลังสุด ไม่ดึงดูดสายตาผู้คนแต่อย่างใด แลนซี เชอรีน และพีค็อกล้วนเป็นสาวงามที่หาได้ยากยิ่ง จึงดึงดูสายตาของเหล่านักเรียนหลายพันคนที่ชมการแข่งขันอยู่บนอัฒจันทร์ไม่น้อยเป็นธรรมดา แต่จุดรวมสายตาทุกคนอย่างแท้จริงกลับไม่ใช่พวกเธอ แต่เป็นเย่อินจู๋ที่ยืนอยู่ตรงกึ่งกลางนักเรียนห้าคนของเอกเทวคีต

 

เสื้อคลุมจอมเวทเทพจันทราสีขาวนวลไร้ซึ่งเศษฝุ่น บริเวณคอเสื้อและแขนเสื้อของเสื้อคลุมจอมเวทขลิบริมด้วยสีทอง บนตำแหน่งหน้าอกด้านซ้ายมีอัญมณีสีขาวน้ำนมรูปพระจันทร์เสี้ยว เปล่งประกายแสงอันอ่อนโยน ทำให้เสื้อคลุมจอมเวทที่ไม่ได้ประดับอะไรมากมายตัวนี้เต็มไปด้วยความสูงส่งสง่างาม

 

ผมยาวสีดำปรกอยู่บนบ่าอย่างนุ่มนวล กลิ่นอายงามสง่าปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเขา เย่อินจู๋ที่สวมเสื้อคลุมจอมเวทเทพจันทรายืนอยู่ในสนามประลองราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ทุกอากัปกิริยาล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชนชั้นสูง ความสง่างามของเขาไม่เจือมลทินใดๆ โดยเฉพาะนัยน์ตาสีดำอันลุ่มลึกและแจ่มใสคู่นั้น ราวกับสามารถมองทะลุส่วนลึกในจิตใจของผู้คน แผ่นหลังเหยียดตรงเต็มที่ รูปร่างสูงโปร่งทำให้สี่สาวข้างกายประหนึ่งเป็นเครื่องประดับที่งดงามที่สุดของเขา

 

ยืนตำแหน่งกึ่งกลาง หมายถึงหัวหน้าทีมสาขาเอก ใครๆ ก็คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าทีมเอกเทวคีตไม่ใช่ไห่หยางซึ่งอยู่ชั้นปีที่สอง ทว่าเป็นเย่อินจู๋ที่รับคำท้าของโรร่าเด็กสาวอัจฉริยะเอกวายุ

 

ตัวแทนห้าคนของเอกวายุมีชายสองหญิงสาม หน้าตานักเรียนหญิงสามคนเมื่อเทียบกับทางฝั่งเอกเทวคีตแล้วธรรมดากว่ามาก ขณะนี้สายตาของพวกเธอถูกอินจู๋ผู้สง่างามตรงหน้าดึงดูดโดยสิ้นเชิง ถึงขนาดสามารถเห็นประกายสีชมพูในนั้นได้อย่างชัดเจน เหมือนกับผู้ชายชอบสาวสวย ผู้หญิงก็ชอบหนุ่มหล่อเช่นเดียวกัน

 

“สวัสดีพวกเจ้าทุกคน ข้าคือการาจีนักเรียนเอกวารีปีสอง หัวหน้าทีมศึกประลองนักเรียนใหม่เอกวารี โปรดชี้แนะด้วย” เมื่อเห็นตัวแทนเข้าแข่งขันเอกเทวคีตตรงหน้า การาจีก็รู้สึกอิจฉาอยู่บ้างจริงๆ เอกเทวคีตมีผู้หญิงสวยก็พอแล้ว นักเรียนชายที่โผล่ออกมาครั้งแรกในรอบหลายปีกลับยังหน้าตาหล่อขนาดนี้ กลบจุดเด่นของเราจนหมด หึๆ อีกเดี๋ยวจะทำให้เจ้าได้รับรู้ความร้ายกาจของข้า

 

การาจีต่ำกว่าเย่อินจู๋ครึ่งหัว แม้จะหน้าตาดี แต่กลับมีข้อบกพร่องทั่วไปของนักเทวคีต นั่นก็คือสีหน้าซีดเซียว เมื่อเทียบกับรัศมีอันสง่างามของเย่อินจู๋ ก็เห็นชัดว่าอยู่คนละชั้นกัน

 

เย่อินจู๋พยักหน้าคำนับตอบ “สวัสดี ข้าคือหัวหน้าทีมเอกเทวคีต เย่อินจู๋ปีหนึ่ง โปรดชี้แนะด้วย”

 

การาจีข่มความอิจฉาในใจเอาไว้ ก่อนยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าเอกของเจ้าจะเลือกวิธีประลองแบบไหนล่ะ?” ตามกติกาของศึกประลองนักเรียนใหม่ เนื่องจากเป็นการให้เกียรติแก่ผู้หญิง นักเรียนผู้เข้าแข่งขันฝ่ายไหนมีจำนวนนักเรียนหญิงมากกว่าก็มีสิทธิเลือกวิธีแข่งขัน หากจำนวนนักเรียนหญิงเท่ากันก็กำหนดโดยวิธีจับฉลาก โดยไม่ต้องถาม ในบรรดาสาขาเอกด้านการสู้รบและเวทมนตร์ เอกที่มีนักเรียนหญิงสี่คนลงสนามได้ มีเอกเทวคีตเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นี่ยังเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของเอกเทวคีตด้วย

 

“แบบทีม” เย่อินจู๋ตอบอย่างสั้นกระชับมีพลัง

 

การาจีเอ่ยปากขานรับ สองฝ่ายถอยหลังพร้อมกัน อาจารย์จากฝ่ายวิชาการของโรงเรียนท่านหนึ่งเป็นกรรมการในการแข่งขันสนามนี้ หลังจากยืนยันรูปแบบการแข่งขันจากทั้งสองฝ่าย จึงประกาศเริ่มการแข่งขันเสียงดัง

 

หกจุดรอบด้านสนามประลองหมายเลขหกสว่างขึ้นพร้อมกัน ดาวเวทมนตร์หกแฉกใหญ่มหึมาปรากฏขึ้นกลางอากาศ รัศมีสีขาวน้ำนมอ่อนจางก่อตัวเป็นเกราะแสงโปร่งใสขนาดยักษ์ ครอบคลุมทั้งสนามประลองไว้ด้านใน อาศัยนักเวทระดับสูงสร้างเกราะป้องกันสนามประลอง เกรงว่าจะมีแต่โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานที่มีทั้งเงินและอิทธิพลเท่านั้นถึงทำได้ขนาดนี้ เกราะป้องกันธาตุที่บรรจุด้วยธาตุชนิดต่างๆ สามารถต้านทานการปะทะจากเวทมนตร์ระดับน้ำเงินลงไป ขอเพียงพลังของนักเวทผู้ควบคุมเพียงพอก็จะสามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ

 

โต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ ไห่หยางนั่งลงด้านหลังของสนามฝั่งตัวเอง กู่เจิงของเธอวางราบอยู่บนโต๊ะแล้ว ส่วนอีกสี่คนที่เหลือซึ่งมีเย่อินจู๋เป็นผู้นำต่างก็ยืนห่างจากไห่หยางไปข้างหน้าห้าเมตร เรียงเป็นรูปครึ่งวงกลม ป้องกันไห่หยางที่อยู่ด้านหลังไว้ลางๆ

 

“เย่อินจู๋ พวกเราจะเริ่มล่ะนะ” การาจีตะโกนเสียงดังข้ามมาจากอีกฝั่ง เขาเปิดฉากโจมตีโดยไม่รีบร้อนแม้แต่นิดเดียว สำหรับนักเทวคีต พวกเขารู้มาบ้างว่าขอแค่ไม่สามารถบรรเลงถึงครึ่งเพลง อานุภาพเพลงของนักเทวคีตก็จะสำแดงออกมาไม่ได้ เวลานานขนาดนี้ ต่อให้เป็นคาถาต้องห้ามของสายวารีก็ยังร่ายจบได้

 

สิ่งที่ขานรับการาจี คือเสียงบรรเลงกู่เจิงอันก้องกังวานทรงพลัง สั่นสะเทือนดั่งมังกรคำราม การบรรเลงของไห่หยางได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

รัศมีสีส้มแผ่กระจายรอบทิศดุจระลอกคลื่นพร้อมกับเสียงดนตรีใสดั่งแก้วหยก ชื่อเพลงกู่เจิงเพลงนี้คือ ‘ความฝัน’ ความหมายของบทเพลงอันอ่อนโยนและโศกเศร้าราวกับกำลังบรรยายอารมณ์ความรู้สึกของไห่หยางออกมาพร้อมกับเพลงกู่เจิง

 

ประกายในดวงตาการาจีลุกโชน “ดี ระดับส้มขั้นสูง สมกับเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเอกเทวคีต น่าเสียดาย...”

 

เย่อินจู๋ไม่รู้เลยว่าน่าเสียดายที่การาจีพูดหมายถึงอะไร ขณะนี้ การโจมตีของอีกฝ่ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว นักเรียนผู้เข้าแข่งขันสี่คนที่คัดเลือกออกมาจากบรรดานักเรียนใหม่หนึ่งร้อยคนในชั้นปีที่หนึ่งย่อมเป็นดาวเด่นในหมู่นักเรียนใหม่ สีส้มเข้มอ่อนปะปนกันแทบจะปล่อยออกมาจากตัวพวกเขาพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะมีความสามารถของนักเวทระดับกลางกันหมด เสียงร่ายมนต์อันทุ้มต่ำดังขึ้น เริ่มต้นคาถาของพวกเขา

 

การาจีไม่ได้ร่ายคาถา สิ่งที่แผ่ออกมาจากตัวเขาคือรัศมีสีเหลืองอ่อน ระดับเหลืองขั้นพื้นฐาน ลูกธนูน้ำสีแดงที่ปล่อยอย่างฉับพลันแล่นตรงมายังอกของเย่อินจู๋ ในฐานะหัวหน้าทีม การาจีโจมตีเข้ามาเพื่อหยั่งเชิง เขาที่ไต่ถึงระดับเหลืองสามารถปล่อยพลังเวทมนตร์ระดับแดงอย่างฉับพลันได้

 

นีนากำชับเพียงประโยคเดียวสำหรับการแข่งขันสนามแรก ชนะด้วยปาฏิหาริย์ เอกเทวคีตไม่เคยปรากฏตัวในการประลองของโรงเรียน ไม่มีใครรู้จักมักคุ้นกับนักเทวคีต นี่คือข้อได้เปรียบของพวกเขา

 

เท้าซ้ายของเย่อินจู๋ก้าวเบี่ยงไปทางซ้าย แม้ลูกธนูน้ำจะพุ่งเร็วมาก แต่การเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนไม่สนใจใยดีของเขากลับหลีกทันพอดี ลูกธนูน้ำสีแดงยิงถูกเกราะป้องกันของสนามประลองจนกระเพื่อมเป็นระลอกแผ่วเบา

 

การาจีตะลึงงัน ในการต่อสู้ระหว่างนักเวทกับนักเวท น้อยครั้งนักที่จะเกิดเหตุการณ์หลบหลีกกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่อินจู๋จะรับมือการโจมตีของตัวเองแบบนี้ ในขณะนั้นเอง เขาพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตามแผนการเดิม เวทมนตร์ระลอกแรกของเพื่อนเราทั้งสี่คนน่าจะปล่อยออกมาแล้ว แต่จนกระทั่งตอนนี้คาถาของพวกเขากลับยังคงร่ายไม่จบ ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เพราะเสียงกู่เจิง การตระหนักรู้อย่างกะทันหันทำให้สีหน้าของการาจีเคร่งขรึมขึ้นมา เขารู้สึกตัวในทันทีว่านักเทวคีตเหมือนจะไม่ใช่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง เสียงกู่เจิงของไห่หยางเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว

 

ต้องหยุดเขาให้ได้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีเอกเทวคีตมารั้งท้ายแทนเอกวารี เขาไม่ยอมทิ้งโอกาสไปแน่ ลูกธนูน้ำฉับพลันยิงไปทางพวกอินจู๋ทั้งสี่คนดอกแล้วดอกเล่า บางดอกถึงขั้นพุ่งไปทางรอยต่อระหว่างทั้งสี่คน เป้าหมายคือไห่หยาง การาจีคิดว่าขอเพียงขัดจังหวะเพลงได้ พวกเขาก็จะชนะแน่นอน

 

พีค็อกแค่นหัวเราะอย่างไม่แยแส “ที่แท้ก็ฝีมือแค่นี้เอง!” มือขวาโบกสะบัด แหวนบนนิ้วกลางเปล่งประกายแสงธาตุเจิดจ้า โล่แสงสีส้มขยายใหญ่อย่างฉับพลัน กำบังอยู่ด้านหน้าทั้งสี่คน พอลูกธนูน้ำสีแดงปะทะเข้ากับการป้องกันระดับส้มก็ถูกสกัดไว้ด้านนอกทั้งหมด เกิดเป็นเสียงปะทะดังถี่รัว

 

ตอนนี้ นักเรียนเอกวารีอีกสี่คนร่ายมนต์ของพวกเขาจบในที่สุด วารีคำราม เวทมนตร์รูปแบบคลื่นยักษ์ หากผู้ใช้เป็นเพียงนักเวทระดับแสด อานุภาพย่อมมีขีดจำกัด แต่เมื่อใช้โดยนักเวทสี่คนพร้อมกันย่อมน่าดูชมอย่างยิ่ง คลื่นยักษ์ซ้อนกันสี่ชั้นจู่โจมเข้ามาหาเอกเทวคีตพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้อง

 

การาจีชูไม้เท้าวิเศษในมือขึ้น บนยอดไม้เท้ามีอัญมณีสีน้ำเงินแวววับเปล่งรัศมีอันอ่อนโยนออกมา คาถาของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นอกสนามไม่รู้มีใครตะโกนขึ้นว่า “ภูตวารีพิทักษ์”

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด