ตอนที่แล้วDC บทที่ 49: มีตาแต่…
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDC บทที่ 51: โชคร้าย

DC บทที่ 50: ดอกหยินสุดขั้ว(ฟรี)


หลังจากซูหยางแสดงป้ายหยกที่ผู้อาวุโสจงให้ไว้ก่อนหน้านี้ รอบบริเวณกลายเป็นเงียบงัน

“หลีกไป ข้ามีธุระกับศิษย์พี่ของพวกเจ้า...” ซูหยางพูดขณะสร้างบรรยากาศอันลึกล้ำกดดัน ทำให้อีกฝ่ายเชื่อว่าเขาเป็นศิษย์พี่ที่เลิศล้ำ

“น..น้อมรับคำสั่ง” เหล่าศิษย์พากันเปิดเส้นทางให้ซูหยางเดินทะลุผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ซูหยางพยักหน้าและเริ่มเดินไปตามเส้นทางที่เปิดให้โดยมีเหล่าศิษย์ล้วนก้มหน้าลงดินขณะที่เขาเดินผ่านราวกลับกลัวที่จะมองดูเขา

เมื่อเขาเดินผ่านผู้คนแล้วซูหยางเดินตรงต่อไปยังใจกลาง บรรยากาศหนักอึ้งขึ้นทุกขณะที่เขาเข้าไปใกล้

“นั่นใคร” เสียงปานฟ้าผ่าดังขึ้นเมื่อซูหยางเข้าไปถึงศูนย์กลางของหุบเขาฟ้าคำราม ใจฟ้าคำราม

ซูหยางมองดูสถานการณ์เบื้องหน้า ที่นั่นมีคนสี่คน แต่ละคนล้วนแผ่รังสีของผู้เชี่ยวชาญเขตปฐพีวิญญาณ ยืนล้อมรอบดอกไม้เล็กๆที่เรืองแสงสีน้ำเงินเข้มเป็นจังหวะคล้ายหายใจ

ดอกไม้นี้มีขนาดเท่ากับนิ้วโป้ง กระแสไฟฟ้าไหลผ่านกิ่งก้านราวกับงูตัวเล็กๆ

เมื่อซูหยางแรกเห็นดอกไม้ เขาพลันยิ้มเล็กน้อยและเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

“ข้าจักมิถามเจ้าซ้ำว่าเจ้าผ่านบรรดาศิษย์ข้ามาได้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา” หนึ่งในร่างทั้งสี่ หญิงชราในชุดแดงที่สายตาเปี่ยมด้วยรังสีสังหาร

อย่างไรก็ตามเธอไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่จ้องมองเขาด้วยความเป็นศัตรู ด้วยสามร่างที่อยู่ข้างเธอก็เตรียมพร้อมที่จะโจมตีเขาได้ทุกขณะจิต

พวกเขาทั้งสี่รู้ดีว่าเหล่าศิษย์นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่ยอมให้ใครผ่านโดยวิธีการใดๆ นอกจากถูกบีบบังคับ

อย่างไรก็ตามจะมีใครในทวีปตะวันออกเล็กจ้อยนี้สามารถบีบบังคับเหล่าศิษย์นับร้อยของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ให้ล่าถอย นี่เป็นเหตุที่ว่าทำไมคนทั้งสี่จึงยังไม่โจมตีซูหยางในทันใด พวกเขาล้วนกังวลต่อการปรากฏตัวอย่างลึกลับของเขา

“ข้าเพียงเดินผ่านพวกเขา ส่วนความปลอดภัยนั้น...ข้ามิได้แตะต้องใครสักคน” ซูหยางพูดโดยไม่ใส่ใจ ดูไม่สะทกสะท้านกับรังสีสังหารจากผู้เชี่ยวชาญเขตปฐีวิญญาณร่วมกันส่งออกมา

เจ้าเดินผ่านพวกเขา นี่เป็นไปได้อย่างไร ข้าให้คำสั่งแน่ชัดว่ามิให้ผู้ใดผ่าน”

“เจ้ายังคงพูดเช่นนั้นได้รึถ้าเห็นสิ่งนี้” ซูหยางแสดงป้ายหยกเหลืองอีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะไม่รู้คุณค่าของป้ายหยกเมื่อแรกรับ แต่ปฏิกิริยาจากบรรดาศิษย์นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขารู้ชัดแจ้งว่ามันให้สถานะพิเศษแก่เขาในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์

และก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อคนทั้งสี่เห็นป้ายหยกเหลือง ลูกตาของพวกเขาถลนแทบหลุดจากเบ้าด้วยความตกใจ

“เป็นไปมิได้ นั่นมันป้ายคำสั่งของผู้อาวุโสจง ทำไมเขาถึงมีของอย่างนี้”

“เจ้า เจ้าได้ป้ายหยกนี้มาอย่างไร อีกทั้งเจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับผู้อาวุโสจง”

“พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่านี่คือของจริง ผู้อาวุโสจงออกจากนิกายไปสถานที่นั้นกว่าสิบปีแล้ว”

คนทั้งสี่ต่างพากันโยนคำถามใส่ซูหยางที่ตอบคำถามพวกเขาทีละคำถามอย่างเยือกเย็น

“ข้าพบกับผู้อาวุโสจงโดยบังเอิญ และเมื่อช่วยเขาปกป้องท่านหญิงซี พวกเรากลายเป็นเพื่อนตายและเขาให้ป้ายหยกนี้แก่ข้าด้วยความสำนึกในบุญคุณ...” เมื่อซูหยางอ้างถึงนามสกุลซี ท่าทางของคนทั้งสี่ล้วนเปลี่ยนไป พวกเขาไม่มองซูหยางด้วยรังสีสังหารอีกต่อไปแต่พวกเขายังคงมีความสงสัย

“ส่วนการยืนยันป้ายหยกนี้ว่าจริงหรือไม่ ทำไมพวกเจ้ามิตรวจสอบมันด้วยตัวเจ้าเอง” ซูหยางพลันโยนป้ายหยกไปทางพวกเขา

ผู้ที่รับป้ายได้ใช้เวลาชั่วขณะเพื่อตรวจสอบป้ายหยก

ชั่วขณะหนึ่งหลังจากนั้น เขาก็ร่ำร้องว่า “นี่เป็นของจริง นี่เป็นป้ายคำสั่งของผู้อาวุโสจงที่แท้จริง”

“จริงแล้วจะเป็นอย่างไร เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ผู้อาวุโสจงต้องไม่รู้เรื่องปฏิบัติการนี้เพราะว่าเขาไม่ได้อยู่กับพวกเรามานานนับสิบปี” หญิงชราชุดแดงยังสอบถามซูหยางต่อ

พวกเจ้ามั่นใใจเช่นนั้นรึ ข้าแยกทางกับผู้อาวุโสจงไม่นานที่ปากทางเข้าหุบเขาฟ้าคำรามนี่เอง”

“อะไรนะ ผู้อาวุโสจงอยู่ที่นี่รึ”

ซูหยางผงกศีรษะและกล่าวว่า “ท่านหญิงซีก็อยู่ด้วย”

เขาพลันตรงไปหาพวกเขาอย่างสบายๆและกล่าวต่อว่า “พวกเจ้ารู้ไหมว่าดอกไม้นั่นคืออะไร” เขาถามพวกเขา

ทั้งสี่คนมองไปที่ดอกไม้สลับกับซูหยางแล้วพากันสั่นศีรษะ แน่นอนว่าพวกเขาไม่เคยเห็นดอกไม้เช่นนี้มาก่อน แม้พวกเขาจะมีความรู้มากมาย แต่ไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาเคยเห็นหรือเคยได้ยินดอกไม้เช่นนี้มาก่อน

อย่างไรก็ตามพวกเขามั่นใจว่าดอกไม้นี้เป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแมวสายฟ้าในหุบเขาฟ้าคำรามนี้ และมันต้องเป็นทรัพยากรล้ำค่าประเภทหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้พวกเขาต้องวางแผนปกป้องสถานที่แห่งนี้จนกว่าพวกเขาจะสามารถจำแนกตัวตนของดอกไม้เล็กๆนี้

“ดอกไม้นี้เรียกว่าดอกหยินสุดขั้ว มันมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับดอกหยินบริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพมากกว่าถึงสิบเท่า”

“แรงกว่าสิบเท่า”

เมื่อทั้งสี่คนรับรู้ถึงตัวตนของดอกไม้นี้ พวกเขาล้วนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ดอกหยินบริสุทธิ์ถือว่าเป็นตัวยาที่รุนแรงถึงที่สุดแล้ว มันสามารถฆ่ากระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตปฐพีวิญญาณ และนี่ดอกหยินสุดขั้วยังรุนแรงกว่าอีกนับสิบเท่า นี่ย่อมหมายความว่าดอกหยินสุดขั้วย่อมสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งผู้ฝึกปราณเขตอัมพรวิญญาณ

“ถ้ากลืนกินลงไปโดยปราศจากวิชาพิเศษเฉพาะ แม้กระทั่งผู้ฝึกปราณเหนือกว่าเขตอัมพรวิญญาณยังต้องตกตายในทันทีที่ใช้มัน” ซูหยางกล่าวต่อทำให้พวกเขายิ่งตกใจกว่าเดิม

“กระทั่งผู้ที่อยู่เหนือเขตอัมพรวิญญาณ ช..เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอะไรกับสิ่งนี้ ถ้ามิมีใครในโลกนี้สามารถใช้มันได้ นั่นมิหมายความว่ามันเป็นของไร้ค่า” หญิงชราชุดแดงถาม

“นั่นจึงเป็นเหตุที่ท่านหญิงซีและผู้อาวุโสจงส่งข้ามาที่นี่” เขาตอบ

“แม้ว่ามิมีคนในกลุ่มพวกเราที่สามารถใช้ดอกหยินสุดขั้วได้ ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าตระกูลท่านหญิงซีต้องหาวิธีใช้มันได้”

แม้ว่าจะไม่รู้อะไรเลยเบื้องหลังซีซิงฟาง แต่ซูหยางรู้ว่าเธอต้องเป็นตัวตนที่มีฐานะสูงส่งมากในโลกนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้สิ่งนั้นเป็นประโยชน์โดยหวังว่าจะสามารถโน้มน้าวสี่คนนี้ได้

“ฟังดูสมเหตุสมผล...ถ้าจะมีใครที่สามารถจัดการกับดอกหยินสุดขั้วนี้นั่นต้องเป็นตระกูลของท่านหญิงซี...”

“เช่นนั้นถ้าพวกเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าจักถอนต้นหยินสุดขั้วนี้และกลับไปข้างกายท่านหญิงซี” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเข้าไปยืนต่อหน้าต้นหยินสุดขั้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด