ตอนที่แล้วบทที่ 33 คลังสมบัติของเอกเทวคีต (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 คลังสมบัติของเอกเทวคีต (3)

บทที่ 34 คลังสมบัติของเอกเทวคีต (2)


บทที่ 34 คลังสมบัติของเอกเทวคีต (2)

 

        พอฟังนีนาพูดแบบนี้ อินจู๋ก็อดรู้สึกยินดีอย่างยิ่งไม่ได้ สามร้อยเหรียญทอง นั่นเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายของเราเป็นเวลานานทีเดียว ยิ่งกว่านั้นยังมีเครื่องดนตรี แต่ยังไม่ทันให้เขาดีอกดีใจขึ้นมา ก็ได้ยินนีนากล่าวต่อว่า “ยกเว้นเย่อินจู๋ ในฐานะนักเรียนใหม่ กลับมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักเรียนเอกอื่นตั้งแต่เข้าเรียนวันแรก จึงขอยกเลิกรางวัลเข้าร่วมประลองเป็นการลงโทษ”

 

“คุณยายนีนา ไม่เอาน่ะ” อินจู๋ร้องไห้โฮ เผลอแทงใจดำนีนาอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ

 

“ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าตัดสินใจแล้ว หากครั้งนี้เจ้านำเอกเทวคีตชนะไม่ได้สักสนามล่ะก็ ต่อไปจะเพิ่มค่าเรียนเจ้าอีกเท่าหนึ่ง”

 

“หา?” อินจู๋เพิ่งได้รู้ว่าว่าคุณยายนีนาคนนี้น่ากลัวแค่ไหน จึงหยึดหลักการห้ามปลาหมอตายเพราะปากอีก ก่อนจะทำหน้าอมทุกข์พลางปิดปากเงียบกริบ เชอรีนหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยว่า “ท่าทางจนมุมของเจ้าน่ารักจัง”

 

เย่อินจู๋กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “เหมือนคำว่าน่ารักไม่ได้เอาไว้บรรยายผู้ชายนะ”

 

ในขณะนั้นเอง บริเวณด้านในสุดของห้องเรียน เด็กสาวคนหนึ่งลุกยืนขึ้นมา “หัวหน้าเอกนีนา ข้าลงแข่งด้วยค่ะ”

 

นั่นคือสาวงามรูปร่างสะโอดสะอง มองไปแล้วอายุน่าจะมากกว่าเชอรีนและแลนซีนิดหน่อย บุคลิกสูงส่งแลดูหยิ่งทะนงเล็กน้อย ข้างใต้ชุดนักเรียน เรียวขายาวสองข้างดึงดูดความสนใจได้อย่างง่ายดายเป็นที่สุด

 

น้ำเสียงแผ่วเบาของแลนซีดังขึ้นข้างหูอินจู๋ “เธอชื่อพีค็อก เครื่องดนตรีคือผีผา เหมือนว่าจะเป็นระดับแดงขั้นสูง เก่งกว่าข้ากับเชอรีนอยู่บ้าง”

 

“เมื่อกี้คุณยายนีนาบอกว่าเอกเทวคีตของเราคือเอกอันดับหนึ่งของโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน นี่ไม่ใช่เรื่องจริงล่ะมั้ง เอกอื่นก็พูดกันหมดไม่ใช่เหรอว่าพวกเรากระจอก?”

 

แลนซีหลุดหัวเราะออกมาก่อนกล่าวว่า “นี่คือเรื่องจริง แต่เป็นฐานะไม่ใช่ความสามารถ ช่วงเวลาที่เอกเทวคีตของเราเข้มแข็งที่สุด เคยมีเจ้าหญิงเก้าองค์จากแต่ละประเทศพร้อมกัน ฐานะจึงย่อมสูงสุดในบรรดาสาขาวิชาทั้งหมด เอกอันดับหนึ่งนี้นับว่าคู่ควรกับชื่อเสียง”

 

“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นเจ้าล่ะ? ฐานะเจ้าคืออะไร?”

 

แลนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกลับว่า “ถามไม่ได้จ้ะ ฐานะของนักเรียนทุกคนในเอกเทวคีตเป็นความลับสุดยอด ถึงยังไงความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละประเทศในทวีปก็ไม่ค่อยสามัคคีกันนัก อยู่ที่นี่ ทุกคนล้วนแต่เป็นนักเรียนเท่านั้น”

 

หัวหน้าเอกนีนาตบมือเบาๆ ก่อนกล่าวว่า “สองสามวันนี้ก่อนจะเริ่มเรียนอย่างเป็นทางการคนอื่นๆ สามารถวางแผนทำกิจกรรมได้ตามอัธยาศัย พวกเจ้าสี่คนตามข้ามา”

 

หัวหน้าเอกนีนาพาพวกเขามาอยู่ในห้องเรียนเวทมนตร์จิตวิญญาณชั้นหนึ่ง นี่คือห้องเรียนที่ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม มีทั้งหมดหนึ่งร้อยที่นั่ง กำแพงในห้องเรียนล้วนใช้วัสดุพิเศษก่อสร้างขึ้น เพื่อให้สะดวกแก่การสะท้อนเสียงดนตรี

 

“งานจะออกมาดี ต้องมีเครื่องมือที่ดีเสียก่อน ข้าพาพวกเจ้ามาที่นี่ ก็เพื่อจะคัดเลือกเครื่องมือให้กับพวกเจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่เอกเทวคีตเข้าร่วมศึกประลองนักเรียนใหม่ ห้ามพ่ายแพ้ยับเยินโดยเด็ดขาด” พูดถึงตรงนี้ นีนาก็ดูเศร้าสลดเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ “บางที เอกเทวคีตของเราอาจไม่ควรจัดอยู่ในขอบเขตของเวทมนตร์แต่แรกแล้ว นักเรียนแทบทุกคนล้วนมาที่นี่เพราะรักในเสียงดนตรี เนื่องจากไม่มีพลังโจมตี แม้เบื้องหน้าพวกเราคือเอกอันดับหนึ่งของโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน แต่นักเรียนและอาจารย์เอกอื่นๆ ก็ทำท่าดูหมิ่นดูแคลนเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถึงเหตุการณ์ที่อินจู๋ก่อขึ้นครั้งนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ข้าก็อยากอาศัยเรื่องราวในครั้งนี้ทำให้เอกอื่นๆ ได้รู้ว่าเอกเทวคีตของเรามิใช่ว่าไม่มีดีสักอย่าง สิ่งที่พวกเจ้าแบกรับไว้ คือเกียรติยศของเอกเทวคีต”

 

แลนซีกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อยว่า “แต่ว่า...หัวหน้าเอกนีนา พวกเราจะชนะได้จริงๆ เหรอคะ? เวทมนตร์ดนตรีของพวกเรา...”

 

นีนาตัดบทเธอก่อนกล่าวเสียงเรียบเฉยว่า “แต่ไหนแต่ไรมา แทบทุกคนต่างก็คิดว่านักเทวคีตไม่มีดีเลยสักอย่าง ที่จริงแล้วพวกเขาคิดผิด นักเทวคีตที่แท้จริง แข็งแกร่งหาที่เปรียบมิได้ แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักเวทจิตวิญญาณเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่เพราะว่าฝึกฝนยากลำบากเกินไป ฉะนั้นจึงมีน้อยคนที่ล่วงรู้ความลับนี้ ในทวีปมีนักเทวคีตคนหนึ่งเคยอาศัยพลังตัวเองคนเดียว เอาชนะนักเวทสายอื่นหกคนพร้อมกัน พูดง่ายๆ ว่านอกจากนักเวทจิตวิญญาณแล้ว นักเทวคีตอย่างเราแทบจะเป็นเคราะห์ร้ายของนักเวททั้งหมดที่เหลือ พวกเจ้าใครบอกข้าได้บ้าง ความหมายโดยนัยของนักเทวคีตคืออะไร?”

 

พีค็อกกล่าวว่า “ใช้พลังจิตแผ่ซ่านเข้าสู่เสียงดนตรี ชักนำผู้คนให้เกิดอารมณ์ร่วม”

 

นีนากล่าวว่า “ไม่เลว โดยผ่านเสียงดนตรีของพวกเจ้า พลังจิตสามารถแผ่ออกไปได้เป็นวงกว้าง นักเทวคีต เรียกได้ว่าในบรรดานักเวททั้งปวง เป็นอาชีพเดียวที่เวทมนตร์ทั้งหมดเป็นประเภทข่ายอาณาเขต อีกทั้งเสียงดนตรียังแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ ไม่สามารถอาศัยการป้องกันใดๆ มาต้านทานได้ เว้นแต่หลุดพ้นจากอาณาเขตที่เสียงแผ่กระจายไปถึง ขอแค่มีพลังจิตมากพอ เราจะสามารถอาศัยเสียงดนตรีเพื่อควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของคู่ต่อสู้ เมื่อถึงตอนนั้น ผลแพ้ชนะก็จะไร้ข้อกังขา ในสถานการณ์ที่ระดับเท่ากัน มีเพียงนักเวทจิตวิญญาณเท่านั้นที่เทียบชั้นเราได้ ส่วนนักเวทสายอื่นกลับไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย เย่อินจู๋ เจ้าบอกข้าซิ จุดอ่อนของนักเทวคีตอยู่ตรงไหน?”

 

“อยู่ตรงช่วงเวลาที่บรรเลงบทเพลง โดยทั่วไปแล้ว บทเพลงของนักเทวคีตต้องเข้าสู่หนึ่งในสามส่วนเป็นต้นไป เสียงดนตรีที่ซึมซับพลังจิตไว้จึงบังเกิดผล และเมื่อเทียบกับการร่ายเวทมนตร์และเวทมนตร์ฉับพลันของนักเวทสายอื่นๆ กลับจะช้าเกินไป” นี่เป็นคำพูดที่ฉินซางบอกเขาในตอนแรก อินจู๋จำได้ขึ้นใจ

 

คราวนี้ถึงตานีนาประหลาดใจบ้าง “หนึ่งในสามส่วน เจ้าพูดไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ควรจะเป็นเข้าสู่สองในสามส่วนเป็นต้นไปถึงจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ได้ เว้นแต่ว่าความสามารถถึงระดับครามขึ้นไป” เธอรู้เสียที่ไหนกันว่าในฐานะผู้ฝึกฝนหัวใจพิณพิสุทธิ์ เพลงพิณของอินจู๋บรรเลงถึงแค่หนึ่งในสามส่วนก็สามารถแสดงผลได้จริงๆ

 

“ในศึกประลองนักเรียนใหม่ ผู้เข้าร่วมประลองที่ได้รับคัดเลือกจากเอกต่างๆ ระดับพลังเวทมนตร์โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่างระดับแดงขั้นสูงจนถึงระดับเหลืองขั้นพื้นฐาน ส่วนรุ่นพี่รุ่นก่อนซึ่งเป็นหัวหน้าทีม ก็จะไม่เกินระดับเหลืองขั้นสูง ฉะนั้น ขอแค่แก้ไขปัญหาเรื่องเวลาของเพลงพิณได้ มีไห่หยางคอยนำ พวกเจ้าย่อมมีโอกาสแน่นอน ต่อให้นักเวทเอกอื่นมีความสามารถสูงกว่าไห่หยางหนึ่งหรือสองขั้น พลังจิตก็ยากจะแกร่งกว่าเธอ เพราะฉะนั้นระหว่างการประลอง พวกเจ้าต้องแข่งกับคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าโดยใช้วิธีประลองแบบทีม หน้าที่ของพวกเจ้าสี่คนคือถ่วงเวลาคู่ต่อสู้ไว้ ก่อนเพลงของไห่หยางจะแสดงผล ทำให้พวกเขารบกวนไห่หยางไม่ได้” ดวงตาของนีนาเปล่งประกายระยับ เห็นชัดว่ากลยุทธ์นี้เธอคิดไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว

 

“ไม่ ข้าไม่เป็นโล่กำบัง ในฐานะนักเทวคีตผู้สูงส่ง ข้าจะไม่เป็นโล่กำบังเด็ดขาด” พีค็อกยืดอกอันหยิ่งผยองของเธอขึ้น จำต้องยอมรับว่ารูปร่างของเธอสวยที่สุดในบรรดานักเรียนใหม่รุ่นนี้จริงๆ

 

นีนาขมวดคิ้ว “เจ้าทึกทักเอาเองว่าเก่งกว่าไห่หยาง? พีค็อก ถ้าเจ้าพาทีมชนะจนอยู่ในอันดับหนึ่งไม่ได้ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเข้าร่วมศึกประลองนักเรียนใหม่ครั้งนี้” พลังอำนาจที่ไร้รูปร่างแผ่ซ่านออกมาจากตัวเธอ ทำให้พีค็อกผู้หยิ่งผยองนิ่งชะงัก

 

นีนาเดินไปหยุดอยู่หน้ากำแพงที่วาดรูปดาวเวทมนตร์หกแฉกด้านหลังแท่นบรรยาย ยื่นมือขวาของตัวเองออกไป กดลงตรงกลางดาวหกแฉก เสียงร่ายมนต์อันทุ้มลึกเปี่ยมไปด้วยจังหวะจะโคน แต่พวกเย่อินจู๋สี่คนกลับได้ยินไม่ชัดเจนเลยว่าเธอร่ายมนต์อะไร รัศมีสีครามเจิดจ้าแผ่ออกมาจากมือ ชั่วครูเดียวก็ย้อมดาวหกแฉกดวงนั้นเป็นสีคราม นี่คือสัญลักษณ์ของปรมาจารย์เวทขั้นกลางเป็นอย่างน้อย นักเทวคีตที่ฝึกฝนจนถึงระดับนี้ เกรงว่าทั่วทั้งทวีปก็ยังหาเจอไม่กี่คน

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด