ตอนที่แล้วเล่มที่ 1 บทที่ 10
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่มที่ 1 บทที่ 12

เล่มที่ 1 บทที่ 11


  

ปัง! ปัง! ปัง!

ตอนนี้ ที่หน้าจวนเจ้าเมือง นอกจากเสี่ยวทันหลางและเจี่ยฮง คนอื่นๆก็เริ่มปะทะกันแล้ว สถานการณ์ตอนนี้เริ่มรุนแรงมากขึ้น บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยหลุมตามพื้นที่เกิดจากการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย กำแพงของจวนพังทลายจากการได้รับความเสียหาย และฝ่ายเจ้าเมืองถูกกดดันอย่างเห็นได้ชัด

เสี่ยวทันหลางตอนนี้มีสีหน้าซีดเซียว แม้จะอยู่ระดับเดียวกับเจี่ยฮง แต่ความต่างของความเข้มข้นในพลังปราณทำให้เสียเปรียบอยู่เล็กน้อย และเมื่อต่อสู้กันนานขึ้น ความเหนื่อยล้าที่ต้องออกแรงมากกว่าในการปะทะกันก็เริ่มส่งผล

“ฮ่าๆ เป็นอะไรไปเสี่ยวทันหลาง เป็นถึงเจ้าเมืองเมฆาพยัคฆ์ แต่มีน้ำยาแค่นี้รึ?” เจี่ยฮงพูดออกมาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย

“บัดซบ! เงียบไปเจ้าเดรัจฉาน คนที่ถึงกับต้องจ้างผู้ฝึกยุทธ์จากที่อื่นมาอย่างเจ้าอย่ามาพ่นน้ำลายให้ข้าขำหน่อยเลย!” เสี่ยวทันหลางกล่าวสวนกลับมาด้วยความโกรธ “หากเจ้ามีน้ำยาจริงคงมิต้องพึ่งคนอื่นกระมัง?”

“ฮ่าๆ แล้วเหตุใดเจ้าไม่ทำบ้างเล่า? สงครามย่อมไม่หน่ายอุบาย อย่ามัวพ่นคำไร้สาระ โอกาสสุดท้ายหากไม่ยอมจำนนข้าจะล้างตระกูลเจ้ามิให้เหลือซาก!” เจี่ยฮงกล่าวออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวทันหลางคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ระเบิดพลังปราณที่เหลืออยู่ออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เจี่ยฮงอีกครั้ง

“แม้ตายข้าจะเอาเจ้าไปด้วย เจ้าตัวบัดซบ!”

ทางด้านเฟยหลงก็ตึงมือเช่นกันเมื่อต้องรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับปฐพีที่ถูกเชิญมา แม้จะต่อสู้กันอย่างสูสีแต่ความกดดันมันยังคงมีมากกว่า ด้วยระดับปฐพีอีกคนหนึ่งต้องใช้ผู้อาวุโสตระกูลเสี่ยวระดับก่อตั้งจิตขั้นสูงถึง 3 คน ในการรับมือ ทำให้หากฝ่ายตระกูลเจี่ยที่เหลือลงมือกับพวกทหารของจวนเจ้าเมือง จะไม่ต่างไปจากการเป็นเพียงผักปลาให้มันเข่นฆ่าเท่านั้น

“ท่านจอมยุทธ์ เรามิได้มีความแค้นเคืองกันข้าขอให้ท่านรามือจากการต่อสู้นี้ได้หรือไม่” เฟยหลงกล่าวออกมา

“ฮ่าๆ ท่านแม่ทัพ ตัวข้านั้นรักษาสัจจะ เห็นทีคงจะทำตามคำขอของท่านมิได้!” ชายวัยกลางคนที่เผชิญหน้ากับเฟยหลงกล่าวตอบออกมา

“เช่นนั้นข้ามิขอเกรงใจแล้ว...เตรียมรับมือ!” เมื่อเห็นว่าการเจรจาล้วนเปล่าประโยชน์ เฟยหลงดึงทวนออกมาจากแหวนมิติ ทวนเหล็กขนาดยาวกว่า 3 เมตร ใบทวนทำจากเหล็กกล้าเงาเงินคมกริบ อีกฝ่ายก็ไม่น้อยหน้าดึงขวานขนาดใหญ่ออกมาเช่นกัน

“เชิญ!”

ทั้งสองพุ่งเข้าหากัน เฟยหลงจ้วงแทงทวนออกไปอีกฝ่ายตั้งรับด้วยขวาน อาวุธทั้งสองที่อัดแน่นไปด้วยปราณปฐพีเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ไม่ว่าจะโจมตีไปเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ล้วนรับได้หมด เฟยหลงโคจรพลังปราณในร่างส่งผ่านไปยังอาวุธก่อนจะพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างดุดัน

เพลงทวนตระกูลเฟยกระบวนท่าที่ 1 มังกรผงาดฟ้า!

พลังปราณสีน้ำเงินเข้มทะลักออกมาจากตัวทวน การเคลื่อนไหวของเฟยหลงรวดเร็วหนักแน่นดั่งมังกรพุ่งเข้าสู่ศัตรู อีกฝ่ายยกขวานขึ้นมาตั้งรับในแนวขวางเมื่ออาวุธกำลังจะเข้าปะทะกันปลายทวนกลับเลื้อยผ่านขวานของศัตรู ก่อนจะถูกงัดตวัดขึ้นด้านบนราวกับมังกรทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ฝ่ายคู่ต่อสู้เห็นเช่นนั้นได้แต่ตะลึงรู้ตัวว่าพลาดท่าให้แก่เฟยหลงแล้ว จะหลบตอนนี้ก็ไม่ทัน จึงได้แต่เอนตัวถอยหลังเงยหน้าขึ้นหลบวิถีของทวน แต่ก็มิพ้นระยะ ปลายทวนตวัดเฉียดคางของมัน

ฉับ!

เลือดสดๆจากปลายคางสาดกระเซ็นขึ้นฟ้าตามวิถีของทวน

“เพลงทวนตระกูลเฟยนับว่าสมคำร่ำลือ! แม้จะระวังตัวก็ยังคงหลบมิพ้น” มันกล่าวออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย แม้จะมีเลือดจากปลายคางยังคงหยดลงพื้นอย่างต่อเนื่อง

“มิได้ๆ หากเป็นคนอื่นคงสิ้นลมหายใจไปแล้ว แต่ข้ารับรองได้ว่ากระบวนท่าต่อไปจะมิง่ายเช่นนี้” เฟยหลงกล่าวออกมา

“เช่นนั้นข้าจะรอดู หากว่าท่านสามารถรอดจากขวานทลายฟ้าของข้าไปได้ละก็นะ”  ชายถือขวานกล่าวออกมา ก่อนมันจะรวบรวมลมปราณอันมหาศาลเข้าสู่ขวานเล่มโต เฟยหลงรู้สึกกดดันขึ้นทันทีเมื่อมันพุ่งเข้ามา เฟยหลงแทงทวนออกไป แต่อีกฝ่ายเอี้ยวตัวหลบก่อนจะง้างขวานแล้วฟาดเข้ามาสุดแรง

เฟยหลงไม่กล้าประมาทการโจมตีนี้ เขาชักทวนกลับมาก่อนจะถ่ายลมปราณเข้าสู่ทวนใช้ออกด้วยกระบวนท่าตั้งรับของเพลงทวนตระกูลเฟย

เพลงทวนตระกูลเฟยกระบวนท่าที่ 4 ป้อมมังกรฟ้า!

ปัง!

เฟยหลงกระเด็นไปไกลกว่า 5 เมตร รอยลากเท้าที่พื้นมองเห็นเป็นทางยาว มุมปากมีเลือดสดๆไหลออกมา

“เป็นการโจมตีที่รุนแรงเสียจริง แม้จะตั้งรับเต็มที่แต่ก็ยังได้รับความเสียหายอยู่ 5 ส่วน” เฟยหลงพึมพำกับตัวเอง ส่วนอีกฝ่ายตอนนี้หน้าเริ่มถอดสี มันล้วนมั่นใจว่ากระบวนท่าเมื่อครู่นั้น อย่างน้อยย่อมทำให้เฟยหลงบาดเจ็บสาหัส เพราะมันใช้ออกด้วยกำลังทั้งหมดที่สามารถทำได้แล้ว อีกความหมายหนึ่งคือนี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของมัน

“เพื่อเป็นการตอบแทนอย่างสมเกียรติ ข้าจะใช้กระบวนท่าที่ดีที่สุดเช่นกัน!” เฟยหลงกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น ก่อนจะโคจรลมปราณในร่างและพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“ด ด เดี๋ยวก่อน”

เพลงทวนตระกูลเฟยกระบวนท่าที่ 8 มังกรโหมกระหน่ำ!

อ้าก!

เฟยหลงจ้วงแทงทวนออกไปราวห่าฝน พุ่งเข้าใส่ร่างบุรุษนิรนามฝ่ายตรงข้ามก่อนจะหยุดลง ร่างชายคนนั้นมีรูปรากฏขึ้นบนลำตัวไม่ต่ำกว่าสิบรู แต่ละบาดแผลนั้นบ่งบอกถึงความรุนแรงในการแทงออกของทวนได้อย่างดี

อ้าก!

เฟยหลงหันกลับไปดูใบหน้าของเขาพลันซีดเผือด ตอนนี้ร่างของเสี่ยวทันหลางถูกชโลมไปด้วยเลือด ร่างกายบอบช้ำในมือถือกระบี่สีเงินเล่มหนึ่ง เมื่อมองไปยังเจี่ยฮงกลับเห็นเพียงเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเท่านั้น

“ท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างไรบ้าง” เฟยหลงเร่งทะยานเข้าไปหาเสี่ยวทันหลาง

“ไม่เป็นไร แต่ข้าในตอนนี้มิใช่คู่มือของเจี่ยฮง เราต้องร่วมกันต้านมันให้นานที่สุด!”  เสี่ยวทันหลางพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้า แต่เมื่อมีเฟยหลงมาช่วย เขาก็เบาแรงลงมิใช่น้อย แม้ระดับจะห่างกัน แต่ทั้งสามคนก็เป็นชนชั้นปฐพีขั้นต้นเหมือนกัน ทำให้เจี่ยฮงก็ต้องระวังตัวมากขึ้น

เฟยหลงมองไปยังสามผู้อาวุโสที่ร่างกายก็ไม่ต่างจากเสี่ยวทันหลางมากนัก แถมดูเหมือนจะอาการหนักกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็ยังคงพัวพันระดับปฐพีอีกคนไว้ได้

“ตกลง เราต้องถ่วงเวลามันให้ได้นานที่สุด”

ทางเจี่ยฮง เมื่อหันกลับไปมองคนของตน ก็ได้เห็น 1 คนตกตายไปแล้ว ส่วนอีกหนึ่งก็ยังไม่สามารถจัดการระดับก่อตั้งจิตได้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา

“บัดซบ เจ้าพวกขยะไร้น้ำยา ข้าจ่ายให้พวกเจ้าตั้งมากมาย แต่พวกเจ้ามีความสามารถแค่นี้รึ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายวัยกลางคนที่กำลังต่อสู้กับสามอาวุโสตระกูลเสี่ยวถึงกับขมวดคิ้ว แม้ฝ่ายตรงข้ามจะระดับต่ำกว่า แต่สามอาวุโสนั้นมีกลยุทธ์ที่สอดประสานงานกันอย่างดี ทั้งช่วยกันรับช่วยกันรุกพัวพันมิให้มันทำอะไรได้สะดวก

“ท่านประมุขอย่าได้มีโทสะ ข้าจะเร่งจัดการพวกมันเดี๋ยวนี้” ชายวัยกลางคนพูดออกมาก่อนจะเข้าปะทะกับสามอาวุโสอีกครั้ง

“ดี! ลี่เอ๋อร์ เจ้าจงนำกำลังเราบุกเข้าไปจัดการพวกมันให้หมด!” เจี่ยฮงตะโกนสั่งบุตรคนรองของเขาที่รั้งรออยู่ด้านหลัง

“ฮี่ๆ ข้ากำลังรออยู่เลยท่านพ่อ ไป! พวกเราจัดการมันให้หมด!” เจี่ยลี่ที่กำลังรอคำสั่งอยู่แย้มยิ้มออกมา มันเลียริมฝีปากราวกับกำลังจะได้ลิ้มลองของอร่อย หลังจากนั้นสงครามระหว่างตระกูลก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง แม้จะกำลังคนมากกว่าแต่ด้วยระดับที่ต่างกันเกินไปทางด้านทหารเริ่มล้มลงอย่างต่อเนื่อง เจี่ยลี่เข้าฟาดฟันคร่าชีวิตเหล่าทหารอย่างสนุกมือ

เพียงครู่เดียวทหารฝ่ายเจ้าเมืองตกตายไปกว่า 50 คนแล้ว เสี่ยวทันหลางและเฟยหลงแม้จะเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรมิได้ ตัวเขาทั้งสองต้องรับมือกับเจี่ยฮง หากละมือไปอีกคนที่อยู่คงมิพ้นพลาดท่าให้เจี่ยฮงเป็นแน่

ในสนามต่อสู้ เจี่ยลี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นชายที่กระหายในการเข่นฆ่า มันเหลือบมองไปยังทหารหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะพุ่งเข้าหาทหารหนุ่มแล้วง้างดาบในมือก่อนจะฟาดฟันออกไปอย่างโหดเหี้ยม

วูบ! เคร้ง!

เงาร่างหนึ่งโฉบเข้ามาเบื้องหน้าเจี่ยลี่อย่างฉับพลัน เมื่อมันรู้สึกตัวอีกทีเบื้องหน้าของมันปรากฏร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนถือดาบสีเงินที่ด้ามดาบเป็นหัวพยัคฆ์กำลังยืนรับดาบของมันอยู่

“เจ้าเป็นใคร?”

เจี่ยลี่เผลออุทานถามออกมา แทนคำตอบชายหนุ่มตวัดดาบกลับออกไปทำให้เจี่ยลี่ถอยหลังกลับไปถึง 5 ก้าว

“เจ้าเป็นอะไรไหม?” หยางอี้ถามทหารยามหนุ่มที่ร่างกายสั่นกลัว

“คุณชายหยางข้าไม่เป็นอะไร ขอบคุณมากขอรับ!” เมื่อกล่าวจบ ทหารยามหนุ่มก็ลุกขึ้นและเร่งไปช่วยเพื่อนรับมือกับศัตรูต่อทันที ส่วนหยางอี้หันกลับมามองไปยังเจี่ยลี่ที่มองมายังเขาด้วยความโกรธ มันเป็นถึงคุณชายรองตระกูลเจี่ย แล้วเจ้าตัวบัดซบนี่เป็นใครกันถึงกล้ามาขัดขวางมัน อีกทั้งยังกล้าเมินเฉยต่อคำพูดมันได้อย่างไร?

“เจ้าหนู! บังอาจมาขัดขวางข้า จงเตรียมใจรับผลที่จะตามมาซะ!” เมื่อกล่าวจบเจี่ยลี่ปลดปล่อยพลังปราณก่อตั้งจิตขั้นกลางออกมาแล้วพุ่งเข้าหาหยางอี้ทันที

ด้วยดาบในมือของมันฟาดฟันไปยังเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่ง ครั้นฟาดฟันไปหลายสิบดาบ แต่คมดาบนั้นไม่แม้แต่จะเฉียดโดนเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มเบื้องหน้ามันแม้แต่น้อย เจี่ยลี่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความกังวลเริ่มปรากฏบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเบื้องหน้ามันเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ 15 ปี ระดับพลังปราณที่สัมผัสได้ก็เพียงก่อกำเนิดขั้นกลาง แต่เหตุใดกันมันจึงมิอาจสัมผัสได้แม้กระทั่งปลายเสื้อ

ด้วยความภาคภูมิใจของมัน มันอายุเพียง 19 ปี แต่ก้าวมาถึงระดับก่อตั้งจิต อีกไม่นานมันจะเข้าร่วมสำนักใหญ่ที่เมืองหลวง และตัวมันนั้นมั่นใจว่ากระทั่งในเมืองหลวงเองด้วยอายุและระดับของมันนั้นอยู่ในแนวหน้า แต่บัดนี้มันกลับไม่แม้กระทั่งสามารถแตะตัวเด็กหนุ่มตรงหน้า มันจะยอมได้อย่างไร

“ฮึ่ม! เจ้าเด็กสารเลว แล้วเจ้าจะต้องเสียใจที่กล้ามาท้าทายข้า” เจี่ยลี่ถอยออกไปหลายก้าว มันรวมสมาธิโคจรพลังปราณปลดปล่อยปราณดาบอันแหลมคมออกมา มวลพลังค่อยๆก่อรูปขึ้นเป็นรูปดาบลอยอยู่เบื้องหน้ากว่า 10 เล่มเห็นดังนั้นหยางอี้ก็มิได้กังวลแต่อย่างใด ใบหน้าชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉย ตั้งแต่ที่ได้เข้าร่วมประชุมในตอนเช้า หยางอี้พอจะคาดเดาได้ว่าบุรุษเบื้องหน้าคือเจี่ยลี่บุตรชายรองของตระกูลเจี่ย เจี่ยลี่นับว่ามีระดับการบ่มเพาะพลังที่สูงสำหรับชายหนุ่มอายุ 19 ปี แต่แล้วอย่างไร? ตอนก้าวขึ้นมาในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 1 หยางอี้สามารถต่อกรกับราชาหมาป่าทมิฬระดับปรานตั้งจิตขั้นต้นมาแล้ว กระทั่งสังหารมันด้วยซ้ำ! แล้วเจี่ยลี่นับเป็นอย่างไร เมื่อตอนนี้หยางอี้ใกล้บรรลุปราณก่อกำเนิดขั้นสูงอยู่เต็มที

“เจ้าคงเป็นเจี่ยลี่? พี่ชายของเจี่ยส้งสินะ” หยางอี้กล่าวออกมาอย่างเมินเฉย

“ฮ่าๆ ทีแรกทำเป็นหยิ่งผยอง เมื่อเห็นปราณดาบของข้าเจ้าคงจะกลัวจนอยากจะอ้อนวอนขอชีวิตสินะ” เจี่ยลี่กล่าวออกมาด้วยความจองหอง

“โอ้ นั่นปราณดาบหรอกหรือ? ข้าดันเข้าใจผิดว่าเป็นวิชาใหม่ปราณมีดทำครัวเสียอีก” หยางอี้กล่าวออกมาด้วยท่าทีตกใจ และเมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี่ยลี่กลายเป็นใบหน้าบิดเบี้ยวแดงก่ำด้วยความอาย เพราะด้วยพลังของมันในตอนนี้สามารถสร้างปราณดาบให้มีขนาดเท่าใบมีดเท่านั้น

“บัดซบ เจ้าเด็กเปรต! ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองปราณดาบของข้า” หยางอี้ผายมือออกไปข้างหนึ่ง มุมปากยกยิ้มก่อนจะพูดออกมาอย่างช้าๆ

“เชิญ!”

เจี่ยลี่ปะทุขึ้นด้วยความโกรธ มันคำรามก้องในลำคอก่อนจะบังคับปราณดาบ 1 เล่มให้พุ่งเข้าหาหยางอี้

ฟี้วว! เจี่ยลี่เห็นหยางอี้ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ มันก็ยิ้มขึ้นอย่างลำพองใจ คิดว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าคงจะกลัวจนไม่อาจขยับได้ หรือไม่ก็ด้วยความเร็วของปราณดาบมันจึงตอบสนองไม่ทัน และพริบตาปราณดาบอันคมกริบพุ่งเข้าปะทะกับหน้าผากของหยางอี้เมื่อเห็นดังนั้นเจี่ยลี่กำลังจะอ้าปากหัวเราะขึ้น

ปัง! เสียงปราณดาบของเจี่ยลี่พุ่งเข้าชนกำแพงด้านหลังหยางอี้ จนเป็นรูขนาดใหญ่ แต่เมื่อมองไปยังหยางอี้ กลับไม่มีแม้ร่องรอยของบาดแผล ทำให้มันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะหยางอี้ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย แต่ปราณดาบกลับพุ่งทะลุผ่านตัวเขาไป

“ม ไม่จริง จะเป็นไปได้อย่างไร?” เจี่ยลี่พึมพำออกมาก่อนจะทุ่มพลังส่งปราณดาบทั้งหมดให้พุ่งตรงไปยังหยางอี้

ย้ากกก!! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ปัง! ปัง! ปัง!

เจี่ยลี่กลายเป็นตาเหลือกโปนจนแทบถลนออกจากเบ้า ชัดเจนแล้วว่าปราณดาบทั้งหมดของมันพุ่งผ่านเด็กหนุ่มเบื้องหน้าไปทั้งหมด

“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร จ จ เจ้าไม่ได้ขยับไปแม้แต่น้อยเหตุใด เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”

เจี่ยลี่พูดออกมาอย่างคนไร้สติ มันทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ หยางอี้นั้นใช้ออกด้วยทักษะย่างก้าวมายาสวรรค์ขั้นที่ 2 เป็นการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงจนทิ้งภาพมายาเอาไว้ เขาเพียงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลบปราณดาบด้วยความเร็วก่อนจะกลับมาอยู่ในท่าเดิมทำให้เจี่ยลี่เห็นว่าตัวเขานั้นยังคงยืนอยู่เฉยๆ

“ปราณดาบของเจ้านั้นถือว่าไม่เลว...แต่ยังไม่ดีพอที่จะสัมผัสกายข้า หยางอี้พูดออกมาด้วยเสียงเรียบเฉยราวกับว่าการรับมือกับเจี่ยลี่นั้นคือการละเล่นกับเด็กมิอาจนับเป็นอันใดได้เลย

เจี่ยลี่มองไปยังหยางอี้ที่ยังคงยืนอยู่เบื้องหน้า ในแววตาของมันตอนนี้นั้นเริ่มเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับเด็กหนุ่มเบื้องหน้าคือยมทูตที่มาจากขุมนรก สัมผัสของจิตสังหารที่หยางอี้จงใจแผ่พุ่งมาหามันนั้น ทำให้ขนลุกไปทั้งร่างกาย

วูบ!

ขณะตกอยู่ในความหวาดกลัวเจี่ยลี่พลันสัมผัสได้ถึงเงาสายหนึ่งมาปรากฏที่เบื้องหลังของมัน แล้วอยู่ๆร่างของหยางอี้เบื้องหน้าก็ค่อยๆจางหายไป มันมองอย่างงุนงงก่อนจะหันมาและเห็นว่าบัดนี้หยางอี้มาปรากฏอยู่เบื้องหลังมันแล้ว

ฉับ!

หยางอี้ฟันดาบพยัคฆ์เมฆาไปที่แขนซ้ายของเจี่ยลี่จนท่อนแขนปลิวกระเด็นลอยขึ้นกลางอากาศ เลือดสดๆสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปที่พื้น เขาหมุนตัวตวัดขาเตะเข้าไปที่หน้าอกของเจี่ยลี่ส่งให้ร่างมันลอยกระเด็นดังว่าวขาดสายป่าน

ปัง! ร่างของเจี่ยลี่กระเด็นไปไกลราว10 เมตร ก่อนกลิ้งไปยังบริเวณที่บิดามันกำลังต่อสู้กับเสี่ยวทันหลางและเฟยหลงอยู่ มันกระอักเลือดออกมาคำโตก่อนจะหมดสติไป เจี่ยฮงเมื่อเห็นร่างของบุตรกระเด็นมาทำให้เขารีบถอยออกจากการต่อสู้แล้วพุ่งมาหาเจี่ยลี่ทันที

เมื่อเห็นสภาพบุตรชายที่เต็มไปด้วยเลือด แขนซ้ายถูกตัดขาด เขาพลันใบหน้าบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความโกรธมองไปยังทิศทางที่เจี่ยลี่กระเด็นมา ปรากฏร่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนถือดาบอยู่ เขาระเบิดพลังออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มเบื้องหน้าทันที

“ตาย!”

เจี่ยฮงระเบิดพลังปราณด้วยความโกรธพุ่งเข้าหาหยางอี้อย่างรวดเร็ว เห็นเช่นนั้นเฟยหลงและเสี่ยวทันหลางพลันตื่นตระหนกรีบทะยานเข้าขวาง ใบหน้าทั้งสองต่างซีดเผือด ตัวเขาทั้งคู่กระทั่งร่วมมือกันรับมือกับเจี่ยฮงยังไม่สามารถโค่นมันลงได้แล้วหยางอี้เล่า? เขานับเป็นใคร? เด็กหนุ่มอายุ 15 ปี แม้จะนับเป็นผู้เยาว์มากความสามารถ ถ้าหากให้เวลาอีก 5 ปี หรือ 10 ปี แน่นอนว่าเขาย่อมสามารถจัดการเจี่ยฮงได้ราวกับบี้มดตัวหนึ่ง แต่ตอนนี้ ...เขายังเป็นเพียงเด็กที่ยังมิได้เติบโต จะสามารถรับมือกับเจี่ยฮงได้อย่างไร? หากเจี่ยฮงลงมือละก็ เขาได้ตกตายเป็นแน่!

"ไม่ดีแล้วไม่ทันการแน่!" เสี่ยวทันหลางพูดออกมาเสี่ยงสั่น ด้วยความเร็วของเจี่ยฮงเพียงสองลมหายใจในระยะ 10 เมตร เขาก็พุ่งเข้ามาถึงตัวหยางอี้แล้ว เจี่ยฮงเกร็งนิ้วมือเป็นดั่งกรงเล็บ เสียงกระดูกแต่ละนิ้วคำรามลั่นจนผู้ที่ได้ยินขวัญผวา

กร้อบ! กร้อบ! กร้อบ!

เจี่ยฮงเหวี่ยงมือออกไปคว้าเข้าที่คอหยางอี้ราวกับต้องการฉีกกระชากแยกคอออกจากร่างของชายหนุ่มเพื่อบรรเทาโทสะอันมากล้นของเขา

หมับ! เห็นฉากนี้เพ่ยเพ่ยและเสี่ยวปิงที่ซ่อนตัวอยู่ตะโกนออกมาพร้อมกัน

"ไม่!/ไม่!"

เสียงหญิงสาวทั้งสองดังลั่นไปทั่วทั้งสนามรบ จนทุกคนหยุดกระทันหันมองมายังทิศทางของต้นเสียงแม้จะหันมาตามเสียงร้องตะโกนของเด็กสาวแต่ทุกสายตากลับจับจ้องไปยังร่างสองร่างอย่างตกตะลึง

เจี่ยฮงที่คว้าจับไปยังคอของหยางอี้พลันขมวดคิ้ว แม้สายตาจะมองเห็นว่าเขานั้นคว้าเข้าที่คอหยางอี้แน่นอน แต่เขากลับสัมผัสได้เพียงอากาศธาตุเท่านั้นก่อนที่ไม่นานร่างเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเขาค่อยๆจางหายไป

ทุกคนกลายเป็นตกตะลึง! ภาพติดตา!

การที่ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจะสามารถทิ้งภาพติดตาไว้ได้ต้องมีความเร็วเพียงใดกัน? ไม่เว้นแม้แต่เฟยหลงและเสี่ยวทันหลาง ดูเหมือนเขาทั้งคู่จะตกใจมากกว่าโล่งใจเสียอีก

เจี่ยฮงมองไปยังหยางอี้ที่ปรากฏตัวห่างออกไปกว่า 10 เมตรก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

"ฮึ่ม! เจ้าสารเลวน้อย ไม่คิดว่าเจ้าจะมีความสามารถถึงเพียงนี้" เจี่ยฮงกล่าวออกมา แม้เขาจะประหลาดใจกับความเร็วของหยางอี้ แต่ตอนนี้โทสะของเขาอยู่เหนือสามัญสำนึกไปเสียแล้ว

หยางอี้นั้นมีสีหน้าเคร่งเครียด จริงอยู่ว่าด้วยความเร็วของเขานั้นสามารถหลบหนีเจี่ยฮงได้อย่างสบาย แต่สถานการณ์ตอนนี้นั้นต่างกัน เพราะเขามิอาจหนีไปได้! แม้ความเร็วจะมีเหนือกว่าแล้วอย่างไร? ด้วยระดับลมปราณที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครั้นจะโจมตีกลับไปก็คงไม่แม้ระคายผิวเจี่ยฮงเป็นแน่! ทางเจี่ยฮงนั้นมองไปยังเพ่ยเพ่ยและเสี่ยวปิงที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างบิดาของนางทั้งคู่ ทำให้เขาขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวออกมา

"นังหนูทั้งสอง เหตุใดพวกเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?"

"เฮอะ! แผนการต่ำทรามของเจ้าบัดซบเจี่ยส้งนั้นล้มเหลว และตัวมันนั้น ฮี่ ๆ ข้าว่าท่านควรรีบกลับไปดูแลมัน ก่อนที่มันจะตกตายไปเสียก่อนจะดีกว่า"  เพ่ยเพ่ย กล่าวออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน เมื่อนางอยู่กับบิดาของนางแล้วมีอันใดต้องกลัวกัน

"นังเด็กสารเลว เจ้าพ่นไร้สาระอันใด? ส้งเอ๋อร์เป็นอย่างไร? ใครกล้าทำร้ายมัน ข้าจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ!" เจี่ยฮงคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ตอนนี้โทสะของเขาพุ่งสูงมากกว่าเดิมหลายเท่า

"เป็นข้าเอง! และนั่นสมควรแล้วที่มันจะได้รับโทษ!" หยางอี้กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

"ดี ดี เจ้าสารเลวมาดูกันว่าเจ้าจะหนีจากข้าได้นานเท่าไหร่ อาจง เจ้าเร่งกลับไปดูที่ตึกตระกูลว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วรีบมารายงานข้า ไป!" เจี่ยฮงสั่งการออกไปก่อนเขาจะพุ่งเข้าหาหยางอี้อีกครั้ง

พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!

ภาพเบื้องหน้าทำให้ทุกคนอยู่ในความตกตะลึง ผู้คนตระกูลเจี่ยและเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกเชิญมาต่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ผู้มีพลังปราณชนชั้นปฐพีกำลังไล่ล่าคว้าเงาร่างของเด็กหนุ่มระดับปราณก่อกำเนิดอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ภาพฉากที่เจี่ยฮงพุ่งเข้าใส่ภาพติดตาของหยางอี้ยังคงดำเนินไปอย่างซ้ำๆ

เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน? เหตุใดเขาจึงมีความสามารถถึงเพียงนี้ เบื้องหลังที่เลี้ยงดูสัตว์ประหลาดเช่นนี้ขึ้นมาได้ต้องยิ่งใหญ่สักเพียงใด? นี่คือคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวของผู้ฝึกยุทธ์ที่เห็นเหตุการณ์ เหล่าผู้คนที่ไม่รู้จักหยางอี้ต่างสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ถ้าหาก...ถ้าหากเจี่ยเฮงสังหารเขาลง แล้วผู้อยู่เบื้องหลังเด็กหนุ่มผู้นี้จะไม่มาล้างแค้นงั้นหรือ? เช่นนั้นพวกเขาที่มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับเจี่ยฮงจะซวยไปด้วยไม่ใช่หรือไง?

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกเชิญมาต่างเริ่มเกิดอาการหวาดกลัวและเริ่มลังเลในการเข้าร่วมศึกครั้งนี้ ส่วนด้านเจ้าเมืองนั้นก็ไม่ต่างกันเขาสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น ตั้งแต่หยางอี้เข้าร่วมศึกครั้งนี้ความกดดันทั้งหมดล้วนหายไปมาก การต่อสู้ต่างหยุดชะงักอีกทั้งดูเหมือนหลายคนฝั่งตระกูลเจี่ยเริ่มไม่มีใจจะสู้ต่อแล้ว

อ้าก! เจี่ยฮงคำรามออกมาก่อนจะหยิบดาบออกมาแล้วฟาดฟันปราณดาบออกไปอย่างบ้าคลั่ง

ปัง! ปัง! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดพร้อมสิ่งก่อสร้างที่พังทลายลงเพราะปราณดาบอันรุนแรงของเจี่ยฮง เดิมทีเจี่ยฮงนั้นเต็มไปด้วยโทสะจากการเห็นเจี่ยลี่ถูกหยางอี้ตัดแขน เขานั้นต้องการจะสับหยางอี้เป็นหมื่นๆชิ้น แล้วยิ่งได้ฟังคำกล่าวของเพ่ยเพ่ย ในอกเขายิ่งเต็มไปด้วยความโกรธที่พร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ หากดูจากความสามารถของหยางอี้แล้ว เพียงกระดิกนิ้วก็สามารถสังหารบุตรชายสุดที่รักของเขาได้อย่างแน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้นเจี่ยฮงก็เต็มไปด้วยความต้องการสังหารอย่างท่วมท้น ทว่าบัดนี้ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่อาจสัมผัสตัวหยางอี้ได้เลย นั่นยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น เขาไม่สนใจแล้วว่าบัดนี้เขาต้องอับอายกับเรื่องนี้มากแค่ไหน เขาเพียงโจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อจะสามารถระบายความโกรธนี้ได้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

เหล่าผู้คนโดยรอบเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็รีบหลบถอยไปจากบริเวณนี้ พลังปราณดาบของเจี่ยฮงแต่ละครั้งที่ปล่อยออกมานั้น หากโดนเข้าไม่ต้องสงสัย ร่างของพวกเขาคงระเบิดออกทันที

ไม่นานเจี่ยฮงก็หยุดลงพร้อมกับมีอาการหอบเหนื่อย เม็ดเหงื่อผุดขึ้นทั่วร่าง แต่เขาก็สามารถสงบใจลงได้บ้างแล้ว เขามองไปยังเด็กหนุ่มเบื้องหน้าอย่างเย็นชา ส่วนหยางอี้นั้นปรากฏตัวห่างออกไปราว20 เมตร ร่างของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อใบหน้าซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด การหลบการโจมตีที่บ้าคลั่งของเจี่ยฮงมากว่าครึ่งชั่วยามทำให้พลังปราณในร่างของเขาเหลือเพียง 3 ใน 10 ส่วนเท่านั้นและหากเป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่!

ตึก ตึก ตึก

ผู้คนหันไปตามเสียงที่ทำลายความเงียบงัน ระหว่างที่เจี่ยฮงและหยางอี้จ้องมองกัน เป็นอาจงวิ่งกลับมาด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้ามันซีดขาวเสียยิ่งกว่าศพคนตาย

"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น? แล้วส้งเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?" หลังจากที่ใจเย็นลงเจี่ยฮงกล่าวถามออกมา หัวใจเขานั้นสั่นระรัว จากที่เห็นอาการอาจงที่แสดงออกมานั้น เขาได้แต่ภาวนาในใจมิให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น

"ท ท่านประมุข เมื่อข้ากลับไปถึงภายในตระกูลปกติดี ไม่มีร่องรอยการโจมตี ทุกคนถูกนายน้อยสั่งห้ามเข้าใกล้ตัวตึกที่พักของนายน้อย ล ล แล้วเมื่อข้าเข้าไปยังตึกนายน้อย ภายในมีร่องรอยการต่อสู้เกิดขึ้น ส่วนนายน้อย นั้น นั้น นั้น" อาจงพูดอย่างตะกุกตะกัก เมื่อมันเห็นสภาพเจี่ยส้งนั้น มันแทบจะเป็นลมเสียตรงนั้นเลยทีเดียว

"อะไร พูดมาเดี๋ยวนี้!" เจี่ยฮงคำรามออกไปอาจงรวบรวมความกล้า มันพูดทุกอย่างที่มันได้เห็นออกมา เมื่อได้ยินอาจงพูดทุกคนต่างตะลึงงัน 'โหดร้าย โหดร้ายเกินไปแล้ว' นี่คือสิ่งที่ทุกคนคิดในใจ

แม้คนของทางฝั่งเจ้าเมืองเองเมื่อได้ยินยังอดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลัง เด็กชายผู้นี้โหดร้ายเกินไป!

"เป็นเรื่องจริงหรือเพ่ยเอ๋อร์" เฟยหลงกระซิบถามเพ่ยเพ่ย

"ฮี่ๆ แน่นอนท่านพ่อข้าเห็นมากับตา!" เพ่ยเพ่ยตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินและเห็นท่าทางของบุตรสาวเฟยหลงพลันคิ้วกระตุก ก่อนจะมองไปยังหยางอี้ด้วยสายตาหลากหลายความรู้สึก ส่วนทางด้านเจี่ยฮงเมื่อได้ยิน สมองของเขาพลันขาวโพลน บุตรชายสุดที่รักของเขาที่แม้เพียงสักครั้งเขายังไม่เคยดุด่า แต่บัดนี้กลับถูกกระทำอย่างโหดร้าย!

"พวกเจ้า...พวกเจ้าทุกคนต้องตาย! ใช่แล้วข้าจะทรมานเจ้ายิ่งกว่าที่เจ้าทำกับลูกชายข้า ทุกคน ทุกคนต้องตาย!" เจี่ยฮงพึมพำออกมาอย่างเสียสติ เขาค่อยๆหยิบบางอย่างออกมาจากแหวนมิติของเขา และเมื่อได้เห็นสิ่งที่เขาหยิบออกมา เฟยหลงและเสี่ยวทันหลางพลันหน้าซีดทันที ของที่เจี่ยฮงหยิบออกมามันคือยาเม็ดหนึ่ง เม็ดยากลมๆขนาดเท่าลูกหินก้อนเล็กๆก้อนหนึ่งที่มีสีแดงฉานราวกับโลหิต ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนมองไปยังเม็ดยาที่เจี่ยฮงนั้นถืออยู่ ก่อนที่จะมีบางคนอุทานออกมาอย่าตกตะลึง

"นั่นมัน...เม็ดยากลืนโลหิต!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด