ตอนที่แล้วบทที่ 32 สติแตก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 โดดหรือไม่โดด?

บทที่ 33 กลุ่มผู้รอดชีวิต


บทที่ 33 กลุ่มผู้รอดชีวิต

 

ตลอดทั้งคืนซย่าน่าสลบไสลอยู่สามถึงสี่ครั้ง จนกระทั่งรุ่งเช้าอาการของซย่าน่าถึงได้คงที่ในที่สุด

 

แล้วก็เป็นเหมือนที่หลิงม่อคาดเดาเอาไว้ ตอนนี้ซย่าน่ากลายเป็นซอมบี้ไปแล้วจริงๆ แต่ขณะเดียวกันก็มีสติสัมปชัญญะอยู่บ้างเล็กน้อย เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ อาการ “สติแตก” ของเธอดีขึ้นมาก แต่ก็แค่ดีขึ้นมากเท่านั้น! ระหว่างซย่าน่าในตอนนี้และซอมบี้กลายพันธุ์ยังมีเส้นบางๆ กั้นกลางอยู่ แต่กำลังความสามารถนั้นแข็งแกร่งกว่าซอมบี้ทั่วไป

 

อย่างไรก็ตามหลิงม่อได้ค้นพบกฎข้อหนึ่งจากอาการ “สติแตก” ของเธอนั่นคือ ตราบใดที่ไม่ได้ประสบกับวิกฤตการณ์ ซย่าน่าก็จะอยู่ในสภาพคนปกติ ถึงแม้จะดูสับสนงุนงงเล็กน้อยและไม่ค่อยมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับคนอื่น แต่ก็ยังคงสามารถสนทนาขั้นพื้นฐานได้ บางครั้งเธอก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน ทว่าเมื่อใดที่เธอรู้สึกว่าตัวเองมีอันตราย สติสัมปชัญญะที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยก็จะถูกสัญชาตญาณเข้ามาแทนที่ทันที จากนั้นก็จะกลายร่างเป็นซอมบี้ที่มีพลังการโจมตีสุดแข็งแกร่ง

 

แต่เมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของหลิงม่อ อารมณ์ของเธอก็ค่อยๆ คงที่มากขึ้น ความเป็นปรปักษ์กับหลิวอวี่หาวและหวังเฉิงก็ไม่ค่อยรุนแรงเท่าไรแล้ว ทว่าด้วยความที่ระหว่างเธอกับหลิงม่อมีสายสัมพันธ์ทางจิตที่พิเศษต่อกัน ดังนั้นคนที่ดูจะใกล้ชิดสนิทสนมกับซย่าน่าที่สุดก็คือหลิงม่อ

 

อย่างเช่นตอนนี้ ซย่าน่ากำลังมองหลิงม่อด้วยความงงงวยเล็กน้อย ส่วนมือข้างหนึ่งก็ดึงตัวเขาไว้แน่น...

 

“ซย่าน่า เธอจำฉันได้ไหม” หลิงม่อร้องเรียกชื่อซย่าน่าเป็นร้อยๆ ครั้งตลอดทั้งคืน ซึ่งเธอก็ระลึกจำชื่อของตัวเองได้ ทันทีที่ร้องเรียกชื่อ เธอก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่สำหรับคำถามเหล่านี้ แทนที่จะพูดว่าเธอไม่เข้าใจความหมาย สู้พูดว่าเธอยังคงอยู่ในสภาพสับสนงงงวย จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังถามเรื่องอะไรจะดีกว่า

 

อย่างไรก็ตามซย่าน่ากลับแสดงความสนอกสนใจมีดยาวของตัวเองเป็นพิเศษ เมื่อซย่าน่าถือมีดยาว แล้วชะงักงันด้วยความงงงวยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ชักมีดและถอดปลอกมีดออกอย่างฉับพลัน ลักษณะท่าทางนั้นดูแข็งแกร่งกว่าซย่าน่าคนก่อนหน้านี้อยู่พอสมควรทีเดียว!

 

แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ยอมวางมีดยาวลงเลย หลิงม่อรู้สึกอยู่ตลอดว่าทั้งซย่าน่าและเย่เลี่ยนต่างก็น่าจะมีโอกาสที่จะฟื้นคืนสติกลับมาโดยสมบูรณ์ทั้งคู่ เขาจึงไม่ได้ใช้กำลังบีบบังคับให้เธอส่งคืนมีดยาวมา อย่างไรเสียการมีความยึดติดก็ยังดีกว่าตกต่ำกลายเป็นซอมบี้ที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ

 

เรียกได้ว่าสภาพของซย่าน่าในตอนนี้ทำให้ความมั่นใจของหลิงม่อหนักแน่นมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม ซอมบี้น่ากลัวก็จริง แต่สุดท้ายสิ่งที่ขับเคลื่อนการกระทำของซอมบี้ก็เป็นแค่เชื้อไวรัส นอกจากนี้เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ในใจหลิงม่อมีความคิดที่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว กำลังความสามารถของซอมบี้จะแข็งแกร่งขึ้นไปตามการวิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งของเชื้อไวรัส ในขณะเดียวกันพวกมันก็ค่อยๆ เติบโตกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีสติสัมปชัญญะ! สภาพของซย่าน่ายืนยันเรื่องนี้ได้พอดิบพอดี! เนื่องจากซย่าน่ารับเอาเชื้อไวรัสมามากเกินไปในครั้งเดียว ตอนนี้เธอถึงได้มีอาการเช่นนี้ ส่วนเย่เลี่ยนก็มีแนวโน้มว่าจะฟื้นคืนสติสัมปชัญญะกลับมาหลังจากที่ได้ผ่านการวิวัฒนาการ

 

เพราะฉะนั้นจึงไม่เหมือนกับหลิวอวี่หาวที่โศกเศร้า เวลานี้หลิงม่อเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมอย่างยิ่ง!

 

“พี่หลิง...ลักษณะท่าทางตอนนี้ของซย่าน่า...” ตอนนี้หลิวอวี่หาวไม่กล้าเข้าใกล้ซย่าน่ามากเกินไป เขาได้แต่นั่งอยู่ทางด้านข้างแบบห่างๆ และเฝ้าดูทุกอากัปกิริยาของซย่าน่า จากสีหน้าของเขา ดูออกได้ไม่ยากว่าตอนนี้เขาทั้งสับสนงงงวย และขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าเสียใจไปกับซย่าน่า

 

ไม่ว่าคนปกติคนไหนต่างก็ไม่อยากกลายเป็นซอมบี้กันทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่ได้กลายร่างไปโดยสมบูรณ์ก็ตามที...

 

แต่หลิงม่อมองลึกเข้าไปในตัวเขาและพูดว่า “เมื่อเทียบกับการปล่อยให้ซย่าน่าตายหรือกลายเป็นแบบลู่ซินแล้ว นายไม่คิดเหรอว่าผลลัพธ์ในตอนนี้ควรค่าที่จะดีใจที่สุด”

 

“คือ...” ใบหน้าของหลิวอวี่หาวปรากฏแววลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่แล้ว อย่างไรเสียก็ดีกว่าตาย...นอกจากนี้ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์ต่อพี่”

 

ขณะที่พูดประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของหลิวอวี่หาวฟังดูเจ็บปวดรวดร้าวเล็กน้อย หลิงม่อไม่ได้บอกเขาเรื่องที่ตัวเองมีความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้ หลิวอวี่หาวจึงคิดว่าความใกล้ชิดสนิทสนมที่ซย่าน่ามีต่อหลิงม่อมาจากสัญชาตญาณล้วนๆ แต่กลับไม่มีความทรงจำใดๆ กับเพื่อนที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่ามันทำให้หลิวอวี่หาวเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก

 

“เอ่อ...” หลิงม่อลูบจมูกแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นและพูดว่า “บางที ฉันพูดว่าบางทีนะ ซย่าน่าอาจจะค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมาก็ได้”

 

“ว่าไงนะครับ” หลิวอวี่หาวประหลาดใจและเลิกเศร้าหดหู่แล้ว สายตาของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของหลิงม่อเขม็งทันที

 

หลิงม่อพูดช้าๆ ว่า “นายก็เห็นแล้ว ตอนนี้ซย่าน่าไม่เหมือนกับซอมบี้ทั่วไป อาจพูดไม่ได้ว่าเธอมีสติครบถ้วน แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกสัญชาตญาณควบคุมโดยสิ้นเชิง เป็นไปได้ว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับซอมบี้ตัวไหนมาก่อน...ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ความรู้สึกนึกคิดของเธอไม่ได้ถูกทำลายทิ้ง เธอก็ยังมีหวังที่จะกลับมาเป็นปกติ เพียงแต่อาจจะต้องใช้กรอบเวลาที่สั้นหรือไม่ก็ยาวนานมาก”

 

แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นการคาดเดาล้วนๆ แต่สายตาของหลิวอวี่หาวกลับฉายแววกระตือรือร้นออกมาอย่างสุดขีดเสียแล้ว!

 

“มีหวังก็ดีแล้ว! แต่ว่า...ตอนนี้ซย่าน่าจำได้แค่พี่...” หลังจากตื่นเต้น หลิวอวี่หาวก็กลับมาเศร้าอีกครั้ง ด้วยสภาพของซย่าน่าในตอนนี้ เขาไม่แม้แต่จะเข้าใกล้เธอได้ด้วยซ้ำ จะให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

 

ขณะที่หลิงม่ออยากจะพูดอะไรอีกเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็เห็นหวังเฉิงวิ่งพรวดเข้ามา จากนั้นหยุดยืนอยู่ห่างจากซย่าน่าพอสมควร หวังเฉิงพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจว่า “มีคนอยู่ที่ถนน! มีผู้รอดชีวิต!”

 

“ผู้รอดชีวิต?”

 

หลังจากเดินตามหวังเฉิงมาที่ระเบียง หลิงม่อก็มองลอดม่านหน้าต่างออกไป แล้วก็เห็นผู้รอดชีวิตอย่างที่เขาบอกจริงๆ

 

แต่หลิงม่อเพิ่งจะเห็นแค่แวบเดียว ก็อดที่จะหางตากระตุกไม่ได้ บริเวณด้านล่างนี้ไม่ได้มีผู้รอดชีวิตแค่คนเดียว แต่มีผู้รอดชีวิตเป็นกลุ่มเลย!

 

ผู้รอดชีวิตกลุ่มนี้มีชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ราวๆ ยี่สิบกว่าคน ทุกคนสะพายกระเป๋าเป้คละเคล้าแบบกันไป ส่วนอาวุธที่ถืออยู่ในมือก็มีมากมายหลายหลากชนิด ท่าทางพวกเขาจะออกมาหาอาหารกันตั้งแต่เช้าตรู่ แต่เวลานี้กลับถูกซอมบี้สิบกว่าตัวห้อมล้อมโจมตีอยู่ หลังจากดูอยู่สักพัก หลิงม่อก็พบว่าถึงแม้คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นคนธรรมดา แต่ภายในนั้นมีเด็กหนุ่มอยู่สามสี่คนที่ฝีมือการต่อสู้ไม่เลวทีเดียว แถมยังลงมือโจมตีได้ดุร้ายโหดเหี้ยมกว่าคนอื่นๆ ด้วย

 

ทว่าสิ่งที่หลิงม่อสนใจที่สุดกลับเป็นวิธีการจัดการกับพวกซอมบี้ของพวกเขา เด็กหนุ่มสามสี่คนนั้นจะพุ่งไปอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนคนอื่นที่เหลือจะรีบกระจายตัวเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยทันที แล้วใช้สิ่งกำบังอย่างพวกรถยนต์ในการรับมือกับฝูงซอมบี้ แม้ว่าฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาจะไม่ได้เก่งกาจ แต่พวกเขายืนทำมุมกันและต่างก็ดูแลซึ่งกันและกัน ถึงจะไม่สามารถต่อสู้ประจันหน้ากับซอมบี้ได้เหมือนกับเด็กหนุ่มสามสี่คนนั้น แต่ระหว่างที่กำลังอลหม่านวุ่นวายกันอยู่ พวกเขาก็จัดการเก็บซอมบี้ที่เหลือทีละตัวๆ จนเกลี้ยง

 

เมื่อดูมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็อดไม่ได้อยากที่จะส่งเสียงร้องชื่นชม สำหรับหลิงม่อแล้ว ทีมแบบนี้นี่แหละถึงจะเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่แท้จริง

แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็มีกำลังต่อสู้ไม่มากพอ ในสถานที่ที่มีซอมบี้อยู่ทั่วทุกหนแห่งแบบนี้ เพียงไม่นานพวกเขาก็ตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากถูกกลิ่นคาวเลือดดึงดูด พวกซอมบี้จึงพากันออกมาจากทั่วทุกสารทิศมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังกระโจนเข้าใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง หลังจากพยายามยืนหยัดอยู่พักหนึ่ง คนพวกนี้ก็จำเป็นต้องสู้รบไปพลางถอยหนีไปพลาง จนสุดท้ายก็ล่าถอยเข้ามาในย่านชุมชนแห่งนี้ แถมยังพุ่งตรงมาที่ตึกที่พวกหลิงม่ออยู่เสียด้วย!

 

จากนั้นไม่นานก็มีเสียงดัง “ปัง” ลอยมาจากชั้นล่าง เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ได้พุ่งถลาเข้ามาที่บันไดฉุกเฉินแล้ว แล้วก็มีเสียงดังสนั่นเป็นระยะๆ ลอยตามมาทันที ซอมบี้พวกนั้นกำลังชนกระแทกประตูบันไดอย่างคลุ้มคลั่ง ฟังดูจากเสียงแล้ว อีกไม่นานประตูบันไดคงจะต้องถูกพังเปิดออกแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นฝูงซอมบี้จะต้องกรูกันเข้ามา พวกหลิงม่อที่หลบซ่อนอยู่ในห้องก็มีความเป็นไปได้ที่จะตกอยู่ในอันตราย

 

ในเวลาเช่นนี้วิธีที่ดีที่สุดคือซ่อนตัวอยู่ในห้องเงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง ทว่าเมื่อเสียงฝีเท้าที่ขวักไขว่ปนเปกันดังลอยมา หลิงม่อก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที

 

คนพวกนี้ขึ้นมาข้างบนแล้ว แถมยังพุ่งมาที่ระเบียงทางเดินบนชั้นสองด้วย!

 

....................................................................................................................................................

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด