ตอนที่แล้วตอนที่ 220 คำสั่งของฮ่องเต้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 222 หาวิธีการตั้งครรภ์

ตอนที่ 221 แค่นี้ถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน


หน้าผากของหวงซวนเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะเสียงร้องของเฟิงหยูเฮง นางยกมือขึ้นเช็ดหน้าผากและอดพูดไม่ได้ว่า “คุณหนู เราลดเสียงร้องลงหน่อยดีหรือไม่เจ้าค่ะ ? คนที่ไม่รู้อาจคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นภายในห้อง”

ในเวลานั้นเฟิงหยูเฮงนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวนุ่ม ๆ ขณะที่หวงซวนนวดไหล่ของนาง

“อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ขนมจีบที่คุณหนูทำเมื่อวานนี้อร่อยมาก !” หวงซวนนวดพร้อมชม “แม้แต่พ่อครัวหลวงก็ไม่สามารถทำได้อร่อยขนาดนี้เลยเจ้าค่ะ”

เฟิงหยูเฮงเงยหน้าขึ้นมา “เพราะการทำเกี๊ยวเหล่านั้นสำหรับทุกคน ข้าเกือบเสียชีวิตจากความเหนื่อยล้า มันเหนื่อยมากสำหรับข้า มากกว่าคนอื่น ๆ ! สูงขึ้นไปอีกเล็กน้อย แรงอีกนิด” มันเป็นโอกาสที่หายากสำหรับนางที่จะมีคนมานวดให้และมันก็ค่อนข้างดี เมื่อพูดถึงเกี๊ยว มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่นางพบว่ามีการเติมสิ่งของในร้านขายยาของนางจนเต็ม นางจึงนำมันออกมา การนำบางสิ่งบางอย่างจากศตวรรษที่ 21 มาอยู่ยุคนี้จะส่งผลให้มีรสชาติที่แตกต่าง นอกจากนี้นางยังได้เพิ่มสมุนไพรทางการแพทย์เข้าไป ด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรทางการแพทย์และเนื้อสัตว์ผสมกันทำให้รสชาติมีความเหมาะสม

“คุณหนูรอง ข่าวที่แพร่กระจายไปนั้นทำให้ทุกคนวุ่นวานกันไปหมด ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้คนมาที่เรือนเพื่อสอบถามทั้งวัน ไม่ว่าจะผ่านเรือนศจีหรือทางเข้าหลักของคฤหาสน์ พวกเขาล้วนได้รับการติดต่อ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้ามา พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ จินเฉินมาอีกครั้ง เฟิงเฉินหยูและเฟิงเฟินไดกำลังทำสิ่งเดียวกับที่ฮูหยินผู้เฒ่าทำและส่งคนมาตลอดทั้งวัน พวกเขาไม่ได้มุ่งหน้ามาที่นี่แต่พวกเขาไม่ได้จากไปเช่นกัน มีแต่อนุอันที่สงบที่สุด พวกเขาเคยส่งผักดองที่นางทำขึ้นมาเอง หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่กลับมาอีก”

หวงซวนรายงานสถานการณ์ทั้งหมดของเรือนตงเซิงในหนึ่งลมหายใจ ในตอนท้ายนางอดไม่ได้ที่จะบ่น “สมาชิกทุกคนในครอบครัวเฟิงเป็นคนขี้ขลาด”

เฟิงหยูเฮงหัวเราะ “พวกเขาสามารถทำให้เกิดปัญหามากมายได้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนขี้ขลาดก็ตาม หากพวกเขาไม่ใช่คนขี้ขลาด สวรรค์จะพลิกคว่ำหรือ ? วันนี้เราต้องให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวภายนอกมากขึ้น นอกจากนี้ข้าต้องการให้เจ้าไปที่หาอนุอันและบอกให้นางทำใจให้สงบต่อไป ไม่จำเป็นต้องกังวล หากท่านย่าต้องการให้เซียงหรูไปตำหนักชุนเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น เซียงหรูก็ควรไป นางแค่ต้องการที่จะปฏิบัติเหมือนกับการมาเยี่ยม บางทีอาจจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นในราชสำนักวันนี้ เพียงแค่รอ และดูว่าใครในครอบครัวเฟิงที่สนิทสนมและใครตีตัวออกห่าง สิ่งนี้จะเปิดเผย”

หวงซวนพยักหน้า “คุณหนูไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้คนนี้จะทำตามคำสั่ง”

“อืม” นางพยักหน้า “ทั้งวังซวนและฉิงหยูไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นเจ้าจะต้องจับตามองคฤหาสน์ให้มากขึ้น หากเราขาดคน ให้ไปเอาฉิงหลิงมา” นางหยุดชั่วครู่หนึ่งแล้วยืนขึ้นจากโซฟา เมื่อมองที่หวงซวน นางพูดกับนางอย่างจริงจังว่า “มีอีกเรื่องที่เจ้าต้องทำตอนนี้”

“เจ้าค่ะ”

“ไปที่ครัวแล้วนำเกี๊ยวอีกจาน ข้าหิว”

ตาของหวงซวนเบิกกว้างทันที “คุณหนูจะกินอีกหรือเจ้าค่ะ ? คุณหนูเพิ่งทานเกี๊ยวไป 26 ชิ้นเมื่อชั่วยามที่แล้ว !”

“ไม่จริง” เฟิงหยูเหมิงไม่ปฏิเสธมัน แต่นางก็ยังคงเครียด “ข้ากำลังโต ข้าต้องกินมาก ๆ ไปเร็ว ๆ”

ตามที่เฟิงหยูเฮงคิดไว้ เรื่องในราชสำนักในวันต่อมาเหมือนพายุ ฮ่องเต้ตำหนิองค์ชายเก้าที่พระองค์ทรงโปรดปรานอยู่เสมอ ไม่เพียงแต่พระองค์ตำหนิเขาว่าเป็นคนขี้เกียจและไม่สุภาพ พระองค์ยังชี้ไปที่ขาของเขาและเรียกเขาว่าคนไร้ค่า องค์ชายเก้าเริ่มโกรธและไม่ไว้หน้าฮ่องเต้เลย เขาหันหลังให้และออกจากราชสำนัก สำหรับฮ่องเต้ พระองค์ทำตัวแปลกไปและหันไปสนับสนุนองค์ชายใหญ่ ซวนเทียนฉี และกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนที่ดีที่สุดจริง ๆ ราชวงศ์ต้าชุนให้การสนับสนุนผู้ที่อาวุโสที่สุดและผู้ที่เกิดกับภรรยาเอก ตอนนี้ฮองเฮาไม่มีพระโอรส ดังนั้นเราจึงคาดหวังในตัวฉีเอ๋อมากในฐานะพระโอรสองค์โต”

ด้วยเหตุนี้การประชุมภาคเช้าจึงทำให้ข้าราชสำนักทุกคนงงงวย

องค์ชายใหญ่ซวนเทียนฉีเป็นพ่อค้าเต็มตัว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้ถามเรื่องของราชสำนัก เว้นแต่ว่าฮ่องเต้จะเรียกเขาให้ปรากฏตัวเป็นการส่วนตัว มิฉะนั้นเขาจะไม่เข้าร่วมการประชุมในราชสำนัก ผู้คนต่างก็คิดว่าองค์ชายใหญ่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการทำการค้าและหารายได้ เขาแตกต่างจากคนที่แข่งขันเพื่อให้ได้ตำแหน่งเหมือนองค์ชายสาม แต่อย่างไรก็ตามเขาเป็นพระโอรสของฮ่องเต้ มิฉะนั้นแล้วทำไมฮ่องเต้ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อพวกเขานำมันไปใช้กับภาพลักษณ์ของฮ่องเต้ มันดูแปลก ๆ หรือไม่ ?

ซวนเทียนเย่จ้องมองซวนเทียนฉี จิตใจของเขากลับไปที่คำพูดของเฟิงหยูเฮงที่กล่าวในคืนนั้นที่โรงเตี๊ยมครัวเทพ "ต่างหูของเจ้าทำจากวัสดุเดียวกันกับที่พี่ใหญ่ใส่ที่งานเลี้ยงในฤดูใบไม้ร่วง” มันเป็นความจริงหรือ ?

นั่นไม่ใช่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเพียงอย่างเดียวจากช่วงราชสำนักตอนเช้า จากการหายตัวไปของบุชง จนถึงการเสียชีวิตของพระชายาบุและบุหนี่ชางก็ถูกส่งไปที่สำนักแม่ชี ทุกคนเชื่อว่าตระกูลบุจะจบสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตามฮ่องเต้ได้เลื่อนตำแหน่งบุใบซีไปเป็นขุนนางขั้นสาม สำหรับคนที่เสียชีวิตเช่นบุใบปิง นางก็ได้รับตำแหน่งพระชายาบุคืนและถูกย้ายไปที่สุสานฮ่องเต้

ด้วยคำพูดเหล่านี้จึงประกาศการกลับมาของตระกูลบุต่อราชสำนัก

บางคนจำได้ว่าพวกเขาเคยได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลบุได้เข้ามาในพระราชวังเมื่อสองสามวันก่อน เป็นไปได้หรือไม่ที่ฮ่องเต้ตัดสินใจในเวลานั้น?

เรื่องในราชสำนักตอนเช้าของวันทำให้จิตใจของทุกคนเต็มไปด้วยคำถาม ทุกคนมีคำถามมากมาย อย่างไรก็ตามไม่มีใครสังเกตเห็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายบนพระพักต์ของฮ่องเต้ ในขณะที่พระองค์ยืนอยู่บนบัลลังก์มังกร

“หมิงเอ๋อพูดถูก การล้อเล่นกับขุนนางเป็นครั้งคราวนั้นค่อนข้างสนุกสนาน” ฮ่องเต้พูดกับขันทีจางหยวนผู้ยืนอยู่ข้างเขา “ที่ข้าทำแบบนี้กับหมิงเอ๋อ นางจะโกรธข้าหรือไม่ ?”

ขันทีจางหยวนเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่าใครคือ ‘นาง’ ที่จักรพรรดิเอ่ยถึง ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “พระชายาหยุนไม่เคยให้ความสนใจใด ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในราชสำนัก ยิ่งกว่านั้นความคิดนี้องค์ชายเก้าเป็นคนต้นคิด เขาจะต้องเล่าให้นางฟังก่อนแล้วพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักหน้าแต่เขายังคงถอนหายใจ “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านางจะออกจากตำหนักศศิเหมันต์ด้วยความโกรธเพื่อคิดบัญชีกับเรา เช่นนั้นเราจะได้พบนางอีกครั้ง บางครั้งข้ารู้สึกว่าการโต้แย้งจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก”

ภายในตำหนักศศิเหมันต์ ซวนเทียนฮั่วอยู่ในหอดูดาวและกำลังเล่นเพลงที่เรียกว่า "ปราศจากความกังวล" เพื่อช่วยให้พระชายาหยุนผ่อนคลาย ซวนเทียนหมิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มและกัดลูกแพร์

ไม่นานหลังจากนั้นบ่าวรับใช้ในพระราชวังก็เดินไปข้างหน้า และกระซิบที่หูของซวนเทียนหมิง ซวนเทียนหมิงจึงถามว่า “เลิกว่าราชการอย่างรวดเร็ว ? ข้าคิดว่าตาแก่จะพูดจาโผงผางต่อไปพักหนึ่ง”

ซวนเทียนฮั่ว “ปราศจากความกังวล” กำลังมาถึงท่อนสำคัญ เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงคนพูดขึ้น ราวกับว่ามันกลายเป็นสิ่งมีค่าเพราะเสียงชัดเจนและสงบเงียบ

พระชายาหยุนลืมตาของนางและมองไปที่พี่น้องสองคน ก่อนที่จะพูดเบา ๆ ว่า “ข้าไม่เจอว่าที่ลูกสะใภ้มานานแล้ว”

ซวนเทียนหมิงกัดลูกแพร์อีกแล้วตอบว่า “ตอนนี้นางซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ของนางเอง เกี๊ยวที่นางส่งมาให้อร่อยหรือไม่ขอรับ ?”

พระชายาหยุนพยักหน้า “เกี๊ยวอร่อยจริง ๆ”

“นางเป็นคนทำเอง”

พระชายาหยุนหยิบกระจกเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างนางโดยบังเอิญ “เด็กผู้หญิงคนนั้นมีอะไรใหม่ ๆ เสมอ เช่นเดียวกับกระจกนี้ การสะท้อนของมันเกือบจะเหมือนกับคน ๆ นั้น ครั้งแรกที่ข้าเห็นมัน ข้าก็หลงใหลมันเสียแล้ว”

มือของซวนเทียนฮั่วยังคงบรรเลงต่อไปเมื่อเพลงดังกล่าวมาถึงท่อนสำคตัญอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันเขากล่าวว่า “ท่านแม่ มีคนที่จะบอกว่าพวกมันน่าหลงใหล”

พระชายาหยุนหัวเราะ “ฮั่วเอ๋อรู้วิธีทำให้ข้าหัวเราะ แต่เมื่อพูดถึงเกี๊ยว เจ้าทั้งสองต่างได้ทาน รสชาตินั้นดีกว่าของพ่อครัวหลวงอย่างแท้จริง อาหารในพระราชวังแห่งนี้กลายเป็นไม่อร่อยไปเลย” คำพูดของนางเต็มไปด้วยอารมณ์และดูเหมือนว่าจะประมาท แต่ถ้าพูดโดยพระสนมคนอื่น

ซวนเทียนหมิงหยักยิ้มขึ้นมา “พูดถึงเรื่องบัลลังก์ นั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่ต้องการ อย่างไรก็ตามถ้าข้าได้มันมา เสด็จแม่ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้”

“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเป็นห่วงข้า” รอยยิ้มของพระชายาหยุนยิ่งมีเลศนัยยิ่งขึ้น “หากตาแก่เสียชีวิต ข้าจะไม่ต้องอยู่ในพระราชวังอีก เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะอยู่อย่างอิสระและมีความสุข ใครอยากจะทนทุกข์ทรมานกับเจ้าต่อไป”

ซวนเทียนฮั่วเล่น และหัวเราะ “ก็ดีเหมือนกัน”

“ไม่สามารถไว้ใจใครได้ พวกเจ้าทั้งสองคนแค่ดูแลตัวเอง ไม่มีพี่น้องคนอื่นที่ทำให้พวกเจ้ารู้สึกสบายใจ พวกเจ้าสองคนพี่น้องเจ้าต้องระวังให้มากขึ้น อย่าให้คนอื่นวางแผนต่อต้านพวกเจ้า”

“ไม่ต้องห่วงเสด็จแม่” ซวนเทียนหมิงปลอบใจนาง “หากไม่มีปัญหาใ ห้มองเข้าไปในกระจกอีกครั้ง ลองดูว่ามีริ้วรอยใด ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าของท่านแม่หรือไม่”

พระชายาหยุนเหลือบตาของนาง แต่สีหน้านางทรุดโทรม “เพราะขาและใบหน้าของเจ้านี้ ข้ายังรู้สึกไม่สบายใจที่จะมองหน้าพวกเขา”

ในที่สุด “ปราศจากความกังวล” ก็มาถึงจุดสิ้นสุด และสายสุดท้ายของเครื่องดนตรีก็หยุดเคลื่อนไหว ซวนเทียนฮั่วมองทั้งสองคนและพูดว่า "หมิงเอ๋อเพิ่งพูดเมื่อวานนี้ว่าหน้ากากนี้สวยดีขอรับ"

“ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ไม่ดีเท่าใบหน้าตั้งแต่กำเนิด” พระชายาหยุนพอใจกับผลงานที่นางสร้างขึ้นมา “ใช่แล้ว” ในที่สุดนางก็จำเรื่องสำคัญได้ “ปิ่นหงส์เพลิงปลอดภัยใช่หรือไม่ ?”

ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “ขอรับ อาเฮงดูแลอย่างดี”

ซวนเทียนฮั่วถามเขาว่า “ข้าคิดว่ามันแปลก ๆ มีบางสิ่งที่เทพมืออัศจรรย์หาไม่พบ น้องสะใภ้ซ่อนไว้ที่ไหน วันนั้นนางใส่ไว้ในแขนเสื้อต่อหน้าพวกเราทุกคน หัวขโมยของเจ้าลงมือ 3 ครั้งแต่ล้มเหลวทุกคราได้อย่างไร”

ซวนเทียนหมิงยิ้มมากยิ่งขึ้นในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาพูดเกี่ยวกับบางสิ่งที่เขาภูมิใจมาก ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเขาอ้าปาก เขาก็ยังพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อพูดถึงเรื่องของนาง ข้าจะถามคำถามน้อยลง”

พระชายาหยุนตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้าจะถามคำถามน้อยลงได้อย่างไร? เจ้าไม่สนใจเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วหรือ ?”

“เป็นเพราะข้าสนใจ ข้าจึงไม่ถาม” คำตอบของซวนเทียนหมิงเป็นเรื่องจริงมาก “เมื่อข้าพบนางครั้งแรกที่ภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ นางมีอะไรแปลก ๆ ในเวลานั้นข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส นางบอกว่ามันเป็นยา นางให้ข้าใช้และข้าก็ไม่กังวลและใช้มัน ข้าไม่ได้ถาม ตราบใดที่ข้ารู้ว่านางจะไม่เป็นอันตรายต่อข้า ข้าก็ไม่กลัว”

มือของซวนเทียนฮั่ววที่จับเครื่องดนตรีสั่นเล็กน้อยทำให้สายพิณสั่น ดูเหมือนว่าบางสิ่งในใจของเขาคลิกเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน แต่มันก็ไม่ได้ลึกซึ้งจนเกินไป เขาก็สงบลงในทันที

“คนที่ไม่ถามคำถามถือได้ว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน หมิงเอ๋อ เจ้าโชคดีจริง ๆ”

พระชายาหยุนก็ยืดตัวในขณะที่หาวแล้วยืนขึ้น ถือชุดยาวของนาง นางเดินไปข้างนอก “แต่แมวที่น่าสงสารของข้า ตระกูลบุเนื่องจากพวกเจ้าอยากเล่นแล้วก็จงเดินต่อไป ข้าจะรู้สึกว่าที่บุหนี่ชางถูกส่งไปยังสำนักแม่ชีนั้นดีสำหรับนางเกินไป” เมื่อนางพูดจบ นางก็เดินออกไปที่แท่นดูดาว

ซวนเทียนหมิงและซวนเทียนฮั่วมองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น เสด็จแม่มีชีวิตอยู่อย่างสบายมากกว่าที่พวกเขาสองคนเป็น

ในเรือนซูหยา ยายจาวกำลังคุยกับฮูหยินผู้เฒ่า “ข่าวมาจากราชสำนักว่าองค์ชายเก้าหมดหวังที่จะเป็นฮ่องเต้เพราะขาของพระองค์ นอกจากนี้พระองค์ยังสูญเสียความโปรดปรานจากฮ่องเต้ในเวลาเดียวกัน คุณหนูรองของเราก็สูญเสียความโปรดปรานด้วยเช่นกัน ข้าได้ยินมาว่าถึงแม้องค์หญิงวู่หยางก็ตีตัวออกห่างคุณหนูรองเจ้าค่ะ ในวันนั้นบ่าวรับใช้คนนี้ไปรับคุณหนูรองจากพระราชวัง ข้าไม่ได้บอกว่าข้าเห็นท่านฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลบุออกมาจากพระราชวัง แน่นอนว่าใต้เท้าบุของตระกูลบุได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสอง และแม้กระทั่งพระชายาบุก็กลับมาได้รับตำแหน่งอีกครั้ง ในขณะนั้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ตระกูลบุบุก็โกรธแค้นพระชายาหยุน ตอนนี้องค์ชายเก้าได้สูญเสียอิทธิพลของพระองค์ ฮ่องเต้ไม่สนใจพระชายาหยุนอีกต่อไปเจ้าค่ะ”

คำพูดของยายจาวทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่นางต้องการถามต่อ บ่าวรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาโค้งคำนับอย่างรวดเร็วโดยกล่าวว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า มีคนจากพระราชวังมาเจ้าค่ะ แม่นมทั้งสองถูกเรียกกลับพระราชวังเจ้าค่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด