ตอนที่แล้วบทที่ 30 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (4)

บทที่ 31 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (3)


บทที่ 31 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (3)

 

        ผมสีดำยังคงปิดบังใบหน้าด้านซ้ายของเธอ พอเดินเยื้องย่างมาจนถึงข้างกายอินจู๋ก็โยนเหรียญทับทิมไปบนโต๊ะ ก่อนกล่าวกับอาจารย์ที่รับผิดชอบการลงทะเบียนรายงานตัวว่า “นี่ค่าเรียนของเขา” เหรียญทับทิมหมุนเวียนในท้องตลาดน้อยมาก มีแต่ขุนนางใหญ่เท่านั้นถึงจะได้ใช้ หนึ่งเหรียญทับทิมเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญทอง

 

“ไห่หยาง เจ้านี่เอง เจ้าทำตัวเป็นศัตรูกับข้าอีกแล้วนะ” เด็กสาวนักเวทกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

 

“โรร่า ข้าไม่ได้ทำตัวเป็นศัตรูกับเจ้า ก็แค่...ข้าทนเห็นเจ้ารังแกนักเรียนใหม่เอกเทวคีตของเราไม่ได้” น้ำเสียงของไห่หยางฟังดูแล้วยังคงเย็นเยียบ แต่ความรู้สึกอบอุ่นกลับเอ่อล้นขึ้นมาในใจของอินจู๋ ใบหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยของเธอแลดูสูงส่งกว่าเดิม

 

โรร่าชี้อินจู๋พลางกล่าวว่า “ได้ ครั้งนี้ถือว่าเจ้ารอดตัวไป แต่ถ้าเจ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ ศึกประลองนักเรียนใหม่สามวันข้างหน้าเรามาเจอกันในสนามประลอง หรือไม่อย่างนั้น คราวหลังเจ้าเห็นข้าก็รีบเดินอ้อมแล้วไสหัวไป” พอพูดถึงตรงนี้เธอก็ชะงักไปชั่วครู่ สายตาเต็มไปด้วยแววเหยียดหยาม ก่อนแสร้งทำเป็นนึกขึ้นได้แล้วกล่าวว่า “อ้อ ข้าลืมไปเลยแน่ะ เจ้าอยู่เอกเทวคีต ดูเหมือนเอกเทวคีตจะไม่เคยลงแข่งศึกประลองนักเรียนใหม่นะ ใครใช้ให้พวกเจ้าไร้พลังโจมตีกันล่ะ?”

 

“ข้าลงแข่ง” แทบจะพูดโพล่งออกมา เย่อินจู๋ตอบรับคำท้าของโรร่าทันที

 

ไห่หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย กระซิบกล่าวว่า “อย่าใจร้อน...”

 

“ข้าลงแข่ง” อินจู๋ย้ำคำพูดของตัวเองอีกครั้ง สายตาแน่วแน่และดื้อรั้นพลางกล่าวว่า “ถึงข้าจะไม่รู้ว่าศึกประลองนักเรียนใหม่คืออะไร แต่ข้ารับคำท้าของเจ้า” ในขณะนี้ เขานึกถึงตอนยังเด็ก คำพูดที่ปู่เคยบอกตอนถ่ายทอดพลังยุทธ์ไผ่แก่เขาครั้งแรกว่า มนุษย์ ห้ามมีทิฐิ ทว่าห้ามไม่มีทระนง ในฐานะผู้สืบทอดของสำนักไผ่ จะต้องมีแผ่นหลังเหยียดตรงเหมือนกับต้นไผ่

 

โรร่าแค่นหัวเราะ “ก็ดี! งั้นข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าจะได้เจอข้าบนเวทีประลองหรือเปล่า เดาว่าแค่รอบแรกเจ้าก็คงไม่ไหวจนต้องไปนอนแผ่บนเตียงก่อนแล้ว หรือไม่ก็...เจ้าไม่มีแม้แต่คุณสมบัติเข้าแข่งขัน” พูดจบเธอก็ชำเลืองมองไห่หยางข้างๆ อินจู๋ เหมือนไม่เต็มใจหันไปเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ

 

เมื่อมองแผ่นหลังของโรร่า ดวงตาของอินจู๋ก็ฉายแววเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ในตอนนี้ราวกับว่าเขาเติบโตขึ้นบ้างแล้ว

 

“เจ้าจะลงแข่งศึกประลองนักเรียนใหม่จริงๆ เหรอ? นั่นไม่ใช่งานที่พวกเราเอกเทวคีตจะลงแข่งได้นะ!” เชอรีนกล่าวอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย

 

เย่อินจู๋พยักหน้าให้กับเชอรีน “ใช่ ข้าจะลงแข่ง ปู่เคยบอกว่า ผู้ชายไม่ว่าเจออุปสรรคอะไรก็ห้ามถอย”

 

เชอรีนมองอินจู๋อย่างประหลาดใจ นัยน์ตาสวยราวกับฉายแววอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมา ก่อนยิ้มพลางกล่าวว่า “ดีเลย! งั้นก็นับข้าด้วยคนนะ”

 

“ข้าด้วยจ้ะ ข้าจะช่วยเจ้าด้วย” น้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ ลอยแว่วมา คนพูดคือแลนซีที่เพิ่งรู้จักอินจู๋ได้ไม่นานนั่นเอง

 

เสียงของไห่หยางยังคงเยือกเย็นและเรียบเฉย “ศึกประลองนักเรียนใหม่ดูเหมือนจะต้องนำโดยรุ่นพี่ในเอกของตัวเอง”

 

เย่อินจู๋คล้ายว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน จึงรีบร้อนกล่าวว่า “ขอบคุณครับ แต่ว่า ข้ารับเงินของพี่ไว้ไม่ได้” หันหลังจะไปหยิบหาเหรียญทับทิมบนโต๊ะ แต่กลับถูกอาจารย์คนนั้นเก็บไปแล้ว

 

ไห่หยางเดินเยื้องย่างออกไปข้างนอก เดินไปพลางพูดไปพลางว่า “ให้เจ้ายืมเท่านั้น ต้องคืนด้วย” เธอจากไปแล้ว แต่ไม่ว่ากู่เจิงของเธอหรือตัวเธอเอง ล้วนสร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้แก่อินจู๋

 

“นี่คือชุดนักเรียนกับกุญแจหอพักของเจ้า หอพักอยู่เขตรวมห้องหกสองสาม” อาจารย์ที่ทำหน้าที่ดูเหมือนไม่เต็มใจแม้แต่จะมองอินจู๋อีกสักครั้ง ก่อนจะยัดของใส่มือเขา

 

“เขตรวมห้องหกสองสาม? มันอยู่ที่ไหนครับ?” อินจู๋ค่อนข้างจะสับสน เชอรีนกับหลานซีข้างๆ ก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่รู้เช่นกัน

 

“ข้ารู้ ข้าพาเจ้าไปเองแล้วกัน” ฟิซเชลลาเอ่ยปากออกมาเอง

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจมาก” เย่อินจู๋รู้สึกดีใจ ความรู้สึกที่ได้รับผลกระทบจากการปรากฏตัวของโรร่าเมื่อสักครู่หายดีเป็นปลิดทิ้งแล้ว ในความคิดของเขา คนดีในโรงเรียนยังมีอยู่อีกเยอะ

 

“งั้นก็เจอกันพรุ่งนี้นะ อย่าเข้าเรียนสายล่ะ” เชอรีนโบกมือให้อินจู๋อย่างเป็นมิตร แต่หลานซีเก็บงำความรู้สึกมากกว่า จึงแค่ยิ้มพลางพยักหน้าให้เขาเท่านั้น

 

เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัวผ่านไป เหล่านักเรียนใหม่ลงทะเบียนรายงานตัวกันต่อไปอย่างเป็นระเบียบ ฟิซเชลลาตบหลังเขาเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ไปเถอะ พวกเราวิ่งกันไป แบบนั้นค่อยเร็วกว่าหน่อย”

 

ทั้งสองคนเดินออกจากฝูงชน ฟิซเชลลาวิ่งไปข้างหน้า แม้เขาจะวิ่งสับขาไม่เร็วมาก แต่เพราะช่วงก้าวยาวจึงไม่ชักช้า

 

อินจู๋ก้าวขาออกวิ่งตามอยู่ข้างๆ ฟิซเชลลา ก่อนเอ่ยถามว่า “ฟิซเชลลา เขตรวมอยู่ที่ไหน? ไกลมากไหม?”

 

ฟิซเชลลายิ้มพลางกล่าวว่า “เดาว่าอาจารย์คนนั้นเห็นเจ้าไม่มีเงินเลยส่งเจ้าไปอยู่เขตรวม แน่นอน ถ้าเป็นนักเรียนหญิงจะส่งเข้าหอพักนักเทวคีตเลยก็ได้ น่าเสียดาย เจ้าเป็นนักเรียนชายคนแรกของเอกเทวคีต ไม่มีทางได้อยู่รวมกับผู้หญิงหรอก เขตรวมกลายเป็นเขตนักเรียนรับจ้าง พวกนักเรียนที่รับจ้างทำงานพิเศษล้วนอยู่ที่นั่น สภาพแวดล้อมแย่สักหน่อย ถึงนักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานจะเป็นชนชั้นสูง แต่พวกนักเรียนที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูงต่อให้ไม่มีเงินก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้”

 

เย่อินจู๋ตาเป็นประกาย “พูดแบบนี้ ข้าก็ทำได้เหมือนกันน่ะสิ”

 

ฟิซเชลลากล่าวว่า “ได้แน่นอน แต่เจ้าต้องไปหางานทำเอาเอง จริงสิ เจ้าจะลงแข่งศึกประลองนักเรียนใหม่จริงๆ เหรอ?”

 

อินจู๋พยักหน้าอย่างจริงจังแล้วกล่าวว่า “ใช่! แต่ว่า...เจ้าบอกข้าได้หรือเปล่าว่าศึกประลองนักเรียนใหม่คืออะไร”

 

ฟิซเชลลาเซสะดุดจนเกือบล้มคะมำ กล่าวอย่างอึ้งตะลึงว่า “เป็นไปไม่ได้มั้ง เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งศึกประลองนักเรียนใหม่คืออะไรแล้วยังกล้าไปรับคำท้าของแม่มดน้อยโรร่า เจ้านี่สมเป็นวีรบุรุษของข้าจริงๆ” แม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่สายตาที่เขามองอินจู๋ทำไมกลับเหมือนมองคนทึ่มอยู่ตลอดเวลา

 

อินจู๋เกาศีรษะอย่างเขินอายเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ข้ามาจากอาร์คาเดีย ไม่คุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่เลย”

 

ฟิซเชลลากล่าวว่า “คืออย่างนี้ ทุกปีหลังจากโรงเรียนรับนักเรียนใหม่แล้ว จะจัดศึกประลองนักเรียนใหม่หนึ่งครั้ง เพื่อทดสอบคุณสมบัติโดยรวมของนักเรียนใหม่ นักเรียนที่ติดอันดับในการแข่งขัน จะมีโอกาสได้รับการฝึกอบรมพิเศษจากทางโรงเรียน และสามอันดับแรกยังมีทุนการศึกษาให้ด้วย”

 

“ดีขนาดนั้นเชียว” อินจู๋เอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดแคลนที่สุดคือเงิน อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง หนึ่งร้อยเหรียญทองของไห่หยางจะต้องคืนให้ได้ แล้วยังมีค่าครองชีพหลังจากนี้ด้วย

 

ฟิซเซลลากลอกตา “ดี? เจ้าคิดว่าติดอันดับง่ายขนาดนั้นเลยรึไง! ศึกประลองนักเรียนใหม่แบ่งตามสาขาเอก ทุกเอกจะส่งทีมนักเรียนใหม่ที่แกร่งที่สุดมาลงแข่ง ฉะนั้นภายในเอกจะต้องทำการแข่งขันคัดเลือกก่อนสามวัน จากนั้นเลือกสี่คนที่เก่งที่สุดกับรุ่นพี่รุ่นก่อนในเอกตัวเองไปลงแข่งศึกประลองนักเรียนใหม่รอบจริง ระหว่างเอกแข่งขันกันผ่านการจับฉลาก นักรบฝั่งเรามีทั้งหมดเจ็ดเอก นักเวทฝั่งเจ้ามีทั้งหมดเก้าเอก นักเทวคีตอย่างเจ้าไม่นับว่าเป็นเอกโดยสมบูรณ์ด้วยซ้ำ เป็นแค่สาขาย่อยที่ขึ้นกับเอกจิตวิญญาณ หลังจากเวียนแข่งขันก็จะเลือกนักรบและนักเวทอย่างละสองสาขาเอกที่มีผลคะแนนสูงสุดเข้ารอบรองชนะเลิศ หลังผ่านการแข่งขันแบบแพ้คัดออกแล้วค่อยแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ถึงจะตัดสินผู้ชนะเลิศตัวจริงได้ นักเรียนที่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานเก่งกาจกันแทบทั้งนั้น อยากจะออกไปแสดงฝีมือท่ามกลางคนมากมายขนาดนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน ยังไม่เคยมีบันทึกว่านักเทวคีตเข้าร่วมศึกประลองนักเรียนใหม่ แต่เอกจิตวิญญาณกลับค่อนข้างเป็นที่นิยม นักเรียนใหม่เข้ารอบชิงชนะเลิศมาสามปีติดต่อกันแล้ว แม่มดน้อยโรร่าเมื่อกี้คือหลานสาวของหัวหน้าตระกูลสต็อค นักเวทวายุโดยกำเนิด เพิ่งจะอายุสิบหกปีก็ไต่ถึงระดับเหลืองขั้นกลางแล้ว ถือได้ว่าเป็นดาวเด่นในหมู่นักเรียนใหม่ ส่วนนักเทวคีตอย่างพวกเจ้าไม่ต้องพูดถึงเข้าแข่งขันหรอก ต่อให้หาคนมาห้าคนยังเกรงว่าจะยาก”

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด