ตอนที่แล้วตอนที่ 219 ปิ่นหงส์เพลิงหายไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 221 แค่นี้ถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน

ตอนที่ 220 คำสั่งของฮ่องเต้


ฉิงซวงกล่าวกับซวนเทียนเย่ “บ่าวรับใช้อยู่กับคุณหนูรองมานานแล้ว เคยเข้าห้องคุณหนูรองไม่กี่ครั้ง แต่บ่าวรับใช้ไม่เคยเห็นปิ่นหงส์เพลิงเลยเพคะ วันนี้ที่โรงเตี๊ยมครัวเทพ บ่าวรับใช้พึ่งเคยเห็นคุณหนูรองนำออกมาเพคะ บ่าวรับใช้คนนี้สงสัยว่าปิ่นหงส์เพลิงนั้นคุณหนูรองไม่ได้เป็นคนเก็บรักษา แต่เก็บไว้ที่องค์ชายเก้าเพคะ”

นี่คือสิ่งที่ซวนเทียนเย่เคยคิดมาก่อน แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าวันนี้ฉิงซวงล้มเหลวได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น... “อานู” เขาเรียกว่าชื่อเดิมของฉิงซวง “เจ้าติดตามข้ามากี่ปีแล้ว”

ร่างกายของฉิงซวงสั่นเทาและรีบตอบอย่างรวดเร็วว่า “บ่าวรับใช้ได้รับความช่วยเหลือจากฝ่าบาทตอนนั้น ถึงตอนนี้มันก็ 12 ปีแล้วเพคะ”

“12 ปีที่ผ่านมา” ซวนเทียนเย่มองนางราวกับแสงที่โหดเหี้ยมฟาดลงมาในดวงตาของเขา “ความรู้สึก 12 ปีไม่สามารถเปรียบเทียบกับต่างหูคู่นี้ได้เลยหรือ ?”

“ฝ่าบาท !” ฉิงซวงตกใจมาก เพราะนางกลัวเรื่องนี้มากที่สุด อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่เขายึดมั่นในใจอย่างแท้จริง “บ่าวรับใช้ผู้นี้ไม่รู้จักองค์ชายใหญ่จริง ๆ เพคะ ข้าไม่เคยพบพระองค์มาก่อนเลยเพคะ !”

น่าเสียดายที่ซวนเทียนเย่เชื่อคำพูดของเฟิงหยูเฮงไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉิงซวงไม่สามารถนำปิ่นหงส์เพลิงมาได้ซึ่งเขาเห็นว่าเฟิงหยูเฮงเอาเก็บไว้ในแขนเสื้อ สัญญาณทั้งหมดบอกเขาว่าผู้หญิงที่ชื่ออานูผู้นี้ได้ทรยศต่อเขาแล้ว

“ยาม !” ซวนเทียนเย่ตะโกนอย่างโกรธเคืองและยามก็เข้ามาทันที “จับตัวนางไว้ มันจะไม่เป็นไรตราบใดที่นางยังไม่ตาย” จากคำพูดเหล่านี้เขาก็เดินออกไป

ฉิงซวงมองซวนเทียนเย่ที่ออกไปโดยไร้ความรู้สึก แม้ว่านางจะยังคงคุกเข่าอยู่ ตอนนี้ยามลากออกมา นางตะโกนเสียงดัง “ฝ่าบาทเพคะ!” แต่อีกฝ่ายไม่ได้หันกลับมาเลย

ในวันต่อมาข่าวใหญ่กระจายไปทั่วเมืองหลวงเกี่ยวกับว่าที่พระชายาองค์ชายเก้าซึ่งทำปิ่นหงส์เพลิงที่ได้รับจากฮ่องเต้หาย !

เมื่อข่าวนี้มาถึงคฤหาสน์เฟิง ฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังดื่มชา เมื่อได้ยินข่าวนี้จากบ่าวรับใช้ นางถึงกับสำลักน้ำชาจนเกือบทำให้นางเกือบหายใจไม่ออก

“อาเฮงอยู่ไหน ?” ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปถามยายจาว “รีบส่งคนไปเรียกอาเฮงมาเร็ว !”

ยายจาวปฏิบัติตามและรีบแจ้งบ่าวรับใช้ให้ไปที่เรือนตงเซิง ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงดำเนินต่อไป “ปิ่นหงส์เพลิงคืออะไร ? นางทำหายไปได้อย่างไร ? ข่าวนี้จริงหรือเท็จ ?”

ยายจาวยังอยู่ในภาวะตกใจ เมื่อนางกลับมาจากโรงเตี๊ยมครัวเทพเมื่อคืนก่อน ทุกอย่างก็ยังปกติดีอยู่ สิ่งนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางออกมาแล้วหรือ ?

“ท่านฮูหยินผู้เฒ่า” นางได้แต่บอกว่า “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ข่าวลือนี้ก็ส่งผลกระทบต่อคุณหนูรองเจ้าค่ะ !”

“ใช่ ส่งผลต่อนางโดยตรง!” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สามารถนิ่งเฉยต่อไปได้ “ที่สำคัญที่สุดคือตระกูลเฟิงของเรา ในตอนแรกจินหยวนได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้และได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทางเหนือ แต่ตอนนี้เขากำลังแบ่งเบาภาระในการบรรเทาภัยพิบัติ สิ่งนี้เกิดขึ้นที่คฤหาสน์ บอกข้าว่านี่คือ….”

ฮูหยินผู้เฒ่านั้นตื่นตระหนกจนนางไม่รู้ว่าควรพูดอะไร นางอยากจะบอกว่าเฟิงหยูเฮงทำตัวไม่ดีพอ และสร้างปัญหามาก แต่นางก็ไม่สามารถพูดได้ นอกจากนั้นเฟิงหยูเฮงพยายามสุดความสามารถที่จะดูแลอาการบาดเจ็บที่หลังของนางจนตอนนี้มันเกือบจะหายสนิทแล้ว ดังนั้นหากนางพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเฟิงหยูเฮง นางจะรู้สึกราวกับว่านางทอดทิ้งผู้มีพระคุณ

แต่ถ้านางไม่พูด นางก็จะรู้สึกไม่สบายใจ

เช่นนี้นางได้แต่อดกลั้นไว้ ในขณะที่รอเฟิงหยูเฮงมา อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่บ่าวรับใช้ที่กลับมา

“คุณหนูรองอยู่ที่ไหน ?” ยายจาวมองไปข้างหลังพร้อมกับถาม “ข้าส่งเจ้าไปเชิญคุณหนูรองไม่ใช่หรือ ?”

บ่าวรับใช้เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและแจ้งว่า “หวงซวนที่เรือนตงเซิงบอกว่า คุณหนูรองทำปิ่นหงส์เพลิงหาย ตอนนี้คุณหนูกำลังหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อสำนึกผิด เห็นได้ชัดว่า... เป็นคำสั่งของฮ่องเต้ในการลงโทษคุณหนูรองเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากือบล้มลงด้วยความกลัว “คำสั่งของฮ่องเต้ ! คำสั่งถูกส่งมาเมื่อไหร่?”

บ่าวรับใช้บอกว่า “บ่าวรับใช้คนนี้ไม่รู้เจ้าค่ะ บ่าวรับใช้รู้เพียงว่ามันถูกส่งตรงไปยังคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลเจ้าค่ะ”

ยายจาวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วปลอบฮูหยินผู้เฒ่า “แม้จะสูญเสียสิ่งของที่สำคัญเช่นนี้ไป คุณหนูรองก็ถูกลงโทษด้วยการหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อสำนึกผิด ดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะไม่โกรธมากเจ้าค่ะ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการรักษารูปลักษณ์ภายนอก ท่านฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องกังวล ในเมื่อคำสั่งของฮ่องเต้ถูกส่งตรงไปยังคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลเป็นที่ชัดเจนว่าฮ่องเต้เป็นผู้ปกครองที่ชอบธรรม เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์เฟิงของเราเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าตรรกะนี้ถูกต้องและพยักหน้า แม้ว่านางจะยังประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรที่นางจะทำได้ นางบอกบ่าวรับใช้ “อีกสองสามวันออกไปข้างนอกและสอบถามคนแถวนั้น นำข่าวลือที่เจ้าได้ยินมารายงานข้า”

เรื่องที่เฟิงหยูเฮงทำปิ่นหงส์เพลิงหายและถูกลงโทษ ไม่เพียงแต่เรื่องนี้รู้ถึงหูของฮูหยินผู้เฒ่า แม้แต่ฮันชิก็ทราบข่าวนี้เช่นกัน

ในเวลานั้นเฟิงเฟินไดถูกสอนมารยาทโดยแม่นม 2 คนจากพระราชวังและยืนอยู่ในเรือน โดยมีชามที่เต็มไปด้วยน้ำบนหัวของนาง เป่ยเอ๋อและฮันชิจงใจพูดดังขึ้นเล็กน้อย ดังพอที่เฟินไดจะได้ยิน

ในตอนแรกเฟิงเฟินไดถูกดุจนหมดแรง แต่เมื่อนางได้ยินข่าวว่าเฟิงหยูเฮงทำปิ่นหงส์เพลิงหายก็เหมือนกับการถูกยิงที่แขน

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?” เฟิงเฟินไดไม่มีเวลาให้ความสนใจกับชามบนหัวของนาง ขณะที่นางหันไปถามเป่ยเอ๋อ “เฟิงหยูเฮงทำปิ่นหงส์เพลิงหายหรือ ?”

การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ชามบนหัวของนางตกแตก

แม่นมหวางเริ่มโกรธและเดินมาพร้อมกับสะบัดแส้ในมือ

แต่เฟิงเฟินไดไม่ได้สนใจแม่นมหวางเลยขณะที่นางถามเป่ยเอ๋อ “ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ ?”

เป่ยเอ๋อพยักหน้า “นี่เป็นข่าวที่แพร่กระจายไปทั่ว บ่าวรับใช้คนนี้ก็สอบถามมาแล้ว และพวกเขาบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าส่งคนมาถาม ข่าวที่พวกเขาได้รับคือฮ่องเต้ลงโทษคุณหนูรองโดยการให้หันหน้าเข้ากำแพงเพื่อให้สำนึกผิดเจ้าค่ะ !”

“ฮ่า ๆ !” เฟินไดระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทันใดนั้นนางก็หันหลังกลับและชี้ไปที่แม่นมทั้งสองคน นางพูดว่า “พวกเจ้ากำลังจะไม่มีความสุข ตำหนักหยูของเจ้ากำลังจะโชคร้าย ! เฟิงหยูเฮงทำปิ่นหงส์เพลิงหาย นั่นคือรางวัลที่ได้รับจากฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่ใช้ในการค้นหาผู้สืบทอดบัลลังก์ บอกข้าทีถ้าสิ่งนั้นหายไป อนาคตของนางจะเป็นอย่างไร”

แม่นมหลิวและแม่นมหวางตกใจกับคำพูดของเฟิงเฟินไดมาก แส้ที่นางยกขึ้นหยุดกลางอากาศ นางไม่สามารถวางมันลงหรือเก็บมันไว้ได้

แต่แม่นมหลิวเป็นผู้แรกที่ตอบโต้ด้วยความโกรธ นางพูดว่า “ข้าได้ทำตามคำสั่งของฮองเฮา ไม่ว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะพบกับโชคร้ายหรือไม่ มันเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร ?”

เมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ แม่นมหวางก็หันกลับมา นางรู้ทันทีว่านางถูกเด็กหลอก นางบินไปสู่ความโกรธ ในขณะที่นางฟาดแส้ไปที่แขนของเฟิงเฟินได ความเจ็บปวดทำให้นางร้องออกมาเสียงดัง

“อย่าตีนาง !” เมื่อฮันชิเห็นว่าเฟิงเฟินไดถูกตี นางเริ่มรู้สึกกลัวทันทีและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดทั้งสอง “แม่นมทั้งสองอย่าโกรธเลยเจ้าค่ะ !”

แต่พวกเขาจะสงบสติอารมณ์ของพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาเสียหน้าไป ดังนั้นพวกเขาจะยอมรามือง่าย ๆ หรือ ?

แม่นมหวางพูดว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเฟิงอนุญาตให้เราทำได้ อนุฮันโปรดถอนกลับไป !” นางพูดอย่างนี้ในขณะที่ยังคงฟาดแส้ต่อไป

เฟิงเฟินไดไม่สามารถหลบได้และยังคงส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

ฮันชิกำลังตกใจและใช้ร่างกายของนางเพื่อปกป้องเฟิงเฟินไดไว้ เช่นเดียวแส้ที่กำลังจะฟาดฮันชิ เฟินไดก็ตะโกนออกมาว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนหยิ่งผยอง ! ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายบุตรชายของตระกูลเฟิง มันเป็นความผิดประเภทไหน ?”

แม่นมหลิวหยุดแม่นมหวาง หยุดแส้กลางอากาศ “คุณหนูสี่พูดว่าอะไร ? บุตรชาย ?”

“ถูกต้องแล้ว!” เฟิงเฟินไดเอาตัวเองบังฮันชิไว้ข้างหลังนางแล้วพยักเพยิดคางของนางไปทางทั้งสอง และพูดเสียงดัง “ตอนนี้อนุฮันกำลังตั้งครรภ์บุตรชายของตระกูลเฟิง แม้ว่าเจ้าทั้งสองจะมาจากพระราชวัง พวกเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตีคนของครอบครัวของขุนนางขั้นหนึ่ง ! หากเด็กแท้งเพราะเจ้า ฮองเฮาจะไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้ !”

คำพูดเหล่านี้ทำให้แม่นมทั้งสองหยุดมือ แส้ก็ลดลงอย่างช้าๆ

ทั้งสองจ้องมองฮันชิเป็นเวลานาน พวกเขาสงสัยและยอมหยุดในที่สุด

“อนุฮันกำลังตั้งครรภ์จริง ๆ หรือ ?” แม่นมหลิวมองฮันชิและถามอย่างจริงจัง

“ใช่แล้ว” เฟิงเฟินไดตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ข้ากำลังถามอนุฮัน” นางไม่ได้สนใจเฟิงเฟินไดเลย จ้องมองฮันชิและรอคำตอบของนาง

ฮันชิตกตะลึงและคำพูดก็ติดอยู่ในลำคอของนาง นางไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

เฟิงเฟินไดมองไปที่นาง “นี่เป็นเรื่องดี ทำไมเจ้าไม่พูดออกมา ?”

นางถูกบังคับให้ต้องโกหกและได้แต่พยักหน้าเท่านั้น “ใช่ ข้าตั้งครรภ์”

ทั้งสองก็ยิ่งสงสัยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พวกเขามีชีวิตอยู่ครึ่งชีวิตและพวกเขาใช้เวลาในการดูแลฮองเฮา  ดังนั้นดวงตาของพวกเขาจึงเหมือนมีด ไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไร ฮันชิก็ไม่ได้ตั้งครรภ์ ดังนั้นทำไมนางถึงมั่นใจได้ ?

แต่ในเมื่อนางบอกเช่นนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะดึงดันต่อไป พวกเขาทำได้เพียงแค่วางแส้ลง จากนั้นก็นึกถึงเรื่องของเฟิงหยูเฮง พวกเขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย

สำหรับเฟิงหยูเฮง นางถูกลงโทษเพียงหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อสำนึกผิด อีกสองวันต่อมาเฟิงเฉินหยูที่อยู่ในสนามหญ้า และนางได้รับข่าวอีกชิ้นหนึ่งว่า “คุณหนูใหญ่ ข้าได้ข่าวมาว่าคุณหนูรองส่งคนไปที่คฤหาสน์ของเสนาบดีเฟิงและคฤหาสน์แม่ทัพปิงหนาน อย่างไรก็ตามประตูของแต่ละครอบครัวปิดอย่างแน่นหนา พวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้”

เฟิงเฉินหยูนั้นกำลังวิตกกังกล และนี่ยิ่งทำให้นางวิตกกังวลมากนั้นอีก นางรู้ว่าเฟิงหยูเฮงพยายามใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของนาง นี่หมายความว่านางกำลังหาที่ยึดเกาะและต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นเพื่อแก้ไขปัญหา น่าเสียดายที่มันชัดเจนมากว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการช่วย

นางไม่เคยคาดหวังว่าเฟิงหยูเฮงจะตกอับในตอนนี้

“ตอนนี้กี่วันแล้ว” นางถามคำถามนี้ทันที

ยี่หลินก็เข้าใจนางเช่นกัน นางรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจของเฉินหยูมากที่สุดในสองสามวันที่ผ่านมา นางจึงรีบพูดว่า “ครึ่งเดือนแล้วเจ้าค่ะ”

“ครึ่งเดือนเองหรือ” สีหน้าของเฟิงเฉินหยูย่ำแย่ลง “บอกข้ามา นางจะทนได้อีกครึ่งเดือนหรือไม่ ?” หลังจากถาม นางไม่รอให้ยี่หลินตอบ นางส่ายหน้าและพูดว่า "ไม่ว่านางจะทนได้หรือไม่ก็ตาม ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับความตั้งใจของฮ่องเต้ ข้าแค่ขอให้เฟิงหยูเฮงไม่ทำอะไรผิดพลาดอีก ไม่ว่านางจะเป็นหรือตาย ข้าไม่สนใจ แต่นางต้องรอจนกว่านางจะจัดการเรื่องของข้าเสร็จแล้ว”

ยี่หลินก็เป็นห่วงเฟิงเฉินหยูเช่นกัน เรื่องที่ได้รับการจัดวางอย่างถูกต้อง แต่เดิมใครจะคิดว่าคุณหนูรองที่ได้รับความโปรดปรานจะมีแต่ปัญหารุมเร้าเข้ามา นางเคยเห็นสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในครอบครัวใหญ่มาก่อน ลืมไปได้เลย ครึ่งเดือนได้รับที่ข่าวของคุณหนูรองในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นใครจะเป็นผู้จัดการเรื่องของคุณหนูใหญ่ ?

“จดบันทึกวันเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง”เฉินหยูแนะนำยี่หลิน “นับวันให้ถูก เมื่อวันนั้นมาถึงให้นำตั๋วแลกเงินมาและไปหาเฟิงหยูเฮงทันที เจ้าจะชักช้าไม่ได้”

“คุณหนูไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้คนนี้จำทุกสิ่งได้”

เฟิงเฉินหยูสูดหายใจเข้าลึก ๆ และคิดกับตัวเองว่าเมื่อเรื่องนี้ได้รับการแก้ไข นางต้องตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเฟิงหยูเฮงทันที หากกำแพงนั้นพังทลายลงมาและเฟิงหยูเฮงหันมาเกาะชายกระโปรงของนาง นั่นจะเป็นเรื่องเลวร้าย

ในเรือนตงเซิง ในเวลานั้นเสียงที่ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดังมาจากห้องนอนของเฟิงหยูเฮง “ค่อย ๆ หน่อย ! มันเจ็บ ! ขยับได้แล้ว ! ขยับให้เร็วขึ้น...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด