ตอนที่แล้วบทที่ 28 โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (2)

บทที่ 29 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (1)


บทที่ 29 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (1)

 

        “เอาล่ะ การสอบในวันนี้จบลงเท่านี้ ต่อไป คนที่ได้ยินข้าเรียกชื่อให้อยู่ลงทะเบียนเข้าเรียน คนที่เหลือออกไปได้ ปีหน้าค่อยมาใหม่” น้ำเสียงของหญิงชราทุ้มลึก จึงฟังความรู้สึกของเธอไม่ออก

 

รายชื่อทั้งหมดสิบเอ็ดชื่ออ่านออกจากปากหญิงชรา คนที่ถูกเรียกชื่อมีสีหน้าดีอกดีใจ คนที่ไม่ถูกเรียกชื่อเดินออกจากหอประชุมใหญ่ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ อินจู๋ก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่ถูกเรียกชื่อ แต่เขาไม่ได้ขยับ เพราะเขายังครุ่นคิดถึงคำพูดของเด็กสาวชุดขาวที่ดีดกู่เจิงคนนั้นก่อนจากไปเมื่อครู่

 

“เจ้า ยืนขึ้น บอกชื่อของเจ้ามา”

 

“นี่ หัวหน้าเอกนีนาเรียกเจ้าน่ะ” เด็กสาวเจ้าของพิณสำเนียงหยกข้างอินจู๋สะกิดเขาเบาๆ ปลุกเขาตื่นจากอาการครุ่นคิด เด็กสาวคนนี้ก็เป็นหนึ่งในคนที่เหลืออยู่ ตอนนี้สายตาที่เธอมองอินจู๋ไร้ซึ่งแววประหลาดใจ แต่กลับให้ความรู้สึกอื่นมากกว่า

 

“หา?” อินจู๋ลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว “ข้า...ข้าชื่ออินจู๋ สวัสดีครับ คุณยายนีนา”

 

เงียบกริบ ทั้งหอประชุมพลันตกสู่ความเงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง

 

“ข้าดูแก่มากเลยรึ?” ความโกรธเกรี้ยวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันราวกับจะพังทลายทั้งหอประชุม ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคัก สายตาของเด็กสาวสิบเอ็ดคนจดจ้องไปยังเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอทั้งหมด ใครไม่รู้บ้างว่าหัวหน้าเอกเทวคีตนีนาเกลียดเวลาคนอื่นบอกว่าเธอแก่ที่สุด

 

“คือ...ปู่ของข้าบอกว่า ถ้าเห็นคนอายุมากให้เรียกว่าคุณยาย เป็นมารยาทน่ะครับ”

 

“เจ้า...” พอเห็นท่าทางเหลอหลาของอินจู๋ นีนาก็นึกอยากขว้างระฆังในมือตัวเองออกไปใจจะขาด แต่เมื่อเธอเห็นนัยน์ตาสีดำแจ่มใสของอินจู๋ จึงยังฝืนข่มเพลิงโทสะในใจเอาไว้ได้ “เจ้าก็มาลงสมัครนักเทวคีต?”

 

ตอนนี้บริดเจตเดินขึ้นไปบนเวทีแล้ว ก่อนตอบคำถามแทนอินจู๋ว่า “ใช่ค่ะ หัวหน้าเอก เขาเพิ่งมาลงสมัคร ข้าก็เลยพาเขามา ท่านดูสิคะ...” ระหว่างที่พูดเธอก็จ้องมองอินจู๋ข้างล่างเวทีอย่างลึกซึ้ง ในบรรดาคนที่สามารถฟังอินจู๋และเด็กสาวชุดขาวร้องเพลงร่วมกันเมื่อครู่อย่างมีสติ เรียกได้ว่าเธอเป็นคนที่มีสติที่สุด ในฐานะนักเทวคีตระดับแสด เธอไม่อาจเชื่อได้จริงๆ ว่าฝีมือดีดพิณของเด็กหนุ่มข้างล่างคนนี้กลับสูงถึงขั้นที่เธอเองก็เทียบไม่ติด

 

นีนาแค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าจะมีเด็กผู้ชายมาเรียนเป็นนักเทวคีต เอาล่ะ เจ้าก็ได้รับเลือก ตอนนี้พวกเจ้าไปลงทะเบียนเข้าเรียนกันได้แล้ว ไปทุกคนเลย” พูดจบเธอก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมา

 

“ว้าว นักเทวคีตชาย ยังมีผู้ชายเลือกอาชีพนี้อยู่อีกเหรอ? น่าสนุกจัง” เสียงร้องอุทานอย่างตื่นเต้นทำเอาอินจู๋สะดุ้ง เห็นแต่เด็กสาวผมสั้นตัวเล็กอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีวิ่งกระโดดโลดเต้นมาใกล้ๆ เขา มองเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น ท่าทางคาดเดาไม่ได้ พวกเด็กสาวคนอื่นๆ ที่สอบผ่านก็พากันล้อมเข้ามาเช่นกัน

 

“นี่ ทำไมเจ้าเลือกอาชีพนักเทวคีตล่ะ! เหมือนว่าจะไม่เคยมีผู้ชายเต็มใจเลือกเวทมนตร์กระจอกอย่างนี้เลยนะ!”

 

กลิ่นหอมเตะจมูก อินจู๋ที่ได้เรียนรู้เรื่องระหว่างชายหญิงจากอันยามาบ้างพอโดนกลุ่มผู้หญิงรุมล้อมก็อดหน้าแดงก่ำไม่ได้ กลิ่นหอมของสาวบริสุทธิ์วนเวียนแถวปลายจมูก เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นเร็วขึ้น ความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้อินจู๋กระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ก่อนเกาศีรษะพลางกล่าวว่า “นักเทวคีตไม่ดีตรงไหนเหรอ?”

 

“น่าสนใจมาก! หงส์ในหมู่กา หนูน้อยสุดหล่อ เมื่อกี้เหมือนข้าเห็นเจ้าดีดพิณ เจ้าเรียนพิณเหรอ?” เด็กสาวสวยน่ารักที่วิ่งเข้ามาคนแรกเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น

 

อินจู๋พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่น่ะสิ!”

 

“สวัสดี ข้าเป่าขลุ่ยล่ะ”

 

ดวงตาของอินจู๋เปล่งประกาย ควรรู้ไว้ว่าขลุ่ยเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวที่สามารถบรรเลงร่วมกับพิณได้ “เยี่ยมมาก งั้นคราวหลังต้องให้เจ้าสอนศิลปะการเป่าขลุ่ยให้ได้เลย”

 

หลังจากเงียบกริบเพียงช่วงสั้นๆ เหล่าเด็กสาวรอบด้านก็พากันระเบิดหัวเราะ

 

“ขำจะตายอยู่แล้ว เธอบอกว่าเธอเป่าขลุ่ย เจ้าคงไม่ได้อยากเป่าขลุ่ยให้เจ้าหนูน้อยนี่หรอกนะ...”

 

อินจู๋งงเป็นไก่ตาแตกพลางกล่าวว่า “เธอเป่าขลุ่ยให้ข้าแล้วยังไง?”

 

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเฮฮาก็ยิ่งดังลั่นขึ้นไปอีก เด็กสาวทั้งหลายต่างพากันหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจความไร้เดียงสาของอินจู๋ คิดว่านักเรียนชายคนแรกในประวัติศาสตร์เอกเทวคีตคนนี้ช่างน่าสนใจมากจริงๆ

 

เด็กสาวผมสั้นเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองพูดผิดไป ใบหน้าสวยที่เขินอายพอๆ กับอินจู๋แดงก่ำในทันที

 

“เอาล่ะสาวๆ หยุดโวยวายกันได้แล้ว พวกเจ้าไม่กลัวว่าที่เพื่อนร่วมชั้นตกอกตกใจหมดเหรอ? ต่อจากนี้พวกเจ้ายังต้องเรียนด้วยกัน บางคนมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน ตอนนี้ตามข้าไปลงทะเบียนก่อน” บริดเจตฝืนกลั้นยิ้มเอาไว้ พอเห็นเด็กสาวแสนร่าเริงกลุ่มนี้ก็อดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ สิบปีก่อน เราก็ไร้ทุกข์ไร้กังวลเหมือนกับพวกเธอไม่ใช่หรือ?

 

โดยมีบริดเจตเดินนำหน้า นักเรียนใหม่เอกเทวคีตรวมถึงอินจู๋ทั้งหมดสิบสองคนเดินออกจากหอประชุมใหญ่ อินจู๋เดินอยู่ข้างหลังสุด พอเห็นเด็กสาวแสนร่าเริงพวกนี้ก็รู้สึกสบายใจยิ่งนัก คิดในใจว่าดูท่าชีวิตในอนาคตที่โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานคงจะดีมากทีเดียว!

 

“สวัสดีจ้ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนและเหนียมอายเล็กน้อยดังขึ้นข้างๆ อินจู๋ เด็กสาวเจ้าของพิณสำเนียงหยกที่นั่งข้างอินจู๋ก่อนหน้านี้นั่นเอง ส่วนสูงของเธออยู่ระดับอกของอินจู๋พอดี ชุดกางเกงขายาวสีฟ้าเข้ากับนัยน์ตาสีท้องฟ้าที่อ่อนโยนดุจสายน้ำของเธอ ความรู้สึกละมุนละไมทำให้อินจู๋นึกถึงอันยา เพียงแต่เด็กสาวตรงหน้าเมื่อเทียบกับอันยาแล้วดูอ่อนวัยกว่ามาก

 

อินจู๋รีบร้อนกล่าวว่า “สวัสดี เมื่อกี้ข้ายืมพิณของเจ้า...”

 

เด็กสาวก็รีบร้อนกล่าวว่า “ไม่เป็นไรจ้ะ เจ้าดีดพิณเพราะจริงๆ อ้อ ร้องเพลงก็เพราะ”

 

“เจ้าได้ยินด้วย?” อินจู๋มองเด็กสาวอย่างประหลาดใจ แม้เมื่อครู่นี้เขาจะไม่ได้ตั้งใจควบคุมความรู้สึกและพลังเวทมนตร์ของตัวเอง แต่หากไม่รู้จักเพลงพิณในระดับหนึ่งอีกทั้งพลังจิตไม่เหนือธรรมดาก็ไม่สามารถได้ยินเสียงพิณของตน

 

เด็กสาวพยักหน้า “ใช่จ้ะ! แต่ได้ยินถึงแค่ท่อนแรก ท่อนหลังข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว จิตวิญญาณตกอยู่ในห้วงเสียงบรรเลงพิณประสานกู่เจิงของพวกเจ้าโดยสมบูรณ์ ข้าจำได้ว่าพิณกับกู่เจิงบรรเลงร่วมกันไม่ได้ เจ้าทำได้ยังไง บอกข้าได้ไหม? อ้อ จริงสิ เจ้าชื่อเย่อินจู๋ใช่ไหม ข้าชื่อแลนซีนะ”

 

อินจู๋กล่าวว่า “พิณกับกู่เจิงบรรเลงร่วมกันไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่ถ้าเป็นแค่บทเพลงค่อนข้างสั้น ใช้ทักษะบางอย่างกับท่านิ้วต่างๆ ก็ยังสามารถทำได้ เพียงแต่จะเกิดผลลัพธ์แบบส่งเสริมกันและกันได้ยากเท่านั้นเอง ทำได้แค่ขับเสริมอีกฝ่ายให้เด่นขึ้น”

 

แลนซีกล่าวอย่างกระจ่างแจ้งว่า “เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ถ้าไม่มีทักษะโดดเด่น เกรงว่าคงทำได้ยากล่ะมั้ง เจ้าดีดพิณเก่งขนาดนี้ คราวหลังสอนข้าหน่อยได้ไหม? ข้าเพิ่งจะเริ่มเรียนเอง”

 

เย่อินจู๋ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า! ข้าคงเป็นอาจารย์เจ้าไม่ไหว ข้ายังห่างชั้นอีกไกล แต่ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรก็ถามข้าได้ ถ้าข้ารู้น่ะนะ”

 

“ขอบใจจ้ะ เจ้าเป็นคนดีจริงๆ เมื่อกี้พวกเธอหัวเราะเยาะเจ้าขนาดนั้น เจ้าก็ยังไม่โกรธ” ใบหน้าสวยของแลนซีแดงเรื่อขณะกระซิบกล่าว

 

อินจู๋ยิ้มเจื่อนก่อนเอ่ยว่า “ไม่ใช่ไม่โกรธ ข้าก็แค่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พวกนางพูด”

 

แลนซีแลบลิ้นเล็กน่ารักแล้วกล่าวว่า “เมื่อกี้เจ้ากล้าหาญมาก! คิดไม่ถึงว่าจะเรียกหัวหน้าเอกนีนาว่าคุณยาย เจ้าไม่รู้เหรอว่าท่านเกลียดเวลาคนอื่นพูดว่าท่านแก่ที่สุด? ยังดีที่เจ้าดีดพิณเก่ง ไม่อย่างนั้นคงได้รับเลือกยากมากเลยล่ะ”

 

อินจู๋กล่าวอย่างตกใจว่า “จริงเหรอ? ข้าไม่รู้เรื่องเลย!”

 

แลนซีเผยสีหน้าพ่ายแพ้ให้แก่เขา “เจ้าไม่รู้อะไรสักอย่างไม่ได้หรอกนะ ก่อนเจ้ามาสอบไม่เคยสำรวจโรงเรียนอัศวิเวทมนตร์มิลานเลยเหรอ? เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย”

 

อินจู๋พยักหน้าอย่างแข็งขัน “ข้าไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ!”

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด