บทที่ 27 ฉางฉิงกลัวการอยู่คนเดียวตอนกลางคืน
บทที่ 27 ฉางฉิงกลัวการอยู่คนเดียวตอนกลางคืน
“งั้นอยากให้ฉัน...ไปจับตัวกว่านอิงมา แล้วให้นายใช้มีดผ่าตัดกรีดหน้าของหล่อนมั้ย” ลี่เซ่าปินหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“โรคจิต” ซ่งฉู่อี๋พูดว่าเขา
“นายต่างหากโรคจิต ฉันเรียนมาจากนายนั่นแหละ” ลี่เซ่าปินกอดอกและทำเสียงฮึดฮัด “พูดตามตรงนะ เรื่องที่กว่านอิงสวมเขาให้นายนั่นน่ะช่างมันเถอะ ฉันได้ยินมาว่าฟู่อวี้พาแม่เขาไปรักษาที่โรงพยาบาลของนายด้วย นายคงไม่รักษาให้แม่เขาด้วยหรอกใช่มั้ย”
“รู้ข่าวไวจังเลยนะ” ซ่งฉู่อี๋ขยี้ปลายผม แล้วพูดเสียงเรียบเฉย “ฉันไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้ อีกอย่างถึงจะเป็นฉัน ฉันก็ไม่มีทางทำอะไรที่ขัดต่อจรรยาบรรณแพทย์หรอก”
“คร่ำครึ” ลี่เซ่าปินกลอกตา
“ไว้เลี้ยงข้าวนายคราวหน้าแล้วกัน” ซ่งฉู่อี๋โบกไม้โบกมือแล้วเดินจากไป
_ _ _ _ _ _ _ _
เวลาสามทุ่ม หลังจากที่ทานข้าวกับจั่วเชียนและเถ้าแก่สามสี่คนเสร็จแล้ว ฉางฉิงก็กลับมาที่สวนสาธารณะกวานหู
ฉางฉิงกดรหัสผ่านเปิดประตู ในห้องเปิดไฟสว่าง แล้วเงาร่างที่คุ้นเคยของเจ้าร็อบเบนก็เข้ามาถูไถในอ้อมแขนเธอ
“เจ้าตัวยุ่ง ทำเอาฉันเป็นห่วงแทบตายแน่ะ” ฉางฉิงจับหูสองข้างที่ลู่ลงของมันขึ้นมาอย่างงอนๆ แล้วมองไปรอบๆ ห้องด้วยความหวาดผวา ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่...
เธอเดินสำรวจดูทั้งสามห้อง ซ่งฉู่อี๋ไม่อยู่
การที่ต้องอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเพียงคนเดียวตอนกลางคืน ทำให้ฉางฉิงรู้สึกหวาดกลัวนิดหน่อย เธอเป็นคนขี้ขลาดมาก เมื่อก่อนที่คฤหาสน์เวลาที่เยี่ยนเหล่ยไปทำงานต่างที่ อย่างน้อยก็มีป้าจางอยู่ด้วย
จู่ๆ ฉางฉิงก็คิดถึงบ้านขึ้นมา
เธอรู้สึกตาแห้งเล็กน้อย ไม่รู้ว่าซ่งฉู่อี๋จะกลับมาเมื่อไร ไอ้จะโทรศัพท์หาเขา เธอก็ไม่กล้าโทร
หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมา เธอก็ดูโทรศัพท์มือถือ ปรากฏว่าเมื่อกี้ซ่งฉู่อี๋โทรมาหา เธอรีบโทรกลับหาเขาทันที “เมื่อกี้ฉันอาบน้ำอยู่...”
“อืม ตอนกลางคืนอย่าลืมล็อกประตูด้วยนะ คืนนี้ผมต้องเข้าเวร ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้าน” ซ่งฉู่อี๋ยืนพิงที่ระเบียงทางเดินในโรงพยาบาล เขานึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เยี่ยนเหล่ยโทรมาบอกว่าเมื่อก่อนเวลาที่ฉางฉิงลูกสาวเขาคนนี้อยู่บ้านคนเดียว เธอกลัวจนนอนไม่หลับเลย
“ทำไมคุณไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ” ฉางฉิงรู้สึกไม่ดีพลางบ่นพึมพำ “รู้อย่างนี้ฉันน่าจะกลับไปนอนที่บ้าน...”
ซ่งฉู่อี๋พูดเสียงฉุนเฉียว “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณทำเจ้าร็อบเบนหายจนผมต้องแลกเวรกลางวันกับคนอื่นเพื่อไปตามหามันล่ะก็ คืนนี้ผมจะต้องมาเข้าเวรแบบนี้มั้ยล่ะ”
ฉางฉิงรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาทันที อีกทั้งเกิดความละอายใจเล็กน้อย
“ถ้าตอนกลางคืนคุณกลัว ก็ให้เจ้าร็อบเบนไปอยู่ในห้องคุณด้วยก็แล้วกัน” ซ่งฉู่อี๋บอกเสียงเรียบ
“ฉันไม่กลัวหรอกค่ะ คุณไม่อยู่น่ะแหละยิ่งดี” ฉางฉิงทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ น้ำเสียงฟังดูน่ารักน่าหยิก
ซ่งฉู่อี๋รู้สึกแปลกใจนิดๆ อย่างน่าประหลาด
ช่างเถอะ พวกเขาสองคนไม่ได้สนิทคุ้นเคยกัน บางทีการที่คืนนี้เขาไม่อยู่บ้าน เธออาจสบายใจกว่าก็ได้
หลังจากวางสาย หลิวเจิน พยาบาลที่เข้าเวรตอนกลางคืนเดินมาหาเขา “คุณหมอซ่งคะ หัวหน้ากัวต้องการพบคุณหมอค่ะ”
ซ่งฉู่อี๋รีบไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าทันที เมื่อไปถึง คุณหมอเหยียนก็อยู่ที่นั่นด้วย
“ฉู่อี๋ ตอนบ่ายคุณไม่อยู่ ผมกับผู้อำนวยการและคุณหมอเหยียนได้ปรึกษากันเรื่องอาการป่วยของคนไข้ห้อง VIP2 แล้ว เราตัดสินใจจะให้คุณและคุณหมอเหยียนดูแลรับผิดชอบร่วมกัน” หัวหน้ากัวพูดเสียงเคร่งขรึม “ประการแรก ญาติของคนไข้คนนี้คือฟู่อวี้ ประธานบริษัทซ่างเหว่ย ประการที่สอง ระดับความยากของการผ่าตัดเคสนี้สูงมาก ซึ่งฝีมือการผ่าตัดของคุณดีที่สุดในโรงพยาบาล ได้คุณมาลงมือผ่าตัด ผมค่อยเบาใจขึ้นหน่อย”
ซ่งฉู่อี๋ขมวดคิ้ว เขาเคยเจอฟู่อวี้มาก่อน เขาไม่อยากรับเคสผ่าตัดนี้เลยจริงๆ
“มันไม่มีทางเลือกแล้วน่ะ ยังไงฟู่อวี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป” หัวหน้ากัวพูด “แน่นอน ผมรู้ดีว่าโรงพยาบาลนี้เป็นของตระกูลซ่งของคุณ แต่ในฐานะหมอ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นอันดับแรก”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” ซ่งฉู่อี๋ตอบตกลงด้วยความจำใจ
_ _ _ _ _ _ _ _
วันต่อมา เวลาเจ็ดโมงเช้า ซ่งฉู่อี๋ลากสังขารอันอ่อนล้ากลับมาที่เพนท์เฮาส์ ไฟในห้องนั่งเล่นเปิดสว่างอยู่ ส่วนประตูห้องนอนของฉางฉิงก็เปิดอ้าทิ้งไว้
เขาเดินเข้าไปดู ในห้องมีกลิ่นหอมของผู้หญิงพัดโชยมา เจ้าร็อบเบนที่ยืนอยู่ข้างเตียงส่ายหางดุ๊กดิ๊กให้เขา จากนั้นมันก็คาบมุมหนึ่งของผ้าห่มลากลงมาบนพื้น แล้วทันใดนั้นร่างเล็กบอบบางที่อยู่บนเตียงก็ปรากฏออกมาให้เห็น หญิงสาวนอนตะแคง สวมแค่ชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวตัวเดียว คอเสื้อเว้าลึกจนเห็นเนินอก ส่วนชายกระโปรงของชุดนอนก็เลิกขึ้นมาหมด เผยให้เห็นสีดำข้างใน...
.........................................