ตอนที่แล้วบทที่ 27 ของเล่นชิ้นโปรดของฉัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 เข้าห้องน้ำนายจะตามไปด้วยไหม

บทที่ 28 ลางสังหรณ์ของสือเสี่ยวไป๋


บทที่ 28 ลางสังหรณ์ของสือเสี่ยวไป๋

 

ไพ่โป๊กเกอร์หลายสิบใบลอยอยู่กลางอากาศอย่างไร้ระเบียบ แต่ที่จริงแล้วไม่มีแม้สักใบที่ซ้อนทับกัน สือเสี่ยวไป๋พบว่าไพ่โป๊กเกอร์ที่ปรากฎต่อสายตา กลับเป็นด้านหลังของไพ่ทั้งหมดราวกับว่านี่เป็นความตั้งใจของอาจารย์ซีซือ

 

“เลือกสิ เลือกหนึ่งใบจากไพ่โป๊กเกอร์ห้าสิบสี่ใบนี้ หากตัวเลขมีค่ามากกว่าสิบขึ้นไป ฉันจะช่วยนายปิดบังตัวตน หากตัวเลขเท่ากับสิบหรือน้อยกว่าสิบ ฉันจะเอาชื่อนายออกจากรายชื่อเด็กใหม่ เลือกซะสิ ของเล่นชิ้นโปรดของฉัน”

 

ขณะที่อาจารย์ซีซือกำลังพูดนั้นใบหน้าแย้มรอยยิ้มชั่วร้าย ท่าทางขบคิด ทว่าน้ำเสียงกลับมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

สือเสี่ยวไป๋พลันรู้สึกถึงความผ่อนคลายของร่างกาย ที่แท้พลังบางอย่างที่รัดตัวเขาไว้ได้คลายออกแล้ว เพียงเขาเงยหน้าขึ้น สบตากับอาจารย์ซีซือพลันเกิดความรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก ราวกับว่าอยู่ในป่ามืดทึบแสนอันตราย

 

เดิมทีสือเสี่ยวไป๋รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว แต่ก็รู้สึกโมโหอย่างประหลาด คำพูดที่ว่า “เลือกซะสิ” ของซีซือ ทำให้เขาย้อนนึกถึงยามสนธยาที่ยากจะลืมเลือนและเสียงดุดันที่ดังขึ้นในหัวของเขา

 

“ถึงแม้ว่าเทียบกันแล้วระหว่างข้อสอบอัตนัยและปรนัย[1] ข้าจะชอบปรนัยมากกว่า แต่ข้าไม่ชอบถูกบังคับให้เลือก ทำไมข้าจะต้องเลือกจากตัวเลือกที่นายเสนอมาให้? ข้าจะไม่เลือก ข้าเลือกที่จะ ‘ไม่เลือก’ !”

 

สือเสี่ยวไป๋ยิ้มเย็นกล่าว จ้องไปยังดวงตาทั้งสองที่หรี่เล็กจนกลายเป็นเส้นเดียวของซีซือ รู้สึกเพียงแต่ว่าในเส้นเล็กๆ นั้นได้ซ่อนคมมีดที่เยียบเย็นที่สุดเอาไว้ ความกล้าในจิตใจถูกริดรอนลงทุกครั้งที่สบตา ทว่าสือเสี่ยวไป๋กลับไม่ได้กลัวจนเบนสายตาไปทางอื่น

 

“ยอดเยี่ยม! เยี่ยมมาก! เยี่ยมจริงๆ!”

 

ซีซือพลันยกมือปิดใบหน้าที่แหงนขึ้น เปล่งเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง เป็นเสียงแหลมที่เสียดแทงแก้วหู ครู่เดียวนิ้วทั้งห้าก็เสยผมสีแดงเพลิง มุมปากแสยะยิ้มชั่วร้าย

 

“สือเสี่ยวไป๋หนอ สือเสี่ยวไป๋ ฉันชักจะชอบนายมากขึ้นทุกที ตัวเลือกของนายเหนือความคาดหมายของฉันจริงๆ แต่ฉันก็พอใจมาก”

 

ซีซือแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เทเลพอร์ตผ่านไพ่โป๊กเกอร์ที่กระจายตัวกันอยู่ ทั้งที่ไพ่โป๊กเกอร์ยังคงนิ่งสนิท ทว่าซีซือได้มาอยู่ข้างกายของสือเสี่ยวไป๋แล้ว

 

รูม่านตาของสือเสี่ยวไป๋หดเล็กลง กลั้นหายใจอย่างลืมตัว ทันใดนั้นเองก็พบว่าร่างกายของเขาถูกพลังงานไร้รูปร่างรัดตรึงไว้จนแข็งทื่อไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกครั้ง

 

ซีซือเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้สือเสี่ยวไป๋ กระซิบเบาๆ ราวคู่รัก “แต่ว่าเกมได้เริ่มขึ้นแล้ว ฉันไม่ยอมให้นายเลิกเล่นกลางคันหรอก ดังนั้นยังไงนายก็ต้องเลือก ถ้านายไม่เลือกล่ะก็ ฉันจะ...”

 

หลังจากซีซือพูดคำว่า “จะ” ลากยาวทิ้งท้ายด้วย พลันหยุดไม่เอ่ยต่อ คำพูดที่หยุดกะทันหันนี้ทำให้สือเสี่ยวไป๋คิดไปต่างๆ นานา สือเสี่ยวไป๋อดที่จะคิดไม่ได้ ว่าหากเขายังคงยืนกรานไม่เลือก ไอ้โรคจิตนี่จะทำอะไรกันแน่?

 

สือเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าใจของเขากำลังเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ แผ่นหลังชื้นแฉะไปด้วยเม็ดเหงื่อ ความกลัวจากจิตวิญญาณกำลังจะครอบงำสติสัมปชัญญะของเขา เขาเห็นใบหน้าชั่วร้ายที่อยู่ใกล้ๆ นั้นราวกับใบหน้าของผีร้ายอัปลักษณ์

 

“ผ่อนคลาย ใจเย็นๆ ไม่ต้องตื่นเต้นไป”

 

ซีซือหัวเราะเบาๆ ยื่นมือขวาที่มีเล็บแหลมคม ลูบไล้พวงแก้มของสือเสี่ยวไป๋อย่างอ่อนโยน

 

นิ้วมือเย็นเชียบลูบไล้ไปมาบนใบหน้าทำให้สือเสี่ยวไป๋รู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง

 

“แค่เกมเกมหนึ่งเท่านั้น ข้าแค่เล่นเป็นเพื่อนนายซะก็พอใช่ไหม? รีบเอามือของนายออกไปเดี๋ยวนี้”

 

ในใจของสือเสี่ยวไป๋รู้สึกอัดอั้นเกินทน แต่ไม่กล้าจะอวดดีต่อไป ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ไอ้โรคจิตตรงหน้านี้ “อันตราย”

 

ซีซือได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆ เก็บมือกลับ ท่าทางดูราวกับว่าผิดหวังเล็กน้อย หันกายเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แค่พริบตาก็กลับไปยืนอีกฝั่งของไพ่โป๊กเกอร์

 

“เลือกซะสิ เลือกไพ่ที่นายคิดว่ามีค่ามากกว่าสิบขึ้นมาหนึ่งใบ”

 

ซีซือย้ำกติกาของเกมอีกครั้ง หากตามที่เขาพูด เกมนี้เป็นเกมที่ไม่มีใครรู้ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร เพราะว่าโอกาสแพ้ชนะเหมือนจะขึ้นอยู่กับ ‘โชคชะตา’

 

แน่นอน เกมนี้สือเสี่ยวไป๋เป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะในไพ่โป๊กเกอร์ 54 ใบมีเพียง 14 ใบเท่านั้นที่มีค่ามากกว่า 10 และไม่เท่ากับ 10

 

สือเสี่ยวไป๋เพ่งมองไพ่โป๊กเกอร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ เห็นเพียงด้านหลังของไพ่ที่พิมพ์ลวดลายเป็นกริซสั้นประหลาดแทรกผ่านดาวหกแฉกเหมือนๆ กัน จนไม่สามารถแยกความแตกต่างของพวกมันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหา 14 ใบใน 54 ใบนั้นเลย ดูท่าจะต้องพึ่งโชคแล้วล่ะ

 

“ใบนี้!”

 

ใช้เวลาเพียงสามวินาที สือเสี่ยวไป๋ก็ตัดสินใจเลือก เขาชี้นิ้วไปยังไพ่ที่ไม่โดดเด่นใบหนึ่งในบรรดาไพ่โป๊กเกอร์กว่าสิบใบ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งอยู่มุมใดมุมหนึ่ง และก็ไม่ใช่เพราะอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่น แต่เพราะดูแล้วเป็นใบที่ดูธรรมดาที่สุด

 

ทว่าแววตาของสือเสี่ยวไป๋กลับเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ลักษณะท่าทางและน้ำเสียงขณะที่เลือกแน่วแน่ ราวกับว่าตัวเลือกที่เขาได้เลือกจะต้องถูกต้องแน่นอน ราวกับว่าสำหรับเขาเกมแห่งโชคที่ไม่มีใครล่วงรู้จุดจบนี้ได้ถูกกำหนดแพ้ชนะไว้แล้ว

 

ซีซือยืนอยู่อีกด้านของไพ่โป๊กเกอร์ เพราะฉะนั้นเพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าไพ่ที่สือเสี่ยวไป๋ได้เลือกนั้นคืออะไร สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ไพ่โป๊กเกอร์ที่สือเสี่ยวไป๋ได้เลือก ก่อนจมดิ่งในภวังค์อยู่นาน

 

“นายผ่านด่านแล้ว เพื่อนตัวน้อยถู่ต้าเฮย ฉันเฝ้ารอการฝึกอบรมเด็กใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ อาจารย์จะ ‘เอ็นดู’ นายอย่างดี”

 

ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดซีซือก็ประกาศผลของเกม เสียงของเขายังคงไพเราะนุ่มนวล ทว่าน้ำเสียงกลับเย็นชาอย่างชัดเจน การจงใจพูดเน้นเสียงคำว่า ‘เอ็นดู’ นั้นช่างน่ากลัว

 

สือเสี่ยวไป๋รู้สึกถึงพลังไร้รูปร่างที่รัดตัวเขาไว้ได้คลายออกอีกครั้ง ไม่พูดอะไรรีบหนีออกจากห้องทำงานทันทีเขารู้สึกว่ายิ่งอยู่ใกล้ไอ้โรคจิตนี้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

 

หลังจากที่สือเสี่ยวไป๋จากไป ซีซือยังคงอยู่ในท่าทางเช่นเดิม สายตายังคงจับจ้องไพ่โป๊กเกอร์ที่สือเสี่ยวไป๋ได้เลือกไว้

 

“โอกาสหนึ่งในห้าสิบสี่ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว?”

 

ซีซือยื่นมือออกไปหยิบไพ่โป๊กเกอร์ที่สือเสี่ยวไป๋เลือกถือไว้ในมือ ไพ่โป๊กเกอร์อีกห้าสิบสามใบที่เหลือพลันเกิดลูกไฟสีฟ้าลุกโชนครู่หนึ่งก็กลายเป็นเถ้าถ่าน

 

ด้านหน้าของไพ่โป๊กเกอร์ในมือของซีซือใบนั้น ก็คือ ‘โจ๊กเกอร์แดง’ ที่ใหญ่ที่สุดในห้าสิบสี่ใบ!

 

“ดูท่านายจะมีจิตสัมผัสแห่งเทพจริงๆ และยังเป็นการหยั่งรู้แห่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในจิตสัมผัสแห่งเทพ น่าสนุก น่าสนุกจริงๆ ช่างเป็นของเล่นที่ล้ำค่ามากจริงๆ”

 

“แต่ว่าเกมเพิ่งจะเริ่มต้น อาจารย์จะ ‘ฝึกหัด’ นายอย่างดี หวังว่านายจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง”

 

ซีซือนำ “โจ๊กเกอร์แดง” ใส่คืนกลับที่กระเป๋าเสื้อ มุมปากเผยยิ้มชั่วร้าย

 

......

 

 

 

หลังจากที่สือเสี่ยวไป๋เดินออกมาจากห้องทำงาน ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย เขาเร่งฝีเท้า กลัวว่าไอ้โรคจิตนั่นจะตามออกมา

 

“นี่ก็ปีศาจที่อยากจะได้ข้าอีกตัวแล้ว ดีนะที่ข้าวิ่งเร็ว!”

 

สือเสี่ยวไป๋ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดระแวง แต่พอนึกถึงว่าตัวเองได้เลือกไพ่โป๊กเกอร์ที่มีค่ามากกว่าสิบจากไพ่ห้าสิบสี่ใบได้ ก็รู้สึกดีใจขึ้นมา

 

“ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้จริงๆ ด้วย! ไม่ใช่แค่อาศัยโชคช่วยหรอกหรอ? ข้าเคยกลัวซะที่ไหน!”

 

ขณะที่สือเสี่ยวไป๋กำลังเลือกไพ่โป๊กเกอร์อยู่นั้น ก็นึกถึงปืนที่ยิงออกไปมั่วๆ ตอนทดสอบความสามารถครั้งนั้น รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนมีโชคอย่างที่สุด ดังนั้นจึงเลือกออกมาหนึ่งใบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ไพ่โป๊กเกอร์ใบนั้นจะต้องมีค่ามากกว่าสิบแน่

 

“แปลกจัง ทำไมข้ารู้สึกว่าไพ่โป๊กเกอร์ใบนั้นจะต้องเป็น ‘โจ๊กเกอร์แดง’ แน่ๆ?”

 

สือเสี่ยวไป๋มีความคิดแปลกๆ ขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่เพียงครู่เดียวก็สลายหายไป

 

“หึหึ แปลกตรงไหน ไพ่ที่ข้าเลือกต้องเป็น ‘โจ๊กเกอร์แดง’ อยู่แล้ว!”

 

สือเสี่ยวไป๋ยอมรับการอธิบายกับตัวเองแบบนี้อย่างเบิกบานใจ

 

-------------------------------------------------------------------------

 

[1] ข้อสอบอัตนัย คือ ข้อสอบข้อเขียน , ข้อสอบปรนัย คือ ข้อสอบเลือกตอบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด