ตอนที่แล้วDC บทที่ 41: เจ้าได้ยินแล้วนี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDC บทที่ 43: ร่างเงา

DC บทที่ 42: รถม้าทอง


เมื่อซูหยางหมุนตัวและเดินออกไป ชายร่างใหญ่ก็ระเบิดความโกรธออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ

ชายร่างใหญ่เป็นผู้ฝึกปราณเขตคัมภีร์วิญญาณระดับสามและไม่เคยถูกใครหมิ่นมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงคนจากนิกายหน้าด้านกุสุมาลย์พ้นพิสัย

“เจ้าเด็กเลว เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร” ชายร่างใหญ่พลันโถมเข้าหาซูหยางจากตรงนั้นคล้ายกับเสือพร้อมกับขวานเหล็กที่ยกขึ้นสูงไปบนอากาศ

ขวานเหล็กเหวี่ยงลงมาใส่ศีรษะซูหยางอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามก่อนที่ขวานจะสัมผัสกับเส้นผมของซูหยางเพียงแค่นิ้วเดียว ซูหยางพลันหมุนตัวอย่างรวดเร็วและดึงกระบี่ออกจากฝักข้างเอว

ประกายแสงวาบเปี่ยมด้วยแรงกดดันอันกราดเกรี้ยวเต็มไปด้วยรังสีสังหาร

เมื่อกลุ่มคนด้านหลังชายร่างใหญ่รับรู้ถึงรังสีสังหาร ขาของพวกเขาพลันหยุดก้าวร่างกายพลันสั่นสะท้านราวกับต้องลมหนาว แม้ว่าแรงกดดันจะมีอยู่เพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะหายไป มันก็พอเพียงที่จะทำให้ทุกคนที่นั่นรวมถึงม้าลากรถหยุดการเคลื่อนไหว

ในเวลานั้นหลังจากรังสีสังหารหายไปแล้วชายร่างใหญ่ที่หยุดชะงักกลางอากาศพลันเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาเริ่มล้มลงด้านหลังราวกับรูปปั้นหิน

ร่างกายล้มลงอย่างช้าๆทำให้ดูเหมือนกับว่ามันใช้เวลาชั่วกัลป์ท่ามกลางสายตาของทุกคน สุดท้ายเมื่อร่างสัมผัสกับพื้นทุกคนที่นั่นพลันแตกตื่นเมื่อพบว่าศีรษะของชายร่างใหญ่หายไปจากร่างของเขา

บางคนในกลุ่มพลันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเมื่อพวกเขาพบว่ามีเงาหมุนเหวี่ยงอยู่ในอากาศ เมื่อสังเกตเห็นว่ามันคือศีรษะของชายร่างใหญ่ที่หมุนติ้วอยู่กลางอากาศพวกเขาพลันกรีดร้องด้วยความสยดสยอง ยิ่งกว่านั้นศีรษะกลางอากาศยังมีอาการโกรธเกรี้ยวของชายร่างใหญ่ก่อนจะตาย

ซูหยางเก็บดาบคืนฝักในเวลาเดียวกับที่ศีรษะชายร่างใหญ่ตกลงมาสัมผัสพื้น เขามองไปยังกลุ่มคนที่สับสนอย่างเยือกเย็นพร้อมรอยยิ้มสดใส กล่าวว่า “ในเมื่อพวกเราล้วนไปที่เดียวกันด้วยเจตนาเหมือนกัน ทำไมเรามิหยุดทำอะไรโง่เขลาเช่นนี้ก่อนที่ข้าจักปูถนนด้วยซากศพ ถึงแม้ข้าจะมิรังเกียจถ้าได้อุ่นร่างกายก่อนที่จะเริ่มล่าที่หุบเขาฟ้าคำรามก็ตาม…”

ฝูงชนพากันพยักหน้ากับคำแนะนำของเขาขณะพยายามกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พวกเขาไม่เคยเจอใครที่น่ากลัวเหมือนชายหนุ่มจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิส้ยคนนี้มาก่อน ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ต่อหน้าปีศาจ

“เยี่ยม” ซูหยางพยักหน้า “เช่นนั้นพวกเรามาทำให้การเดินทางนี้คุ้มกับเวลาที่เสียไป...” เขาหันกายและเริ่มเดินอีกครั้ง

เงาร่างซูหยางหายไปจากคลองจักษุของกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขายืนยันชัดเจนว่าซูหยางจากไปแน่นอนแล้ว กลุ่มคนต่างพากันนั่งก้นจ้ำเบ้าร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ

“น..นั่นใครหรือนั่น ข้ามิเคยได้ยินว่ามีคนน่ากลัวเช่นนี้อยู่ในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาก่อน”

“ใครเป็นคนพูดวะ ว่าเขาเป็นเพียงแค่ศิษย์นอก นี่มันแข็งแกร่งมากพอที่จะเป็นศิษย์ในของนิกายข้าได้เลย...ไม่ แม้ศิษย์หลักก็ยังเป็นได้”

กลุ่มคนพากันเดินทางต่อโดยไม่ชักช้าแม้ว่าหัวหน้ากลุ่มจะตกตายไปอย่างกระทันหัน ใช่ว่าพวกเขาจะกลับบ้านได้เมื่อมาถึงที่นี่ อีกทั้งยังมีความร่ำรวยที่พวกเขาจะได้รับจากการล่าแมวสายฟ้ารออยู่

นี่เป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ มันไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติถ้าผู้ทรงพลังเช่นชายร่างใหญ่จะตายลงจากความพ่ายแพ้เพราะว่าต้องมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ

เวลาผ่านไปสี่วันอย่างรวดเร็ว

ซูหยางใช้เวลาเดินทางมาสี่วันแล้วโดยไม่ได้พัก แต่เขาก็ยังสบายดีเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง

“หืม” เขาพลันสังเกตเห็นรถม้าที่ดูแพงจากระยะทางไกล มันถูกห้อมล้อมไปด้วยชายในชุดเกราะขี่ม้า

รถม้าทั้งคันจัดสร้างจากทองและหยกราคาแพงแผ่รัศมีอันประณีตสวยงามเหมือนกับเป็นวัตถุของชนชั้นสูง บนรถม้ามีชายชราในชุดเทานั่งขัดสมาธิอยู่เหมือนกำลังฝึกวิชา

แม้ว่าซูหยางจะไม่สามารถตรวจสอบพลังการฝึกปรือของชายชรา แต่เขาสามารถคาดเดาได้จากประสบการณ์โดยตรง

“เขตอัมพรวิญญาณ…อะไรที่ทำให้คนที่มีระดับเช่นเขาต้องมาแถวนี้ นั่งอยู่บนรถม้าเหมือนเป็นผู้คุ้มกัน” เขาประหลาดใจ

แล้วคนที่อยู่ข้างในรถม้าล่ะ ใครจะมีสถานะสูงพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญเขตอัมพรวิญญาณมาทำหน้าที่คุ้มครองในโลกมนุษย์นี้ เมื่อพวกเขาล้วนถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุด

ซูหยางรู้สึกทึ่งกับรถม้าสีทองและการคุ้มกันที่แน่นหนา แต่เขาไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง เขาจึงเพิกเฉยและเดินตามไปด้านหลังอย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นสักพัก ผู้คุ้มกันก็สังเกตเห็นซูหยางติดตามพวกตน

“ผู้อาวุโส พวกเราควรทำอะไรกับเด็กน้อยนี้หรือไม่ เขาตามพวกเรามาพักใหญ่แล้ว” หนึ่งในกลุ่มผู้คุ้มกันโดยรอบกล่าว

ผู้ชราค่อยเปิดตาหันไปมองซูหยาง อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพยายามตรวจสอบซูหยาง ชายชราพลันประหลาดใจที่พบว่าเขาไม่สามารถตรวจสอบพลังการฝึกฝนของอีกฝ่ายได้ รู้สึกเหมือนเขากำลังมองไปยังกลุ่มหมอกควันรูปมนุษย์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าซูหยางจะมีตัวตนที่ลึกลับ แต่ชายชราก็ไม่พบความรู้สึกคุกคามหรือความมุ่งร้ายใดจากซูหยาง

“ไม่ต้องสนใจเขา...” เขาพูดหลังจากนั้นชั่วครู่

บรรดาผู้คุ้มกันพากันพยักหน้าและไม่คิดที่จะเข้าหาซูหยางอีกต่อไป อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงให้ความสนใจกับเขาอยู่เผื่อว่าเขาจะมีท่าทางน่าสงสัยใด

“ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจ...” ชายชรายิ้มให้ตนเองก่อนจะหลับตาลงไปอีกครั้ง


ผมอ่านคอมเมนต์ของฝรั่ง เขาเล่าเรื่องตลก ก็เลยนำมาแบ่งปัน

เจ้าสาวบอกกับสามี “ที่รักคุณก็รู้ว่าฉันเป็นสาวพรหมจารีและฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่อง *** เลยแม้แต่น้อย คุณช่วยอธิบายให้ฉันก่อน”

“ได้เลยหวานใจ เอาแบบง่ายๆ เราจะเรียกของลับเธอว่า”คุก“และเรียกของลับผมว่า”นักโทษ“ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือเอานักโทษใส่เข้าไปในคุก”

และพวกเขาก็มีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งแรกซึ่งสามีก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ

สะกิดเขาแล้วเจ้าสาวก็หัวเราะคิกคัก “ที่รัก นักโทษดูเหมือนจะหนีออกมาแล้ว”

เขาหันไปด้านข้าง ยิ้มและกล่าวว่า “เช่นนั้นเราต้องจับเขาเข้าคุกอีกครั้ง”

หลังจากครั้งที่สอง เจ้าสาวก็พูดขึ้น “ที่รักนักโทษหนีออกมาอีกแล้ว”

สามีได้โอกาส และพวกเขาก็มีอะไรกันอีกครั้ง

เจ้าสาวก็พูดอีก “ที่รัก นักโทษหนีอีกแล้ว” ซึ่งทำให้สามีถึงกับตะโกนว่า

“เฮ้ นี่ไม่ใช่การจำคุกตลอดชีวิตนะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด