ตอนที่แล้วDC บทที่ 39: ร้านอาหารที่ครึกครื้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDC บทที่ 41: เจ้าได้ยินแล้วนี่

DC บทที่ 40: สี่ตระกูลใหญ่


หญิงหกคนนั่งล้อมซูหยางด้วยสีหน้าแจ่มใส ทุกคนล้วนมีอายุใกล้เคียงกับหลานลี่ชิงหรือไม่ก็แก่กว่า แต่เพราะพวกเธอไม่มีใครเป็นผู้ฝึกปราณ พวกเธอจึงดูเป็นไปตามอายุ ต่างกับหลานลี่ชิงที่ยังดูอ่อนเยาว์แม้จะมีอายุมาก

“น้องชาย เจ้าอายุเท่าไร” คนหนึ่งถามเขาด้วยเสียงอ่อนหวาน

“ข้าอายุ 16” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“เด็กจัง ข้ามิอาจเดาได้จากท่าทางของเจ้า เจ้าดูเป็นผู้ใหญ่จนข้าคิดว่าเจ้าอายุมากกว่านี้”

“เจ้าไม่พอใจหรือ” ซูหยางถามยิ้มๆ

“ฮี่ฮี่...ไม่มีทาง แม้ว่าเจ้าจะอายุเพียง 16 แต่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

“เจ้าชื่ออะไร”

“เซียวหยาง” คำตอบจากซูหยาง เขาคิดว่าเป็นการดีที่จะไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงนอกนิกายจนกว่าเขาจะมั่นใจในบางอย่าง

“เจ้ามาจากไหนหรือเซียวหยาง”

“ข้าเกิดในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”

“หวา..เจ้าเกิดในนิกายเลยหรือ”

ซูหยางยิ้มเล็กน้อยกับความประหลาดใจของเธอ

“เลิกคุยเรื่องข้า ข้าอยากรู้เรื่องภายนอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าออกมาข้างนอก”

“เจ้าอยากรู้อะไร”

“เล่าเรื่องทวีปตะวันออกนี้ให้ข้าฟังหน่อย” ซูหยางกล่าว

“เอ้อ มันเป็นทวีปที่กว้างสำหรับคน...ข้าได้ยินว่าเป็นไปมิได้ที่จักเดินทางจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านถ้าเจ้ามิใช่ผู้ฝึกปราณ”

“ทวีปตะวันออกแบ่งออกเป็นสี่ภูมิภาค ซึ่งต่างปกครองโดยตระกูลใหญ่”

ซูหยางมองไปยังหญิงผู้กล่าวถึงตระกูลใหญ่ด้วยความสนใจ “เล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับสี่ภูมิภาคและตระกูลใหญ่” เขากล่าวขณะจิบชา

“สี่ตระกูลใหญ่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งในโลกของคนทั่วไปและผู้ฝึกปราณ พวกเขาแต่ละตระกูลครอบครองพื้นที่ขนาดใกล้เคียงกัน เป็นที่รู้กันดีว่าพวกเขาเป็นแหล่งกำเนิดอัจฉริยะเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ด้านการฝึกปราณเหนือธรรมดา นอกจากชื่อเสียงและอำนาจทางทหารแล้ว ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องพวกเขามากนักโดยเฉพาะสถานที่เช่นนี้”

“พวกเจ้าพอรู้จักชื่อของสี่ตระกูลใหญ่นี้หรือไม่”

“ถ้าข้าจำมิผิด…ตระกูลฟางปกครองเขตตะวันตก ตระกูลหลงอยู่ทางตะวันออก ตระกูลเซียงอยู่ด้านใต้ และสุดท้าย...นั่นชื่ออะไรนะ”

“ตระกูลซู” หญิงอีกคนกล่าว “พวกเขาครอบครองเขตเหนือ”

“อนึ่ง พวกเราอยู่ในภูมิภาคตะวันตกปกครองโดยตระกูลฟาง”

“ตระกูลซูรึ...” ซูหยางเลิกคิ้วเมื่อเขาได้ยินชื่อของตระกูลนั้น ช่างน่าบังเอิญที่พวกเขามีนามสกุลเดียวกัน

“ใช่ แม้ว่าสี่ตระกูลใหญ่จะมีกำลังทหารใกล้เคียงกัน แต่มีข่าวลือว่าตระกูลซูอาจจะเป็นผู้เข้มแข็งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสี่”

“เช่นนั้นรึ..” ซูหยางพึมพัมด้วยสีหน้าครุ่นคิด แม้ว่าเขาจะโกหกว่าเกิดภายในนิกาย แต่จริงแล้วเขาไม่รู้สักนิดว่าเขามาจากไหน

ความทรงจำทุกอย่างที่เขาได้รับมาจากซูหยางคนก่อนคือหนึ่งปีก่อนหลังจากเขาเข้าร่วมกับนิกาย ส่วนที่เหลือเหมือนถูกกั้นด้วยกำแพง คล้ายกับมันถูกใช้พลังปิดกั้นเอาไว้

“มีอะไรผิดปกติรึ น้องชาย เจ้าดูเหมือนสนใจตระกูลซูมากเป็นพิเศษ”

“ข้าเคยได้ยินศิษย์สองสามคนพูดถึงตระกูลนี้มาก่อน...” คำกล่าวของซูหยาง

“เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน” เขากล่าวต่อ

“ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตั้งอยู่ที่เมืองหลวงของแต่ละภูมิภาค”

“อย่าบอกว่าน้องชายวางแผนจะไปเยี่ยมพวกเขา” บางคนพูดติดตลก

“บางทีนะ..” ซูหยางวางถ้วยชาและพูดด้วยรอยยิ้ม สร้างความตื่นตะลึงให้คนรอบโต๊ะ

“ใช่ แล้วทวีปอื่นเป็นอย่างไรบ้าง” เขาพลันถามพวกเธอ

เมื่อซูหยางกล่าวถึงทวีปอื่น พวกเธอต่างพากันมองหน้ากันด้วยความงุนงง

“เอ้อ...นอกจากที่ว่าทุกทวีปแยกจากกันด้วยทะเลกว้างชื่อทะเลหยกแล้วพวกเราก็ไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย”

“ทะเลหยก” ซูหยางพลันขมวดคิ้ว เขาท่องเที่ยวไปในทั้งสี่โลกในชีวิตก่อน แต่เขายังไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับชีวิตก่อน

เมื่อบรรดาหญิงรอบโต๊ะเห็นใบหน้าแสดงความเจ็บปวดใจของซูหยาง พวกเธอก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง พวกเธออยากช่วยให้เขาสบายใจ แต่พวกเธอก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดที่ทำให้เขาพลันโศกเศร้าหลังจากได้ยินคำว่าทะเลหยก

เมื่อคิดว่าเขาจะไม่มีโอกาสเห็นคนรักอีกครั้งยิ่งสร้างความชอกช้ำใจให้กับซูหยาง อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ง่ายดายนัก ไม่จนกว่าเขาจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเธอไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว

"..."

เมื่อซูหยางสังเกตเห็นความเงียบงัน เขาฝืนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเผลอครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ต้องขออภัยอย่างยิ่ง”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ พวกเราเข้าใจ”

“เหตุใดเจ้าจึงดูโศกเศร้า ข้าหวังให้มันหายไป...”

พวกเธอพูดกับเขาด้วยเสียงนุ่มนวล ราวกับมารดากล่อมลูกหลังจากพวกเขาพบกับความเจ็บปวด

ซูหยางพยักหน้าและพวกเขาก็พากันรับประทานขณะหัวเราะกระเซ้าเย้าแหย่เหมือนกับไม่เคยเกิดเหตุการณ์น่าอึดอัดขึ้นมาก่อน

เวลาหลายชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ซูหยางร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับบรรดาสตรี สุดท้ายเขาก็กล่าวอำลาหลังจากรับประทานทุกอย่างจนเกลี้ยงโต๊ะ

“นานมากแล้วที่ข้าได้ร่วมโต๊ะสนุกสนานกับคนแปลกหน้า” ซูหยางจากร้านอาหารด้วยอารมณ์แจ่มใส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด