ตอนที่แล้วบทที่39: พ่อลูกเผชิญวิกฤต
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่40: ศัตรูเบื้องหน้า


บทที่40: ศัตรูเบื้องหน้า

ขนนกอีกาสีดำส่องแสงล่องลอยไปตามทิศทางที่กำหนดคล้ายกับมีคนบังคับนำทาง แม้ท้องฟ้าจะมืดลงอย่างรวดเร็วและฝนจะเริ่มโปรยปรายลงมาหนักมากขึ้นกว่าเดิมก็ตาม

สองพ่อลูกแซ่ไป่เดินตามมันไปอย่างไม่ลดละ เสียงโหยหวนร้องคำรามแว่วดังมาจากที่แสนไกล ไป่เลี่ยนมองรอบบริเวณ เพราะถึงจะไม่เห็นปีศาจ สัตว์อสูรหรือภูตผีวิญญาณตนใดตามมา เขาก็ไม่อยากประมาท ไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มี ที่สำคัญพวกมันอาจจะโผล่ออกมาเวลาไหนก็ได้

ในที่สุดขนนกอีกาสีดำก็ร่วงหล่นลงพื้นโคลนที่มีร่างของเด็กน้อยคนหนึ่งนอนอยู่

“ท่านพ่อ ทางนี้ครับ อยู่ตรงนี้” เสียงไป่หลงร้องบอก ไป่เลี่ยนรีบตรงเข้าไปดูร่างนั้น

ชีพจรเบาบางมาก มากจนดูราวกับคนตาย ลมหายใจก็แผ่ว

ไป่หลงมองหาสตรีที่อุ้มเด็กน้อยคนนี้เข้ามาในป่า นางหายไปอย่างไร้ร่องรอย หรือบ้างที่จะออกไปแล้ว น่าเสียดาย เพราะเขาคิดในใจว่าหากเจอตัวจะได้รับรู้ที่มาที่ไปของเด็กน้อยคนนี้ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญในขณะนี้คือความเป็นตายของคนที่พบเจอ

“ปะ เป็นอย่างไรบ้างครับท่านพ่อ เขายังไม่ตายใช่ไหม?”

“ยัง แต่ก็ใกล้เต็มที รีบพาเขาไปหาหลวงพี่เลี่ยงหวงจะดีกว่า หากช้าไปจะไม่ทันการณ์”

ไป่เลี่ยนอุ้มเด็กน้อยในอ้อมกอดแล้วออกวิ่ง ก่อนจะได้พบเหตุการณ์ประหลาดมากมายทั้งหยกที่ฝังในตัวเด็กน้อย การตายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและการฟื้นขึ้นมาในชั่วพริบตา

สีหน้าของเด็กน้อยมีสีเลือดขึ้น แต่ก็ยังไม่สู้ดีนัก ไป่เลี่ยนพอจะคาดการณ์ได้แล้วว่าอาการของเด็กน้อยไม่ใช่การได้รับบาดเจ็บทั่วไป แต่มันเกิดจากไสยเวทที่ชั่วร้ายซึ่งตัวเขาไม่อาจจะเข้าใจและหาคำตอบได้ ที่คิดออกในเวลานี้มีเพียงสองอย่าง

หนึ่งเด็กคนนี้อาจเกี่ยวข้องกับอาเพศครั้งใหญ่ที่ปลดปล่อยเหล่าปีศาจออกมา เพราะไม่เช่นนั้นนักบวชเลี่ยงหวงคงไม่ให้เขามาช่วยพาเด็กคนนี้ไป ยิ่งพาเด็กคนนี้ไปพบอีกฝ่ายเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

สองป่าแห่งนี้ไม่ปลอดภัย ยังมีบางอย่างที่ไม่น่าวางใจอยู่ ที่สำคัญคือตัวเขาไม่มีอาวุธหรือกำลังอะไรที่จะต่อกรกับเหล่าปีศาจหรือสัตว์อสูรตนไหนอีกแล้ว

“เขาฟื้นก็ดีแล้ว เรารีบไปกันเถอะ” ไป่เลี่ยนบอกลูกชายที่ยังคงมองไปยังจุดๆ หนึ่งซึ่งว่างเปล่า

“เสี่ยวหลง” คนเป็นพ่อย้ำคำเรียกลูกชายอีกครั้ง

“คะ ครับ ท่านพ่อ” ไป่หลงขานรับก่อนจะยอมละทิ้งความสงสัยไว้ที่ความว่างเปล่านั่น ว่าสตรีที่เขามองเห็นคือใคร จะใช่คนๆ เดียวกับที่พาเด็กน้อยคนนี้เข้ามาทิ้งไว้ในป่าหรือไม่

หากใช่แปลว่านางไม่ได้หนีหายไปไหน แล้วเช่นนั้นทำไมร่างกายนางถึงได้ปรากฏขึ้นแค่ชั่ววูบเดียวท่ามกลางสายฟ้าที่ผ่าลงมา ไป่หลงไม่ได้กลัวเรื่องผีสางหรือวิญญาณใดๆ อีก เพราะเฉพาะที่อยู่ในป่านี้มาค่อนวัน เขาก็แทบจะได้พบสิ่งเหลือเชื่อมากมายเกินที่จะมานั่งหวั่นกลัวได้อีก เด็กชายได้แต่หวัง ว่าสักวันความจริงในส่วนนี้จะคลี่คลายให้เข้าใจ

เมื่อเห็นไป่เลี่ยนอุ้มเด็กน้อยออกวิ่งอีกครั้ง เฉินหลินที่ดีใจกับการฟื้นคืนชีวิตของไป่ยู่ก็รีบวิ่งตามโดยไม่ลังเล ตอนนี้แม้จะมีหลายส่วนที่นางไม่อาจเข้าใจ แต่ทว่านางรู้แล้วว่าควรทำสิ่งใด ด้วยสัญชาตญาณที่มีดรุณีน้อยเชื่อเหลือเกินว่าหากอยู่ใกล้กับไป่ยู่ ตนเองจะสามารถพบทางออกในปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ได้ในขณะนี้

สองพ่อลูกแซ่ไป่เร่งเดินทางตามกำลังที่ตนเหลืออยู่ พยายามออกเท้าวิ่ง แต่เพียงไม่นานก็ต้องหยุดก้าวอย่างอ่อนล้า เป็นเช่นนี้สลับไปมาจนใกล้ถึงทางออกเบื้องหน้า ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ถึงหนึ่งลี้ ก่อนที่พวกเขาจะพบความจริงข้อหนึ่ง

ชีวิตคนยากนักจะหยั่งถึง สิ่งที่จำกัดความได้ชัดคงมีเพียงคำว่าไม่แน่นอน ดังเช่นที่ไป่เลี่ยนประสบพบมาทั้งวันในป่าแห่งนี้ เมื่อคิดว่ากำลังจะแย่ ไร้ทางรอด หมดหนทางแก้ไข ก็ยังเอาชีวิตหลุดพ้นสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเจอมาได้เจอถึงตอนนี้ ทว่าในขณะที่กำลังคิดว่าจะปลอดภัย ออกไปจากป่าแห่งนี้สู่ภายนอกได้อย่างราบรื่นก็กลับพบเจอเภทภัยที่เป็นเหมือนบาปกรรมติดตัว

เบื้องหน้าหนึ่งพรานหนุ่ม หนึ่งเด็กชาย หนึ่งเด็กน้อยและหนึ่งวิญญาณ สิ่งที่ปรากฏขวางทางพวกเขาคือหนึ่งปีศาจที่หลุดพ้นจากความตายที่ไป่เลี่ยนเคยหยิบยื่นให้ เดรัจฉานสามหัวหรือหมาป่าสีเทาที่บัดนี้ได้กัดกระชากหัวทั้งซ้ายขวาออกไปจนหมดสิ้นแล้ว

มันบาดเจ็บและอ่อนล้าจากพิษของบาดแผล ทว่าสายตาสีแดงเลือดคู่นั้นแสดงเจตนาชัดว่าจะไม่ยอมปล่อยให้พวกไป่เลี่ยนหนีพ้นคมเขี้ยวของมันไปได้

เสียงฟ้าผ่าดังลั่นประสานเสียงคำรามของเดรัจฉานสีเทา มันกระโจนลงจากโขกหินเบื้องสูงลงมาประจันหน้าไป่เลี่ยนและลูกชายในระยะประชิด

“ท่านพ่อ!” ไป่หลงร้องเสียงหลงเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน

ไป่เลี่ยนเอาตัวบังลูกชายไว้ก่อนจะส่งเด็กน้อยในอ้อมกอดให้อีกฝ่ายดูแล

“อุ้มเขาไว้” สองตาของพรานหนุ่ม จับจ้องที่ศัตรูเบื้องหน้า

หมาป่าเยื้องย่างเข้าใกล้อย่างช้าๆ ไป่เลี่ยนขยับถอยเป็นวงพร้อมระวัง สองตามองหาสิ่งที่พอจะใช้เป็นอาวุธ ทว่าไม่พบอะไรที่พอจะช่วยได้ เขาจึงกระซิบบอกลูก

“ระวังไว้ ทันทีที่มันกระโจนมา ให้วิ่งตรงไปที่ทางออกโดยไม่ต้องหันหลังกลับมา พาเด็กคนนี้ไปพบกับหลวงพี่เลี่ยงหวง”

ไป่หลงได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจในเจตนาของบิดา เด็กชายจับชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับไม่ยินยอม

“แต่...”

“ไม่มีแต่ หากเจ้าลังเล พวกเราอาจจะไม่มีใครรอดสักคน”

“สองคนต้องทำอะไรได้แน่” ไป่หลงยังไม่ยินยอม

“พ่อจะตามไป พ่อสัญญา” สิ้นคำนั้น คล้ายเป็นสัญญาณให้เดรัจฉานสีเทาโจมตี

มันกระโจนเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ไป่เลี่ยนที่ระวังตัวอยู่แล้วรีบผลักลูกชายออกให้พ้นทาง ไป่หลงล้มลงกับพื้นอย่างแรง เช่นเดียวกับบิดาของตนที่ถูกหมาป่าขย้ำใส่

ไป่เลี่ยนใช้สองมือจับรอบคอแล้วยันไว้สุดแรง ไม่ให้มันยื่นหน้าเข้ามากัดกระชากเนื้อของตนได้ สองเท้าหน้าของตะกุยอยู่ไม่ห่างจากข้างตัวของพรานหนุ่ม ท่าทางเพลี่ยงพล้ำบอกให้รู้ชัดว่าใครกำลังเสียเปรียบในเกมล่าที่เดิมพันด้วยชีวิต

“ท่านพ่ออออ!!” ไป่หลงตะโกนลั่น วางร่างเด็กน้อยลงที่พื้นแล้วคว้าหินก้อนหนึ่งใกล้ตัวหมายจะทุบหัวปีศาจร้าย แต่มันขยับตัวอย่างเท่าทันใช้ขาหลังถีบใส่อย่างเต็มแรงจนร่างของเด็กชายกระเด็นล้มไปไกล

เฉินหลินที่ไม่สามารถคว้าจับสิ่งใด ทำได้เพียงกรีดร้องกับสถานการณ์คับขัน ก่อนที่ไป่เลี่ยนจะเสียท่าจนลมหายใจจะปลิดปลิว หอกไม้ปลายแหลมท่อนหนึ่งพุ่งตรงแหวกอากาศเสียบเข้ากลางตัวของเดรัจฉานสีเทาอย่างรุนแรง มันดิ้นพล่านร้องครวญอย่างเจ็บปวดและทรมาน

กวนถงเดินออกมาจากดงไม้ด้านข้าง ร่างกายเต็มไปด้วยแผลถลอกท่าทางเต็มไปด้วยความดุดัน ไป่เลี่ยนมองไปทั้งตกใจทั้งยินดี แต่ก่อนที่จะได้กล่าวอะไร ไม้ปลายแหลมอีกท่อนที่ถูกเหลาขึ้นมาอย่างหยาบๆ ให้เป็นหอกก็พุ่งแหวกอากาศตรงเข้าไปที่ร่างของหมาป่าสีเทาอีกครั้ง ทว่าครานี้มันกระโจนหลบได้อย่างเท่าทันก่อนที่จะพาร่างบาดเจ็บเจียนตายหนีหายเข้าไปในป่าด้านในจนไม่สามารถตามไปได้

ไป่หลงเห็นพ่อตนเองปลอดภัยรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างยินดี โดยมีวิญญาณของเฉินหลินคอยอยู่ข้างไป่ยู่ที่นอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น

ไป่เลี่ยนกอดลูกชายไว้แน่น รู้ชัดกระจ่างแจ้งแล้วว่าชีวิตไม่มีคำว่าแน่นอนจริงๆ ตัวเขาที่เกือบตายกลับรอดปลอดภัยจากคนที่คิดว่าตายไปแล้วอย่างกวนถง เป็นความยินดีในใจที่ไม่ต้องสูญเสียเพื่อนคนนี้ไป

“อาถง เจ้ายังไม่ตาย ข้าดีใจจริงๆ”

ทว่าทันทีที่คนร่างเล็กก้าวเข้ามาใกล้ เขากลับต่อยเข้าใส่ไป่เลี่ยนอย่างไม่ทันตั้งตัว พรานหนุ่มทั้งอ่อนล้า ทั้งไม่ระวัง จึงล้มลงอย่างง่ายดาย กวนถงเข้าคร่อมไว้ก่อนจะง้างหมัดแล้วชกใส่ไม่ยั้งอย่างเดือดดาล

“ท่านอาถง! พอเถอะ อย่าทำท่านพ่อ!” ไป่หลงพยายามรั้งแขนอีกฝ่ายห้ามไว้ แต่แรงเด็กหรือจะสู้กับผู้ใหญ่ได้ เขาถูกผลักล้มลงอย่างแรง

“อาถง ทำไม!?”

“ดีใจที่ข้ายังไม่ตายงั้นเหรอ! ไอ้สารเลว!!! เจ้าผลักข้าให้เป็นเหยื่อพวกมัน เจ้าคิดฆ่าข้า!!”

“มะ ไม่ใช่นะ!”

“ไม่ใช่ได้ยังไง!!? ที่นั่นมีแค่ข้ากับเจ้าแล้วไอ้หยาง อย่างมันไม่มีวันกล้าทำเช่นนั้นอยู่แล้ว”

ไป่เลี่ยนได้ฟังเช่นนั้นทำให้พูดความจริงไม่ออกเพราะที่อู๋หยางทำ ก็เพื่อช่วยเหลือตัวเขา กวนถงลุกขึ้นยืนแล้วถ่มน้ำลายใส่

“เจ้าเลือกช่วยมัน! ข้ารู้ว่าตัวเองไม่ใช่พี่น้องที่ดี!! แต่ทำไม!! ทำไมเจ้าต้องเลือกที่จะช่วยเหลือไอ้ขี้ขลาดนั่นมากกว่าข้า มันเป็นแค่ภาระให้เจ้ามาทั้งชีวิต แต่เจ้าเห็นมันดีกว่าข้า!!” กวนถงตวาดลั่นสุดเสียง ไป่เลี่ยนได้แต่กล้ำกลืนไม่สามารถบอกความนัยได้

“บุญคุณที่เคยมีต่อกัน ข้าถือว่าชดใช้ให้แล้ว นับจากนี้เราไม่ใช่พี่น้องร่วมสาบานกันอีก” กวนถงกล่าวก่อนจะเดินจากไป

“อาถง” ไป่เลี่ยนเรียกไว้ กวนถงหยุดเพียงครู่หนึ่งแล้วก้าวออกจากป่าไป

ไป่หลงรีบเข้ามาประคองบิดาตัวเอง ไป่เลี่ยนสีหน้าโศกศัลย์ ถึงไม่จากตาย แต่เข้าก็ต้องสูญเสียพี่น้องที่นับถือกันมาอยู่ดี ชีวิตช่างไม่แน่นอน...

.............................................

 

ไม้ปลายแหลมที่ถูกเหลาขึ้นอย่างหยาบๆ ค่อยๆ หลุดออกจากช่องท้องเมื่อมันขยับก้าวเดินไปตามทาง เลือดสีแดงฉานไหลเป็นทางจากบาดแผล กระทั่งปีศาจก็ยังมีเลือดสีเดียวเฉกเช่นมนุษย์ รวมทั้งความเจ็บปวดและทรมาน

เดรัจฉานสีเทาล้มลงกลางดินโคลน สายตาเลือนรางไม่แน่ใจว่าตนเองอยู่บริเวณใดในป่าที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิต สิ่งที่มันเห็นมีเพียงดินเหลว หยาดฝนที่โปรยปราย เลือดของตนเองและขนนกอีกาสีดำที่เรืองแสงสว่างอยู่ใกล้ตา

คงเพราะมันเป็นเดรัจฉาน หรือไม่ก็เพราะมันไร้หัวคิด มันจึงกลืนกินขนนกอีกาสีดำนั่นลงไป โดยไม่รู้เลยว่า การกระทำในครั้งนี้จะนำเภทภัยใหญ่หลวงสู่ศัตรูคู่อาฆาตของมันในวันเวลาข้างหน้า...

.

.............................................

 

ท้องฟ้าเป็นสีดำสนิทไร้หมู่เมฆและหยดฝน มันมืดมนกระทั่งไม่มีแสงดาว แม้แต่ดวงจันทร์ยังเหลือเพียงเศษเสี้ยวที่ไม่ได้ส่องแสงสว่างใดๆ นั่นคือเวลาที่ไป่เลี่ยนและลูกชาย นำพาเด็กน้อยมาถึงวัดอู๋หมิงหรืออารามอเวจีตามที่ชาวบ้านต่างเรียกขานกัน

ประตูไม้สีแดงหม่นเปิดรับคนทั้งหมดทันทีที่พวกเขาก้าวมาถึงโดยที่ยังไม่ได้ร้องเรียกหาใคร นักบวชเลี่ยงหวงปรากฏกายหลังบานประตูนั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดราวกับรู้อยู่แล้วว่าสองพ่อลูกแซ่ไป่จะมาถึงเวลานี้

“หลวงพี่” ไป่เลี่ยนกล่าวทักทาย อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“ลำบากพวกเจ้าแล้ว ปลอดภัยใช่ไหม?”

ไป่เลี่ยนพยักหน้า นักบวชเลี่ยงหวงมองเด็กน้อยในอ้อมกอดของอีกฝ่ายก่อนจะมองเลยไปยังด้านข้างของไป่เลี่ยนที่มีเพียงความว่างเปล่าในสายตาของพ่อลูกแซ่ไป่

ไป่หลงแม้ไม่แน่ใจ แต่พอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายมองสิ่งใด ในขณะที่ไป่เลี่ยนมองสลับไปมาระหว่างความว่างเปล่าและนักบวชเลี่ยงหวง

เมื่อได้เห็นเช่นนั้น เฉินหลินรู้สึกดีใจจึงรีบร้องถามอีกฝ่ายขึ้นในทันที

“ท่านเห็นข้าใช่ไหม? ท่านนักบวช! ท่านเห็นใช่ไหม?!”

น่าเสียดายที่ไม่เป็นดังที่ดรุณีน้อยหวังไว้ นักบวชเลี่ยงหวงไม่ได้ตอบคำใดกลับมา เขาคล้ายไม่ได้ยินเสียงหรือคำถามที่นางเอ่ยออกไปเสียด้วยซ้ำ

“รีบเข้าไปข้างในก่อนเถิด” นักบวชกล่าวกับคนเป็นแล้วเดินนำทาง ไป่เลี่ยนอุ้มเด็กน้อยเดินตามไป โดยมีไป่หลงรั้งท้าย

เด็กชายกำลังจะปิดประตูแต่ไม่แน่ใจว่า วิญญาณอิสตรีที่ตนเห็นข้างกายเด็กน้อยได้ติดตามมาด้วยไหม ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านางสามารถเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้หรือเปล่า ทั้งที่ความจริงแล้ว ระหว่างที่ไป่หลงกำลังละล้าละลัง เฉินหลินเดินตามไป่ยู่เข้าไปถึงด้านในเรียบร้อยแล้ว

ภายในสถานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่พอสมควร สมกับที่เคยเป็นวัดหลวงของราชวงศ์ในยุคเก่า ทว่าในส่วนของตัววัด มีเศษซากอารามเก่าที่พังทลายไปเหลือเพียงกำแพงอิฐอยู่หลายจุด

มีเพียงเจดีย์ส่วนกลางกับอารามที่อยู่ใกล้กันเท่านั้นที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่ ทว่ามันก็ยังดูเก่าโทรมจนไม่เหลือเค้าความสวยงามของวัดหลวงในอดีต ไป่เลี่ยนเคยอาสาจะซ่อมแซมให้ดีกว่านี้ แต่นักบวชมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น สถานที่นี้มีไว้เพื่อเข้าถึงธรรมมิใช่เพื่อโอ้อวดเปลือกนอกที่ไม่จีรัง

นักบวชเลี่ยงหวงให้ไป่เลี่ยนวางเด็กน้อยลงตรงหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่หม่นหมองของเจดีย์กลางก่อนจะตรวจอาการ ภายในมีเพียงแสงจากปลายเทียนเท่านั้นที่ให้ความสว่าง

“เขาเป็นยังไงบ้างครับ” ไป่เลี่ยนถามขึ้นทว่ายังไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบ กลับมีเสียงหนึ่งกล่าวแทรกขึ้นมา

“เลี่ยงหวง เจ้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรอีกแล้วใช่ไหม?” เสียงนั้นดังมาจากทางพระพุทธรูป

ไป่หลงตกใจเล็กน้อยด้วยเข้าใจผิด ก่อนจะเห็นจริงๆ ว่าชายเจ้าของคำกล่าวนั่งดื่มสุราอยู่หลังพระพุทธรูป และนั่นเป็นครั้งแรกที่ไป่หลงได้พบกับซินแสกูเกอ...

 

สามารถติดตามอ่านตอนต่อไปได้ที่  Fictionlog

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด