ตอนที่แล้วตอนที่ 40: คีห์บุกเมืองหลวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 42: สละยานยนต์ AVM-32

ตอนที่ 41: การช่วยเหลือของแฟนคลับ


ตอนที่ 41: การช่วยเหลือของแฟนคลับ

 

เฮเซคียาห์ภายในภัตตาคารนั่งจ้องมองกำแพงด้านหนึ่งของห้องราวกับคาดหวังว่าจะมีบางสิ่งทะลุกำแพงออกมา ส่วนชาวมัสตินที่ถูกคุกคามทั้งหมดตอนนี้นั่งกับพื้นรวมกันอยู่ทางด้านหนึ่ง พวกเขาไม่มีความสำคัญมากพอจะเป็นตัวประกันเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเปิดทางหนีออกไปจากที่นี่

 

กำแพงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ และทันใดนั้นกรอบสีดำบีบตัวแคบลง ภาพของเอ็ดก้า มาราแรง ปรากฏขึ้นกลางกรอบสีดำ เขาเป็นชาวมัสตินที่มีอายุไล่เลี่ยกับราชินีเอสเธอร์ ผมสีเทา ตาสีฟ้าอ่อน ดำรงตำแหน่งสมุหกลาโหมและรับหน้าที่จัดระเบียบเจ้าหน้าที่มหาดไทยผู้รักษาความสงบเรียบร้อยของเมือง

 

“อดีตรัชทายาท ขอให้มอบตัวแต่โดยดี เพื่อทางเราจะไม่ต้องเสียเวลา” เสียงของอีกฝ่ายดุดันและเอาจริงเอาจัง

 

เฮเซคียาห์หันไปหาผู้หญิงคนหนึ่งแล้วขอให้เธอเอาอาหารที่แพงที่สุดในห้องครัวมาส่งให้เขา เขามีเวลามากพอจะรับประทานอาหารให้หมดจาน เพราะขณะที่คนข้างนอกพยายามปลดล็อกช่องทางเข้าออก บรอธเอง กำลังจัดการกับระบบรักษาความปลอดภัยของภัตตาคารเพื่อป้องกันไม่ให้คนข้างนอกเข้ามาได้สำเร็จ

 

“โง่หรือบ้ากันแน่ ทำไมไม่รีบออกมา” ภาพเฮเซคียาห์ท่าทีเนือยๆ เตรียมพร้อมรับประทานอาหารให้ดู คงขัดใจเอ็ดก้า

 

เฮเซคียาห์ยังสั่งให้ชาวมัสตินคนหนึ่งไปเอาไวน์มาเสิร์ฟให้ เขายกแก้วใส่ไวน์ทรงสูงเยาะเย้ยเอ็ดก้าบนจอ พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้สนิทกันมาก่อน แต่เป็นที่รู้กันทั่วว่าเอ็ดก้ามีนิสัยยึดติดระเบียบกฎเกณฑ์แบบนายทหาร และหัวร้อนได้ทุกครั้งที่พวกศัตรูหรือผู้ร้ายทำเป็นอวดเก่งคิดว่าเขาไม่มีปัญญาจัดการกับพวกมันได้

 

“เดี๋ยวผมก็ฝ่าวงล้อมออกไปแล้ว เพราะที่นี่ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์กับผมเลย” เฮเซคียาห์ดื่มไวน์อีกอึก แล้วจิ้มเนื้อสเต็กอย่างดีสั่งตรงจากอวกาศตามเข้าปาก

 

“ขอโทษด้วย แต่เราไม่สามารถบอกอะไรกับคุณได้จริงๆ” คนหนึ่งในกลุ่มที่นั่งกับพื้นอย่างขี้ขลาดตะโกนขึ้น

 

เฮเซคียาห์กะพริบตาพร้อมกับความคิดว่าอยากยุติช่องทางสื่อสารกับภายนอกอาคาร หน้าจอสีดำหายไป และเขาสามารถเบือนหน้าไปมองชายชาวมัสตินที่กล้าเอ่ยปากคุยกับเขาได้เต็มตา ฝ่ายนั้นอายุน่าจะราว 50-60 ปี ถือว่ายังเด็ก ท่าทีแลดูกลัวๆ กล้าๆ แต่แววตาที่จ้องมองมา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้อคติกับเขาเหมือนคนอื่น

 

“บอกแล้วไงว่าฉันเข้าใจ” เขาถือแก้วไวน์ เดินตรงไปยังบรรดาคนซึ่งอาจยังนับเป็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ได้อยู่

 

เด็กชายสั่นเป็นเจ้าเข้า สายตามองเขาบ้าง สลับกับหรุบลงต่ำบ้าง

 

“เธอไม่เหมือนคนอื่น เป็นใครกันแน่”

 

“ผมเป็นเหมือนแฟนคลับคุณ” อีกฝ่ายคุยเสียงสั่น “โอ้! ไลฟ์ควอตซ์กำลังห้ามไม่ให้ผมคุยกับคุณ”

 

“แฟนคลับ? อ้อ! เดี๋ยวก่อนนะ เธอคงไม่บังเอิญชื่อจัสติน” เฮเซคียาห์ไม่เคยละเลยจดหมายที่มาถึงเขา ไม่ว่ามันจะส่งจากพวกที่ทำงานให้เขา หรือพลเมืองซึ่งไม่ควรมีธุระกับเขาได้ ในบรรดาจดหมายมากมาย จดหมายจากผู้คนที่ชื่นชอบเขาเป็นพิเศษทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตแสนสูงศักดิ์ไม่ว้าเหว่และบางครั้งพวกมันก็ทำให้เขามีอารมณ์ขัน เขารู้สึกอยู่เสมอว่าจดหมายจากคนที่ชื่นชอบในตัวเขาคุ้มค่าที่จะสละเวลานั่งอ่านอย่างตั้งใจ

 

“โอ้! จัสติน...” เฮเซคียาห์ลดกายท่อนบนลง ยื่นมือไปให้เด็กชาย

 

“ไม่น่าเชื่อ! ไม่น่าเชื่อว่าคุณสามารถจำชื่อของผมได้” อีกฝ่ายฉีกยิ้มจนเห็นเหงือก ยื่นมือมาฉุดมือของเฮเซคียาห์เพื่อลุกขึ้นยืน ดูดีใจ “ผมไม่เชื่อเลยว่า...”

 

คำพูดจากปากเด็กหนุ่มติดขัด เขายกมือขึ้นกุมหัวใจ แล้วล้มกายลงนอนดิ้นทุรนทุราย ใบหน้าบิดเบี้ยว นี่เป็นสิ่งที่เกิดกับชายคนก่อนหน้านี้ที่เฮเซคียาห์พยายามบังคับให้พูดตอบคำถามของเขาเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในเขตการปกครองที่ 1 ในช่วงที่เขาไม่อยู่ เศษไลฟ์ควอตซ์ในร่างตอบสนองเจ้าของร่างที่ขัดขืนความต้องการของไลฟ์ควอตซ์ต้นกำเนิดด้วยการสร้างความเจ็บปวดบริเวณขั้วหัวใจ

 

“น่าสงสารชะมัด! อายุยังน้อยอยู่เลย ไม่น่าต้องมีประสบการณ์แบบนี้” เฮเซคียาห์มองอีกฝ่ายซึ่งครางแล้วพลิกกายนอนหงาย ร่างของจัสตินบิดระทดระทวยคล้ายกับคนกำลังเจอกับความเจ็บปวดของโรคลำไส้อักเสบ

 

“คิดในอีกแง่หนึ่ง นี่ก็เท่ห์ดีนะ ยอมมาเจ็บให้กับการทำอะไรให้คนที่ชอบ” เด็กหนุ่มหอบถี่ๆ ผงกศีรษะขึ้นพูดด้วยเสียงครางสั่นๆ และทิ้งศีรษะลงบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

 

“ฮะๆๆ” เฮเซคียาห์ชอบคำพูดของอีกฝ่าย แม้จะจักจี้เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน “ถ้าเธอเป็นผู้หญิงแล้วพูดแบบเดียวกัน ฉันคงรู้สึกปลื้มได้มากกว่านี้”

 

เฮเซคียาห์หมุนกายเดินออกห่างเด็กหนุ่ม เพราะเขาหมดความสนใจในตัวอีกฝ่ายแล้ว

 

“เฮ้! คุณจะออกไปที่นี่ได้ด้วยวิธี...” คนถามต้องเจ็บจุกอีกก่อนทันได้ถามจบ รับการลงโทษที่ทำผิดซ้ำจากเศษไลฟ์ควอตซ์ในร่าง

 

“อยากออกไปด้วยกันหรือไง พ่อแม่ไปไหนเสียล่ะ”

 

“...” อีกฝ่ายแตะที่หน้าอก สีหน้าเหมือนเจ็บเสียด แต่พยักหน้า เป็นที่เข้าใจได้ว่าละการตอบคำถามที่สองไว้

 

เฮเซคียาห์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

 

“มาก็เป็นตัวถ่วงฉันสิไอ้หนู ไลฟ์ควอตซ์จะลงโทษต่อไปเรื่อยๆ ให้เธอเจ็บตัว และถ้าจะฝืนติดตามฉันไประหว่างนี้ การลงโทษอาจเป็นความตายก็ได้ถ้ามันเห็นว่าเธอเป็นภัยคุกคามเผ่าพันธุ์ของตัวเอง” เขาคิดว่าการตักเตือนอีกฝ่ายให้ฉุกใจคิดบ้างเป็นหน้าที่ของตัวเองในฐานะคนที่ผ่านโลกมามากกว่า

 

มือของเด็กหนุ่มดึงแผ่นเหล็กแสนบางรูปสี่เหลียมผืนผ้าออกมาจากกระเป๋า และโยนมาให้เขาอย่างแม่นยำ ดูเหมือนจะใช้พลังธาตุช่วยในการเล็งเป้าหมาย

 

“อะไร? เธอทำแบบนี้ หรือว่าจะให้ฉันยืม” เฮเซคียาห์ก้มลงและเก็บบัตรประจำตัวของอีกฝ่ายขึ้นมา บัตรประจำตัวใช้เป็นสื่อแลกเปลี่ยน โดยแต้มสำหรับการแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ ในการปกครองของชาวมัสตินจะได้มาโดยการลงมือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไลฟ์ควอตซ์ตัดสินว่าเป็นประโยชน์แก่สังคมชาวมัสตินโดยรวม

 

“ผมขับ AVM-32” เด็กหนุ่มชักกระตุกอีกหลายหนบนพื้นหลังพูดจบ สีหน้าของเขาแลดูเหนื่อยขณะหอบหายใจ

 

“ยานรุ่นใหม่สำหรับคนชอบความเร็วสินะ แสดงว่ามีแต้มไม่เบาล่ะสิ ไปทำอะไรมาบ้างเนี่ย” เฮเซคียาห์มองการ์ดของอีกฝ่ายที่อยู่ในมือ มุมขวาล่างมีกรอบล้อมรอบตัวอักษรสีเขียวซึ่งเขียนว่า ‘อนุญาตให้บุคคลที่ 3 ใช้งาน’ แต่ขณะเดียวกัน ถัดไปแถวบนมีตัวอักษรสีแดงปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาว่า ‘ระงับใช้’

 

“บรอธ...” เฮเซคียาห์เรียกเศวตศาสตราของเขา เผื่อว่ามันแก้ไขปัญหาให้เขาได้

 

บรอธลอยมาด้านหน้าเขา มันเอียงตัวอยู่ในมุมที่มองแล้วคล้ายกับคนกำลังก้มลงมองบัตรโลหะ แล้วบรอธขยับเข้ามาเสียดสีตัวมันกับบัตรด้วยท่าทีราวกับแมวกำลังออดอ้อน

 

ตัวอักษรสีแดงซึ่งแจ้งระงับการใช้งานอัตรธานไปจากบนหน้าบัตร

 

“ถ้าเกิดใช้ไม่ได้ขึ้นมา ให้บอกอีกทีแล้วกัน” บรอธทำให้เฮเซคียาห์ตระหนักว่าการแก้ปัญหาของมันเป็นผลแบบชั่วคราว

 

“เอาไปได้แน่นะ” อดีตรัชทายาทเกรงใจขึ้นมา

 

หากบัตรประจำตัวหาย แต้มสะสมในบัตรจะไม่ได้ถูกถ่ายโอนเมื่อมีการเปิดบัตรใหม่ แต่ผิดไปจากที่เขาคาด เด็กหนุ่มดูไม่ใส่ใจผลลัพธ์แง่ลบที่จะตามมาจากทางเลือกในวันนี้ เขาพยักหน้าแรงๆ จนน่าหวาดเสียวว่ากระดูกคออาจได้รับความกระทบกระเทือน

 

“แล้วโทษอย่างอื่นล่ะ เธออาจถูกส่งเข้าห้องเย็นเพื่อปรับทัศนคตินะ มีคนในที่นี้เห็นกับตาเลยว่าเธอให้ความร่วมมือกับฉัน”

 

เด็กหนุ่มยักไหล่ ดูไม่ยี่หระ

 

“โอเค...” เฮเซคียาห์กล่าวได้แค่นั้น ตบบัตรประจำตัวของอีกฝ่ายในมือเป็นครั้งสุดท้าย และล้วงมือเก็บบัตรไว้ในกระเป๋า เพื่อจะเดินไปที่โต๊ะซึ่งทิ้งจานอาหารเอาไว้ เนื้อสเต็คที่ถูกหั่นให้สัมผัสเย็นในปากของเขาแต่รสชาติยังดีอยู่ เขาผลัดจิบไวน์กับยัดชิ้นเนื้อเข้าปาก รสชาติเค็มๆ มันๆ ของเนื้อคั่นด้วยรสชาติเปรี้ยวน้อยและฝาดมากของไวน์ผ่านไปทางปาก และทำให้กระเพาะอาหารของเขาเต็ม

 

“โอเค เลือกได้หรือยังว่าจะไปทางไหน เราอยู่ที่นี่มานานพอควรแล้ว” บรอธวางตัวมันข้างมือของเฮเซคียาห์

 

เขาหยิบมันขึ้นมาพินิจดู และโยนมันไปทางประตูนิรภัยที่ปิดกั้นทางเดินตรงไปยังชั้นสอง การเคลื่อนที่ของบรอธเมื่อแรกเป็นไปในลักษณะของการพุ่งเพราะแรงโยน แต่มันเบรกตัวเองในเส้นทางที่พุ่งไป และค่อยๆ พยุงร่างเอาไว้ในอากาศได้ มีเสียงบริภาษดังมาให้ได้ยิน ทว่าการสื่อสารอารมณ์ของบรอธทำได้ไม่ดีนักด้วยเสียงของมันมีลักษณะเหมือนการถูกตั้งโปรแกรมไว้

 

“โอเค ไปถูกประตูด้วย อัจฉริยะจริงๆ”

 

บรอธคงดูจากทิศทางการเขวี้ยง มันอยู่ใกล้ประตูนิรภัยปิดตายตรงบันไดมากกว่าประตูหน้าร้าน

 

“ช่วงนี้รู้สึกเหมือนแซวฉันบ่อยๆ นะ เป็นบ้าอะไร” บรอธตอบกลับมา ประตูนิรภัยตรงบันไดค่อยๆ เลื่อนเปิด และบางอย่างเคลื่อนที่อยู่ด้านนอก

 

บางสิ่งถูกโยนเข้ามาในภัตตาคาร ควันโขมงสีขาวพุ่งจากวัตถุชิ้นนั้นไปทุกทิศทาง

 

เฮเซคียาห์กดมือไปบนกลไกบนชุดหนังที่สวมอยู่ ศีรษะของเขาถูกปิดครอบด้วยหน้ากากทันที และอากาศที่ผ่านเข้าไปในชุดหนังนี้จะถูกกรองให้ปลอดภัยและเหมาะกับลักษณะทางกายภาพของมนุษย์ ดังนั้นขณะที่ชาวมัสตินในภัตตาคารเกิดอาการไอและสลบไป เฮเซคียาห์นิ่งรออย่างสงบและพรางตัวไว้ให้เนียนไปกับสภาพแวดล้อมไปรออยู่ข้างบันไดขึ้นสู่ชั้นต่อไป

 

เมื่อชาวมัสตินซึ่งคละเคล้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่มหาดไทยกับทหารรับใช้ขึ้นตรงกับเอ็ดก้า พากันวิ่งอย่างเป็นระเบียบเข้ามาในภัตตาคาร เฮเซคียาห์เดินผ่านสวนขึ้นไปยังชั้นบนเป็นผลสำเร็จ และเขารีบพาตัวเองไปยังชั้นที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านทางบันได

 

บัตรประจำตัวของคนอื่นที่ได้มาโดยบังเอิญ เขาดึงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและสั่งให้มันแสดงพิกัดของยานยนต์ ยานยนต์ดังกล่าวจอดอยู่ชั้น 15 ซึ่งหมายความว่าเขามีระยะทางอีกค่อนข้างไกลให้ต้องรีบเร่งฝีเท้าเดินขึ้นไป ใจของเขาที่สงบนิ่งกลับมาเต้นตุบๆ ต่อมๆ เมื่อพบว่าชั้นสูงขึ้นไปของตึกมีชาวมัสตินใช้บริการห้องอาหารอยู่เป็นปกติ การพาร่างกายล่องหนเดินผ่านพวกเขาไปต้องทั้งใจกล้าและระมัดระวัง

 

“อีกแค่ชั้นเดียวเท่านั้น...” เฮเซคียาห์กัดฟันแน่น สาวเท้าขึ้นบันไดต่อไปอีก

 

เขาหอบหายใจเมื่อมาถึงชั้นที่ 15 แต่แล้วต้องตกใจเมื่อพบว่ามีทหารตั้งแถวหน้ากระดานยืนรออยู่ พวกเขาล้วนถือปืนกระบอกใหญ่ขนาดเป็นสองเท่าของแขน ชี้ปากกระบอกปืนมาทางบันไดที่เฮเซคียาห์หยุดยืนอยู่

 

“ยอมให้จับซะเถอะ” เอ็ดก้าส่งเสียงมาจากด้านหลังแถวของทหาร

 

เฮเซคียาห์มุ่นคิ้ว และยกมือโบกไปมา สงสัยว่าอีกฝ่ายเห็นเขาแล้วจริงหรือ

 

“ฉันเห็นนายเต็มสองตาเลย” เอ็กก้าแทรกนายทหารที่ยืนแถวอยู่ เพื่อชี้นิ้วมาที่เฮเซคียาห์ด้วยสีหน้าตึงเครียด “ออกจากสภาพการพรางตัวซะ และไปกับเราซะดีๆ”

 

เฮเซคียาห์เลิกคิ้ว แล้วเขากวาดตามองคนของเอ็ดก้า

 

“รู้ได้ยังไงว่าฉันใส่ชุดที่ทำให้มองไม่เห็นอยู่ เอ็กซัสกลับมาแล้วเหรอ”

 

“เอ็กซัส? มีอะไรเกี่ยวกับหมอนั่น” เอ็ดก้าถามอย่างไม่รู้เรื่อง

 

เฮเซคียาห์เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น ท่าทีของเอ็ดก้าทำให้เขามั่นใจว่าเอ็กซัสยังไม่ได้กลับมา

 

“ไม่มีหรอก...” เฮเซคียาห์แย้มยิ้ม

 

เขาขยับไปทางขวา เอ็ดก้าขยับขวาตาม

 

เขาขยับซ้าย เอ็ดก้าขยับซ้ายตาม

 

เฮเซคียาห์เดินไปด้านหน้า เอ็ดก้ายืนขวาง แล้วเอ็ดก้าย้ำอีกครั้งให้เฮเซคียาห์มอบตัว ไม่อย่างนั้นจะยิงชายหนุ่มให้ร่างแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

“บอกแล้วไง ฉันไม่ให้นายจับหรอก” เฮเซคียาห์กระแทกตัวอย่างแรงเข้าหาเอ็ดก้า และรีบฉวยคอเสื้อของอีกฝ่ายเพื่อโยนเอ็ดก้าไปยังอีกฝั่งของห้อง จากนั้นเขารีบเคลื่อนที่เพื่อหนีกระสุนอย่างรวดเร็ว บริเวณนอกห้องอาหารมีระเบียงอยู่ และภายนอกระเบียงมียานยนต์จอดอยู่หลายคันซ้อนเรียงรายกันหลายแถวในอากาศ

 

เฮเซคียาห์วิ่งโดยหลบกระสุนที่ไล่หลังตามมา มีบรอธคอยแจ้งทิศทางการเคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัย เมื่อเขามาถึงยานยนต์ที่จอดเรียงกันแถวแรก เขากระโดดขึ้นไปบนหลังคายานยนต์ที่ใกล้ที่สุด เพราะหากมัวไป ณ จุดรับ-ส่ง เพื่อรอให้ยานยนต์เป้าหมายเลื่อนมารับเขาเอง เขาได้ถูกเอ็ดก้ากับคนของเอ็ดก้าไล่ตามทัน แล้วอาจจับตัวเขาไว้ได้ หรือจัดการเขาด้วยวิธีการรุนแรงต่างๆ นานาแทนการจับเป็น

 

เฮเซคียาห์กระโดดไปเรื่อยๆ จากหลังคายานยนต์คันหนึ่งไปยังอีกคัน ในที่สุดเขากระโดดมาอยู่ด้านบนของยานยนต์ที่น่าจะเป็นของจัสติน

 

“ปล็ดล็อค” เฮเซคียาห์ห้อยศีรษะลง คว้าจับที่เปิดประตูเปิดออก แล้วห้อยโหนโจนทะยานเข้าไปในห้องโดยสาร

 

เครื่องยนต์เร่ิมทำงานทันทีเมื่อประตูปิดสนิท และเขาพร้อมออกเดินทางเพื่อไปให้ไกลจากที่นี่ ตรงดิ่งเข้าสู่ใจกลางเมือง

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด