ตอนที่แล้วDC บทที่ 38: เมืองขนนกพริ้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDC บทที่ 40: สี่ตระกูลใหญ่

DC บทที่ 39: ร้านอาหารที่ครึกครื้น


หลังจากเตร็ดเตร่อยู่สักพักซูหยางตัดสินใจพัก เขาเลือกร้านอาหารอย่างสุ่มๆและเดินเข้าไป การปรากฏตัวของเขาเรียกความสนใจจากทุกคนในอาคารก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเข้าไป

“น..นายน้อย ข้าคือเจ้าของร้าน มากี่คนขอรับวันนี้”

ซูหยางได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านแทนที่จะเป็นคนรับใช้

“ข้าเพียงคนเดียว” เขาตอบขณะก้าวเข้าไปในร้าน

“ข้าต้องขอประทานอภัยล่วงหน้ากับสถานที่ซอมซ่อสำหรับคนเช่นนายน้อย..”

“หยุดเยินยอข้าและจัดโต๊ะให้ข้าตัวหนึ่ง โต๊ะแบบไหนก็ได้” ซูหยางตัดบทอีกฝ่ายด้วยหางตา เป็นเหตุให้เจ้าของร้านรีบหุบปาก ฝ่ามือเขาเปียกชื้นจากความเครียด

“นายน้อยเชิญเลือกที่นั่งได้ตามสบาย..” เจ้าของร้านกล่าวหลังจากนั้นสักครู่

ซูหยางพยักหน้าและเลือกโต๊ะว่างบริเวณมุม เขานั่งลงและมองผ่านรายการอาหารที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันและรอยนิ้วมือ ด้วยร้านไม่ได้สนใจเปลี่ยนมัน

เมื่อเจ้าของร้านสังเกตเห็นซูหยางมองรายการอาหารที่สกปรกอย่างละเอียด หัวใจเขาเกือบเต้นออกไปจากปากด้วยความหวาดกลัว

“น..นายน้อย..ข้าต้องขออภัยกับรายการอาหารสกปรก...ธุรกิจที่นี่ค่อนข้าง..เอ้อ..ลำบาก...” เจ้าของร้านกล่าวด้วยความรู้สึกที่ถาโถม

อย่างไรก็ตามซูหยางยังเงียบเฉย รายการอาหารสกปรกและสถานที่ซอมซ่อไม่ได้มีผลกับเขาแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ

“ข้าต้องการชาพื้นบ้านกาหนึ่งและทุกอย่างในรายการอย่างละจาน”

เจ้าของร้านมองดูซูหยางดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูหยางสั่ง เกือบไม่เชื่อหูตนเอง เขาต้องการทุกอย่างบนเมนู นั่นมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบจาน

“ได้เลยขอรับ”

เจ้าของร้านไม่กล้าชักช้ารีบวิ่งไปยังครัวและสั่งพ่อครัวราวกับผู้บัญชาการทัพ ยากมากที่ร้านของเขาจะได้ต้อนรับลูกค้าเป็นผู้ฝึกปราณ ยิ่งเป็นศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เขาไม่กล้าที่จะทำให้ใครบางคนที่เป็นตัวตนที่ลึกล้ำเช่นนั้นไม่พึงใจไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามด้วยเขาเกรงผลที่จะตามมา

ช่วงเวลานั้นซูหยางก็ใช้เวลาในการลำดับความคิด

“นานเท่าไรแล้วที่ข้าได้นั่งเก้าอี้ไม้ไม่ได้รูปเช่นนี้ ข้าได้ก้าวเข้ามาในร้านอาหารเก่าแก่แบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไรกัน” ซูหยางย้อนนึกไปถึงเมื่อเขายังเป็นปุถุชนในช่วงชีวิตก่อนอย่างแม่นยำ ช่วงชีวิตวันรุ่นของเขา

เมื่อยังเป็นคนธรรมดาเขาใช้เวลาบ่อยครั้งกับครอบครัวแวะมายังร้านอาหารแบบนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาจากครอบครัวและกลายเป็นผู้ฝึกปราณจำนวนครั้งที่เขาแวะมาก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และไม่เคยได้มาอีกเลยเมื่อเขากลายเป็นเซียน

ขณะที่ซูหยางนั่งเงียบรำลึกถึงช่วงชีวิตก่อน ผู้คนในร้านต่างพากันกระซิบกระซาบขณะที่แอบมองเขา

“ช่างเป็นหนุ่มหล่อจริงๆถ้าข้าสามารถนะข้าจักปล้ำเขาลงบนเตียงข้าโดยไม่ลังเล”

“ชายทุกคนในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยหล่อแบบนี้หมดใช่ไหม ถ้าข้าได้เป็นศิษย์ที่นั่น..”

บรรดาสาวแก่แม่หม้ายพากันหัวเราะคิกคักขณะที่พวกเธอจินตนาการไปไกลขณะที่บรรดาชายทั้งหลายบ่นพึมพัมด้วยความอิจฉา

“เชี่ย เพียงแค่เกิดมาหล่อกว่าคนอื่นเพียงนิดหน่อย...”

“ไอ๊หยาหยา...ทำไมสวรรค์ช่างโหดร้าย มิเพียงแต่ให้ข้าเกิดมาไม่หล่อ ทำไมถึงยังให้ข้าเห็นใครบางคนเช่นเขา หรือต้องการให้ข้าหมดความมั่นใจในความเป็นชาย”

ซูหยางยิ้มเล็กน้อยหลังจากฟังผู้คนรอบข้างพูดจา แม้ว่าพวกเขาเพียงกระซิบแต่มันก็ได้ยินชัดสำหรับซูหยางเหมือนกับพวกเขาพูดตรงใส่หูเขาเช่นนั้น

ไม่นานนักเจ้าของร้านก็กลับมาพร้อมกับคนรับใช้ตามมาเบื้องหลัง แต่ละคนล้วนถือจานชามมาด้วย และเพราะว่าโต๊ะเล็กเกินไปสำหรับวางจานทั้งหมด เจ้าของร้านจึงต่อโต๊ะว่างเข้าด้วยกันให้กลายเป็นโต๊ะใหญ่

“ทั้งหมดนี่ราคาเท่าไหร่” ซูหยางถามเจ้าของร้าน

“นายน้อยมิต้องกังวลกับราคาและสามาร..”

ซูหยางถอนหายใจระหว่างคำพูดของอีกฝ่ายและล้วงเหรียญทองจากถุงยื่นส่งให้เจ้าของร้านที่ยืนมึนงงอยู่

“มิต้องทอน แต่ช่วยเปลี่ยนเมนูสกปรกเหล่านี้เป็นชุดใหม่โดยเร็วที่สุดจักเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง อ้อ ข้าอยากจะเลี้ยงบรรดาสุภาพสตรีทุกคนที่นี่สักมื้อ จัดให้พวกเธอตามที่ต้องการ ค่าใช้จ่ายคิดที่ข้า”

คำพูดซูหยางสร้างความสับสนไม่เพียงแต่เจ้าของร้านแต่กับทุกคนที่อยู่ในร้านอาหาร เขารวยแค่ไหนกันแน่ถึงควักหนึ่งเหรียญทองออกมาโดยง่ายดาย แม้ซูหยางจะสั่งทุกอย่างบนเมนูมามากกว่านี้อีกห้าเท่าราคาก็ยังไม่ถึงครึ่งเหรียญทอง เชี่ย แม้กระทั่งร้านอาหารเองก็ยังมีรายได้เพียงไม่กี่เหรียญทองในปีๆหนึ่ง

เมื่อบรรดาหญิงทั้งหลายในห้องได้ยินว่าซูหยางเลี้ยงพวกตนอะไรก็ได้ที่ต้องการ พวกเธอแทบจะกระโดดออกจากที่นั่งเพื่อจูบขอบคุณเขา

ซูหยางพลันพูดเสียงดัง “ในเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่ ทำไมพวกเจ้าไม่มานั่งกับข้า เพื่อเราจักได้สนทนากันสักเล็กน้อย ตรงนี้มีที่ว่างมากมายอีกทั้งข้ากำลังพยายามศึกษาเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าออกมาจากนิกาย”

ทันทีที่ซูหยางร้องขอให้พวกเธอแวะมาที่โต๊ะของเขา หญิงเกือบทุกคนในสถานที่นั้นต่างพากันลุกขึ้นและตะกายหาที่นั่งที่ดีที่สุดซึ่งก็คือเก้าอี้สองตัวด้านข้างซูหยาง

“ใจเย็นๆ ข้ายังไม่ได้ไปไหนในเร็วๆนี้...” ซูหยางยิ้มกับท่าทางของพวกเธอ ทำให้พวกเธอพากันหน้าแดงด้วยความอาย

เพียงเท่านั้นร้านอาหารที่เงียบสงบก็พลันกลายเป็นสถานที่ครึกครื้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด