ตอนที่แล้วบทที่ 23 อัศวินมังกร (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน (1)

บทที่ 24 อัศวินมังกร (4)


บทที่ 24 อัศวินมังกร (4)

 

        อินจู๋ยิ้มพลางกล่าวว่า “มีอะไรน่าขอบใจกันล่ะ ข้าแค่พูดความในใจของตัวเองเท่านั้น อัศวินมังกรพวกนี้กร่างกันจริงๆ โดยเฉพาะแม่ทัพอัศวินมังกรนั่น เหมือนกับสั่งพวกเราอยู่อย่างนั้นแหละ อัศวินมังกรของมิลานอยู่เบอร์บอนยังอาละวาดขนาดนี้ ถ้าอยู่จักรวรรดิมิลานพวกเขาไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอ?”

 

เกิร์นถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “น้องชาย เจ้าไม่รู้เรอะ! ฐานะของอัศวินมังกรในทวีปเป็นรองแค่นักเวทเท่านั้น ส่วนฐานะของแม่ทัพอัศวินมังกรถึงกับสูงกว่านักเวทเสียอีก มีแต่นักเวทระดับสูงถึงจะเอามาเปรียบเทียบกันได้ อัศวินมังกรจำนวนตั้งเท่าไหร่ ถึงขนาดกลายเป็นมาตรวัดศักยภาพระหว่างประเทศ อย่างกองร้อยอัศวินมังกรร้อยคนเมื่อกี้นี้ ถึงขั้นต่อกรกับกองพลอัศวินเกราะหนักหมื่นคนได้เลย”

 

อินจู๋พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เมื่อกี้ท่านไวเคานต์อะไรสักอย่างนั่นแกร่งจริงๆ แม่ทัพอัศวินมังกรเก่งอย่างนี้กันทุกคนเหรอ?”

 

เกิร์นกล่าวว่า “เขายังไม่ถือว่าเก่ง ไม่ว่าประเทศไหน อัศวินมังกรก็แบ่งกองเหมือนกันหมด สิบคนเป็นหมู่อัศวินมังกร ร้อยคนเป็นกองร้อย พันคนเป็นกองพัน หมื่นคนเป็นกองพล เจ้ารู้ไหมว่าทำไมประเทศมนุษย์ทั้งแปดประเทศในทวีปลองกินุสของเราถึงมีแค่มิลานและแลนเดียสที่เรียกว่าจักรวรรดิ และอีกหกประเทศเป็นอาณาจักรหมด? ก็เพราะว่ามิลานและแลนเดียสต่างก็มีกองพลอัศวินมังกรเป็นของตัวเอง พอเทียบกันแล้ว กองพลอัศวินมังกรของมิลานนั้นแข็งแกร่งที่สุดจากทั้งทวีปลองกินุส เพราะมีพวกเขาอยู่นั่นแหละอมนุษย์ในทุ่งราบตอนเหนือสุดถึงได้ไม่กล้าล้ำเส้น ออสตินคนเมื่อกี้คือแม่ทัพอัศวินมังกรดาวเงิน ต่ำกว่าเขาลงไปคือหัวหน้าหมู่อัศวินมังกร และเหนือกว่าเขาขึ้นไป ยังมีแม่ทัพอัศวินมังกรดาวทองที่บัญชาการกองพันอัศวินมังกรและแม่ทัพอัศวินมังกรดาวม่วงที่เป็นหัวหน้ากองพล แม่ทัพอัศวินมังกรดาวเงินมีความสามารถระดับเขียว แม่ทัพอัศวินมังกรดาวทองอย่างน้อยก็ระดับน้ำเงินขั้นกลาง ส่วนแม่ทัพอัศวินมังกรดาวม่วงยิ่งเป็นถึงปรมาจารย์นักรบระดับม่วง ว่ากันว่าพาหนะของแม่ทัพอัศวินมังกรดาวม่วงคือมังกรยักษ์ระดับเก้าที่ทรงพลัง ต่อให้เป็นแม่ทัพอัศวินมังกรดาวทอง พาหนะก็ยังเป็นมังกรแท้ไม่ใช่มังกรเลี้ยง ในกองพลอัศวินมังกร อัศวินมังกรทั่วไปก็ต้องมีความสามารถระดับแสดขั้นกลางขึ้นไป มีพาหนะมังกรเลี้ยงเป็นของตัวเอง และต้องมีศักดิ์ขุนนางระดับอัศวินขึ้นไป การคัดเลือกเข้มงวดมาก สวัสดิการก็สูงจนน่ากลัว ขอแค่เป็นนักรบก็ภาคภูมิใจที่ได้เข้าร่วมกองพลกันทั้งนั้น ถ้าเมื่อสิบปีก่อนข้ามีมังกรพสุธาหลังเขียวตัวนี้อย่างตอนนี้ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะไปชิงเข้าร่วมกองพลอัศวินมังกรด้วยก็ได้”

 

“เป็นอย่างนี้นี่เอง ความสามารถส่วนตัวแข็งแกร่ง แถมยังมีมังกรเป็นพาหนะ มิน่าล่ะกองพลอัศวินมังกรถึงยิ่งใหญ่อย่างนี้” อินจู๋คิดราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง น่าเสียดายที่เราเป็นนักเวท ถ้าขี่มังกรยักษ์สักตัวได้จริงๆ คิดว่าคงจะดีอย่างยิ่งเลยทีเดียว

 

หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่ไปแล้ว หน่วยทหารรับจ้างหนามเหล็กก็ออกเดินทางอีกครั้ง ในความคิดของทุกคน ฐานะของอันยาดูลึกลับขึ้นมาก ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิบัติต่อเธออย่างนายจ้างธรรมดาทั่วไปได้อีก

 

ระยะทางที่เหลือสงบราบรื่น สิบวันต่อมา หน่วยทหารรับจ้างหนามเหล็กก็คุ้มกันอันยาและสินค้าของเธอมาส่งถึงเมืองมิลานซึ่งเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิมิลาน

 

พอเพิ่งเข้ามาถึงเมือง สินค้าที่หน่วยทหารรับจ้างอัศวินหนามเหล็กคุ้มกันมาส่งก็มีชายหนุ่มสวมชุดสีครามสิบกว่าคนมารับเอาไป ไม่มีใครรู้ว่าอันยาแจ้งพวกเขาอย่างไร เห็นชัดว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นบริวารของเธอ

 

“อินจู๋ เจ้าไม่ไปเที่ยวบ้านพี่จริงๆ เหรอ?” อันยามองอินจู๋อย่างคาดหวังเล็กน้อย

 

อินจู๋ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่ล่ะ ข้ารับปากลุงเกิร์นไว้แล้วว่าจะไปช่วยหน่วยทหารรับจ้างของพวกเขาลงทะเบียนระดับดี ถึงยังไงโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานก็อยู่นอกเมืองมิลาน วันหลังถ้ามีโอกาส ข้าต้องไปหาพี่แน่นอน พี่อันยา ขอบคุณสำหรับการดูแลตลอดการเดินทางครั้งนี้ แล้วก็ของตั้งเยอะแยะที่พี่มอบให้ข้าด้วย”

 

ดวงตาของอันยาฉายแววเศร้าสลดจางๆ พวกลูกน้องชุดครามที่มองเห็นเธอต่างพากันอุทานเงียบๆ ในใจ พวกเขาไม่เคยเห็นนายหญิงผู้งดงามท่านนี้แสดงสีหน้าแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน

 

“ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ช่างเถอะ เจ้ารับสิ่งนี้ไว้ วันหลังมีเวลาว่างก็มาหาพี่ที่ระเบียงกล้วยไม้พลิ้วในเมืองมิลาน พี่ยังรอฟังเจ้าดีดพิณอยู่นะ” ระหว่างที่พูด อันยาก็สวมแหวนที่เจียระไนจากไพลินเข้าที่นิ้วกลางข้างซ้ายของอินจู๋อย่า

งนุ่มนวล

 

“โอ๊ะ! พี่อันยา นี่มันมีค่าเกินไป ข้า...ข้ารับไว้ไม่ได้” แหวนไพลินรูปทรงสง่างาม วงแหวนเป็นสีเงิน ไม่รู้ว่าใช้วัสดุอะไรมาผลิต ไพลินรูปหยดน้ำฝังอยู่ด้านบน รัศมีสีน้ำเงินอันอ่อนโยนไหลเวียนอย่างเชื่องช้าและแผ่วเบา ประดุจคลื่นน้ำกระเพื่อมไหว ไม่มีตำหนิแม้สักรอย สิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าคือพลังเวทมนตร์ที่ส่งมาจากบนนั้น อินจู๋รู้ดีว่านี่คือแหวนมิติ! ตอนที่แหวนสวมลงบนมือของเขา พลังจิตของเขาก็เชื่อมโยงเข้ากับแหวนโดยอัตโนมัติ เขาค้นพบด้วยความตกใจว่ามิติในแหวนมิติวงนี้ ถึงกับใหญ่กว่าแหวนวงเดิมของตัวเองเสียอีก ข้างในถึงขนาดว่ามีเหรียญทองอยู่ตั้งห้าร้อยเหรียญ

 

“ยังพูดกับพี่แบบนี้อยู่อีกเหรอ? นี่เป็นแค่ของขวัญเล็กน้อยที่พี่ทิ้งไว้ให้เจ้าเป็นที่ระลึก ยิ่งกว่านั้น ตอนเจ้ามาหาพี่ที่ระเบียงกล้วยไม้พลิ้วก็ต้องอาศัยมันถึงจะได้พบพี่ ถ้าเจ้าไม่รับไว้ พี่จะโกรธนะ” แม้จะจงใจแกล้งทำท่าโกรธอย่างเห็นได้ชัด แต่กลยุทธ์นี้ของอันยากลับได้ผลตลอดกับอินจู๋

 

อินจู๋เอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “งั้นก็ได้ ข้าจะเก็บแหวนไว้ก่อน แต่เงินของพี่ข้าไม่เอาเด็ดขาด ปู่เคยบอกว่าผู้ชายต้องไม่เอาเงินจากผู้หญิง ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นพวกเกาะผู้หญิงกิน ตอนนี้ข้ายังจำท่าทางเข้มงวดของปู่ในตอนนั้นได้ พี่ครับ เงินคืนให้พี่ก็แล้วกัน นี่เป็นเรื่องของหลักการ” เสียงของเขาดังเล็กน้อย ทำให้ทุกคนรอบข้างอดชำเลืองมองไม่ได้

 

ใบหน้าสวยของอันยาแดงซ่าน โชคดีที่สมาธิของเธอแน่วแน่อย่างยิ่งจึงฝืนข่มความรู้สึกตัวเองเอาไว้ได้ ก่อนกระซิบกล่าวว่า “เจ้าเด็กโง่ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเกาะผู้หญิงกินหมายถึงอะไร? พูดมั่วซั่วอีกแล้วนะ เจ้าออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่มีเงินจะอยู่ได้ยังไง?”

 

คราวนี้อินจู๋ส่ายหน้าอย่างหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “พี่ครับ ข้ารับไม่ได้จริงๆ ถ้าพี่ไม่เก็บเหรียญทองกลับไป แม้แต่แหวนข้าก็ไม่เอานะ”

 

อันยาถอนใจเบาๆ อย่างจนปัญญา มือขวาลูบผ่านมือของอินจู๋ แหวนที่รูปทรงเหมือนกันแต่ฝังด้วยมรกตเปล่งประกายวาบ เหรียญทองห้าร้อยเหรียญในแหวนไพลินของอินจู๋หายวับไปแล้ว “เจ้าเด็กโง่ พี่ต้องไปแล้ว คราวนี้ต้องระวังหน่อยนะ อย่าทำแหวนหายไปอีกล่ะ ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรก็ต้องจำให้ดีว่าให้มาหาพี่”

 

เย่อินจู๋ยืนอยู่ข้างทางพลางมองรถม้าของอันยาค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไปภายใต้การคุ้มกันของชายหนุ่มชุดครามเหล่านั้น ความรู้สึกอ้างว้างอย่างอธิบายไม่ถูกเอ่อล้นขึ้นมาเอง เหมือนกับตอนที่แยกจากม่วงทีแรก

 

จักรวรรดิมิลาน ถือเป็นประเทศมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปลองกินุส ทิศเหนือของมันติดกับทุ่งราบตอนเหนือสุด ทิศตะวันตกคืออาณาจักรอัสโคลี ทิศตะวันออกคืออาณาจักรเฟลอร์ อาณาจักรปาเลอร์โมติดต่อกับทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมัน อาณาจักรเบอร์บอนอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนทิศใต้ของมันติดกับศูนย์กลางของทวีปลองกินุส ฟาร์เลน เมื่อติดต่อกับสี่ประเทศและทุ่งราบตอนเหนือสุด ก็ย่อมลิขิตให้มันจำเป็นต้องมีกองทัพแข็งแกร่งและอาวุธครบมือ มิเช่นนั้นจะสามารถยืนหยัดตระหง่านอยู่ท่ามกลางกลุ่มขุนศึกที่จ้องเล่นงานอยู่รอบด้านได้อย่างไร

 

เมืองมิลาน เมืองอันเก่าแก่และมีอารยธรรม มีประชากรอยู่อาศัยถาวรเกือบหกล้านคน เป็นศูนย์กลางด้านการเมือง วัฒนธรรม และการค้าของจักรวรรดิมิลาน ในฐานะเมืองหลวง มันยังเป็นเมืองสำคัญอันดับหนึ่งของจักรวรรดิมิลานด้วย กองทัพประจำการมีสามแสนนาย ในจำนวนนั้นรวมกองพันอัศวินมังกรสามกองพันด้วย

 

เกิร์นเดินไปบนถนนของเมืองมิลานกับอินจู๋ แนะนำสิ่งปลูกสร้างรอบตัวให้กับเขา “เมืองมิลานมีฉายาว่าสวรรค์ของขุนนาง สิ่งปลูกสร้างของที่นี่ล้วนเป็นผลึกภูมิปัญญาของช่างฝีมือยอดอัจฉริยะในทวีป อยู่ที่นี่ขอแค่มีเงินก็สามารถซื้อของทุกอย่างที่ต้องการได้ ทุกที่ต่างก็มีแหล่งถลุงเงินหลากหลายรูปแบบ ขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่ดูแลความสงบเรียบร้อยได้ดีที่สุดในทวีปลองกินุส ถามหน่อยว่าใครจะกล้าทำผิดในเมืองที่อัศวินมังกรสามพันคนพิทักษ์อยู่กัน? เมืองนี้ใหญ่มาก ถ้าเดินจากทิศเหนือไปถึงทิศใต้ของเมือง อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามวัน” เขาจัดการพาเหล่าทหารรับจ้างหนามเหล็กไปพักอยู่ในโรงแรมราคาถูกแห่งหนึ่ง ถึงอย่างไรการไปเลื่อนระดับทหารรับจ้างก็ไม่จำเป็นต้องพากันไปหมดทุกคน ขอแค่มีนักเวทระดับแดงอย่างอินจู๋ก็เพียงพอแล้ว

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด