ตอนที่แล้วบทที่ 21 เสนอราคามา ต้องการเท่าไรถึงจะยอมหย่ากับฉู่อี๋
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 คุณยังน่าเกลียดได้กว่านี้อีกมั้ย

บทที่ 22 เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่ชอบให้แบ่งแยกชัดเจนเกินไป


บทที่ 22 เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่ชอบให้แบ่งแยกชัดเจนเกินไป

 

ฉางฉิงตะลึงงัน แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “พี่ใหญ่คะ อย่างไรเสียพี่ก็เป็นคนคุมหางเสือของกลุ่มบริษัท Sky พี่ก็น่าจะรู้ดีว่าในวงการบันเทิงมีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง ซึ่งเรื่องนี้มันไม่จริงเลย จั่วเชียนเป็นอาจารย์ฉัน แล้วฉันเองก็เคารพนับถือเขามาตลอด เพียงแต่คราวก่อนเขาช่วยฉันเรื่องหนึ่ง คนในสถานีโทรทัศน์ที่ต้องการเขี่ยฉันออกก็เลยแต่งเรื่องทุเรศพวกนี้ขึ้นมา”

 

เธอพูดพลางสังเกตดูสีหน้าของซ่งฉู่อี๋ “ซ่ง...ฉู่อี๋ ถึงแม้เราจะจดทะเบียนกันเร็ว แต่ฉันเอาเกียรติของฉันเป็นประกันได้เลยว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”

 

ซ่งฉูหล่างยิ้มเยาะ “คนวงการบันเทิงอย่างพวกเธอพูดเพราะกว่าร้องเพลงเสียอีก[1] ฉันเห็นมาเยอะแล้ว ฉู่อี๋ นายลืมกว่านอิงนั่นไปแล้วหรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเรียกนายไปที่นั่นล่ะก็ ป่านนี้นายก็ยังงมโข่งอยู่เลย”

 

ฉางฉิงพอจะเข้าใจหน่อยๆ แล้ว ดูท่าการที่คืนนั้นซ่งฉู่อี๋ไปปรากฏตัวที่คลับ ‘เสวี่ยเซิง’ ได้ ก็เป็นเพราะพี่ชายคนนี้นี่เอง

 

“พอได้แล้ว” สีหน้าของซ่งฉู่อี๋ดูแย่ลงเรื่อยๆ “พี่ เรื่องของผม ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ดึกแล้ว ผมขอตัวก่อน”

 

เขาหมุนตัว แล้วลากฉางฉิงที่ยังคงงงงันออกไปข้างนอก

 

หลังจากเข้ามานั่งในรถ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูเย็นยะเยือก

 

ฉางฉิงคิดว่าเรื่องของกว่านอิงคงทิ่มแทงโดนรอยแผลที่อยู่ในใจเขาเข้า ส่วนเธอก็อดที่จะนึกถึงฟู่อวี้ขึ้นมาอีกไม่ได้ เธอรู้สึกเจ็บปวดใจมาก

 

จำได้ว่าตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ทุกครั้งที่เธอกับกว่านอิงนั่งเล่นด้วยกัน นักศึกษาชายมักจะเห็นเธอก่อนเสมอ แต่จากนั้นไม่นานความสนใจก็จะเบนไปทางกว่านอิงแทน ตอนหลังเธอแอบได้ยินพวกนักศึกษาชายคุยกันว่าเธอหน้าตาสวยเกินไป แต่หน้าตาของกว่านอิงดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและมีเสน่ห์น่าดึงดูด ยิ่งมองก็ยิ่งสวย ทำให้พวกผู้ชายเกิดความรู้สึกอยากปกป้องดูแลได้อย่างง่ายดาย

 

ถ้าเป็นคนอื่น เธอรู้สึกอิจฉาได้ แต่กว่านอิงเป็นเพื่อนซี้เธอ เธอจะอิจฉาไม่ได้

 

ตลอดสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย เธอ หร่วนยั่ง เจียงตั่วเหยาและกว่านอิงสรวลเสเฮฮาและร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมามากมาย

 

ฉางฉิงยิ่งคิดก็ยิ่งเซ็ง แล้วเอาอั่งเปากับกล่องเครื่องประดับยัดใส่ในมือของซ่งฉู่อี๋ทั้งหมด

 

ซ่งฉู่อี๋งุนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นกลับไปให้เธอ “ของพวกนี้คนในครอบครัวผมให้คุณ คุณเก็บเอาไว้เถอะ”

 

“ฉันเก็บเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” ฉางฉิงบุ้ยปาก “คนอื่นจะได้ไม่พูดอีกว่าฉันอยากได้เงินทองของตระกูลซ่ง อีกอย่างเดิมทีเราก็แต่งงานกันด้วยเหตุผลทางธุรกิจอยู่แล้ว เรื่องบางเรื่องแบ่งแยกให้ชัดเจนหน่อยดีกว่า”

 

ตอนแรกซ่งฉู่อี๋ยังมีเรื่องที่อยากจะเตือนเธอนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ปากเล็กๆ ยื่นอย่างกับหูกาน้ำชา ริมฝีปากก็ทาลิปสติกสีอ่อนดูชุ่มชื่น ส่วนดวงตากลมโตใสเป็นประกายก็มองเขาตาขวาง ช่างดูสวยน่ารัก มีเสน่ห์ อีกทั้งไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน ทำให้ความโมโหที่อยู่ในใจโดนแสงแดดสาดส่องจนสลายกลายเป็นไอหมอกโดยไม่ทันระวังและมลายหายไปสิ้น

 

“เอาล่ะๆ เก็บของพวกนี้เอาไว้เถอะ เมื่อกี้พี่ชายผมผิดเอง ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่ชอบให้แบ่งแยกชัดเจนเกินไป คิดเล็กคิดน้อยเกินไป นอกเสียจากว่า...” ซ่งฉู่อี๋หยุดชะงัก แล้วพูดเสียงเรียบว่า “คุณคิดที่จะเริ่มขีดเส้นแบ่งกันตั้งแต่แรก ต่อไปจะได้หย่ากันได้ง่ายๆ”

 

ฉางฉิงพูดไม่ออกชั่วขณะ “เรื่องหย่าก็เป็นเรื่องปกตินี่นา คุณไม่ได้ชอบฉันสักหน่อย เราไม่ได้รักกัน”

 

“แม้ผมเองก็ไม่รู้ว่าการแต่งงานของเราจะดำเนินไปถึงเมื่อไร แต่ไหนๆ ก็แต่งงานกันแล้ว เรื่องกฎธรรมเนียมการแต่งงานสิ่งไหนที่ควรปฏิบัติตาม ก็ต้องปฏิบัติตาม” ซ่งฉู่อี๋เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “เครื่องประดับเป็นค่าสินสอด ส่วนอั่งเปาเป็นน้ำใจ พอกลับบ้านไปแล้ว พ่อคุณต้องถามแน่นอน ถ้าตระกูลซ่งเราไม่ได้ให้อะไรคุณเลยหรือให้ไปแล้ว แต่คุณคืนให้ผม แล้วผมก็รับไว้อีก พ่อคุณต้องไม่พอใจแน่ แล้วก็จะคิดว่าตระกูลซ่งเราขี้เหนียว ใจร้ายใจดำกับคุณ ไม่ว่าเราจะแต่งงานกันด้วยเหตุผลอะไร ยังไงเรื่องอั่งเปาก็ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม แล้วก็เป็นการให้ความเคารพต่อครอบครัวคุณด้วย การแต่งงานไม่ได้เป็นเรื่องของเราสองคนเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของสองครอบครัว”

 

ฉางฉิงฟังด้วยความงงงัน แต่เธอไม่ได้โง่ เธอเข้าใจที่เขาพูด

 

“งั้น...เพื่อพ่อฉัน ฉันจะเก็บไว้แล้วกัน ไม่ใช่เพื่อตัวฉันเองนะ” เธอค่อยๆ เก็บของที่อยู่ในมือคืนมา ในดวงตาฉายประกายที่บ่งบอกว่า ‘ฉันไม่ได้โลภ’

 

มุมปากของซ่งฉู่อี๋โค้งขึ้นเล็กน้อย ซึ่งไม่อาจสังเกตเห็นได้ง่ายๆ

 

ฉางฉิงอดถามไม่ได้ว่า “พี่ชายคุณเป็นพวกหวงน้องชายขั้นรุนแรงใช่หรือเปล่า”

 

ซ่งฉู่อี๋เลิกคิ้ว

 

ฉางฉิงกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ จึงอธิบายเพิ่มเติมว่า “ก็ประมาณว่าไม่ยอมให้ใครมาแย่งคุณไป ไม่ให้คุณคบหากับผู้หญิงคนไหน คุณต้องอยู่ด้วยกันกับเขาตลอดไป อาศัยพึ่งพาแค่เขาคนเดียว ชอบแค่เขาคนเดียว...”

 

...........................................

 

 

[1] พูดเพราะกว่าร้องเพลง หมายถึง พูดได้น่าฟัง แต่ล้วนเป็นคำโกหก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด