ตอนที่แล้วGE88 บรรลุขขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE90 พบหนานเหว่ยอีกครั้ง [ฟรี]

GE89 สุราโลหิตคราม [ฟรี]


หนิงฝานเดินไพล่หลังตรงไปยังภูเขาของศิษย์ฝ่ายใน ผ่านใบไม้ที่ร่วงโรย

เมื่อผู้เชี่ยวชาญเข้าใกล้ขอบเขตแก่นทองคำ คนเหล่านั้นจะลืมเลือนความรัก… เมื่อบรรลุแก่นทองคำ คนเหล่านั้นจะตัดแล้วซึ่งความรู้สึกทางโลก มองโลกเป็นเรื่องสิ่งธรรมดาสามัญ

หัวใจแห่งปีศาจ… ยิ่งได้สัมผัสยิ่งทำให้หนิงฝานไม่อยากที่จะยอมรับมัน

“ข้าไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้...”

หนิงฝานชงักฝีเท้า หลับตา ยืนนิ่งปล่อยให้สายลมพัดผ่าน เพื่อสยบหัวใจแห่งปีศาจที่ปั่นป่วนให้สงบ

ผ่านไปพักหนึ่ง หนิงฝานลืมตา สีหน้ากลับคืนสู่รอยยิ้มดังเก่า

“ข้าก็คือข้า...”

เมื่อหนิงฝานกลับไปถึงโถงขัดเกลาผสาน ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยจากการปรุงโอสถ 1 วัน 1 คืนก็ใกล้จะไร้กำลัง

เขาทิ้งตัวลงที่นอนและกำลังจะหลับ แต่ในขณะนั้นเอง ข่ายอาคมที่คุ้มกันที่พักก็ทำงาน

ไป๋ลู่มา...

“ช่างเป็นสตรีเจ้าปัญหา… คงห้ามนางไม่ได้…”

หนิงฝานลุกนั่งและหันมองไป๋ลู่ที่เปิดประตูเข้ามา นางมาพร้อมรอยยิ้มที่เย่อหยิ่งและจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาเย้ยหยัน

“ฮึ่ม! เป็นเพียงกระถางขัดเกลาแต่กลับกล้าหายไปถึง 1 วัน 1 คืน กระทั่งตัวข้าผู้เป็นนายต้องมาดูด้วยตัวเอง!”

“กระถางขัดเกลา? เจ้าเรียกข้าว่ากระถางขัดเกลา?”

“ไม่ใช่เจ้าจะเป็นผู้ใด! เมื่อวันก่อนข้าเป็นผู้ชนะ ตามที่เราตกลงกันไว้นั้น… หากข้าดูดซับพลังเจ้าได้ เจ้าจะยอมเป็นกระถางขัดเกลาของข้า!” นางกล่าวอย่างถือดี แต่นางก็ทะลวงระดับ บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางได้จริง

“หากเจ้าไม่กล่าวข้าคงลืมไปแล้ว… ไป๋ลู่น้อยเอ๋ย… ยามนี้ยังกลางวันอยู่ หากจะให้ทำคงไม่เหมาะ” หนิงฝานกุมฃหน้าผาก สีหน้าไร้อารมณ์ แต่ยังแอบหัวเราะในใจ

คืนก่อนนั้น ไป๋ลู่คิดว่านางดูดซับพลังของหนิงได้สำเร็จ

เพราะเมื่อผ่านการร่วมรักและขัดเกลาผสาน นางก็บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง

“ฮึ่ม! หนิงฝาน! เจ้าเป็นกระถางขัดเกลาของข้า เจ้าจะกลับคำมิได้! ไม่ว่าเจ้าจะว่าอย่างไร วันนี้ข้าจะดูดซับพลังของเจ้า!”

“อืม… ข้าเองก็อยากให้เจ้าปรนนิบัติอยู่พอดี แต่ยามนี้ยังกลางวัน เจ้ามาร่วมดื่มกับข้าก่อนเถอะ เมื่อถึงยามนั้น เจ้าจะได้ดูดซับพลังของข้าจนพอใจ…” หนิงฝานกล่าวเชื้อเชิญนาง

การที่ยอมให้นางดูดซับพลังนั้น หนิงฝานแกล้งทำ แต่นางเองที่ยังไม่รู้ตัว

“ดื่ม...” นางกล่าวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เพราะนางไม่เคยดื่มมาก่อน

นางเป็นสตรีที่หยิ่งในศักดิ์ศรี เหตุใดถึงได้ยอมดื่มกับหนิงฝาน? นางเกลียดหนิงฝานอย่างที่สุด แม้หลังจากการขัดเกลาผสานอย่างเต็มใจ จะทำให้ความรู้สึกที่นางมีให้เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นางยังคงเกลียดหนิงฝานไม่เปลี่ยน

แต่ขณะที่นางกำลังจะเปลี่ยนใจไม่ดื่มนั้น หนิงฝานกลับนำสุราขวดสีขาวออกมาจากกระเป๋า

ไม่ทราบว่าภายในขวดมีสุราชนิดใด แต่เมื่อเปิดฝาขวด กลิ่นหอมของสุรากลับโชยต้องจมูก กลิ่นของมันอุดมไปด้วยปราณที่อัดแน่น จนทำให้ไปลู่ตกตะลึง เพราะยามนี้ พลังของนางกำลังเพิ่มพูนหลังจากได้สูดกลิ่น… สุราในขวดนั้น...เป็นสุราชั้นเลิศ

หากได้ดื่มสุราขวดนี้ นางจะยกระดับพลัง!

หากนางแข็งแกร่งขึ้น นางก็สามารถปกป้องศิษย์น้องในโถงขัดเกลาผสาน เหล่าบุรุษจะไม่กล้าข่มเหงพวกนางอีก

สุราชั้นยอดเช่นนี้… หากไม่ดื่มถือว่าโข่เขลานัก!

“สุราชั้นยอด! มา… ข้าจะร่วมกับเจ้า!” นางกล่าวอย่างกระปรี้กระเปร่า

นางรินสุราใส่จอก แม้สุราเป็นสิ่งไม่ดี แต่นางกลับดื่ม นางจึงยกสุราหมดจอกในคราวเดียว

“เมื่อเจ้าดื่มเสร็จแล้ว ข้าจะให้เจ้าดูดซับพลัง! พลังของข้าจะหลั่งไหลเข้าไปในร่างกายของเจ้า!”

นางมองหนิงฝานด้วยแววตาขมขื่น

เพราะเมื่อครั้งที่นางร่วมรักกับหนิงฝานนั้น สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของนางคือของเหลวสีขาวขุ่น นั่นไม่ใช่พลังของหนิงฝาน!

“ข้าได้สุราขวดนี้มาจากป่าแห่งภูติพราย นามว่า ‘โลหิตภูติคราม’... ดื่มเถอะ มันช่วยยกระดับพลัง ยามนี้เจ้าบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง สุรานี้มีประโยชน์กับเจ้ามาก… แต่กับข้า...มันไร้ประโยชน์”

หนิงฝานชิงสุราขวดนี้มาจากเผ่าคราม แต่น่าเสียดายที่เขาทำลายเผ่าครามไปแล้ว ที่สำคัญ หากบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง สุราขวดนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์กับเขาแล้ว

ยามนี้ หัวใจแห่งปีศาจของหนิงฝานกำลังแปรปรวนอย่างช้าๆ ทำให้เขารู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก แม้ร่วมรักกับสตรียังไม่อาจข่มใจให้สงบ จึงเลือกสุราเป็นตัวช่วย

แต่ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมนั้น จะมัวเมาด้วยสุราและสตรีไม่ได้ เพราะจะทำให้พลังผันผวนได้ง่าย

หนิงฝานนำจอกสุราออกมาเพิ่ม รินน้ำสุราที่งดงาม และมีกลิ่นหอมราวกับสมุนไพรพันปี

นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานดื่มเช่นกัน เขาประครองจอกสุรา และดื่มลงไปคราวเดียว

แม้สุราจอกนี้จะล้ำค่า แต่หนิงฝานไม่ใส่ใจ แม้มันจะไม่ช่วยยกระดับพลัง แต่มันช่วยสงบหัวใจแห่งปีศาจได้

แม้จะบอกว่าสุราไร้ประโยชน์กับตน แต่ระดับของเขายังเพิ่มพูน เพียงแต่เพิ่มพูนเล็กน้อยจนไม่อาจสัมผัสถึง

เมื่อหนิงฝานดื่มไป 2 จอก เขาเริ่มมึนงง เมื่อดื่มจอกที่ 3 เริ่มมึนเมา แต่เมื่อดื่มถึงจอกที่ 5… หนิงฝานกลับเข้าใจบางอย่างและหยุดดื่ม

“เหตุใดต้องดื่ม! หากดื่มสุรา...อาจต้องดื่มจนวันตาย หากดื่มสุรา...ส่วนที่ดื่มที่คือร่างกายไม่ใช่จิตใจ เช่นนั้นแล้ว สุราจึงไม่อาจช่วยให้ข้าสงบใจได้”

หนิงฝานกล่าว เขาหยุดดื่มสุรา และคิดหาทางสยบหัวใจแห่งปีศาจจากสิ่งที่เข้าใจ

หัวใจแห่งปีศาจก็เหมือนสุราที่มอมเมา… หากป้องกันให้จิตใจใสกระจ่าง แม้สุราจะกลั่นกร่อนร่างกาย แต่จิตใจยังไม่สั่นไหว

เมื่อคิดได้ดังนั้น หนิงฝานก็ดื่มต่ออีกหลายจอก โดยที่คงจิตใจไม่ให้ถูกมอมเมา

“หัวใจแห่งปีศาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด”

ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย หากยามนี้เขาเก็บตัวฝึกฝน เขาอาจทะลวงขอบเขตแก่นทองคำและตัดหัวใจแห่งปีศาจได้ แต่เขามั่นใจเพียง 5 ใน 10 ส่วนเท่านั้น

ที่น่าขันในยามนี้คือไป๋ลู่ นางยกจอกสุราดื่มอย่างไร้สติ

นางดูแคลนสุราโลหิตภูติดครามมากเกินไป! สุราขวดนี้ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าครามเป็นผู้หมักโดยการใช้สมุนไพรพันปีหลายชนิด แม้ดื่มเพียงไม่กี่จอกยังทำให้มึนเมา นับประสาอะไรกับสตรีอย่างไป๋ลู่

นางยกจอกสุราดื่มผ่านริมฝีปากที่ซีดขาว ใบหน้าของนางเริ่มแดง ยิ่งดื่มก็ยิ่งแดง

สตรีเช่นนางไม่ควรดื่มเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับสุราที่หมักด้วยสมุนไพรพันปี

ดื่มสุรา… ก็เป็นเพียงการดื่ม เป็นเพียงการปลอบประโลมจิตใจ แต่สตรีเช่นไป๋ลู่นั่น ราวกับไม่เป็นเช่นนั้น

ยิ่งนางดื่ม ร่างกายของนางยิ่งร้อนรุ่ม ผิวกายแดงระเรื่อย หนิงฝานสังเหตุเห็นว่ายิ่งนางดื่ม ผิวกายของนางยิ่งแดงมากขึ้น

“ข้าร้อน… ข้าจะปลอดอาภรณ์ เจ้าห้ามแอบดูเด็ดขาด!” นางมึนเมาด้วยฤทธิ์สุราโดยสมบูรณ์ แววตาจับจ้องหนิงฝานไม่เกรงกลัว และเริ่มปลดอาภรณ์ชั้นนอกของตนออก

อาภรณ์ห่มกายชั้นในนั้นเบาบาง เหงื่อที่ไหลรินจากฤทธิ์สุรา ขับส่งให้นางมีกลิ่นอายที่หอมยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้อาภรณ์สัมผัสผิวกายเป็นหนึ่งเดียว เผยสัดส่วนที่งดงามเย้ายวน

นางร้อนรุ่ม...แต่ไม่ใช่ร่างกายที่ร้อย เป็นจิตใจของนางที่ร้อน

แววตาของนางเริ่มพร่ามัว นางจับจ้องหนิงฝานอย่างเร่าร้อน แววตาของนางแฝงไปด้วยความรัก ความเกลียดชัง ความปรารถนา และความเศร้าโศกเสียใจ

แต่แววชาเช่นนั้นกลับทำให้นางยิ่งดูงดงาม บริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับวารีกระจ่างที่ไหลจากภูเขา แสงที่ส่องกระทบ ทำให้วารีเหล่านั้นเปล่งประกายแวววาว

แต่แล้วนางก็เปลื้องอาภรณ์ที่เหลือและเคลื่อนเข้าซุกไซร้แผ่นอกของหนิงฝาน

“ข้ากระสับกระส่าย… ให้ข้าได้ดูดซับพลังเจ้าเถอะ!”

เรือนร่างที่เย้ายวนเคล้าคลอ คลอเคลียสัมผัสกับแผ่นอกของหนิงฝาน นางลุกนั่งคร่อมตัก หันหน้าเข้าหา สองขาที่ขาวนวลราวกับหยก หนีบรัดพันรอบเอว สองมือโอบรอบคอของหนิงฝานอย่างแนบแน่น

นางดื่มจนขาดสติ นางในยามนี้จึงได้ทำตามสัญชาตญาณ

แม้ในใจของนางจะยังเกลียดหนิงฝาน แต่ร่างกายของนางกลับปรารถนาเขาเป็นอย่างมาก

เพียงแต่ยามนี้ หนิงฝานยังไม่มีอารมณ์ร่วมรักกับนาง

“นอนก่อนเถอะ… รอให้ถึงยามราตรีก่อน...”

หนิงฝานใช้นิ้วสัมผัสหน้าผากของนาง ทำให้นางหลับไป จากนั้นประครองเรือนร่างที่ไร้ทางสู้ นอนลงบนเตียง ห่มคลุมด้วยผ้าห่มผืนบาง

หนิงฝานนั่งดื่มต่อ ยามนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เบาบางว่า จิตใจของเขาเริ่มสงบ

แต่ไป๋ลู่นั้นยังไม่ยอมนอนแต่โดยดี นางยังคงละเมอกล่าว

“ท่านแม่ ลู่เอ๋อร์อยากฟังเพลงกล่อม...”

“ข้าไม่ร้อง” หนิงฝานปฏิเสธ

“ข้าอยากฟัง ข้าจะฟัง… หากท่านแม่ไม่ร้องให้ข้าฟัง ข้าจะไม่ยอมนอน แล้วออกไปริมน้ำฟังเสียงกบร้องขับขาน...”

หนิงฝานนิ่งเงียบไปชั่วขณะ...

ยากที่จะนึกว่าสตรีที่เย่อหยิ่งและเย็นชาเช่นนาง จะออกไปริมน้ำเพื่อฟังเสียงกบร้อง

สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนด้วยอารมณ์ที่ยากจะกล่าว หลังจากนั้นพักใหญ่เขาจึงร้องเพลงชาวประมงของแคว้นหวู่ให้นางฟัง

กระทั่งนางหลับไป...

หมู่ปลาแหวกว่ายในแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์

หมวกไม้ไผ่สีฟ้า

เสื้อกันฝนสีเขียว

สายลมพัดพา พิรุณโปรยปรายไม่อาจหวนกลับ

บางที...ในบรรดากระถางขัดเกลาของหนิงฝาน ไป๋ลู่อาจเป็นผู้ที่หนิงฝานปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษ ทั้งได้ดูดซับพลัง และได้ฟังบทเพลงขับกล่อม

“ไพเราะยิ่งนัก… ข้าอยากฟังอีก...” ไป๋ลู่พึมพัม

เมื่อถึงยามราตรี หนิงฝานลุกยืน เก็บขวดสุราที่เหลืออยู่ จ้องมองไป๋ลู่ที่กำลังนิทรา ด้วยสายตาที่อยากขัดเกลาผสานกับนาง

หากเทียบกับนางที่หลับไหลด้วยฤทธิ์สุรา หนิงฝานเป็นฝ่ายที่อยากล้มตัวนอนและคอยรับการปรนนิบัติจากนางมากกว่า

“นับวันข้ายิ่งชั่วร้าย...” หนิงฝานส่ายหน้าพลางหัวเราะขบขัน แต่ชั่วอึดใจนั้นเอง หนิงฝานกลับขนลุกราวกับถูกสายลมที่เย็นเฉียบพัดผ่าน

ชั่วพริบตานั้นเอง อากาศที่ไร้การผันผวนกลับเกิดการระรอกคลื่น รอยแยกมิติปรากฏ กรงเล็บกระดูกสีขาวพุ่งออกมาจากภายใน หวังคว้าตัวหนิงฝาน

เมื่อกรงเล็บกระดูกที่แผ่กลิ่นอายแก่นทองตำขั้นต้นพลาดเป้า มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

กรงเล็บนั่น... กลิ่นอายนั่น… เป็นสิ่งที่หนิงฝานไม่เคยลืม

สีหน้าหนิงฝานสงบนิ่งราวกับสายน้ำ กระบี่แยกสวรรค์ปรากฏ เขาเฝ้าระวังรอบด้านแต่กรงเล็บกระดูกกลับไม่ปรากฏขึ้นอีก

ลอบจู่โจม! จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ลอบจู่โจม!

มันสมควรอยู่ในป่าแห่งภูติพรายมิใช่หรือ? เป็นไปไม่ได้ที่ป่าแห่งภูติพรายไม่สามารถป้องกันให้ภูติผีหลุดรอดออกมา หรือจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ลอบจู่โจมจากป่าแห่งภูติพราย!

“หรือไม่ออกจากป่า และยามนี้ก็อยู่แคว้นเยว่?” สีหน้าหนิงฝานเคร่งขรึมจริงจัง

หากจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ออกมาจากป่าแห่งภูติพรายได้ นับว่าเป็นอันตรายร้ายแรง

แต่จากการลอบจู่โจมเมื่อครู่ ราวกับมันใช้พลังได้เพียงขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น

เหตุผลที่มันไม่กล้ามาและเลือกที่จะลอบจู่โจม อาจเป็นเพราะมันกำลังรอให้ระดับพลังของตนฟื้นคืน

“จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่สารเลว!”

ยามนี้หนิงฝานไม่มีอารมณ์ร่วมรักแล้ว

ภายในตำหนักผู้ดูแลศิษย์… หวางเหยาถอนวิชาลับของตนพลางทำสีหน้าเย้ยหยัน

“ระวังตัวดียิ่งนัก… ดูท่า...ข้าจะลอบจู่โจมเด็กนั่นไม่ได้ แต่ช่างเถอะ… ถึงวิชาเมื่อครู่ผลาญพลังข้าไปมาก แต่หากฆ่ามันไม่ได้ก็ไร้ความหมาย คงต้องดูดกลืนโลหิตเพื่อฟื้นฟูพลังไปจนถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม เมื่อถึงยามนั้น เด็กนั่นไม่มีทางรอดมือข้าแน่! ความรู้สึกมันช่าง...เหมือนแมวหยอกหนู ฮ่าฮ่าฮ่า...”

แล้วเงาร่างของหวางเหยาก็ทะยานออกจากตำหนักผู้ดูแลศิษย์ กลืนหายไปกับราตรีอันมืดมิด

วันนี้ มันต้องฆ่าล้างตระกูลสักแห่งให้ได้...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด