ตอนที่แล้วภาค 2 ตอนที่ 4 คนที่ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาค 2 ตอนที่ 6 กิ๊ก ญาติ หรือเพื่อน

ภาค 2 ตอนที่ 5 สิ่งเดียวที่มั่นใจได้


ตอนที่ 5 สิ่งเดียวที่มั่นใจได้

 

ทำรายงานเสร็จ ส่งอีเมลไปแล้ว ส่งน้องช่างเม้าส์ใสซื่อเสี่ยวสวีออกไปแล้ว โกโก้เงยหน้าขึ้นก็เห็นเงาคนหนึ่งผลุดหายไปที่หน้าประตู เธอเบะปากยิ้ม เดินไปที่ประตูแล้วคว้าซูเสี่ยวเจ๋อมา

 

"ผู้กล้า มาตายถึงที่เลยเหรอ"

 

"ไต้…อ๋อง รายงานความผิดของข้าน้อย..." ซู่เสี่ยวเจ๋อเพิ่งจะประเคนรายงานไม่กี่แผ่นด้วยสองมือให้โกโก้ ประตูก็ถูกกระแทกออกอย่างแรง

 

โจวต้าเจิ้งปรายตาเหล่สองคนที่อยู่หน้าตัวเอง "กินข้าว จะไปไหม"

 

"ไป!" เสี่ยวเจ๋อ

 

"ไม่ไป!" โกโก้

 

โกโก้ค้อนเสี่ยวเจ๋ออย่างเย็นชา

 

"ไม่...ไป..." เสี่ยวเจ๋อพูดด้วยเสียงเครือ

 

"กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" โจวต้าเจิ้งแถไปพร้อมกับอีกมือก็ลากโกโก้ออกไป

 

ไปถึงร้านอาหารเล็กๆ ที่ห่างออกไปสองถนน พอได้ข่าวว่าต้าเจิ้งเลี้ยงข้าว พวกไป๋หลิงก็ไม่มีใครยอมทิ้งโอกาส

 

พนักงานเสริฟเอาเมนูมาให้ ต้าเจิ้งตบโต๊ะถลึงตาใส่ "คนที่ข้าเลี้ยงคือโกโก้ สาวน้อยคนนี้ต้องทำงานข้ามคืนเพื่อชันสูตรศพ เด็กหนุ่มอย่างพวกนายเสนอหน้ามาทำไม!"

 

ไป๋หลิงแสดงสีหน้าน้อยใจ "หัวหน้า ท่านประธานเหมาบอกว่าชายหญิงมีฐานะเท่าเทียมกัน"

 

เซวียหยางกับหวังอ้ายกั๋วสีหน้าจริงจัง พยักหน้าหงึกๆ

 

ต้าเจิ้งคำราม "เท่าเทียมบ้านแกนะสิ พวกนายจ่ายค่าอาหารของตัวเองไป!"

 

ทุกคนตะลึง หันไปมองโกโก้ สายตาเปล่งประกายสอดรู้สอดเห็น

 

โอ้ๆ...ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง

 

โกโก้ชี้ไปที่อาหารแนะนำในหน้าแรกของเมนู ตาไม่มองแม้พนักงานเสริฟ "จากนี่ถึงนี่ ทั้งหมดมาอย่างละที่" แล้วปิดเมนู ล้วงช็อคโก้จุ๊บในกระเป๋าออกมาใส่เข้าปาก พูดอย่างหน้าตาเฉยว่า "พวกนายไม่ต้องมองฉัน ที่จริงฉันเป็นผู้ชาย..."

 

ชาที่อยู่ในปากต้าเจิ้งพ่นออกมาครึ่งหนึ่ง

 

ซูเสี่ยวเจ๋อขยับแว่น แล้วถามอย่างสงสัย "ไต้อ๋อง ครั้งที่แล้วท่านบอกว่าเป็นปีศาจบนเขาไม่ใช่เหรอ ลงเขามาเพื่อลองใช้ชีวิตชาวบ้าน"

 

โกโก้อมช็อคโก้จุ๊บแล้วพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ว่า "ใช่สิ อาจารย์ลงเขาก็เพื่อหาหญิงสาววัยแรกแย้มกลับไปเป็นฮูหยินของหัวหน้าค่ายโจร หัวหน้าโจวสนใจจะสมัครไหม"

 

ทุกคนหันไปมองต้าเจิ้ง ฮูหยินหัวหน้าค่ายโจร เฮ้อ ทุกคนมองสำรวจกล้ามทั้งตัวของต้าเจิ้ง...เอ่อ...ฮูหยินนี่ล่ำจริงๆ...

 

ต้าเจิ้งเข่นเขี้ยว ในใจพึมพำ โกโก้เจ้าเด็กกะเปี๊ยก รอไปก่อนเถอะ

 

โกโก้ยิ้ม เคี้ยวช็อคโก้จุ๊บไป โจวต้าเจิ้งนายบังอาจลากฉันออกมา ก็อย่าได้อยู่อย่างสงบสุขเลย

 

อาหารเสริฟขึ้นโต๊ะทั้งหมดแล้ว คนทั้งแก๊งกินอย่างไม่เกรงใจ ระหว่างนั้นต้าเจิ้งได้เล่าความคืบหน้าของคดีให้โกโก้ฟังเป็นช่วงๆ แล้วโกโก้ก็ไม่สนใจสายตาคร่ำครวญของทุกคน คุยถึงขั้นตอนการชันสูตรศพที่จะทำทั้งคืนกับเสี่ยวเจ๋อขึ้นมา

 

"ฉันคิดว่ากุญแจสำคัญน่าจะอยู่ที่หัวนั่น" ไป๋หลิงยกตะเกียบแล้วพูดแทรกขึ้นมา "พี่สวิน ไหนบอกว่าสองศพแรกเหมือนถูกทำความสะอาดมาแล้ว ค่อนข้างสะอาด แสดงว่าฆาตกรไม่กังวลว่าจะทิ้งหลักฐานที่เข้าถึงตัวได้หลงเหลืออยู่ ที่พบวันนี้ก็เช่นกัน แต่หัวเหมือนเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้อยู่ในแผนการของฆาตกร"

 

เสี่ยวเจ๋อพยักหน้าตาม "ผมก็มีความเห็นเหมือนกัน เขาเสียเวลามากขนาดนั้นตัดหัวลงมา ทิ้งไปเฉยๆ อย่างนี้ก็ไม่สมเหตุสมผลนะสิ เฮ้อ หัวนั้นเป็นของศพที่พวกเราพบจริงเหรอ"

 

โกโก้มองดูซุปในหม้อที่ตั้งอยู่ตรงหน้า สายตาเริ่มเหม่อลอย

 

"ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ ต้องรอให้ผลชันสูตรของพวกเขาคืนนี้ออกมาก่อน โกโก้..." ต้าเจิ้งลองหยั่งเชิง

 

หือ โกโก้รู้สึกตัว พบว่าทุกคนกำลังจับจ้องที่ตัวเธออยู่ เมื่อสักครู่นี้เหมือนนึกอะไรออกอย่างกะทันหัน เหมือนในหนังที่มีอยู่บ่อยๆ ว่าในสมองมีความคิดอย่างหนึ่งแวบขึ้นมา แต่คว้าไว้ไม่ทันอย่างนั้น

 

"ไม่เป็นไร" โกโก้โบกมือ "เสี่ยวเจ๋อ สรุปคือคืนนี้พวกเราต้องทำอะไรมากมาย อย่างแรกต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าหัวกับร่างจับคู่กันได้หรือเปล่า หลังจากนั้นก็ต้องตรวจรอยแผลตามร่างกาย แต่ฉันก็ไม่ได้หวังอะไรนะ เพราะร่างนั้นเน่าเปื่อยระดับกลางไปแล้ว แค่หาสาเหตุการตายได้ก็ดีถมไปแล้ว ที่สำคัญคือหัว ตรวจสอบส่วนประกอบสารฟอร์มาลินบนนั้น ดูสิว่ามีสารแปลกปลอมหรือเปล่า มีรอยแผลที่เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะหรือไม่ ทางที่ดีควรสเก็ตภาพใบหน้าของคนให้ได้จากลักษณะหัวในเวลานี้ เอาไว้ให้พวกต้าเจิ้งใช้เพื่อเปรียบเทียบกับบุคคลสูญหายหรือประกาศให้รางวัลแก่คนให้ข่าว"

 

เสี่ยวเจ๋อเงยหน้าจากชาม "พี่สวิน...มีงานเยอะแยะแน่ะ พวกเราทำทั้งคืนก็ไม่แน่ว่าจะทำเสร็จ" ต้องค้างคืนกับพวกศพอีกแล้ว

 

โกโก้คิดดูนิดหนึ่ง สายตาเบนไปหาสหายน้อยไป๋หลิง

 

ไป๋หลิงรีบก้มหน้าใส่ชามซุปที่หน้าตัวเอง ก้มหน้ากินใหญ่

 

รอจนเขาเกือบจะจมน้ำซุปในชามของตัวเองตาย จนต้องเงยหน้าขึ้นมา โกโก้ถึงได้พูดอย่างอ้อยอิ่งว่า "สหายเสี่ยวไป๋ ความหวาดกลัวต่อศพของนายหายหรือยัง วิชากายวิภาคศาสตร์ครั้งที่แล้วทำให้นายพัฒนาขึ้นหรือยัง"

 

"มีครับ! ผมพัฒนาไปมากแล้วครับ! ตอนนี้ผมไม่กลัวศพแล้วครับ!จริงๆครับ!" เพราะฉะนั้นพี่สาวอย่าจับผมไปอยู่เป็นเพื่อนชันสูตรกับพวกพี่นะครับ...ไป่หลิงโอดครวญอยู่ในใจ

 

โกโก้ทำหน้าเศร้า "นายไม่อยากช่วยพวกเรา ฉันก็ไม่ฝืนใจนายหรอก...เฮ้อ...ฉันไม่นอนอีกหลายวันเพื่อทำงานล่วงเวลาก็แค่นั้น ร่างกายฉันไม่ไหวก็ไม่เป็นไร...เพราะยังไงฉันก็ปล่อยวางเรื่องเป็นเรื่องตายแล้ว..." พูดจบยังสูดน้ำมูกไปหนึ่งที

 

...

 

ต้าเจิ้งตบโต๊ะ "ไป๋หลิง! คืนนี้นายอยู่ช่วยแผนกนิติเวชชันสูตรศพ!" แล้วก็หันไปมองโกโก้ด้วยสีหน้าอ่อนโยนว่า "โกโก้เธอสบายใจได้ คืนนี้ผมก็อยู่ด้วย พวกเธอพบอะไรใหม่ๆ ผมก็จะได้ช่วยวิเคราะห์ด้วย..."

 

เสี่ยวไป๋กำลังตะลึงจนกลายเป็นหิน

 

โกโก้เบะปากแล้วยิ้ม "หัวหน้าโจว นายไม่ต้องอยู่ด้วยหรอก"

 

"ไม่เป็นไร"

 

"ฉันหมายความว่า นาย ไม่ ต้อง อยู่ ด้วย จริงๆ" โกโก้ที่ใบหน้ายังมีรอยยิ้มอยู่ ในใจกลับด่าแม่ เพราะถ้านายอยู่มีแต่จะทำให้รำคาญใจ

 

คนทั้งโต๊ะก้มหน้าหัวเราะโดยไม่มีเสียง

 

——————————————

 

ชันสูตรไปเพียงครึ่งหนึ่ง ต้าเจิ้งก็บอกว่าจะไปสูบบุหรี่ที่ห้องทำงานข้างๆ สูบๆ ไป พวกโกโก้ก็ได้ยินเสียงกรนที่ดังมาจากห้องข้างๆ

 

ไป๋หลิงใส่ถุงมือฆ่าเชื้อประคองหัวคน สองตามองไปที่เพดาน พลางด่าต้าเจิ้งอย่างคับแค้น "ระบอบเผด็จการทหาร"

 

เสี่ยวเจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะแซวเขา "นายก็ต่อต้านสิ"

 

ไป๋หลิงทำเสียงในลำคอ

 

โกโก้เดินมาจากเครื่องวิเคราะห์โลหิต ในมือมีกระดาษรายงานแผ่นหนึ่ง "ตัวเองก็ไม่ได้เรื่องยังไปหัวเราะเยาะคนอื่นอีก"

 

"พี่สวิน กรุ๊ปเลือดตรงกันไหม" ซูเสี่ยวเจ๋อถาม

 

สวินเข่อหรันพยักหน้า "เป็นกรุ๊ปโอทั้งคู่ โดยหลักการแล้ว การวิเคราะห์โลหิตสามารถยืนยันได้ว่าเป็นของคนเดียวกัน เดี๋ยวเอาไปตรวจ DNA ที่แผนกพิสูจน์หลักฐานอีกที อย่างนี้จะเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากกว่าตอนขึ้นศาล พวกนายถ่ายรูปด้านนี้เสร็จหรือยัง"

 

เสี่ยวเจ๋อชูกล้องในมือ "เกือบแล้ว เกือบแล้ว เฮ้อ! พี่สวินดูสิ ทำไมคอตรงนี้แหว่งไปส่วนหนึ่ง"

 

โกโก้เข้าไปสังเกตใกล้ๆ ส่วนหัวใกล้กับคอมีบาดแผลหลายแห่ง ใช้แว่นขยายส่องดูเหมือนเป็นรอยกัดบางอย่าง

 

"กัด!" ไป๋หลิงสีหน้าบ่งบอกรับไม่ได้ "เขาคงไม่กินหัวคนมั้ง"

 

โกโก้ส่ายหน้า "ไม่หรอก ถ้าเขากินหัวคนก็จะไม่เอาไปแช่ในฟอร์มาลิน สารกันบูดกินไม่ได้เป็นความรู้ทั่วไป ถ้าต้องการกินศพ น่าจะเอาศพไปแช่แข็งก่อน จากการชันสูตรศพก่อนหน้านี้ ร่างกายไม่มีร่องรอยถูกแช่แข็งมาก่อน"

 

"ทำไมผมมองแล้วเหมือนรอยกัดจากหนูล่ะ" เสี่ยวเจ๋อยังคงจ้องมองรอยแผลบนคอ

 

"โอ้! พูดอย่างนี้เหมือนกับที่หัวหน้าโจวคาดเดาไว้เลย เพราะรอยหนูกัดทำลายคุณค่าของงานสะสมของคนนี้ ดังนั้นฆาตกรจึงทิ้งเธอไว้ที่ร้านรับซื้อของเก่า"

 

สวินเข่อหรันไม่ได้รับคำ แต่กลับก้มหน้าที่บริเวณคอของหัวนั้น แล้วหันไปขอแหนบกับเสี่ยวเจ๋อ

 

"พี่สวิน ที่คอมีอะไรเหรอ" เสี่ยวเจ๋อสงสัย

 

"ตรงนี้ ด้านซ้ายที่ไม่ได้ถูกกัด จะเห็นรอยบีบตรงผิวหนังของคอ" โกโก้หันไปหยิบรายงานชันสูตรของสองศพแรก "ถ้าฉันจำไม่ผิด ร่างกายของสองศพแรกมีอาการเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ เลือดคั่งในปอด เยื่อบุหัวใจด้านนอกมีเลือดออกเป็นจุด ดูนี่ รายงานชันสูตรมีการบันทึกหมด ตอนนั้นหาหลักฐานขั้นต้นที่พิสูจน์สาเหตุการตายจากการขาดอากาศหายใจไม่ได้ หัวนี้จะเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดหายไปของสองศพแรกได้พอดี"

 

ไป๋หลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็ยกมือซ้ายขึ้น "ขอถามครับ! พี่สวิน พวกเราพูดจนกระทั่งถึงตอนนี้ นอกจากหัวถูกตัดมาจากร่างกายแล้ว ยังมีหลักฐานแน่ชัดอย่างอื่นที่บ่งบอกว่าพวกเราได้เจอฆาตกรต่อเนื่องหรือเปล่าครับ"

 

เสี่ยวเจ๋อค้อนขวับเข้าให้ "นายคิดว่าที่นี่เป็นฮอลลีวูดเหรอ จะมีฆาตกรที่ฆ่าคนแล้วยังตัดหัวลงมามากมายเกิดพร้อมกัน"

 

ไป๋หลิงยักไหล่ "โอวาทของหัวหน้าโจวข้อแรก งานสืบสวนต้องใช้หลักฐานทำงาน ห้ามคาดเดาโดยเด็ดขาด"

 

โกโก้ยิ้มพลางพลิกดูรายงานในมือ "มีรายละเอียดอย่างหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นฆาตกรคนเดียวกันหรือไม่ เสี่ยวเจ๋อ บอกฉันซิว่าจุดตัดของคุณหัวอยู่ตรงไหน"

 

"จุดตัดเหรอ โอ้ พี่หมายถึงเธอเริ่มถูกหั่นจากจุดไหนซินะ ผมขอดูก่อน...อยู่ระหว่างกระดูกสันหลัง...ข้อที่สองกับข้อที่สาม"

 

โกโก้พยักหน้า "งั้นก็ใช่แล้วล่ะ พวกนายดูสิ ตรงนี้เป็นจุดที่เริ่มเลื่อยออกอยู่ระหว่างข้อต่อของกระดูกสันหลังพอดี เมื่อเทียบกับกระดูกที่มีความแข็งมากกว่า เริ่มตัดจากกล้ามเนื้อตรงนี้จะเบาแรงกว่าเยอะ นี่แสดงว่าฆาตกรรายนี้อาจมีความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์ อีกอย่างไป๋หลิง นายสามารถไปอ่านรายงานของฉันก่อนหน้านี้ ศพทุกศพจะเริ่มถูกตัดที่ระหว่างข้อที่สองกับข้อที่สามของกระดูกสันหลัง นายนับดูสิ เทศบาลเมืองของพวกเราก็ใหญ่แค่นี้เอง ถ้าจะมีฆาตกรหั่นศพที่เริ่มหั่นกระดูกในตำแหน่งเดียวกันเกิดขึ้นพร้อมกันจะมีสักกี่คนได้"

 

ไป๋หลิงพยักหน้า คนหนึ่งก็ถือว่าเป็นภัยพิบัติแล้ว

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด