ตอนที่แล้วบทที่ 22 ข้ามีเรื่องจะถาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 สือเสี่ยวไป๋ไม่ใช่ความหวังของทีมสีแดง

บทที่ 23 สื่อเสี่ยวไป๋บุคคลผู้ยิ่งใหญ่


บทที่ 23 สื่อเสี่ยวไป๋บุคคลผู้ยิ่งใหญ่

 

กำหมัดที่ชายนักกล้ามค่อยๆ ยกขึ้นมากลางอากาศนั้นพลันเปลี่ยนเป็นกางฝ่ามือออก แล้วพับแขนไปด้านหลัง ก่อนจะใช้ฝ่ามือนวดคลึงบริเวณท้ายทอยของตัวเอง พร้อมทั้งกางนิ้วทั้งห้าเกาไปมาบนหนังศีรษะอยู่หลายรอบ

 

ช่วงนาทีนั้น “ความดุร้าย” ในดวงตาคู่นั้นพลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย แทนที่ด้วยแววตาเมตตาอันแสนซื่อ

 

ชายนักกล้ามเอาแต่เกาหัวแกรกๆ จ้องมองสื่อเสี่ยวไป๋ก่อนถามด้วยความสงสัย “นาย...น่ะ นายเป็นองค์ชายเซี่ยกั๋วสักคนในเจ็ดองค์งั้นหรอ?”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ออกจะงงๆ อยู่เล็กน้อยกับความแตกต่างแบบหน้ามือเป็นหลังมือของชายนักกล้ามผู้นี้ แต่เมื่อได้ฟังคำถามของชายนักกล้าม สื่อเสี่ยวไป๋คิดว่าเขาไม่ได้จะปฏิเสธไปตรงๆ ว่า “ไม่ใช่!”

 

องค์ชายทั้งเจ็ดแห่งเซี่ยกั๋ว? สือเสี่ยวไป๋แสดงออกมาว่าตัวเขาเองยังไม่เคยจะได้ยินคำนี้มาก่อนเลย มือน้อยๆ ของเขาโบกขึ้นแล้วค่อยหมุนมาแปะกลางหน้าผากบังครึ่งใบหน้าของตัวเองอย่างเคยชิน ก่อนจะกล่าวอย่างยิ้มเยาะ “ข้าคือราชาแห่งสรรพสิ่ง ราชาแห่งเทพเจ้า ราชาแห่งจักรวาล ราชาแห่งปวงราชาทั้งมวล อาคีอุซจักรพรรดิหยกแห่งเก้าชั้นฟ้าพระราชาอเล็กซานเดอร์ที่หนึ่ง!”

 

ชายนักกล้ามฟังอย่างมึนงง หลังจากคิดทบทวนประมวลผลแล้ว บนใบหน้ากลับกระอักกระอ่วนก่อนจะส่ายหน้าพลางกล่าว “เรื่องนั้น...ไม่เคยได้ยินมาก่อน...”

 

เมื่อเปรียบเทียบร่างกายกำยำดั่งสัตว์ป่ากับท่าทางกระอักกระอ่วนอย่างจริงใจ บวกกับท่าทางเซ่อทึ่มของชายนักกล้ามที่เด่นชัดออกมา

 

สื่อเสี่ยวไป๋เผลอแสดงอาการผิดหวังชั่วขณะ พลางส่ายหน้าถอนหายใจก่อนพูดว่า “เจ้ากระทิงเหล็กเอ๋ย นายน่ะยังเด็กเกินไป หูตาแคบไปบ้าง”

 

เนื่องจากผิดหวังเป็นที่สุด เดิมทีควรจะเรียกว่า “กระทิงเจ้าพลังเขย่ากำแพงเหล็กสะท้าน” แต่กลับถูกสื่อเสี่ยวไป๋ย่อเหลือเพียงสองคำเรียกว่า “กระทิงเหล็ก”

 

“ห๊า? ข้าไม่ได้ชื่อกระทิงเหล็ก ข้าชื่อเย่เจียเฉวียน!”

 

เย่เจียเฉวียนโบกมือไปมาอย่างงุ่มง่าม แล้วจึงก้มหน้าต่ำกล่าวอย่างใสซื่อ “ไม่รู้อะไรทั้งนั้น หลิงฉุนก็บอกตลอดว่าฉันมันโง่”

 

ขณะที่พูดถึง “หลิงฉุน” ชื่อนี้ ในแววตาของเย่เจียเฉวียนพลันฉายแววแห่งความสนิทใกล้ชิดวาบขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ

 

สื่อเสี่ยวไป๋พยักหน้าเห็นด้วยกับความโง่เขลาของเย่เจียเฉวียน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะมาถามทาง จึงไม่อธิบายสถานะของตนต่ออีก จึงเปลี่ยนบทสนทนาถามว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”

 

สื่อเสี่ยวไป๋พูดประโยคนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว ท่าทางของเย่เจียเฉวียนเปลี่ยนเป็นจริงจังที่สุด พยักหน้างึกๆ พลางกล่าว “เชิญถามได้!”

 

สื่อเสี่ยวไป๋พูดอย่างเป็นทางการ “ข้าต้องมนต์แห่งภาพมายากลลวงของนินจาเงา หลงทางอยู่ในวงกตกลับชาติมาเกิดโดยบังเอิญ จึงหาทางออกไม่ได้ชั่วขณะ กระทิงเหล็ก เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะไปยังสนามฝึกอบรมเด็กใหม่ได้อย่างไร?”

 

เย่เจียเฉวียนได้ฟังก็ยิ่งมึนงง รู้สึกว่าคำพูดของเด็กหนุ่มร่างผอมเล็กตรงหน้าผู้นี้นั้นลึกลับและซับซ้อนเสียจริง ตั้งแต่เมื่อครู่ถึงตอนนี้เขาฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ไม่คาดคิดว่าคำถามประโยคสุดท้ายเขากลับฟังเข้าใจ อีกทั้งรู้คำตอบนั้นดีเสียด้วย!

 

เย่เจียเฉวียนกล่าวอย่างดีใจขึ้นมาชั่วขณะ “ผมรู้! ผมรู้! อันที่จริงผมเป็นเด็กใหม่ของ [ผู้ทำลาย] รุ่นนี้ด้วย ดังนั้นเลยรู้ว่าสนามฝึกอบรมเด็กใหม่อยู่ที่ไหน!”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ได้ฟังถึงกับชะงักเล็กน้อย มองพิจารณาร่างกายใหญ่โตและ “ดุร้าย” นั่น อีกทั้งใบหน้าที่ดูผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก พร้อมกับนึกโยงไปถึงหมัดอันน่ากลัวเมื่อครู่นี้แล้ว ไม่มีทางคิดว่าเขาจะเป็น “เด็กใหม่” ได้จริงๆ

 

เย่เจียเฉวียนราวกับว่าเดาความสงสัยของสื่อเสี่ยวไป๋ออก จึงเกาหัวกล่าวยิ้มแหยๆ “ที่จริงแล้วอายุข้าเพิ่งจะสิบหก!”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ตะลึงไปชั่วขณะ นาทีนั้นไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

 

เห็นชัดว่าเย่เจียเฉวียนชินกับอาการตกใจเมื่อคนอื่นได้รู้อายุของเขาเช่นนี้อยู่แล้ว เขาจึงไม่อธิบายอะไรมากมาย แต่กลับพูดเปลี่ยนเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ “ท่านจะไปสนามฝึกอบรมเด็กใหม่ทำไมเหรอ?”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ได้สติกลับมา เรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม “ข้าถูกมนต์สะกดแห่งเทพแห่งความชั่วร้าย ทำให้พลังที่แท้จริงตกมาสู่ขั้นปฐมจิตชั้นหนึ่ง ตอนนี้เพื่อที่จะคลายมนต์สะกด จะต้องเข้าร่วมกับ [ไกอา] เป็นการชั่วคราว และเป็นเด็กใหม่ของหน่วย [ผู้ทำลาย] รอบนี้เหมือนกับเจ้า! เพียงแต่สามสี่วันก่อนหน้านี้ข้ายุ่งกับธุระการจัดการโลกของตัวเองอยู่ เพิ่งจะหาเวลาว่างได้ก็วันนี้ ทำให้ต้องโดดการฝึกไปหลายวัน”

 

เย่เจียเฉวียนได้ฟังก็สับสนมึนงงอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าฟังคำพูดของสื่อเสี่ยวไป๋ไม่เข้าใจแต่ก็รู้สึกว่าเขาสุดยอดมาก ผ่านไปพักหนึ่งถึงได้เข้าใจความหมายของสื่อเสี่ยวไป๋ แววตาพลันสว่างขึ้นมา ก่อนจะกล่าวอย่างตื่นเต้น “ดังนั้นก็หมายความว่า ท่านก็เป็นเด็กใหม่ของ [ผู้ทำลาย] ด้วย? อีกทั้งเพิ่งจะมาเข้าร่วมฝึกอบรมในวันนี้?”

แม้จะรู้สถานะหนุ่มน้อยตรงหน้าว่าเป็นเด็กใหม่เหมือนกัน แต่เย่เจียเฉวียนยังใช้คำเรียกว่า “ท่าน” อยู่เหมือนเดิม จากความเข้าใจของเขาแล้ว มีเพียงคนฉลาดเท่านั้นที่คู่ควรต่อการเคารพ ตัวอย่างเช่นเฉินหลิงฉุน หรือเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ที่มีชื่อแสนจะยาวจนเขาจำไม่ได้ เขารู้สึกว่าคำพูดที่เด็กหนุ่มคนนี้พูดออกมากว่าครึ่งค่อนข้างจะเข้าใจยาก เห็นชัดว่าสติปัญญาของเด็กหนุ่มนี้อยู่เหนือกว่าเขาหลายชั้นมาก

 

สื่อเสี่ยวไป๋ไม่ได้คิดถึงรายละเอียดเหล่านี้ เขาเพียงแต่พยักหน้าอย่างเงียบๆ

 

เมื่อเห็นสื่อเสี่ยวไป๋พยักหน้า ดวงตาอันเซื่องซึมของเย่เจียเฉวียนคู่นั้นกลับปกปิดประกายแห่งความเฝ้ารอเอาไว้ไม่อยู่ เพื่อไม่ให้ตัวเองตื่นเต้นจนเสียมารยาทจึงเปลี่ยนท่าทีให้สุขุมมากขึ้น เขาจ้องไปยังแววตาของสื่อเสี่ยวไป๋พร้อมกล่าวอย่างอ้อนวอน “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้า...ข้าขอเชิญท่านเข้าร่วมกับทีมสีแดงได้หรือไม่?”

 

“ทีมสีแดง?” สื่อเสี่ยวไป๋ถามอย่างสงสัย

 

เย่เจียเฉวียนเอามือตบหน้าผาก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหนุ่มน้อยตรงหน้าคนนี้เพิ่งจะมาถึงวันนี้ จึงรีบอธิบายด้วยถ้อยคำเงอะงะ “เรื่องนั้นน่ะ...ครูฝึกแบ่งเด็กใหม่ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกสีแดง กลุ่มสองสีฟ้า ในการสอบทุกครั้งจะให้ทั้งสองทีมแข่งกัน หากทีมไหนแพ้จะต้องปลดออกคนหนึ่ง ข้าอยู่ทีมสีแดง ดังนั้นข้าจึงหวังว่าท่านจะเข้าร่วมกับทีมสีแดงได้!”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ได้ฟังก็ชะงักไปเล็กน้อย เขาจำได้ว่าในจดหมายที่หลีจื่อเขียนไว้ว่าครูฝึกชอบทำการทดสอบอยู่บ่อยๆ และในการสอบทุกครั้งจะปลดคนที่มีคะแนนแย่ที่สุดออกหนึ่งคน แต่จากคำพูดของเย่เจียเฉวียน เห็นว่าครูฝึกในรอบนี้ได้ทำการเปลี่ยนกฎใหม่ ราวกับว่าครูฝึกผู้นี้เห็นว่าพลังทีมเวิร์คสำคัญกว่าความสามารถเฉพาะตัวงั้นเหรอ?

 

“ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็จะถูกปลดออกไม่ได้ ดูแล้วจะเลือกทีมไหนข้าคงต้องคิดพิจารณาให้ดีสักหน่อยก่อน” ในใจสื่อเสี่ยวไป๋คิดเช่นนี้ แต่ปากก็ยังไม่หยุดถาม “ทีมสีแดงกับทีมสีฟ้า ทีมไหนแข็งแกร่งกว่ากัน?”

 

เมื่อถามสมาชิกของทีมสีแดงว่าทีมไหนแข็งแกร่งกว่ากัน แล้วจะได้รับคำตอบแบบไหนกันล่ะ ไม่ต้องคิดก็รู้คำตอบแล้ว ทว่าเย่เจียเฉวียนกลับไม่ได้พูดคำตอบที่สื่อเสี่ยวไป๋คาดการณ์เอาไว้ แต่เขากลับก้มหน้าต่ำ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเน้นหนักที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก “ทีมสีฟ้า...แข็งแกร่งกว่า”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ออกจะตกใจอยู่บ้างแต่ไม่นานก็เข้าใจแล้วว่าเด็กหนุ่มรูปร่างราวสัตว์ประหลาดตรงหน้าผู้มีหัวใจใสซื่อแท้จริงแล้วไม่รู้คำว่าโกหกเป็นอย่างไร

 

“เจ้ากระทิงเหล็กผู้ซื่อสัตย์เอ๋ย ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ!”

 

สื่อเสี่ยวไป๋รู้สึกประทับใจขึ้นมา จนเลือกคำตอบไว้ในใจแล้ว เพียงแต่ปากก็ยังถามต่อไป “ทั้งสองทีมแข่งขันกันมากี่รอบแล้ว แพ้-ชนะกันกี่ครั้ง?”

 

เย่เจียเฉวียนยังคงก้มหน้าเช่นเดิม กำหมัดแน่นอย่างเงียบๆ น้ำเสียงเจือด้วยความขมขื่น กล่าวตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “แข่งมาสองรอบแล้ว ทีมสีฟ้าชนะรวด”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ถามต่อ “ข้าได้ยินมาว่าเด็กใหม่รอบนี้มีคนอยู่ขั้นปฐมจิตชั้นสี่ด้วย เขาอยู่ทีมไหน?”

 

เย่เจียเฉวียนก้มหน้าต่ำยิ่งกว่าเดิม “ทีมสีฟ้า...”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ลอบถอนหายใจ ท่าทางพลังของทีมสีแดงและทีมสีฟ้าจะห่างกันไม่ใช่แค่จุดสองจุดแล้วล่ะ ทว่าเรื่องนี้ไม่กระทบกับการตัดสินใจของเขาหรอก

 

“ข้าเกลียดที่ผู้แข็งแกร่งข่มเหงผู้อ่อนแอกว่า ข้าชอบให้ผู้อ่อนแอชนะเหนือผู้แข็งแกร่ง!”

 

เมื่อสือเสี่ยวไป๋คิดเช่นนี้ ก็กำลังจะเอ่ยปากบอกเย่เจียเฉวียนว่าตัวเองยินดีเข้าร่วมกับทีมสีแดง

 

ทันใดนั้น เย่เจียเฉวียนที่เอาแต่ก้มหน้าต่ำกลับเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“แม้ว่าในตอนนี้ทีมสีฟ้าจะแข็งแกร่งกว่าทีมสีแดง แต่ผมเชื่อว่าไม่ช้าไม่นานทีมสีแดงจะต้องเอาชนะทีมสีฟ้าได้แน่!” เย่เจียเฉวียนยกหมัดขึ้นมากำไว้ตรงหน้าอก แหงนหน้าขึ้นทอดมองไปยังท้องนภา น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ความเชื่อมั่นของเขานี้ไม่ใช่ของปลอม แต่มันมีที่มาและเชื่อถือได้

 

แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มผู้ซื่อสัตย์คนนี้เกิดความมั่นใจอันเร่าร้อนขึ้นกะทันหันได้ล่ะ?

 

เย่เจียเฉวียนก้มหน้าลงเล็กน้อย มองตรงมายังสื่อเสี่ยวไป๋ก่อนกล่าวเสียงดังว่า “ขอให้ท่านเข้าร่วมทีมสีแดงให้จงได้! หัวหน้าของทีมสีแดงของพวกเรา คือสื่อเสี่ยวไป๋!”

 

สื่อเสี่ยวไป๋ตะลึง คิดว่าตัวเองฟังผิดไป

 

น้ำเสียงฮึกเหิมของเย่เจียเฉวียนระเบิดขึ้นอีกครั้ง “หัวหน้าทีมสื่อเสี่ยวไป๋ จะต้องนำทีมสีแดงชนะทีมสีฟ้าได้แน่ ข้าเชื่อมั่นในตัวเขา!”

 

ในตอนที่เย่เจียเฉวียนพูดชื่อ “สื่อเสี่ยวไป๋” สามคำนี้ออกมา แววตานั้นแฝงไปด้วยความเคารพเทิดทูน คล้ายกับกำลังพูดถึงบุคคลผู้ยิ่งใหญ่สักคนหนึ่ง!

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด