ตอนที่แล้วบทที่ 21 อัศวินมังกร (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 อัศวินมังกร (3)

บทที่ 22 อัศวินมังกร (2)


บทที่ 22 อัศวินมังกร (2)

 

        “ไม่หรอกน่า! พี่อันยา พี่นิสัยดีมากเลย เอ้อ จริงสิ พี่อันยา ทำไมหน้าอกของพวกผู้หญิงถึงโตกว่าพวกผู้ชายล่ะ?” สายตาของอินจู๋จ้องไปที่หน้าอกของอันยาโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

ไม่ว่าอย่างไรอันยาก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ อินจู๋จะถามคำถามแบบนี้ออกมา พอถูกสายตาร้อนแรงอย่างนั้นจ้องมอง ก็พลันรู้สึกชาวาบขึ้นมาที่หน้าอก ตั้งแต่เกิดมา เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายกล้าถามเธอตรงๆ อย่างนี้ แต่ก็ยังมองไม่เห็นสายตาลามกจากอินจู๋เลยแม้สักนิดเดียว

 

“เจ้า...กลับบ้านไปถามแม่เจ้าสิ” อันยาเอามือสองข้างป้องอกไว้อย่างลนลานเล็กน้อย ใบหน้าสวยกลายเป็นสีชมพูไปหมด มองแล้วสวยสดงดงามเย้ายวนตาอย่างยิ่ง

 

“ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีโอกาสถามสักที! นอกจากให้ข้าเรียนพิณปู่ก็ไม่ให้ข้าถามเรื่องอื่นเลย พี่อันยา หน้าพี่แดงจัง พี่ไม่สบายเหรอ?”

 

“พี่...เจ้าเด็กตัวแสบนี่ พี่แพ้เจ้าแล้วจริงๆ” อันยาถอนหายใจอย่างจนปัญญา หากเปลี่ยนเป็นอีกคนมาถามแบบนี้ เกรงว่าเธอคงระเบิดไปตั้งนานแล้ว “ทีหลังห้ามไปถามคำถามแบบนี้กับเด็กผู้หญิงคนอื่น นี่คือความแตกต่างทางสรีระของผู้หญิงกับผู้ชาย ไว้รอเจ้าโตขึ้นกว่านี้หน่อยก็จะเข้าใจเอง การจ้องหน้าอกผู้หญิงเป็นเรื่องที่ไร้มารยาทมากนะ”

 

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง! พี่อันยา พี่ดีกับข้าจริงๆ เสียดายที่พิณของข้าหายไปแล้ว ไม่งั้นข้าคงดีดให้พี่ฟังสักเพลงแน่นอน” อินจู๋ราวกับเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง

 

เป็นอย่างที่เกิร์นคาดการณ์ไว้ บนเส้นทางจากอาณาจักรเบอร์บอนมุ่งหน้าไปสู่จักรวรรดิมิลาน ไม่พบเจออันตรายแต่อย่างใด เคลื่อนขบวนบนทางหลวงมาตลอดทาง ยี่สิบวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงชายแดนของสองประเทศ ระหว่างทาง เวลาส่วนใหญ่ของอินจู๋จะอยู่กับอันยาทำให้เหล่าทหารรับจ้างต่างพากันอิจฉา อินจู๋ฟังเธอเล่าเรื่องน่าสนใจในทวีปลองกินุส ความรู้ทั่วไปที่อันยาสอนให้กับเขามากมายกว่าสิ่งที่เขาได้เรียนตลอดสิบกว่าปีที่ทะเลโพรงมรกต อันยาไม่ใช่แค่อ่อนโยนดุจสายน้ำ แต่ยังมีความอดทนมากอีกด้วย ทำให้อินจู๋ไม่งงงวยกับเรื่องความรู้ทั่วไปเหมือนอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว

 

“ข้ามภูเขาลูกนั้นไป พวกเราก็จะเข้าสู่เขตแดนมิลานแล้ว เดินทางขึ้นเหนือไปอีกประมาณสิบกว่าวันก็ถึงเมืองมิลาน” อันยายืนอยู่ข้างรถม้าพลางกล่าวกับอินจู๋ที่อยู่ด้านข้าง

 

เหล่าทหารรับจ้างหนามเหล็กนอกจากคนที่มีหน้าที่เฝ้ายามก็พักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ข้างทาง เกิร์นได้ยินอันยาพูดแล้วจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “จักรวรรดิมิลานสงบสุขกว่าอาณาจักรเบอร์บอน ไว้พวกเราผ่านตรงนี้ไป ภารกิจก็สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว”

 

“เอ๊ะ เสียงอะไรน่ะ” อินจู๋สีหน้าเปลี่ยนไปพลางทำท่าเงี่ยหูฟัง

 

เกิร์นกล่าวอย่างตกใจว่า “เสียงอะไร? ทำไมข้าไม่ได้ยิน หรือว่าหูเจ้าดีกว่าข้า?”

 

อันยาสีหน้าจริงจังขึ้นเล็กน้อย “มีเสียงจริงๆ แต่ยังอยู่ไกลมาก ถึงข้าจะไม่ได้ยิน แต่พื้นดินกำลังสั่นนิดหน่อย” พอพูดถึงตรงนี้เธอก็เหลือบมองอินจู๋ข้างๆ คิดในใจว่าเขาหูดีกว่าข้าเสียอีก นี่คือข้อได้เปรียบของนักเทวคีตหรือ? อยู่ร่วมกันมายี่สิบกว่าวัน ทำให้เธอรู้สึกว่าอินจู๋เหมือนกระดาษเปล่าที่ขาวสะอาดไร้ตำหนิ จิตใจบริสุทธิ์ สงสัยใคร่รู้ในทุกๆ เรื่อง พลังจิตที่เขาเผลอปล่อยออกมาโดยไม่ตั้งใจดูเหมือนไม่ใช่สิ่งที่นักเวทระดับแดงจะสามารถทำได้ แต่สีของพลังจิตก็ยังคงเป็นสีแดง โดยไม่ทันรู้ตัว เด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาไร้เดียงสาคนนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกอัศจรรย์ใจเล็กน้อย แม้อินจู๋จะไร้เดียงสา แต่ทุกครั้งที่เธอถามเกี่ยวกับประวัติของเขา เขาก็จะนิ่งเงียบ

 

เสียงค่อยๆ ดังขึ้น แม้แต่เหล่าทหารรับจ้างก็ได้ยินอย่างชัดเจน นั่นคือเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว ในเสียงนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดัน ดังมาจากทิศทางด้านข้างของพวกเขา มังกรพสุธาใหญ่มหึมาตัวหนึ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า คล้ายคลึงกับอัศวินเกราะหนักที่อินจู๋กับม่วงพบในวันนั้นเล็กน้อย เพียงแต่อัศวินเกราะหนักคราวที่แล้วไม่อาจเทียบกับพลังอำนาจในคราวนี้ได้เลย

 

“จัดทัพ” แม้ไม่รู้ว่าอะไรกำลังมา แต่เกิร์นก็ยังเตรียมพร้อมตอบโต้ตั้งแต่วินาทีแรก ก่อนตะโกนสั่งเสียงดัง เรียกชุมนุมเหล่าลูกน้องของเขา เหล่าทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์ช่ำชองจัดกระบวนทัพอย่างรวดเร็ว นักรบทวนและโล่ตั้งรับอยู่ด้านหน้าสุด ถัดมาคือนักรบดาบหนักและมือธนู ทหารม้าเบาสิบคนแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคุ้มกันปีกด้านข้าง บังรถม้าสามคันและอินจู๋ไว้ข้างหลัง เกิร์นยืนอยู่ด้านหน้าสุดของกองทัพ ดาบใหญ่สองมือพาดอยู่บนบ่า มองไปทางมังกรพสุธาด้วยสีหน้าสุขุมเยือกเย็น มังกรพสุธาหลังเขียวข้างใต้เปล่งเสียงคำรามต่ำไม่หยุด ดูเหมือนกระวนกระวายเล็กน้อย น้ำลายที่เต็มไปด้วยฤทธิ์กัดกร่อนถึงกับหยดย้อยลงจากมุมปากของมัน ร่วงลงบนพื้นพลางส่งเสียงดังฉ่า

 

แสงอาทิตย์งามวิจิตรขับดุนมังกรพสุธาให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

“อ้อ! อัศวินมังกร รีบเก็บอาวุธเร็ว” เกิร์นรีบร้อนตะโกนเสียงดัง เอาดาบหนักสองมือในมือกลับไปแบกไว้ข้างหลังอย่างลุกลี้ลุกลน เหล่าสมาชิกของหน่วยทหารรับจ้างหนามเหล็กก็ทำเช่นเดียวกัน  เห็นท่าทางพวกเขาแล้วราวกับกำลังเจอเรื่องน่ากลัวอะไรสักอย่าง แต่ในแววตาหวาดกลัวของพวกเขากลับมีความเคารพนับถืออยู่ด้วย และยิ่งไปกว่านั้นกลับเป็นความอิจฉาและความริษยาเล็กน้อย

 

อัศวินมังกรคืออะไร? อัศวินที่ใช้มังกรเป็นพาหนะ เรียกว่าอัศวินมังกร ผู้ที่ทำให้มังกรพสุธาทะยานขึ้นฟ้าได้ก็คืออัศวินกลุ่มนี้นั่นเอง จำนวนประมาณร้อยคน ข้างหน้าสุดคือมังกรยักษ์สีทองอร่ามรูปร่างใหญ่มหึมา ความยาวตัวเกินสิบเมตร ลำตัวใหญ่มหึมาสูงสี่เมตร ทำให้มังกรพสุธาหลังเขียวของเกิร์นตัวนั้นดูเล็กจิ๋วไปถนัดตา มังกรยักษ์สีทองตัวนี้ไม่มีปีกเหมือนกัน แต่เท้าทั้งสี่กลับแตะถึงพื้น ส่วนหัวแลดูแหลมเล็กน้อย บนยอดศีรษะมีเขาเดี่ยวที่ยาวถึงหนึ่งเมตรส่องประกายดุจคริสตัลสีทอง

 

เกล็ดมังกรแน่นหนาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมาแต่ไกล เรียงซ้อนกันถี่ยิบอยู่บนตัวใหญ่มหึมาของมัน หางของมันยาวมาก ด้านบนมีหนามแหลมรูปสามเหลี่ยม ปลายหางมีสามแฉก กระดกงอนขึ้นด้านบนเล็กน้อย ไม่สัมผัสกับพื้นดินแต่อย่างใด เปล่งประกายสีน้ำเงินสดใส

 

ด้านหลังมังกรยักษ์สีทองล้วนเป็นมังกรสีครามตลอดตัวเหมือนกันทั้งหมด สูงสองเมตร ยาวสามเมตร ลักษณะกึ่งยืนตรง บนหลังมีสิ่งที่คล้ายกับบังเหียนม้าให้อัศวินยึดจับไว้ แม้จะวิ่งด้วยสองขาเท่านั้น แต่กลับว่องไวอย่างยิ่ง ติดตามอยู่ข้างหลังมังกรยักษ์ทองคำข้างหน้าตลอดเวลา

 

“ไทแรนโนซอรัสทองคำกับซีโลไฟซิสอีริค” อันยากล่าวเสียงเรียบ แม้เผชิญหน้ากับอัศวินมังกรที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เธอก็ไม่มีสีหน้าตื่นกลัวแม้แต่น้อย คนที่ไม่ตื่นกลัวเช่นกันยังมีอินจู๋อีกคน เมื่อเห็นมังกรเลี้ยงรวมฝูงกันเป็นกองทัพ ในแววตาของเขาก็มีเพียงความอยากรู้อยากเห็น

 

“พี่อันยา พวกมันคือมังกรระดับไหนน่ะ!”

 

“ไทแรนโนซอรัสทองคำคือสายพันธุ์ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในบรรดามังกรเลี้ยง พลังของมันถึงขั้นสามารถเทียบกับมังกรแท้ได้ แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่ขั้นต่ำ เป็นราชาในหมู่มังกรพสุธา สัตว์เวทระดับหก สายโลหะ เป็นรองแค่สัตว์เวททรงภูมิปัญญา พลังป้องกันตัวแข็งแกร่งมาก และยังมีพลังเวทมนตร์ประจำตัวของสายโลหะ จึงพอที่จะทำให้มันอาละวาดบนแผ่นดินได้ เจ้าดูสิ เขาเดี่ยวกับหางของมันคือจุดปล่อยพลังเวทมตร์ประจำตัว สำหรับซีโลไฟซิสอีริคก็ไม่มีอะไร มังกรเลี้ยงขั้นต่ำ แบ่งเป็นระดับสี่และห้าคละกันไป ขนาดตัวใหญ่ความเร็วสูงหน่อยก็อยู่ระดับห้า ด้อยลงมาหน่อยก็อยู่ระดับสี่ ว่ากันตามพลังความสามารถแล้ว ด้อยกว่ามังกรพสุธาหลังเขียวของหัวหน้าหน่วยเกิร์นไม่มาก และถือเป็นสายพันธุ์ของมังกรพสุธา จุดเด่นหลักๆ คือว่องไวมาก ถ้าพูดถึงแค่ความเร็ว อัตราเร่งระยะสั้นแม้กระทั่งไทแรนโนซอรัสทองคำก็ยังเทียบมันไม่ติด”

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด