ตอนที่แล้วบทที่ 20 ฉันทำไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22 แม่ม่ายดำ

บทที่ 21 รัง


บทที่ 21 รัง

 

ขณะนั้นความเงียบปกคลุมจนคล้ายกับว่าเข็มตกลงพื้นก็ยังได้ยิน

 

สมาชิกสมาพันธ์ตัดวายุทั้งหมดล้วนจ้องมองเฉินเสี่ยวเลี่ยนด้วยสายตาเย็นเยียบ มุมปากของซารอสปรากฎรอยยิ้มเหี้ยมโหด ส่วนเดม่อนเต็มไปด้วยไอสังหาร

 

สายตาของนิวตันปรากฏแววผิดหวังอย่างสุดซึ้งออกมาอย่างเบาบาง

 

“ที่แท้นายก็เป็นผู้ตื่นจริงๆ...”

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนมีท่าทีสงบมาก เขาดึงซูซูที่กำลังร้องไห้เข้ามาหาตัว ลูบผมเธออย่างเบามือ จากนั้นเฉินเสี่ยวเลี่ยนก็เงยหน้ามองนิวตัน “ความจริง ฉันไม่เข้าใจสักนิดว่าพวกนายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่”

 

สายตาของนิวตันเย็นชาถึงขีดสุด

 

“ฆ่ามันถอะ”

 

ชายหน้าลายที่พูดน้อยมาโดยตลอดถือดาบโค้งเดินมาทางเฉินเสี่ยวเลี่ยน

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

นิวตันยื่นมือออกไปคว้าข้อมือชายหน้าลายเอาไว้

 

“นิวตัน นายคงไม่คิดปล่อยมันไปตอนนี้หรอกนะ? นายบ้าไปแล้วหรือไง?” เดม่อนพูดอย่างดุดัน

 

นิวตันมองเขาทีหนึ่ง จากนั้นพูดช้าๆ ว่า “ตอนที่เข้ามามีการสแกนแยกแยะตัวตน ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ตื่นหรือไม่ ตอนที่เขาเข้ามาในดันเจี้ยนก็ถูกสแกนระบุตัวตนและถูกนับเข้าในระบบดันเจี้ยนแล้ว พวกนายคงไม่ลืมว่าข้อจำกัดทั้งสามข้อของดันเจี้ยน ข้อสุดท้ายคือเรื่องอะไรใช่ไหม?”

 

เดม่อนกัดฟันไม่ยอมพูด ซารอสกับตู๋หยาสบตากันทีหนึ่งก็ไม่พูดอะไร

 

ชายหน้าลายลังเลครู่หนึ่งค่อยพูดออกมา “ห้ามผู้เล่นต่อสู้กันเอง ฆ่าผู้เล่นคนอื่นไม่ได้ หากพบการกระทำผิด จะต้องรับการลงโทษจากระบบ”

 

“ใช่แล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ตื่นหรือไม่ ตอนที่เข้ามาก็ถูกสแกนระบุตัวตนและก็ถูกรับเข้าระบบแล้ว ดังนั้นภายใต้การคุ้มครองของกฎดันเจี้ยน การลงมือฆ่าเขาเองจะต้องได้รับโทษ... พวกนายคนไหนที่ไม่สนการลงโทษจากระบบก็ลงมือเองเถอะ ฉันไม่ห้ามหรอก”

 

พอนิวตันพูดออกมาก็ไม่มีใครลงมือแล้ว

 

จู่ๆ ซารอสก็หัวเราะเสียงหวาน “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องลงมือฆ่ามันเองก็พอแล้วละ พาตัวมันไปด้วย ถ้าเจอมอนสเตอร์ระหว่างทางก็โยนทิ้งก็พอแล้ว”

 

นิวตันมองดูซารอส พยักหน้าเล็กน้อย

 

เดม่อนแสยะยิ้ม หัวเราะเสียงเย็นใส่เฉินเสี่ยวเลี่ยนทีหนึ่ง แล้วเดินมาข้างตัวเขา มองดูข้อเท้าที่หักไปข้างหนึ่งของเขา มองดูเลือดที่อาบเต็มใบหน้าและหัวของเขา แค่นหัวเราะทีหนึ่ง ฉับพลันก็ยกเท้าขึ้นมาแล้วถีบเข้าไปที่ไหล่ของเฉินเสี่ยวเลี่ยน!

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนลอยกระเด็นไปติดกำแพงทันที ตอนที่ตกลงมาเจ็บจนภาพเบื้องหน้าวูบไป เขาได้ยินเสียงกระดูกไหล่ของตนแตกร้าวอย่างชัดเจน!

 

“แค่ลดพลังต่อสู้ของมันก็ยังไม่ปลอดภัยหรอก” ซารอสยิ้มตาหยีเดินมาตรงหน้าเฉินเสี่ยวเลี่ยน

 

ขณะที่เฉินเสี่ยวเลี่ยนกำลังสงสัย จู่ๆ ก็มองเห็นหน้าจอระบบปรากฏการแจ้งเตือน

 

‘คำเตือน มีผู้ใช้สกิล ‘ขโมย’ กับท่าน ของที่สูญเสีย: ไม่มี’

 

“กระเป๋าไอเทมของเจ้าหมอนี่ไม่มีอะไรเลย” ซารอสส่ายหัว

 

จากนั้นเธอก็ค้อมเอวเก็บดาบทรงกางเขนในมือของเฉินเสี่ยวเลี่ยนขึ้นมาแล้วโยนคืนให้กับนิวตัน นิวตันมองแวบหนึ่งก็เก็บเข้าระบบไป

 

“ไปกันเถอะ อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย” นิวตันพูดเสียงเย็น “ต้องรีบทำภารกิจให้สำเร็จ”

 

จากนั้นเขาก็จัดสรรกำลังคนในมือ ซูซูกับชิซูกะมีซารอสและตู๋หยาแยกกันพาตัวไป ส่วนเฉินเสี่ยวเลี่ยน... เดม่อนกำลังคิดจะออกตัวมาคุมเอง จู่ๆ หานปี้ที่ยืนเงียบอยู่อีกด้านก็เปิดปากพูดขึ้นมา “ให้ฉันคุมเขาเถอะ”

 

พอเห็นว่าสมาชิกทีมมองมาทางตน หานปี้ก็ทำเสียงจริงใจอย่างที่สุด “ฉันเป็นเด็กใหม่ ช่วยต่อสู้อะไรไม่ได้มาก ข้างหน้าอาจเจออันตรายอะไรอีก คนที่เป็นกำลังสำคัญก็ควรจะร่วมกันต่อสู้ ส่วนเรื่องแบบนี้ให้ฉันทำเถอะ”

 

วิธีการพูดแบบนี้ทำให้ไม่มีใครสงสัย นิวตันพยักหน้า

 

หานปี้เดินเข้ามาหา ใช้ท่าทางสุดป่าเถื่อนดึงเฉินเสี่ยวเลี่ยนลุกขึ้น เฉินเสี่ยวเลี่ยนกระอักเลือดออกมา กลับเห็นสัญญาณบางอย่างจากสายตาของหานปี้

 

เดม่อนเดินไปอีกทาง ออกแรงดันบานประตูหินที่เหลือ

 

ประตูเพิ่งเปิดออก ชั่วขณะก็มีไอเย็นเฉียบแผ่ออกมา ด้านนอกมืดสนิท ไม่มีลำแสงใดๆ แม้แต่น้อย

 

เดม่อนโน้มตัวครึ่งหนึ่งออกไปมองสำรวจก็หัวกลับมาบอกว่า “มีทางเดิน”

 

มีทางเดินน่ะ ใช่แน่ เพียงแต่ว่าพื้นกลับลาดชันมาก

 

คล้ายกับว่าด้านนอกประตูเป็นหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง มีบันไดหินยืดเหยียดลงไปตามพื้นด้านล่าง ซ้ำยังวกวนไปมา

 

ความกว้างของบันไดคับแคบมาก อย่างมากก็พอให้คนสองคนเดินข้างกันเท่านั้น ด้านหนึ่งติดผนังถ้ำ อีกด้านหนึ่งคือหน้าผาที่มืดสนิท... เพราะว่าไม่มีแสงจึงมองไม่ชัดว่าด้านล่างมีอะไรกันแน่

 

บนตัวแต่ละคนทาน้ำยาสกัดจากกบหิ่งห้อยไว้ มันเปล่งแสงเรืองออกมาอ่อนๆ พอจะส่องสว่างได้บ้าง คราวนี้นิวตันให้เดม่อนไปเปิดทางด้านหน้ากับตน เดม่อนไม่ต่อต้านอะไรก็คว้าดาบยักษ์เล่มนั้นเดินไปข้างหน้า

 

ตู๋หยากับคนอื่นๆ อยู่ตรงกลาง

 

หานปี้ใช้แขนข้างหนึ่งพยุงเฉินเสี่ยวเลี่ยน ลอบแบกรับน้ำหนักส่วนใหญ่ของเขาไว้ เฉินเสี่ยวเลี่ยนฝืนใช้ขาข้างเดียวกระโดดเดินไป ทั้งสองตกอยู่ท้ายขบวนอย่างเงียบเชียบ เพราะทางเดินที่คับแคบและด้านหลังก็ไม่มีทางออก เฉินเสี่ยวเลี่ยนเองก็ได้รับบาดเจ็บ จึงไม่มีใครใส่ใจ

 

ทว่าเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของซูซูดังแว่วมาเป็นระลอก ซ้ำยังร้องเรียก “เสียวเหลี่ยนโอปป้า” อีกหลายหน แต่พอถูกซารอสตบบ้องหูเข้าไปทีหนึ่ง เด็กสาวก็ตกใจจนไม่กล้าร้องไห้อีก

 

เดินบนขั้นบันไดยาวนานเกือบชั่วโมงกว่าๆ เฉินเสี่ยวเลี่ยนเจ็บแทบทรุดไปทั้งร่าง เหงื่อกาฬซึมเปียกเสื้อชั้นใน หายใจกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ

 

ยิ่งลงต่ำไปเรื่อยๆ ลมหนาวก็ยิ่งรุนแรง หน้าผานั้นมีเสียงลมวู้ๆ ดังแว่วมา ลมหนาวบาดหน้าเหมือนกับมีดก็ไม่ปาน

 

“ทำไมที่นี่มันหนาวแบบนี้? ผิวฉันแห้งจะแย่อยู่แล้ว”

 

ซารอสบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจ

 

“อย่าไร้สาระ ตื่นตัวกันหน่อย” นิวตันหันกลับมาพูด “อย่าหลงเชื่อเรดาห์ พวกเราถึงกับเจอนักล่าล่องหนมาแล้ว ไม่แน่ว่าจะเจอมอนสเตอร์ล่องหนอื่นๆ อีก ซารอส! เบิ่งตาของเธอคอยระวังเอาไว้!”

 

ซารอสร้องฮึ แต่กลับอดไม่ได้ที่จะบ่นอีก “ฉันชักเกลียดดันเจี้ยนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ”

 

ถึงปากจะบ่น แต่เธอกลับเบิกตามองไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศ ในฐานะที่เป็นนักธนู สายตาของเธอนั้นดีที่สุด

 

ผ่านไปสักครู่ จู่ๆ ก็มีเสียงเดม่อนดังมาจากด้านหน้า “หยุด! มีอะไรบางอย่าง!”

 

หน้าบันไดหิน ข้างทางมีบางอย่างดำทะมึนขวางอยู่ เดม่อนกับนิวตันเดินเข้าไปใกล้ อาศัยแสงริบหรี่จากแสงหิ่งห้อยมองดูโครงร่างของสิ่งนั้นจนชัดเจน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่ดีขึ้นมา

 

มันคือ...แมงมุมยักษ์ตัวหนึ่ง!

 

จะพูดให้ถูกก็คือซากแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่งที่ตายไปแล้ว

 

ลำตัวของมันใหญ่พอๆ กับลูกหมา ขาแหลมคมเหมือนมีด ถึงแม้มันไม่ขยับก็ยังทำให้คนมองดูแล้วรู้สึกชาไปถึงขั้วหัวใจ เพียงแต่ว่าหัวของมันคล้ายกับถูกอะไรบางอย่างกัดไปส่วนหนึ่ง

 

นิวตันมองดูแมงมุมนั่นอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนโดยฉับพลัน!

 

ซากแมงมุมตัวนี้มีของเหลวเหนียวอยู่จำนวนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไหลออกมาตอนที่มันถูกกัดหัว น้ำเหนียวหนืดนั้นยังไม่แห้ง นั่นหมายความว่า ตอนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นห่างจากตอนนี้ไม่นานนัก!

 

เหล่าสมาชิกสมาพันธ์ตัดวายุทยอยหยิบอาวุธขึ้นมา สำรวจรอบด้านอย่างระมัดระวัง ความเร็วในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าก็พลอยลดลงด้วย

 

ผ่านไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง บันไดหินก็คล้ายว่าสิ้นสุดลงในที่สุด

 

ที่นี่เป็นที่ราบซึ่งถูกโอบล้อมด้วยภูเขา ยังคงมืดสนิทแต่ทว่านอกจากบรรยากาศจะหนาวเย็นยะเยือกแล้วยังมีบางอย่างที่กลิ่นหวานเอียนที่แปลกประหลาด กลิ่นแบบนี้ไม่หอมสักนิด ซ้ำชวนให้คนที่ดมรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียน

 

เดม่อนที่เดินอยู่หน้าสุด จู่ๆ ใต้เท้าก็ยุบยวบลงไปดังโพละ คล้ายกับเหยียบถูกอะไรบางอย่าง

 

เขายกเท้าก้มลงมองทันที “นี่มันบ้าอะไรกัน?!”

 

บนพื้น บางอย่างที่ถูกเขาเหยียบแตก...มีลักษณะค่อนข้างกลม...เป็นรูปทรงไข่

 

“นี่มัน....”

 

“ตรงนี้มีเยอะมาก!!”

 

“รีบดูตรงมุมนั่น แล้วยังมีแขวนอยู่บนหน้าผาอีก!!”

 

ตู๋หยากับซารอสแทบจะประสานเสียงขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

 

ตอนนี้ทุกคนต้องอาศัยแสงริบหรี่กว่าจะมองเห็นอย่างชัดเจน... ในที่ราบระหว่างภูเขาที่ไม่ใหญ่นักแห่งนี้ บนหน้าผาและตรงมุมล้วนเต็มไปด้วย...ไข่กองแล้วกองเล่า!

 

ไข่สีขาวจางกึ่งโปร่งแสง ด้านบนยังเต็มไปด้วยของเหลวเหนียวสีขาวที่ไม่รู้ชื่อ แต่ละอันมีขนาดใหญ่พอๆ กับลูกมะพร้าว กองแล้วกองเล่าเบียดอยู่รวมกัน ไม่รู้มีจำนวนมากขนาดไหน!

 

…………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด