ตอนที่แล้วบทที่ 20 ฝ่าทะลวงคอขวด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22 เปิดฉากไล่ล่า

บทที่ 21 ระเบิดที่พร้อมปะทุ


บทที่ 21 ระเบิดที่พร้อมปะทุ

 

เมื่อเห็นทุกคนตกตะลึงปนสับสนงงงวย ซย่าน่าที่แววตาเศร้าเสียใจก็ค่อยๆ เก็บมีดยาวกลับเข้าไปที่เดิมแล้วพูดเสียงเบาว่า “ยิ่งยื้อนานเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์ทรมานมากเท่านั้น”

 

การที่มีสติรู้ตัวแบบนี้ได้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะใจร้ายใจดำลงมือทำเช่นนี้ได้

 

“เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ แต่นายกลับจัดการมันได้เร็วขนาดนี้...” ซย่าน่าเบนสายตาไปทาง หลิงม่อและพูดด้วยสีหน้าสับสน

 

หลิงม่อเบะปาก แล้วเช็ดเลือดกำเดาพลางพูดว่า “อย่ามองฉันอย่างนี้สิ ฉันก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกันนะ”

 

“เขาไม่เป็นไรใช่ไหม” ซย่าน่ามองลึกเข้าไปในดวงตาของหลิงม่ออีกครั้ง จากนั้นเดินไปหาหลิวอวี่หาวกับลู่ซินและเอ่ยถาม

 

ตอนนี้หลิวอวี่หาวทำแผลใกล้เสร็จแล้ว จากท่าทางที่ชำนาญของเขาทำให้ดูออกได้ไม่ยากว่าอวี่หาวถนัดงานด้านนี้มากทีเดียว แต่หากพูดในอีกมุมหนึ่ง เขานี่ช่างเป็นพี่เลี้ยงที่มีความสามารถรอบตัวเสียจริง

 

เมื่อเห็นว่าหลิงม่อเองก็เดินเข้ามาใกล้เช่นกัน ลู่ซินจึงกัดริมฝีปากและก้มหน้าก้มตาเพื่อไม่ให้หลิงม่อเห็นความชั่วร้ายที่ปรากฏในดวงตาของตนเอง

“เลือดหยุดไหลแล้วละ...” ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่ทว่าสีหน้าของหลิวอวี่หาวกลับดูแย่อย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่าเขามีคำพูดบางอย่างที่ไม่อาจพูดตรงๆ ต่อหน้าลู่ซินได้

 

“ซย่าน่า เธอมาทางนี้หน่อย”

 

หลิวอวี่หาวเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาล พร้อมกับพยุงลู่ซินไปนั่งที่ข้างกำแพง แล้วค่อยๆเดินไปกระซิบบอกซย่าน่า

 

หลิงม่อที่อยู่ด้านข้างได้ยินอย่างชัดเจน เขายังไม่ทันจะเอ่ยปากพูดอะไร ซย่าน่าก็ลากตัวเขามาเสียแล้ว “นายก็มาด้วยสิ”

 

ถึงแม้จะเป็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็เท่ากับว่าเป็นการยอมรับตำแหน่งผู้นำในกลุ่มเล็กๆ นี้ของหลิงม่อไปโดยปริยาย ทั้งเป็นการยอมรับของซย่าน่าต่อความสามารถของเขา คาดว่านับตั้งแต่วินาทีที่เห็นซากซอมบี้กลายพันธุ์ เด็กผู้หญิงคนนี้ก็เกิดความเข้าใจในตัวหลิงม่ออย่างทะลุปรุโปร่ง

 

หลิวอวี่หาวพาพวกเขาเดินอ้อมไปที่ด้านหลังชั้นวางสินค้า แล้วพูดกระซิบว่า “ลู่ซินคงจะไม่ไหวแล้วละ...”

 

“ฉันรู้” ซย่าน่าเม้มริมฝีปากและเอ่ยตอบ

 

หลิงม่อเลิกคิ้ว แล้วหันไปมองเย่เลี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่รู้ตัว

 

เชื้อไวรัสแพร่ติดต่อกันได้ การแพร่ระบาดเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ก่อนหน้านี้เป็นไปได้ว่าการแพร่กระจายของไวรัสเกิดขึ้นทางอากาศ แต่หลังจากการแพร่ระบาดก็ไม่เห็นมีผู้รอดชีวิตคนไหนกลายร่าง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก เชื้อไวรัสสามารถวิวัฒนาการได้ เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงในตัวเย่เลี่ยน จึงเป็นไปได้อย่างมากว่าตอนนี้เชื้อไวรัสจะแพร่ติดต่อกันทางเลือด

 

นอกจากนี้หลังจากที่ถูกซอมบี้โจมตี มีน้อยคนนักที่จะสามารถประคองร่างกายที่บาดเจ็บหนีรอดมาได้ เพราะฉะนั้นจึงแทบไม่มีซอมบี้เกิดขึ้นใหม่ หรือถึงจะมี ก็คงไม่มีใครรู้

 

ตอนนี้พวกหลิวอวี่หาวจึงเผชิญกับปัญหาใหญ่ ลู่ซินจะกลายร่างหรือไม่ จะกำจัดเขาทิ้งตอนนี้เลยหรือว่าจะสังเกตการณ์ไปสักพักก่อน ถ้าบาดเจ็บที่มือหรือเท้า แล้วรีบตัดทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนี้อาจจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่บาดเจ็บที่แผ่นหลัง อีกทั้งมือของซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนั้นก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ในซอกเล็บคงมีแต่เชื้อไวรัสเต็มไปหมด ไม่ว่าอย่างไรก็จัดการไม่ทันเสียแล้ว

 

แน่นอนว่าตามความคิดเห็นของหลิงม่อแล้ว จัดการกำจัดทิ้งเสียให้เรียบร้อยจะดีกว่า เพราะต่อจากนี้พวกเขายังต้องรีบเดินทางไปโรงเรียนซานจงอีก จะมีเรี่ยวแรงที่ไหนมาดูแลผู้บาดเจ็บ แล้วยังต้องคอยปกป้องเขาอีก นี่ไม่ใช่แค่ภาระ แต่ยังเป็นระเบิดที่พร้อมปะทุตลอดเวลาอีกด้วย!

 

อย่างไรก็ตามก็ต้องดูการตัดสินใจของซย่าน่าและหลิวอวี่หาวด้วย ทว่าถึงอย่างนั้นหลิงม่อได้แอบวางแผนอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเขาตัดสินใจว่าจะเก็บลู่ซินไว้ เขาก็จะไม่ขอร่วมลุยน้ำข้ามทะเลกับพวกเขาต่อไปอีก ไหนๆ ที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากซานจงสักเท่าไร ถ้าเขาพาเย่เลี่ยนไปคนเดียว อาจจะไปถึงที่นั่นเร็วกว่านี้ก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นเมื่อค้นหาซอมบี้กลายพันธุ์ได้มากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เย่เลี่ยนฟื้นคืนสติกลับมาได้เร็วขึ้นด้วย

 

อย่างไรก็แล้วแต่ ถึงแม้เขากับซย่าน่าและหลิวอวี่หาวจะมีมิตรภาพต่อกันเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของเขา แม้แต่ก่อนหน้านี้ที่เขาก้าวออกมาสู้อย่างกล้าหาญ ก็เป็นเพราะเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมถึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น

 

อาจจะเป็นเพราะเห็นสายตาของหลิงม่อดูไม่ชอบมาพากล หลิวอวี่หาวจึงหยั่งเชิงถามขึ้นมาว่า “ถ้าเราพาเขา...”

 

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย จะพาเขาไปด้วยได้ยังไง นายไม่เห็นเหรอว่าไม่มีใครยอมเข้าใกล้เขาแล้ว” ถึงแม้ซย่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิง แต่เธอเป็นคนที่เด็ดขาดมาก เมื่อได้ยินที่หลิวอวี่หาวพูด เธอก็ยิ้มเจื่อนพลางพูด

 

จริงอย่างที่ซย่าน่าพูด เมื่อครู่ตอนที่ลู่ซินร้อง “โอ๊ย” ไม่หยุด นอกจากหลิวอวี่หาวที่ช่วยรักษาบาดแผลให้เขาแล้ว คนอื่นที่เหลือไม่เพียงไม่เข้าใกล้เขา มิหนำซ้ำยังยืนห่างออกมา เพราะกลัวว่าจะสัมผัสโดนตัวเขาเข้า

 

“แล้วจะทำยังไง...คงฆ่าเขาทิ้งตอนนี้ไม่ได้หรอกมั้ง ตอนนี้เขา...ยังรู้สึกตัวดีอยู่เลย...”

 

“ให้อาหารเขาไว้ แล้วให้เขาอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ถ้าเราย้อนกลับมาแล้ว เขามีชีวิตอยู่ แล้วยังไม่ได้กลายร่าง เราก็จะพาเขาไปด้วย!”

 

ซย่าน่าตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นี่เป็นวิธีแบบพบกันครึ่งทาง

 

เฮ้อ...หลิงม่อแอบถอนหายใจ พวกนายกลับไปกลับมาแบบนี้ อีกฝ่ายคงไม่รู้สึกซาบซึ้งหรอก แถมยังต้องเสียอาหารไปอีก...

 

แต่อย่างไรเสียก็ยังดีกว่าพาเจ้าตัวภาระนั่นไปด้วย ดังนั้นเมื่อซย่าน่าหันมามองตน หลิงม่อก็พยักหน้าตอบอย่างไม่แยแส

 

แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ เมื่อซย่าน่าและหลิวอวี่หาวบอกการตัดสินใจนี้กับลู่ซิน สีหน้าของเขาเรียกได้ว่ากลายเป็นบิดเบี้ยวโดยทันที ภายในแววตานอกจากจะฉายความหมดอาลัยตายอยาก ยังเจือไปด้วยความโกรธแค้นอย่างสุดขีด!

 

เดิมทีลู่ซินอยากจะขัดขืน แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนรอบข้าง เขาก็รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่หัวจดฝ่าเท้าในฉับพลัน!

 

ไม่มีใครเห็นแย้งกับเรื่องนี้เลย ไม่มีใครเป็นห่วงเลยว่าเขาจะเป็นหรือตาย!

 

“ดี...พวกนายดีมาก...” ลู่ซินเค้นคำพูดเหล่านี้ออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก แล้วรับอาหารที่หลิวอวี่หาวยื่นมาให้พลางยิ้มเยาะ จากนั้นปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอีก ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด ริมฝีปากก็สั่นเครือตลอด

 

ความหวาดกลัวและความโกรธแค้น ทำให้บัดนี้แววตาของลู่ซินดูสับสนเป็นอย่างมาก จนแทบจะไม่มีใครสักคนกล้ามองตาเขา

 

“ฉันพานายไปส่งที่ห้องทำงานด้านโน้นแล้วกันนะ นายวางใจได้ เดี๋ยวพวกเราจะกลับมารับนาย” หลิวอวี่หาวพูดด้วยความละอายใจเล็กน้อย ให้เขาอยู่ในห้องทำงานแบบนี้ จะได้ไม่ทำให้พวกซอมบี้ที่ถูกกลิ่นคาวเลือดดึงดูดมารุมทึ้งฉีกกิน ซึ่งนี่ก็นับว่าเมตตาที่สุดแล้ว

 

แต่ลู่ซินแค่พยักหน้าอย่างไม่ยี่หระ เมื่อหลิวอวี่หาวพาเขาไปนั่งในห้องและปิดประตูออกมาแล้ว ทุกคนยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม

 

เมื่อเทียบกับการช่วยผู้บาดเจ็บที่ทุกข์ทรมานให้หลุดพ้นแล้ว การทอดทิ้งเพื่อนแบบนี้น่าจะทำให้รู้สึกเศร้าเสียใจมากกว่า แม้เป็นเพียงชั่วคราวก็ตามที...

 

แต่บอกตามตรง ภายในใจของหลิงม่อกลับไม่มีความสับสนเลย เพราะด้านหนึ่งคือเขาเกลียดลู่ซินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และอีกด้านหนึ่งคือเขารู้สึกว่าซย่าน่ากับหลิวอวี่หาวไม่ได้ทำอะไรผิด ในทางกลับกัน ลู่ซินต้องการให้คนกลุ่มนี้เสียสละเพื่อเขาคนเดียว นี่ต่างหากที่เห็นแก่ตัวสุดๆ!

 

แต่ไม่รู้ว่าทำไม หลิงม่อกลับแอบลุ้นอยู่นิดๆ ว่าหลังจากถูกซอมบี้ที่เป็นซอมบี้กลายพันธุ์ทำร้ายแล้ว ลู่ซินจะ กลายร่างหรือไม่

 

การแวะพักครั้งนี้ต้องสูญเสียเพื่อนไปอีกสองคน อัตราการบาดเจ็บล้มตายสูงอย่างน่าประหลาดจริงๆ ไม่มีใครอยากจะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ทุกคนต่างเร่งเร้าให้รีบออกไปจากที่นี่

 

ดีที่หวังเฉิงหาอาหารมาได้นิดหน่อย ถึงแม้หลิวอวี่หาวจะแบ่งอาหารในมือให้กับลู่ซินไป แต่ก็มีอาหารมากพอให้พวกเขากินในวันนี้ ซึ่งเหตุผลสำคัญที่สุดเป็นเพราะตอนนี้นอกจากหลิงม่อ เย่เลี่ยนและลู่ซินที่ถูกทอดทิ้งชั่วคราวแล้ว พวกเขาก็เหลือกันแค่ห้าคนเท่านั้น

 

เด็กผู้หญิงหนึ่งคน หนุ่มแว่นหวังเฉิง ชายหนุ่มที่เกือบจะฆ่าหวังเฉิง แล้วก็ซย่าน่าและหลิวอวี่หาว

 

ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หลิงม่อรู้สึกว่าแววตาของหวังเฉิงดูผ่อนคลาย ทั้งๆ ที่มีเพื่อนตายไปมากมายขนาดนี้ แม้สีหน้าจะดูเศร้าเสียใจ แต่แลดูเสแสร้งยังไงชอบกล

 

ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว คนพวกนี้ไม่มีความกล้าหาญ ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ แต่กลับรักตัวกลัวตายกว่าใครๆ และในหัวของพวกเขาเอาแต่คิดแผนการและเต็มไปด้วยกลอุบายทั้งสิ้น

 

...............................................................................................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด