ตอนที่แล้วChapter 23: ต่อจากนั้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 25: ของขวัญ

Chapter 24: พลังภายใน


 

กลางคืน ในหุบเขาเงียบสงัด

ตระกูลโจวตอนนี้เชื่อฟังฟางหยวนเป็นที่สุด แม้ว่าฟางหยวนจะไล่พวกเขาออกมาจากหุบเขา พวกเขาก็ยังไม่ถือสา และสร้างกระท่อมหญ้าเล็ก ๆ ขึ้นที่ด้านนอกหุบเขา

พวกเขาไม่รู้สักนิดเลยว่าฟางหยวนวางแผนทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อนำตัวเองออกห่างจากปัญหา

จะไม่เป็นปัญหาหรอกหรือถ้าพวกเขาพบว่าฟางหยวนกินข้าวหยกแดงและดื่มชาชำระจิตอยู่ทุกมื้ออาหาร?

หลังจากอิ่มแล้ว ฟางหยวนก็นั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่ตรวจดูบาดแผลของตน

“ดี... พวกเจ้าเริ่มสมานแล้ว...”

เขามีร่างกายที่ดีอย่างน่าอัศจรรย์มาตั้งแต่แรก หลังจากกินข้าวหยกแดงเต็มที่มื้อหนึ่ง การหายของแผลก็เร็วขึ้นอีก

มีเลือดไปเลี้ยงแผลมากขึ้นและอาการปวดลดลง

“หายยิ่งเร็วยิ่งดีที่สุด ไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะพบเข้าเสียก่อน!”

ด้วยระดับ [การแพทย์] ของเขาตอนนี้ร่วมกับสมุนไพร การฟื้นฟูก็เป็นไปได้เร็วมากแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องน่ายินดีให้ประหลาดใจกับคุณสมบัติลับ ๆ ของข้าวหยกแดงอีกด้วย

เมื่อคิดถึงเป้าหมายที่บรรลุแล้ว ฟางหยวนก็ยิ้มกับตัวเอง

แม้ว่าเขาจะไม่มีเวลาหยิบของในคฤหาสน์นั้น แต่รางวัลที่ได้จากตัวซ่งอวี้เจว๋และซ่งจื๋อเกาก็เพียงพอแล้ว

นอกจากเงิน ฟางหยวนยังได้ตำราฝึกจิตของสำนักกุยหลิงจากซ่งอวี้เจว๋ด้วย!

นี่ย่อมเป็นตำราระดับสูงสำนักกุยหลิงเป็นแน่ ซึ่งฟางหยวนก็ถือว่าเป็นของตัวเองแล้ว เขาท่องจำตำราทั้งเล่ม ก่อนจะทำลายมันทิ้งเรียบ

“สำนักกุยหลิงช่างไร้คุณธรรม!”

เมื่อเขาทบทวนตำราฝึกจิตของสำนักกุยหลิงในใจ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม

เพราะว่าในตำรานี้ มีส่วนสำคัญที่ขาดหายไป ส่วนที่ขาดหายไปนั้นหมายถึงเป็นส่วนที่เป็นความลับ และจะได้รับอธิบายจากอาจารย์เพื่อที่ลูกศิษย์จะได้ทำความเข้าใจ เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาความลับของตำรายุทธ์ระดับสูง

ถ้าซ่งอวี้เจว๋สงสัยเรื่องใดในตำราฝึกจิต เขาก็สามารถสอบถามจากซ่งจง

ส่วนเขานั้น? ต่อให้เขารักษาชีวิตของเหล่าโจวเอาไว้ได้ เขาจะคาดหวังให้เหล่าโจวทรยศสำนักกุยหลิงบอกความลับยิ่งใหญ่นี้ให้แก่เขาได้ด้วยเหรอ?

‘หึ... ดูเหมือนว่าถ้าข้าไม่เข้าร่วมกับพวกมัน ต่อให้ข้าพยายามอย่างหนักแค่ไหน ข้าก็ไม่สามารถเรียนวิชาที่ครบสมบูรณ์ได้...’

ฟางหยวนส่ายหัว และเรียกค่าสถานะออกมาดู:

“ชื่อ: ฟางหยวน

พลังกาย: 1.8

พลังลมปราณ: 1.6

พลังเวทย์: 1.5

อายุ: 18

ระดับการฝึกตน: [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่สาม)]

วิทยายุทธ์: [ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 3)]

ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 1)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)]”

ณ ตอนนี้ ที่ด้านหลัง [การแพทย์] นั้น คำว่า (ระดับ 1) ค่อย ๆ จางหายไปแล้วไม่นานก็เปลี่ยนเป็น (ระดับ 2) และคำอธิบายก็เปลี่ยนไป

“[การแพทย์ (ระดับ 2)] เจ้านับเป็นหมอที่มีความชำนาญผู้หนึ่งและรักษาโรคและความผิดปกติส่วนมากได้ เจ้าสามารถใช้สมุนไพรธรรมดาจากภูเขาให้ได้ผลสูงสุด”

“สมุนไพรธรรมดาจากบนเขา นี่น่าจะหมายถึงว่าการใช้ยาระดับวิญญาณน่าจะไม่มีผลต่อการพัฒนาของข้า...”

ฟางหยวนส่ายหน้าและรู้สึกว่าตัวเองละโมบเกินไปสักนิด

แน่นอนว่า นี่ทำให้เขายินดีอย่างประหลาดเมื่อ [การแพทย์] เพิ่มระดับสูงขึ้น

ความยินดีที่แท้จริงก็คือสามารถเพิ่มแถบประสบการณ์ของฝ่ามือทรายดำขึ้นมาได้หลังสังหารซ่งอวี้เจว๋ และเมื่อคิดว่าเขาสามารถที่จะผ่านประตูต่อไปเมื่อไหร่ก็ได้

‘ใน 12 ประตูทอง 8 ประตูแรก ไค ซิว เชิง ตู่ จิ่ง ชาง จิง สื่อ... สามารถบรรลุได้เองเมื่อสามารถผ่านทั้งสามประตูรุ่งโรจน์เข้าสู่สองประตูสงบไป และยังนับเป็นการเปิดหูเปิดตาของผู้ฝึกวิทยายุทธ์พื้นฐานทั่วไปอีกด้วย’

ฟางหยวนมองที่ฝ่ามือตนเอง รู้สึกเข้าใจมากขึ้น

ผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถผ่านประตูทองที่สามได้นั้นก็ไม่ธรรมดา แต่ผู้ที่ผ่านประตูทองที่สี่และห้าได้นั้นนับว่ามีพรสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกยุทธ์ที่อายุยังน้อย

แม้แต่ซ่งอวี้เจว๋เอง ก็เหมือนซ่งจงเมื่อยังเยาว์ สามารถผ่านประตูทองที่สี่ได้

“จากประตูทองที่ 4 เป็นต้นไป แม้ว่าแถบประสบการณ์จะเต็มแล้ว แต่บางครั้งก็อาจจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ผ่านประตูทองต่อไปได้สินะ?”

ฟางหยวนมองที่แถบประสบการณ์ที่เต็มปริ่มไปแล้ว และโดยไม่ลังเลเลย “เพิ่มระดับวิชาฝ่ามือทรายดำของข้าไปที่ระดับถัดไป!”

“ติ๊ง!”

มีเสียงดังตามมา และเขาก็พบว่า ‘3’ ที่ด้านหลัง [ฝ่ามือทรายดับ (ระดับ 3)] กะพริบและเปลี่ยนเป็น ‘4’!

[ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 4)]!

“อืม!”

ฟางหยวนกัดฟัน และพบว่าฝ่ามือของตัวเองเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เส้นเลือดปรากฏขึ้นราวกับหนอน และค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาตามแขนของเขา

ลมร้อนสายหนึ่งวูบจากฝ่ามือของเขาไล่ขึ้นมาที่แขน ผ่านสิ่งกีดขวางหลายจุดก่อนที่จะหยุดลงที่หน้าอกของเขา

พลังร้อนสายนี้แตกต่างจากทุกอย่างที่เขาเคยรู้สึกมาก่อน ที่ท้องน้อยรู้สึกแข็งแกร่งมากขึ้นและมากขึ้น

“นี่คือ... พลังภายใน!?”

ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ

“[ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 4)] วิชานี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายภายนอกของข้าในตอนแรก แต่ตอนนี้มันเริ่มมีผลต่อภายในร่างกายแล้ว?!”

พลังภายในคือแก่นของพลังของผู้ฝึกวิทยายุทธ์ และเป็นพื้นฐานของการฝึกวิชายุทธ์ระดับสูง รังสีกระบี่จากซ่งอวี้เจว๋คือตัวอย่างหนึ่งของการใช้พลังภายใน

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรังสีกระบี่ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้พิษผ่านฝ่ามือทรายดำ ฟางหยวนก็คงตายภายใต้เงื้อมมือของซ่งอวี้เจว๋ไปแล้ว

“น่าเสียดาย พลังภายในนั้นเมื่อฝึกผ่านฝ่ามือทรายดำนั้นก็ยังนับเป็นแค่พื้นฐาน และไม่สามารถเทียบกับตำราจิตของสำนักกุยหลิงได้... ระดับสูงสุดที่ข้าสามารถไปได้ก็คือประตูทองที่ 5...”

ฟางหยวนรู้ว่าเขานั้นห่างจากระดับสูงสุดของฝ่ามือทรายดำอีกแค่เก้าเดียวหลังจากที่ โข่วเฟิง คิดค้นวิชานี้ขึ้นมา

เขามองที่คำอธิบาย

“[ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 4)] วิชากำลังภายนอก และถ้าสำเร็จวิชานี้ ฝ่ามือของผู้ฝึกจะแข็งแกร่งราวกับโลหะ และสามารถทำลายทองหรือหยกได้ มีทั้งหมด 5 ระดับ และตอนนี้อยู่ที่ระดับที่ 4 สามารถแพร่พิษได้รุนแรงมากขึ้น และเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังภายใน!”

‘เมื่อมีพลังภายในมากขึ้น ข้าก็สามารถผ่านประตูได้มากขึ้น!’

ฟางหยวนหายใจเข้าลึก ๆ ควบคุมพลังที่อยู่ตรงท้องน้อยของเขา และเตรียมทะลวงผ่านประตูทองที่สี่ ประตูตู่

“แกร่ก!”

มีเสียงดังให้ได้ยิน และทันใดนั้นเขาก็รุ้สึกถึงพลังจำนวนมากที่ภายในท้องน้อย พลังภายในที่ในร่างของเขาไหลวนไปอย่างอิสระ

‘การฝ่าประตูทองเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การข้ามฝ่าขอบเขตนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!’

ฟางหยวนคิดกับตัวเองเงียบ ๆ

ตอนนี้เขานับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับประตูทองที่สี่แล้วจริง ๆ ถ้าเขาฝึกเคล็ดการหายใจอย่างหยาบ เขาก็คงสามารถฝึกถึงระดับสี่ได้เช่นกันแต่นั่นก็ไม่มีประตูตู่ให้ทะลวงผ่านและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อีกรอบหรอกนะ

นอกจากนี้ เพื่อที่จะผ่านประตูทองที่ห้า เขาคงต้องดูว่า วิชาไหนที่จะช่วยให้เขาผ่านประตูที่ห้าได้ก่อน และมันก็ไม่ได้ขึ้นกับว่าเขาฝึกกี่วิชา ชาวยุทธ์ทั้งหลายรู้กันดีว่า มีกฎที่ไม่ได้ระบุข้อหนึ่งว่าคนผู้หนึ่งไม่สามารถฝึกทุกอย่างสำเร็จได้

‘ผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับประตูทองที่สี่จะเริ่มฝึกพลังภายใน ถ้าไม่มีตำราจิต เคล็ดกรงเล็บอินทรีก็ทำได้แค่ผ่านสามประตูแรก... แต่ถ้ามีตำราฝึกจิตมาเสริม ก็จะพัฒนาไปได้อีกมากมายและอาจจะถึงกับผ่านสามประตูวิกฤตได้!’

ฟางหยวนตรองกับตัวเองอย่างจริงจัง

ความสามารถของวิชาฝ่ามือทรายดำนั้นเป็นเช่นเดียวกับเทคนิคการหายใจอย่างหยาบและสามารถฝึกได้ถึงประตูทองที่ห้าเท่านั้น

ถ้าเขาอยากจะผ่านประตูชาง เขาจำเป็นต้องมีตำราวิชายุทธ์ระดับสูงกว่านี้มาฝึก

‘ข้าไม่กล้าฝึกตำราฝึกจิตที่ไม่สมบูรณ์เล่มนี้ของสำนักกุยหลิง ถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าหน้าต่างสถานะจะบอกแนวทางที่สมบูรณ์ หรือว่าจะบอกคร่าว ๆ เป็นการคาดเดาเหมือนเช่นฝ่ามือทรายดำ...’

ฟางหยวนลูบคาง ยิ้ม ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นกลายเป็นคนละโมบเสียแล้ว

เขาสลายพลังภายในลง และฝ่ามือของเขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เหมือนคนหนุ่มทั่วไปคนหนึ่ง ไม่มีใครสามารถโยงเขาเข้ากับฆาตกรนั่นได้

“ค่าสถานะของข้าเพิ่มขึ้นบ้างไหมนะ?”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อพลังอุ่น ๆ จากพลังภายในของเขาสลายไปแล้ว ฟางหยวนก็เหลือบมองตารางสถานะ และพบการเปลี่ยนแปลง:

“ชื่อ: ฟางหยวน

พลังกาย: 2.2

พลังลมปราณ: 2.0

พลังเวทย์: 1.5

อายุ: 18

ระดับการฝึกตน: [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่สี่)]

วิทยายุทธ์: [ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 3)]

ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 2)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)]”

“ยิ่งอันตรายแค่ไหน ก็ยิ่งมีโอกาสพัฒนาตัวเอง ยิ่งมีระดับการฝึกตนสูงขึ้น ความยากก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถึงสามประตูวิกฤต ถ้าล้มเหลว อาจจะสูญเสียการควบคุมร่างกายและอาจจะถึงแก่ชีวิต แต่รางวัลนั้นก็คุ้มค่าแก่การเสี่ยง!”

ฟางหยวนรู้สึกพอใจเป็นที่สุดเมื่อเห็นการเพิ่มขึ้นของพลังกายและพลังลมปราณของตัวเอง

ในตอนนี้ พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูง แสงอาทิตย์สาดผ่านหน้าต่างเข้ามา

“ผ่านไปคืนหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเลย!”

ฟางหยวนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลุกยืน ยืดแข้งยืดขาเล็กน้อย ก่อนจะรู้ตัวว่าขาไม่ได้รู้สึกชาอะไรเลยอยู่แต่แรกแล้ว แต่กลับรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวังชา ส่วนแผลที่หน้าอกนั้นก็เกือบจะหายดีแล้ว เหลือแค่สะเก็ดแผลเท่านั้น

ด้วยอัตราการหายของแผลระดับนี้ ก็คงจะหายสนิทได้ในไม่ใช้และอาจจะไม่เหลือกระทั่งแผลเป็น

“เป็นเรื่องดีจริง ๆ!”

เขาหัวเราะ เดินออกมาทางประตูและตั้งใจจะไปต้มน้ำชงชาเสียหน่อย

เมื่อเขามาถึงทางเข้าหุบเขา เขาก็เห็นผู้ดูแลหลินและสองพี่น้องตระกูลโจว รวมทั้งคนอื่น ๆ รออยู่ที่ปากทางแล้ว

“โจวตงอยากจะขอบคุณคุณชายน้อยที่ช่วยชีวิต!”

เหล่าโจวไม่ได้ดูชราภาพแล้ว และยังดูสุขภาพดี เมื่อเขาเห็นฟางหยวน เขาก็ปล่อยมือโจวเหวินซิน เตรียมคารวะฟางหยวน

“ท่านเพิ่งฟื้นไข้เท่านั้น ควรจะพักผ่อนให้มาก!”

ฟางหยวนตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย

“อื้ม ข้าอยากจะพูดอะไรกับคุณชายน้อยสักคำ ถ้าท่านไม่ว่าอะไร!”

โจวตงหันกลับไปมองพี่น้องตระกูลโจวด้วยท่าทางจริงจัง และกล่าวของคุณผู้ดูแลหลิน “ข้ารู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือของพี่หลินยิ่งนัก!”

“ฮ่าฮ่า พี่โจว ท่านก็สุภาพเกินไปแล้ว!”

ผู้ดูแลหลินเข้าใจได้ว่าเหล่าโจวอยากจะเจรจาบางอย่างกับฟางหยวนเป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงออกปาก “ข้ายังมีอย่างอื่นต้องทำ ต้องขอตัวก่อนแล้ว!”

เขาพาพี่น้องสองคนตระกูลโจวออกจากหุบเขาไปด้วย

“เหล่าโจว ท่านมีอะไรก็เชิญพูด!”

ฟางหยวนชงชากาหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงเงียบ ๆ

“ชานี่...”

เหล่าโจวยกถ้วยชาขึ้น จิบคำหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าไป “ไม่เลว!”

เพราะว่าเหล่าโจวเป็นคนนอก ฟางหยวนจึงไม่ได้ชงชาชำระจิต แต่ใบชาเหล่านี้เขาก็ปลูกและเก็บด้วยตัวเอง และเมื่อผ่านพิธีชงชา มันก็สามารถทำให้โจวตงรู้สึกประหลาดใจในรสชาติได้

‘เขาช่างเป็นผู้มีความสามารถ มีความสามารถชงชาได้ถึงระดับนี้ ข้าคงต้องพูดกับเขาตรง ๆ ...’

หลังจากหนึ่งถ้วยชา เหล่าโจวก็พูดออกมา “เฮ่ย! ช่างเป็นโชคร้ายของบ้านข้า!”

ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้สถานการณ์ของตัวเอง

 

 

 

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด