ตอนที่แล้วCLS ตอนที่ 32 ดวล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCLS ตอนที่ 34 สังหาร!

CLS ตอนที่ 33 ขยะที่แท้จริง!


#33: ขยะที่แท้จริง!

 

การรับคำท้านี้อี้เทียนหยุน ทำให้อันหลิงและฉินเสวี่ยพากันตั้งตัวไม่ทัน พวกเธอรู้ว่าพลังของอี้เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่ง จากข่าวที่เธอได้ยิน อี้เทียนหยุนมีพลังระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 1

 

แต่หม่าเหลียงเผิงคนนี้มีพลังอย่างน้อยก็ระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 4 แล้วแบบนี้จะสู้กันได้ยังไง?

 

“ศิษย์น้อง นี่ทำไม่ได้ พลังของเขาเมื่อเทียบกับเจ้าแล้วแข็งแกร่งกว่ามาก ถ้าเจ้าบาดเจ็บแล้วพวกข้าจะกลับไปรายงานท่านเจ้าตำหนักได้ยังไง?” อันหลิงรีบพูดห้ามทันที

 

“ศิษย์พี่ทั้งสองได้โปรดอย่าห้ามข้าเลย มันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสักนิด ข้าจะทำให้มันชดใช้กับสิ่งที่มันทำ!” อี้เทียนหยุนไม่พูดเปล่า ยังถือกระบี่หนักที่เขาหลอมออกมาเดินไปข้างนอกด้วย

 

ศิษย์พี่ทั้งสองต่างพากันมองหน้ากัน อี้เทียนหยุนตัดสินใจไปแล้ว พวกเธอจะห้ามก็ห้ามไม่ได้ ได้แต่ตามไปดูเท่านั้น อาวุธที่ตนหลอมออกมากลับถูกกล่าวหาว่าเป็นแค่ขยะ เป็นใครใครก็โกรธ

 

เมื่อพวกเขาเดินออกมา หม่าเหลียงเผิงก็ได้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนมาถึง เขาก็อดไม่ได้ต้องเผยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า “ข้าก็คิดว่าเจ้าจะหลบอยู่หลังผู้หญิงซะอีก ดูเหมือนว่าเจ้าจะพอมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่เหมือนกันหนิ!”

 

อี้เทียนหยุนที่ถูกเลี้ยงดูในตำหนักเทียนเฉวียนซึ่งมีแต่ผู้หญิง ทำให้เขาถูกผู้ชายหลายคนพากันดูถูก แต่ที่มากกว่าการดูถูกก็คือความอิจฉา

 

“ข้าคิดว่าการหลบอยู่หลังผู้หญิงก็ยังดีกว่าคนที่กล่าวหาผู้อื่นพล่อยๆ นัก!” อี้เทียนหยุนโต้กลับ

 

“จะพูดพล่อยๆ หรือไม่นั้น เดี๋ยวก็ได้รู้กัน ขอให้ทุกคนที่นี่เป็นพยาน ว่าอาวุธในมือของใครที่ร้ายกาจกว่า!” ในตาของหม่าเหลียงเผิงมีร่องรอยของจิตสังหารอยู่หลายจุด พร้อมกับดึงกระบี่บางซึ่งเป็นศาสตราวิญญาณระดับสูงของตนออกมา

 

รอบๆ พวกเขาล้อมรอบไปด้วยผู้คน กระทั่งคนที่ผ่านไปมาเห็นคนรุมล้อมกัน เหมือนมีอะไรสนุกก็เข้ามาร่วมชมด้วย

 

“แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา” อี้เทียนหยุนยังมีรอยยิ้มสบายใจ จากนั้นก็ยกกระบี่หนักในมือตนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าจะใช้กระบี่หนักเล่มนี้ ขอชมหน่อยสิว่าศาสตราวิญญาณระดับสูงที่เจ้าเรียกนั้น แท้จริงแล้วเป็นยังไง!”

 

เมื่อผู้คนเห็นการประลองของทั้งสองก็พากันส่ายหัว อี้เทียนหยุนจะใช้กระบี่หนัก ส่วนหม่าเหลียงเผิงจะใช้กระบี่บาง เรื่องนี้หม่าเหลียงเผิงได้เปรียบกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แค่เรื่องความคล่องแคล่ว อี้เทียนหยุนก็แพ้แล้ว

 

การที่เลือกอาวุธอย่างนี้ พวกเขาต่างพากันคิดว่าฝ่ายที่พ่ายแพ้นั้นต้องเป็นอี้เทียนหยุนอย่างแน่นอน

 

“นี่เป็นแค่การประลองเพื่อให้รู้ผลเท่านั้น ไม่ใช่เดิมพันเอาชีวิต ข้าหวังว่าจะไม่เจอกับสถานการณ์ที่มุ่งจะเอาชีวิตกันหรอกนะ” จื่ออวี่เหว่ยเดินเข้ามา มองไปทางฝั่งเหลียงเทียนเฉิงอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ถ้าเกิดว่ามีการคิดสังหารแขกผู้ทรงเกียรติของพวกเรา ก็อย่ามาโทษตึกอวี่เทียนของพวกเราล่ะว่าไม่เกรงใจ!”

 

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นแค่การประลองเพื่อให้รู้ผลเท่านั้น ไม่มีการฆ่ากันเกิดขึ้นแน่นอน” หม่าเหลียงเผิงตอบเธอ

 

ในสายตาของหม่าเหลียงเผิงเผยร่องรอยแห่งความดูถูก กระบี่บางปะทะกระบี่หนัก แค่วิชาตัวเบาก็ฆ่าอี้เทียนหยุนได้แล้ว

 

พวกเขาเผชิญหน้ากันภายใต้เวทีที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

 

“แขกผู้ทรงเกียรติของตึกอวี่เทียนนี้จะต้องโง่แน่ๆ กระบี่หนักสู้กับกระบี่เบา นี่ไม่เท่ากับแส่หาที่ตายหรอกเหรอ?”

 

“ศิษย์นิกายต้วนเสิ่นจะพ่ายแพ้ได้ยังไง แค่แสงบนตัวอาวุธของพวกเขาก็ต่างกันแล้ว ข้าคิดว่าแขกผู้ทรงเกียรติของตึกอวี่เทียนจะต้องแพ้อย่างแน่นอน”

 

“ข้าว่าไม่บ้าก็ต้องโง่มากแน่ๆ ถึงได้กล้าขึ้นประลองอย่างไม่ใส่ใจแบบนี้ ระดับการหลอมของนิกายต้วนเสิ่นเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ต่อให้เทียบกันเรื่องอาวุธเท่านั้น ฝ่ายนิกายต้วนเสิ่นก็ต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน!”

 

.....................................

 

ผู้คนรอบๆ ไม่มีใครเชื่อว่าอี้เทียนหยุนจะชนะ แค่ดูความต่างของอาวุธก็รู้แล้ว ทั้งยังมีฐานะของนิกายต้วนเสิ่นอีก ทุกคนต่างพากันเชื่อว่าอาวุธของฝั่งนิกายต้วนเสิ่นจะต้องชนะอย่างแน่นอน!

 

“เจ้าขยะ ต้องโทษเจ้าที่มาตอแยอำนาจของนิกายต้วนเสิ่นเรา!” เขาหรี่ตาจับจ้อง ในนั้นมีจิตสังหารเคลือบอยู่ ยามเมื่อมองไปที่อี้เทียนหยุน โดยเฉพาะยิ่งเขารู้ว่าอี้เทียนหยุนเป็นคนของตำหนักเทียนเฉวียนแล้ว ทั้งยังมีความสามารถในการหลอมศาสตราระดับนี้ อนาคตมันจะต้องเป็นตัวปัญหาอย่างแน่นอน!

 

อึดใจต่อมา หม่าเหลียงเผิงก็ยกกระบี่ในมือตนขึ้น พร้อมกับใช้ “ท่าเท้าเหยียบเวหา” ออกไป ตัวเขาก็เป็นราวกับธนูที่ออกจากแล่ง พุ่งเข้าใส่อี้เทียนหยุนอย่างรวดเร็ว ราวกับพายุ ทันใดนั้นก็ไปโผล่ที่ด้านข้างของอี้เทียนหยุน พร้อมกับยกกระบี่ในมือแทงใส่อี้เทียนหยุน

 

เขาไม่ได้ใช้วิชาอะไร เป็นเพียงการแทงธรรมดา แต่ด้วยความเร็วที่มหาศาล ทำให้การแทงนี้สามารถเอาชีวิตของอี้เทียนหยุนได้เลย นี่มันการประลองเพื่อรู้ผลที่ไหน นี่มันกะเอาชีวิตกันชัดๆ

 

อี้เทียนหยุนมีสายตาเย็นชา ยกกระบี่หนักในมือขึ้นขวางราวกับโล่ก็ไม่ปาน

 

“เคล้ง!”

 

กระบี่บางแทงใส่กระบี่หนัก เพราะว่าบางเกินไป ยามเมื่อแทงใส่กระบี่หนัก ทำให้ถูกแรงสะท้อนจนตัวกระบี่ส่ายเป็นลอนคลื่น

 

สายตาของหม่าเหลียงเผิงหรี่ลง ดึงกระบี่บางในมือกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้วิชาตัวเบาเคลื่อนตัวไปยังข้างหลังของอี้เทียนหยุน แล้วแทงออกอย่างรวดเร็ว แต่กระบี่หนักในมือของอี้เทียนหยุนเป็นประหนึ่งโล่ยักษ์ ต้านรับการโจมตีนี้ของเขาเอาไว้ได้

 

“เคล้ง เคล้ง เคล้ง......”

 

หม่าเหลียงเผิงแทงกระบี่ออกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกกระบี่หนักในมืออี้เทียนหยุนรับเอาไว้ได้ ไม่มีทางที่จะแทงผ่านไปได้เลย ด้วยสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้ต่อไป หม่าเหลียงเผิงจะต้องผลาญพลังของตนไปจนหมดอย่างแน่นอน

 

“มีพลังแค่นี้? ดูถูกข้าเกินไปแล้ว” อี้เทียนหยุนมองไปที่เขาด้วยหางตา เขาไม่ขยับแม้แต่ครึ่งก้าว ก็สามารถใช้กระบี่หนักเป็นดั่งโล่ ต้านรับการโจมตีที่เข้ามาไม่หยุดของหม่าเหลียงเผิงเอาไว้ได้แล้ว

 

ในเวลาต่อมา เขาก็กวาดกระบี่หนักในมือของตนออกไป พลังที่แข็งกร้าวของเขา ก่อให้เกิดคลื่นอัดอากาศ เหมือนกับท้องฟ้าถูกตัดขาดด้วยกระบี่หนักนี้

 

“มีพลังแค่นี้คิดจะกำราบข้า สลายไปซะ!”

 

หม่าเหลียงเผิงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว กระบี่บางในมือเขาเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ภายใต้พลังของเขา กระบี่บางเล่มนี้ก็ได้กลายเป็นเหมือนกับหอกเหล็กก็ไม่ปาน แทงเข้าใส่กระบี่หนักเล่มใหญ่ที่กวาดเข้ามาอย่างดุดัน เผชิญหน้ากันโดยตรง!

 

“เคล้ง!”

 

อาวุธของทั้งสองปะทะกัน แรงกระแทกที่หนักหน่วงตามออกมา พลังของหม่าเหลียงเผิงก็ไม่ได้แย่ อาวุธของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเลย!

 

“เปิดใช้งานโหมดคลั่ง!”

 

ในเวลานี้เอง นัยน์ตาทั้งสองข้างของอี้เทียนหยุนก็ได้เปล่งประกายสีทองออกมา เมื่อโหมดคลั่งถูกใช้ออก พลังของเขาก็พลันพุ่งขึ้นสองเท่าในทันที!

 

“เปรี้ยง!”

 

ทันใดนั้น พลังที่กดขี่ก็ได้ทำให้กระบี่บางเล่มนั้นโค้งงอจนไม่อาจจะโค้งงอไปมากกว่านี้ได้อีก ก่อนที่พลังสะท้อนจะไล่ตามกระบี่บางเล่มนั้นดีดกระแทกเข้าใส่ตัวหม่าเหลียงเผิงจนกระเด็นไป

 

“ปัง” หม่าเหลียงเผิงลอยไป หลังจากถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าว เขาก็ฝืนตัวเองให้หยุดลง ภายใต้แรงกระแทกที่หนักหน่วงนี้ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บภายใน เขารู้สึกว่าลำคอหวานวูบ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา

 

ฉากนี้ทำให้ดวงตาของอันหลิงกับพวกพากันเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่คือพลังของระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 1 อย่างงั้นเหรอ? นี่มันพลังของระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 5 ชัดๆ!

 

อี้เทียนหยุนจ้องมองเขาอย่างเย็นชา กระบี่หนักในมือเขาไม่ได้รับรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย ส่วนกระบี่บางเล่มนั้นกลับเต็มไปด้วยรอยบิ่นและร้าว ดูราวกับจะพังได้ทุกเมื่อ

 

“นี่คือพลังของอาวุธเจ้า? ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าอาวุธของข้าคือศาสตราวิญญาณระดับกลางอย่างงั้นเหรอ คิดจะเจาะทะลุอาวุธข้า!” อี้เทียนหยุนยิ้มเยาะ “ข้ารู้สึกว่าอาวุธของเจ้าต่างหากที่เป็นขยะของจริง!”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด