ตอนที่แล้วCLS ตอนที่ 30 สังหารให้สิ้นซาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCLS ตอนที่ 32 ดวล

CLS ตอนที่ 31 นิกายต้วนเสิ่นเคลื่อนไหว


#31: นิกายต้วนเสิ่นเคลื่อนไหว

 

และเมื่ออี้เทียนหยุนกลับไปที่ห้อง เขาก็พบว่าจื่ออวี่เหว่ยและคนอื่นๆ ได้อยู่ในห้องก่อนแล้ว และเมื่อเห็นเขากระโดดขึ้นมาจากข้างล่าง พวกเธอก็พากันตกใจ

 

“นายน้อยอี้ มันเกิดอะไรขึ้น?” จื่ออวี่เหว่ยมองไปที่เลือดที่อยู่บนพื้น พร้อมกับชุดนักฆ่าที่ฉีกขาดด้วยความคิดที่ตื่นตกใจ

 

ด้วยพลังที่อี้เทียนหยุนใช้เมื่อก่อนหน้า มันมีระยะกว้างกว่าร้อยเมตร ต่อให้จะมีห้องขวางไว้ แต่คนอื่นๆ ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกนี้ได้ และเมื่อพวกเธอรู้สึกถึงมัน ก็รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

 

“ไม่มีอะไร ก็แค่นักฆ่าคนหนึ่ง” อี้เทียนหยุนไม่คิดปกปิด เพราะว่านี่ไม่มีอะไรให้ปิด ยิ่งกว่านั้น ศพยังกองอยู่ที่นี่ ต่อให้อยากปิดก็ปิดไม่ได้

 

“นักฆ่าอย่างงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นตึกเทียนฟงส่งมา!?” จื่ออวี่เหว่ยสีหน้ากลายเป็นอึมครึม คิดว่าพวกเขาคงทนไม่ไหว จึงได้ส่งนักฆ่ามาลอบสังหาร เรื่องนี้ใช่ว่าเธอไม่เคยคิด เพียงแต่ว่ามันออกจะเกิดขึ้นเร็วเกินไป

 

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” อี้เทียนหยุนพูดเบาๆ

 

เขาไม่บอกเรื่องราวที่แท้จริงออกไป เพราะว่ามันมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นนิดหน่อย ดังนั้นจึงไม่พูดจะดีกว่า

 

“เจ้าตำหนักจื่อ การรักษาการณ์ของท่านช่างน่าผิดหวังจริงๆ กระทั่งนักฆ่าลอบเข้ามาท่านยังไม่รู้ตัวอีก! ถ้าศิษย์น้องของข้าเป็นอะไรไป ตึกอวี่เทียนของท่านจะรับผิดชอบยังไง!” อันหลิงในตอนนี้มีท่าทางคลุ้มคลั่ง เมื่อเห็นสภาพศพที่อนาถอยู่บนพื้นก็ให้รู้สึกเย็นวาบที่หลัง

 

ถ้าเปลี่ยนเป็นอี้เทียนหยุนที่นอนอยู่บนพื้น แล้วเธอจะกลับไปอธิบายกับชิเสวี่ยอวิ๋นได้ยังไง? ที่ชิเสวี่ยอวิ๋นให้พวกเธอตามมาด้วยในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นคนคุ้มกันให้กับเขา ต่อให้ชิเสวี่ยอวิ๋นไปพูดออกมา พวกเธอก็รู้ได้ว่าเธอให้ความรักกับอี้เทียนหยุนไว้ขนาดไหนถึงกับส่งพวกเธอมาอารักขาเขา ทั้งเมื่อเทียบกันแล้วพลังของพวกเธอยังแข็งแกร่งกว่าอี้เทียนหยุน ดังนั้นจึงเหมาะที่จะรับหน้าที่นี้ไป

 

ด้วยหน้าที่ที่รับผิดชอบ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทำให้พวกเธอกลัวจนหน้าถอดสี โชคดีที่พลังของศิษย์น้องของเธอไม่แย่ ไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

 

จื่ออวี่เหว่ยหน้าดำคล้ำ เธอก็รู้ถึงความหนักหน่วงนี้ดี

 

“เรื่องนี้ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าคงพูดได้เพียงว่าการอารักขาหละหลวม ข้าจะบอกให้พวกเขาเข้มงวดขึ้นเดี๋ยวนี้เลย!” จื่ออวี่เหว่ยขอโทษอย่างจริงใจ “ส่วนค่าชดเชย ข้าเต็มใจที่จะลดส่วนแบ่งลง 10% ส่วนแบ่งของท่านจะกลายเป็น 60% พวกเราขอแค่ 40% ก็พอ!”

 

นี่เป็นวิธีที่เธอคิดว่าเหมาะที่สุดแล้ว ถ้าจะให้เป็นเม็ดยาหรืออาวุธ เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาอะไร ตราบเท่ามีเงิน ก็สามารถซื้อพวกมันได้ที่นี่ ดังนั้น การเพิ่มส่วนแบ่งให้จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“เรื่องนี้ไม่จำเป็น ต่อให้ท่านเพิ่มยามขึ้นอีกเท่าไหร่ก็ขัดขวางมันไม่ได้หรอก เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของท่าน”

 

นี่คือเรื่องจริง พลังของนักฆ่าคนนี้แท้จริงแล้วไม่ได้สูงมาก แต่ความสามารถในการปกปิดตัวตนค่อนข้างแข็งแกร่ง ด้วยพลังของตึกอวี่เทียน ไม่มีทางที่จะค้นพบเขา มีเพียงส่งคนที่มีพลังเหนือกว่าระดับปรับแต่งวิญญาณ หรือไม่ก็ผู้เชี่ยวชาญในการค้นหานักฆ่าที่ปกปิดตัวตน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรได้

 

จึงเห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ปกติแล้วผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับเหนือกว่าระดับปรับแต่งวิญญาณ ล้วนแต่เป็นระดับผู้จัดการ การส่งยามมาให้เขาที่นี่ จึงเหมือนกับเป็นเรื่องที่เสียเปล่า

 

จื่ออวี่เหว่ยรู้สึกผิดอย่างมาก ถ้าไม่ได้ชดเชยให้อี้เทียนหยุนสักหน่อย แล้วจะทำให้อี้เทียนหยุนประทับใจหลังจากนี้ได้ยังไง?

 

อี้เทียนหยุนมองเข้าไปในตาเธอก็เข้าใจ พูดด้วยรอยยิ้มบางว่า “ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน ต่อให้นักฆ่าคนนี้เป็นตึกเทียนฟงส่งมาจริง นั่นก็เพราะว่าข้าเป็นคนก่อเรื่องเอง ตั้งแต่เริ่มแล้ว เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่าน”

 

ถ้าไม่ใช่เพราะฝั่งตรงข้ามต้องสูญเสียรายได้จากศาสตราวิญญาณ พวกเขาก็คงไม่ส่งนักฆ่ามาลอบสังหารเขา ดังนั้น เรื่องนี้เขาเข้าใจดี

 

“แต่ถึงยังไงนายน้อยอี้ก็เป็นแขกผู้ทรงเกียรติของเรา การที่พวกเราไม่สามารถปกป้องท่านได้ก็เป็นเรื่องจริง! เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงก็สมควรให้พวกเราชดเชยให้กับท่าน!”

 

แม้จะแค่ 10% แต่ตัวเลขของมันนั้นน่าตื่นตะลึงมาก เพราะวัตถุดิบที่พวกเธอหามา ราคาไม่ใช่น้อยเลย เมื่อต้องมาเสีย 10% นี้ไป จึงทำให้กำไรที่พวกเธอจะได้นั้นต่ำลงไปอีก ดังนั้นนี่จึงมากด้วยความจริงใจ

 

อี้เทียนหยุนรู้ถึงความหมายที่เธอทำอย่างนี้ดี นั่นก็เพื่อเพิ่มความประทับใจในตัวเขาให้ยังช่วยเหลือตึกอวี่เทียนนี้ต่อ เมื่อมีเขาช่วยเหลือ เรื่องกำไรที่ตึกอวี่เทียนจะทำได้ก็เป็นเรื่องแน่นอน ดังนั้น แม้จะได้กำไรน้อย แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เลย

 

“เจ้าตำหนักจื่อ ข้ารู้ว่าท่านมีเจตนาดี แต่ข้าไม่ต้องการจริงๆ พรุ่งนี้ข้าก็จะไปแล้ว นี่จึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนักฆ่าอีก เป้าหมายหลักที่พวกเราลงจากเขามา ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่เพื่อซื้อหาวัตถุดิบให้เพียงพอ จากนั้นก็จะกลับตำหนักเทียนเฉวียนไป”

 

ต่อให้ไม่มีนักฆ่ามา เขาก็เตรียมจะกลับอยู่แล้ว เขาไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้อีก

 

สีหน้าของจื่ออวี่เหว่ยเปลี่ยนไป เรื่องนี้สำหรับเธอแล้วไม่ใช่เรื่องดีเลย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาพูดดี จึงทำได้เพียงถอนหายใจเท่านั้น “ในเมื่อนายน้อยอี้ตัดสินใจแน่นอนแล้ว ข้าก็จะไม่ขอพูดอะไรอีก จากนี้ไป ถ้านายน้อยอี้มีเรื่องอะไรให้ตึกอวี่เทียนของพวกเราช่วย พวกเราก็จะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน!”

 

อี้เทียนหยุนพยักหน้า เขาก็รู้สึกประทับใจในตัวจื่ออวี่เหว่ยเช่นกัน จากนี้ต่อไป ถ้าเขาลงเขามาเมื่อไหร่ เขาจะต้องมาที่ตึกอวี่เทียนอย่างแน่นอน

 

จากนั้น เรื่องในคืนนี้ก็ได้จบลง แม้ว่าอี้เทียนหยุนจะบอกว่าไม่ต้องการ แต่จื่ออวี่เหว่ยก็ยังเพิ่มการป้องกันขึ้น มีแต่ทำอย่างนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้เธอสบายใจ

 

และในวันถัดมา อี้เทียนหยุนก็ได้เลือกซื้อหาวัตถุดิบมากมาย การซื้อขายครั้งนี้ เขาจ่ายมันไปไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านเหรียญ พูดได้ว่าเต็มอิ่มกันไปเลยทีเดียว เทียบกับทองที่ได้รับจากภารกิจ เขากลับหาได้มากกว่า รางวัลที่ได้จากภารกิจนั้น ไม่สามารถเอามาเทียบกันได้เลย

 

แล้วจะร่ำรวยจากการทำภารกิจได้ยังไง? แน่นอนก็ต้องสังหารสัตว์อสูรน่ะสิ เมื่อสะสมมากเข้ามันก็จะร่ำรวยขึ้นมาเอง หรือไม่ก็ขายของที่ได้จากการสังหารสัตว์อสูรออกไป

 

“เจ้าตำหนักจื่อ ข้าคงต้องขอลา” อี้เทียนหยุนบอกกับจื่ออวี่เหว่ย

 

“พวกเรายินดีต้อนรับท่านเสมอ จากนี้ไปถ้านายน้อยอี้ต้องการอะไร พวกเรายินดีจะขายให้ในราคากันเอง” จื่ออวี่เหว่ยเผยรอยยิ้มออกมา ในครานี้ ตึกอวี่เทียนของเธอสะกดตึกเทียนฟงได้อยู่หมัด แม้จะไม่นานมาก แต่เธอก็พอใจแล้ว

 

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะไปนั้นเอง ก็ได้มียามวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมกับประสานมือรายงานว่า “เจ้าตำหนักจื่อ ทางฝั่งตึกเทียนฟงได้มีการจัดประมูลขึ้น พวกเขาเตรียมประมูลศาสตราวิญญาณระดับสูงสุด! ยิ่งกว่านั้น ศาสตราวิญญาณระดับสูงของพวกเขาก็มีมากมาย ส่วนมากล้วนมาจากนิกายต้วนเสิ่น ตอนนี้มีคนมากมายกำลังกรูกันไปที่นั่น..... แล้วพวกเขายังบอกอีกว่า ในเมืองเทียนฟงแห่งนี้ นอกจากอุปกรณ์ที่หลอมจากนิกายต้วนเสิ่นแล้ว นอกนั้นถือเป็นขยะ! นี่ยังรวมไปถึงศาสตราวิญญาณระดับสูงที่พวกเราขายไปก่อนหน้าด้วย!”

 

“หลอมจากมือนิกายต้วนเสิ่น.....” สีหน้าของจื่ออวี่เหว่ยเปลี่ยนไป “ไม่คิดเลยว่าตึกเทียนฟงจะไปขอความช่วยเหลือจากนิกายต้วนเสิ่นมาได้!”

 

นิกายต้วนเสิ่นในเมืองเทียนฟงแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจเลยทีเดียว กระทั่งมีการตรวจตราอาจารย์หลอมศาสตราด้วย แม้กระทั่งระดับของศาสตราวิญญาณก็เป็นพวกเขาที่เป็นคนแบ่ง ตอนนี้พวกเขาบอกว่าศาสตราวิญญาณที่พวกเธอขายเป็นขยะ นั่นก็เท่ากับว่าของที่เธอขายเป็นของปลอม?

 

สีหน้าของอี้เทียนหยุนเย็นชา “ศิษย์นิกายต้วนเสิ่น หม่าเหลียงเผิงอย่างงั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาจำได้ว่าตอนที่เพิ่งเข้าเมืองมา เขาได้รับภารกิจหนึ่ง ไม่คิดว่าตอนนี้จะเจอตัวแล้ว!

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด