ตอนที่แล้วตอนที่ 33 นอกลู่ทางทางครั้งแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 สามคนย่อมสนุกกว่า

ตอนที่ 34 ลูกฉันน่ารักสำหรับทุกคน


ตอนที่ 34 ลูกฉันน่ารักสำหรับทุกคน

ในตอนนี้เหอไป๋เทียน...(ซึ่งชื่อที่ใช้สมัครนั้นใช้ชื่อว่าไป๋เทียนเฉยๆ ด้วยตัวอักษรออกเสียงคล้ายกันแต่คนละตัว) คะแนนไล่บี้กลุ่มจ่าฝูงขึ้นมาอย่างกระชั้นชิดมาก เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยก็ว่าได้สำหรับผู้ไร้สังกัดที่ไต่เต้าขึ้นมาอันดับสูง ๆ เทียบเท่ากับศิษย์สำนักดังต่าง ๆ ได้

“ผู้ไร้สังกัดท่านนั้นคือใครกัน ดูอ่อนวัยทว่าช่างมีฝีมือดีนัก”

“ข้าอยากได้มายังสำนักข้านัก หลังจบรอบคัดเลือกแล้วข้าจะทาบทามให้เขามากับข้า”

“ร้อยเหรียญ ข้าจะซื้อตัวเขาเข้าสำนักข้าด้วยร้อยเหรียญ”

“สองเท่า ข้าให้มากกว่าท่าสองเท่า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องมากับข้า”

แม้ที่นั่งชั้นพิเศษของสามสกุลจะเป็นที่ส่วนตัวแต่เสียงเหล่าอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักดัง สำนักใหญ่ต่าง ๆ ก็ดังพอที่จะลอดเข้าหูที่มีสกิลเผือกขั้นเทพของเสวี่ยหงเยว่อยู่ดี ชายหนุ่มนึกเล่น ๆ ว่าหากไม่มีภาพลักษณ์อาจารย์ คนพวกนั้นคงจะวางมวยก่อเกิดศึกชิงนาย แย่งตัวเหอไป๋เทียนเข้าสำนักตัวเองแน่

พอคิดได้ดังนั้น ในใจของเขาร้อนวูบวาบขึ้นมาเล็กน้อย ความภาคภูมิใจก่อเกิดเสียจนเกือบสะกดกลั้นตัวเองให้สงบไม่ได้

ไงล่ะ! เด็กผมเอง! อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ด้วยนะ แต่เก่งสุด ๆ ไปเลยเลยใช่ไหมล่า!

ท่านพ่อครับ ผมเข้าใจความเห่อลูกของท่านแล้วล่ะครับ โอย อยากติดแท็ค #ลูกฉันน่ารักสำหรับทุกคน จริง ๆ

“อุก...”

เมื่อได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากคนนั่งข้างตัว เสวี่ยหงเยว่จึงหันไปหา เขาเห็นเหอไป๋หลานมุมปากกระตุกดิ๊ก ๆ ไหล่สั่นราวกับกลั้นอาการของตัวเองไม่ให้เสียจริตแล้วพุ่งตรงไปอวด ไปเล่าเรียงเรื่องราวความดีความเก่งประดุจมนุษย์ป้าอวดลูกในวันรวมญาติใส่อาจารย์พวกนั้น...

อาการช่างหนักกว่าตูนัก – เสวี่ยหงเยว่แอบคิดเช่นนั้น

ดวงตาสีแดงละจากเหอไป๋หลาน ไปยังการถ่ายทอดสด เขาเพ่งมองหาเหอไป๋เทียนจากในการแข่งขันนั้น ว่าไปอยู่ตรงมุมไหนแล้ว กำลังสู้กับอะไร และจะปลอดภัยไหม...

ไปอยู่ตรงไหนแล้วนะไป๋เทียน

 

 

หญิงสาวรีบเร่งวิ่งอย่างรวดเร็วเท่าที่กำลังตัวเองจะสามารถ ลมหายใจเหนื่อยอ่อนหอบหนักจนทั้งขาทั้งตัวสั่นไปหมด แม้ว่าเรี่ยวแรงของนางใกล้จะหมด แทบก้าวเท้าต่อไม่ไหว แต่นางก็ไม่อาจจะหยุดวิ่งได้ เพราะหากหยุดก็ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าตัวเองจะเป็นเช่นไร

ก็...

ก็...

ในเมื่อข้างหลังของนางนั้นมีปิศาจร้ายตาแดงแจ๋ลอยตามมาเป็นขโยงเลยน่ะสิ!!

สร้อยลูกแก้วที่ห้อยอยู่บนคอนางนั้น นอกจากจะมีคุณสมบัติในการเก็บคะแนนแล้ว มันยังลงอาคมในการช่วยหลอกล่อปิศาจและผีร้ายให้อีกด้วย แม้จะเป็นมนต์บาง ๆ คล้ายกับการส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ยั่วปิศาจให้มาติดกับก็จริง แต่เกิดดันดวงไม่ดี เดินเซ่อซ่าไปจ๊ะเอ๋กับพวกมันเป็นฝูง...

ก็เทียบเท่ากับหายนะเลยก็ว่าได้

พ่อแก้วจ๋า แม่แก้วจ๋า ช่วยลูกด้วยเจ้าค่ะ---!!

แต่แล้วคลื่นพลังบางอย่างก็ซัดตู้มเข้าใส่ ด้วยความตกใจ นางจึงรีบปิดตาให้สนิทเตรียมใจรับถึงความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น ทว่า—!! มันกลับไม่ใช่มันเฉียดผ่านร่างของนางไปเและพุ่งตรงไปยังปิศาจที่ตามมาเบื้องหลัง ความเย็นอันน่าพิศวงก่อตัว และเมื่อนางได้ลืมตามานั้นเอง

นางก็พบว่าปิศาจร้ายพวกนั้นถูกแช่แข็งไปทั้งฝูง!

ก้อนน้ำแข็งสั่นไหวเล็กน้อย นางได้ยินถึงเสียงหวีดร้องด้วยความทรมานจากปิศาจร้ายเหล่านั้น ก่อนที่พวกมันจะแตกกระจายเป็นผุยพงพร้อมกับน้ำแข็ง

นางได้แต่ยืนนิ่ง อ้าปากค้าง ทั้งตกใจ ทั้งทึ่งกับภาพที่เห็น ถึงนางจะฝึกวิชามาหลายปีนักนับตั้งแต่สอบเข้าเป็นศิษย์สำนักได้ พบเจอศิษย์พี่ที่เก่งกาจก็มาก หากแต่ก็ไม่เคยเจอใครที่สามารถใช้พลังน้ำแข็งได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้

“พี่สาวขอรับ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”

แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ทำให้นางได้สติ เป็นเสียงที่นุ่มละมุนและดูสุภาพชนจนน่าฟัง และเมื่อได้หันไปหาต้นเสียง เธอก็ได้พบกับร่างของชายคนหนึ่งซึ่งแม้จะสูงกว่านางอยู่พอควรแต่ก็ดูอ่อนวัยนัก ราวกับว่าเพิ่งผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะมาได้ไม่นาน กำลังยื่นมือในนางซึ่งขาสั่นทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น

ชายคนนั้นค่อย ๆ ดึงนางขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้

“ถ้าอย่างไรแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ ตั้งใจ และระวังตัวดี ๆ นะขอรับ” เขากล่าวเอาไว้ ก่อนจะบอกขอตัวเพื่อไปทางอื่น

โดยทิ้งให้นางนั้น...รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบและสั่นไหวในอก ด้วยความประทับใจ

ข้ายัง...ไม่ได้ถามชื่อเขาเลย — นางคิดเช่นนั้น

โดยที่นางไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วคนที่ผ่านมาและช่วยเธอไว้ อายุน้อยกว่านางนัก ซ้ำยังไม่ได้ผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะ

และใช่แล้ว...

คนๆ นั้นคือเหอไป๋เทียนนั่นเอง

เหอไป๋เทียนละตัวออกจากสตรีนางนั้นไปแล้ว เขาค่อย ๆ เดินไปยังทิศทางอื่น สายตาส่งสำรวจว่ามีผีร้ายหรือปิศาจตกสำรวจจากสายตาตัวเองอีกหรือไม่ เด็กชายค่อยๆ เอามือแตะคอตัวเอง ลูกแก้วนับคะแนนที่เคยใสตอนนี้มีควันแดงลอยวนอยู่ด้านในนั้นมากมายเสียจนแทบย้อมให้กลายเป็นลูกแก้วสี

เด็กชายนั้นไม่รู้ว่าคะแนนตนตอนนี้ได้เท่าไรแล้ว ต่อให้เขาจัดการล่าไปได้เยอะแค่ไหน การไม่แสดงผลคะแนนก็ทำให้เขานิ่งนอนใจไม่ได้

พลันนั้นเอง หานหลิ่งก็สั่นไหวน้อย ๆ คล้ายกับจะบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้เหอไป๋เทียนพยักหน้า

“ทางนั้น” เสียงของหานหลิ่งดังขึ้นมาในหัวเขา ก่อนที่เด็กชายจะชักกระบี่ออกมา เพื่อให้หานหลิ่งพาไปยังจุดนั้นทันที

เมื่อถึงที่หมายซึ่งหานหลิ่งนำพาไปแล้ว เหอไปเทียนที่ยืนเหยียบกระบี่ลอยอยู่บนฟ้ก็สอดส่ายก็สอดสายตามองไปรอบ ๆ ทิศทางทันที ทว่าเขายังไม่เห็นปิศาจหรือผีร้ายสักตน แม้ในหูนั้นก็ได้ยินบางอย่างที่กำลังพุ่งตรงมาทางนี้พร้อม ๆ กับเสียงใครสักคนกำลังพูด

“จวินหวังซื่อ! เจ้าถอยไปซะ! ข้าพบมันก่อน!” เสียงนั้นตะโกนออกมา พร้อมกับเสียงการพยายามฟาดฟันกับอะไรบางสิ่งที่คล้ายกับจะเป็นหิน...หรืออะไรสักอย่างที่เนื้อแข็งจนกระบี่ฟันไม่เข้า

“ต่อให้ข้าอยากหนีก็หนีได้เสียที่ไหน หยางลู่ เจ้าจงดูสถานการณ์ด้วย!” แล้วเสียงอีกเสียงจากคนที่อยู่ด้วยกันก็ดังขึ้นมา เขาดูหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

เสียงพูดคุยเหล่านั้นก็ทำให้เหอไป๋เทียนเลิกคิ้วสูง เพราะหนึ่งในสองเสียงนั้นเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย และเมื่อเขาระลึกได้ว่าเสียงนั้นเป็นของใครแล้วกำลังจะท่องกระบี่ทะยานหนีนั้นเอง หานหลิ่งก็พุ่งตัว ตรงไปทางต้นเสียงนั้นทันที

“ด...เดี๋ยวก่อนขอรับท่านหานหลิ่ง!!”

แต่ว่าไม่ทันแล้ว หานหลิ่งไม่ฟัง มันพาเหอไป๋เทียนไปที่แห่งนั้นเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับสลัดให้ลงจะการท่องกระบี่อย่างรวดเร็วเสียจนเด็กชายร่วงแอ่กลงกับพื้น

“เจ็บ...” เหอไป๋เทียนโอดออกมาเพราะตกลงมาก้นจ้ำเบ้ากระแทกพื้นเต็ม ๆ และเมื่อเด็กชายเงยหน้าขึ้นมาเขาก็ได้พบกับปิศาจตัวยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายก้อนหินนับร้อยนับพันก้อนมารวมตัวกันก่อร่างสร้างหัว แขน ขา สูงใหญ่เลยยอดไม้สน มันคำรามอย่างกราดเกรี้ยวคล้ายกับว่าโมโหเป็นหนักหนาเพราะโดนตรึงผนึกไม่ให้เคลื่อนไหวเชือกพันธนาการ

ภาพที่เห็นว่าตกใจแล้วสิ่งที่เหอไป๋เทียนได้เห็นเมื่อมองไล่เลยไป เขาก็พบกับชายหนุ่มวัยสิบเก้า หรือไม่ก็ยี่สิบสองคนกำลังจ้องมองมาทางเขานั่นแหละที่ทำให้เขาตกใจมากกว่า!

ชายคนหนึ่งมีผิวขาวจัดอย่างคนท้องถิ่นเขาเสวี่ย เขาสวมชุดเครื่องแบบสีขาวตัดแดงชาดปักลายดอกปี่อั้น คุณสมบัติทุกอย่างมั่นใจได้ว่าคงเป็นศิษย์สังกัดสกุลเสวี่ยแน่นอน

ส่วนอีกคน...

คือชายในชุดสีดำตัดทองซ้ำยังห้อยป้ายหยกหงส์คู่ที่ตรงเอว! เป็นคนจากสำนักสกุลเหอ ชัดเจนไม่ผิดตัว!

เห็นแค่นั้นเหอไป๋เทียนก็ร้องโอดในใจสั่นสะท้านว่าจะเป็นคนที่เคยเรียนร่วมกับตนหรือไม่ และใช่...เมื่อมองหน้าให้ชัด เด็กชายก็รู้สึกหนาวทันทีโดยไม่ต้องพึ่งพาคลื่นพลังของหานหลิ่ง เพราะคน ๆ นั้นคือ...

หยางลู่...ศิษย์พี่ของเขานั่นเอง!

เหอไป๋เทียนรู้ดีว่าจะต้องเจอศิษย์ที่เรียนมาด้วยกันสักคน แต่ไม่คิดว่าจะเจอเร็วขนาดนี้!

“นายน้—” ขายคนนั้นอ้าป้ากคล้ายจะเอ่ยทัก เหอไป๋เทียนรีบยกมือห้ามปฏิเสธเป็นพัลวันว่าอย่าเรียกเด็ดขาด หยางลู่จึงรีบปิดปากให้สนิทเสีย แล้วรีบวิ่งไปหา ประครองร่างของเหอไป๋เทียนให้รีบลุกขึ้นมาทันทีก่อนที่เจ้าหินยักษ์จะหลุดจากการผนึกที่ ศิษย์เสวี่ย...จวินหวังซื่อเป็นผู้สร้าง

ดวงตาสีดำขลับของหยางลู่นั้นจ้องมาทางเหอไป๋เทียน กึ่ง ๆ จะตกใจ กึ่ง ๆ เหลือเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองเห็น ทว่าเหอไป๋เทียนก็รีบบอกให้อีกฝ่ายทำใจเย็น จบจากนี้ค่อยมาคุยกันต่อ

หยางลู่พยักหน้า เขาน้อมรับคำนายน้อยโดยดีโดยไม่คิดเถียงหรือต่อต้านอะไรทันที ในหัวตอนนี้เขาเปลี่ยนเป้าหมายจากการแข่งมาเป็นปกป้องนายน้อยแทนเสียแล้ว

“ผนึกเจ้าจะทานมันไว้นานแค่ไหน จวินหวังซื่อ” เขารีบหันหน้าไปทางจวินหวังซื่อ เอ่ยอย่างเสียไม่ได้

“เจ้ากำลังหมิ่นวิชาพันธนาการของเสวี่ยงั้นหรือ” จวินหวังซื่อตอบเสียงสะบัด ถลึงตา ขู่แง่งใส่ประหนึ่งแมวเกรี้ยวกราดโดนเหยียบหาง หยางลู่เลยได้แต่ส่ายหน้า แม้ใจอยากต่อปากต่อคำให้หายหัวเสียทว่าอยู่ต่อหน้าเจ้านายแล้วตนจะกระทำตัวเป็นคนไร้มารยาทไม่ได้เด็ดขาด

“ศิษย์พี่หยาง ทางนั้นคือ...?” เหอไป๋เทียนพึมพำ ทว่าในจังหวะที่หยางลู่กำลังจะตอบและเด็กชายก็หันไปเห็นท่าทางของปิศาจหินตนนั้น ดวงตาสีทองเบิกกว้างเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกได้ว่าบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติที่เชือกพันธนาการ มือรีบคว้าหานหลิ่งออกมาเตรียมท่ามกลางความประหลาดใจของทั้งจวินหวังซื่อและหยางลู่

“ตั้งท่าระวังภัยด้วยขอรับ!”

เหอไป๋เทียนกล่าวเช่นนั้น ก่อนที่เชือกจะถูกทำลายและปิศาจหินก็เป็นอิสระจากการพันธนาการ!!

ก้อนหินแตกตัว เคลื่อนตกลงมาจนพื้นสั่นไหว ปิศาจหินยักษ์หวีดร้องอาละวาดทำลายพื้นที่เป็นวงกว้าง เหอไป๋เทียนและอีกสองคนที่เหลือจึงต้องใช้ความไวในการเหินกระบี่หลบหินที่ตกมาราวห่าฝนกันจ้าละหวั่น ดวงตาสีทองจับจ้องไปยังปิศาจตนนั้น เหอไป๋เทียนประหลาดใจยิ่งนักเพราะว่าการแข่งขันรอบคัดเลือกแบบนี้ไม่น่าจะมีปิศาจใหญ่จัดการยากแบบนี้เข้ามาเป็นหนึ่งใส่เหยื่อที่ให้ล่าได้

“ศิษย์พี่หยาง พอรู้ไหมขอรับว่าปิศาจนี้คือปิศาจชนิดใด?” เหอไป๋เทียนตะโกนถาม ระหว่างนั้นเองเขาก็เห็นจวินหวังซื่อวาดอักขระสร้างม่านป้องกันเพื่อเป็นโล่คุ้มภัยก่อนหินขนาดยักษ์จะร่วงทับใครสักคน แต่ก็ป้องกันได้ไม่มากนัก หินที่หลุดจากร่างมันแข็งมาเสียจนกระทบสองถึงสามทีม่านก็แตกสลาย

“มันคือพันเลณฑุ (พันก้อนดิน) ปิศาจธาตุดิน” เป็นจวินหวังซื่อที่ตอบแทนหยางลู่ที่กำลังกวัดไกวกระบี่ ป้องกันคนที่กางอาณาเขตม่าน ชายหนุ่มในเครื่องแบบสกุลเสวี่ยกรีดยันต์ออกก่อนที่จะปาไปทางด้านหน้าเพื่อหมายจะจัดการมันอีกครั้ง

ทว่า—ไม่ได้ผล!

มันปัดยันต์ทิ้งลงกับพื้นจนขาด!

“เอาปิศาจระดับนี้มาให้ล่ารอบคัดเลือก เขาเสวี่ยนี่มันอะไรกันหนา แหล่งซ่องสุมปิศาจร้ายหรือไร !?” หยางลู่กร่นบ่นอย่างหงุดหงิด เขาพยายามใช้กระบี่ฟันเข้าที่ลำตัวมันทว่ากลับใช้ไม่ได้ หินของมันนั้นแกร่งเกินไปจนแทบไม่ต่างจากแร่เนื้อหนา

“ใครมันจะเอาปิศาจระดับนี้มาทดสอบกัน หยางลู่...เจ้าไปอยู่ที่สกุลเหอมานานเกินไปหรือไร” จวินหวังซื่อโต้กลับทันที เขาละจากการสร้างม่านป้องกัน แม้สีหน้าจะยังคงความใจเย็นแต่กลับมีออร่าพร้อมพุ่งไปฆ่าคนออกมาจากตัวของชายหนุ่มศิษย์เสวี่ยคนนี้จนน่าขนลุก

“จวินหวังซื่อ! คนอย่างเจ้าน่ะ อย่ามาปากร้ายใส่สกุลเหอนะ!” หยางลู่ร้องออกมา ทว่าเมื่อมีหินก้อนหนึ่งพุ่งตรงมายังร่างของจวินหวังซื่อจากที่กำลังทะเลาะต่อปากต่อคำกันอยู่ เขาก็ช่วยกางม่านป้องกันปกป้องให้ทันที ....และหันกลับมาเถียงกันต่อไม่สนสี่สนแปดใดๆ ทั้งสิ้น!

ในตอนนี้สิ่งที่เหอไป๋เทียนเห็นนั้นก็คือการที่หยางลู่และจวินหวังซื่อต่อล้อต่อเถียงไปพลาง ต่อสู้กับพันเลณฑุไปพลาง หากใครใกล้จะเสียท่าก็รีบแล่นเข้าไปช่วยเหลือกันและกัน แต่พอว่างมือก็หันกลับไปทะเลาะอีกครั้ง เป็นแบบนี้วนไปวนมาสามสี่รอบแล้ว

“เอ่อ...”

“เป็นผัวเมียทะเลาะกันหรือไร...” หานหลิ่งเอ่ยออกมาในหัวของเหอไป๋เทียน ส่วนเหอไป๋เทียนก็รีบทำเสียงจุ๊ๆ ๆ ๆ ให้หานหลิ่งเงียบทันที แม้ว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงของมันเลยก็เถอะ

เด็กชายมองภาพตรงหน้านั้นไปพลางหลบหลีกก้อนหินนั้นไปพลาง จะว่าขำก็ไม่ใช่เอ็นดูก็ไม่เชิง แต่จะมารู้สึกแบบนี้ตอนนี้มันก็ออกจะผิดเวล่ำเวลาเกินไป เขาโดดลงมาจากหานหลิ่ง ลงเหยียบที่พื้น คว้าด้ามกระบี่เอาไว้ก่อนที่จะวาดฟันคลื่นพลังออกไป มันแหวกผ่านม่านอากาศ และแช่แข็งส่วนขาของพันเลณฑุเอาไว้จนไม่อาจขยับตัวได้

ทว่า--!!

มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น การแช่แข็งแบบธรรมดาไม่อาจรั้งพันเลณฑุไม่ได้นาน ก้อนน้ำแข็งปริออกและเริ่มร้าวที่ละน้อย เจ้าปิศาจหินนั้นเริ่มออกอาการอาละวาดหนักขึ้นเรื่อย ๆ เด็กชายจึงคิดจะใช้พลังของหานหลิ่นซัดเข้าไปซ้ำอีกรอบเพื่อที่จะไม่ให้มันทำลายได้

แต่จังหวะที่เหอไป๋เทียนกำลังร่ายกระบี่อยู่นั้นเอง เขาก็ต้องชะงักไป!

จวินหวังซื่อสั่นเล็ก ๆ เพราะหินก้อนหนึ่งได้ทะลุม่านป้องกันจนทำให้เขาเสียหลักร่วงลงมา กระบี่หลุดออกไปไกลจากตัว ส่วนเหอไป๋เทียนเองนั้น เมื่อเห็นคนร่วงลงมาต่อหน้าก็รีบเข้าไปช่วยเหลือทันที จังหวะนรกมากเสียจนไม่อาจป้องกันใด ๆ ได้ น้ำแข็งที่เขาใช้ผนึกมันไว้ก็เริ่มปริออกจวนเจียนจะพังสลายอยู่รอมร่อ

"นายน้อย!!!" หยางลู่ร้องออกมาเมื่อหันไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว กว่าที่เหอไป๋เทียนจะรู้ตัวเขาก็ไม่อาจจะขยับตัวหลบได้เลย

เพราะในจังหวะที่เขาวิ่งไปรับจวินหวังซื่อนั้นหินก้อนใหญ่ก็ถูกซัดเข้ามา และเป้าหมายนั้นมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือเหอไป๋เทียน!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด