ตอนที่แล้วCLS ตอนที่ 13 ความสามารถศักดิ์สิทธิ์อีกอัน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCLS ตอนที่ 15 อาจารย์ขง

CLS ตอนที่ 14 รางวัลภารกิจหลัก!


#14: รางวัลภารกิจหลัก!

 

อี้เทียนหยุนที่ลองเปิดใช้งานโชคดีอีกครั้ง ครั้งนี้เขากลับพบเงินตกอยู่ที่มุม!   ยังไงก็ตาม วิชายุทธ์หรือว่าผลไม้วิญญาณและอื่นๆ เขากลับไม่พบมัน

 

ถ้าพบพวกมันที่นี่ โชคดีคงจะเป็นความสามารถที่ท้าทายสวรรค์เกินไป บางทีเกิดค่าโชคเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ของพวกนั้นอาจจะตกลงมาจากเมฆจริงๆ ก็ได้ใครจะไปรู้

 

“บางทีถ้าใช้ความสามารถนี้ข้างนอก ผลลัพธ์คงจะดีกว่านี้”

 

แน่นอนว่าข้างนอกก็คือป่า ด้วยค่าโชคนี้ บางทีเขาอาจจะพบวัตถุดิบระดับสวรรค์หรือสมบัติระดับปฐพีก็ได้ เขาหยุดใช้งานโชคดีอีกครั้ง การผลาญแต้มทุกวินาทีนี้เกินที่เขาจะรับไหวจริงๆ สังหารหมาป่าหิมะได้ 5 แต้ม สามารถใช้ได้เพียง 5 วินาที ช่างน่าสมเพชจริงๆ

 

ขณะที่เขาวางแผนจะออกไปเดินเล่น เสี่ยวเหลียนก็ได้แอบ ไม่กล้าให้เขาเห็น

 

“นายน้อย ท่านเจ้าตำหนักบอกให้ท่านเข้าร่วมการประชุมผู้อาวุโส.....”

 

“การประชุมผู้อาวุโส?”

 

การประชุมผู้อาวุโส!

 

อี้เทียนหยุนคิดขึ้นมา หรือว่าจะเป็นเรื่องของเขา เรื่องของเขานั้นเป็นที่โต้เถียงในที่แห่งนี้มาก ครั้งนี้ก็คงจะเช่นกัน

 

“แล้วพี่สาวเสี่ยวเหลียนจะไปด้วยไหม?” อี้เทียนหยุนเปลี่ยนเรื่อง เพื่อไม่ใช่พี่สาวเสี่ยวเหลียนต้องรู้สึกอึดอัด

 

“ไม่ ผู้อาวุโสให้ท่านไป ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะไปที่นั่น” เสี่ยวเหลียนดีขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็ยังมองมาที่เขา

 

พรสวรรค์ของเสี่ยวเหลียนไม่สูง เพียงแค่เจ้าตำหนักให้การดูแลเธอเป็นพิเศษ ดังนั้นสถานะของเธอจึงไม่สูง

 

อี้เทียนหยุนไม่พูดอะไร ยกเท้าเดินไปหาพวกผู้อาวุโส อย่างรวดเร็ว เขาก็มาถึงตำหนักใหญ่ซึ่งเป็นที่ประชุมผู้อาวุโส ที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือชิเสวี่ยอวิ๋น สองข้างนั่งไว้ด้วยผู้อาวุโส 3 คน ส่วนที่เหลือนั่งไว้ด้วยศิษย์หัวกะทิของตำหนักเทียนเฉวียนซึ่งอยู่ในระดับปรับแต่งวิญญาณ พวกผู้อาวุโสนั้นอยู่ในระดับหลอมรวม แต่อายุเมื่อเทียบกับชิเสวี่ยอวิ๋นแล้วกลับเยอะกว่ามาก

 

อี้เทียนหยุนที่เพิ่งมาถึงก็ได้ถูกสายตาของทุกคนจับจ้องมา กระทั่งมีสายตาแห่งความดูถูกส่งออกมาด้วย

 

“วันนี้เราจะคุยกัน 2 เรื่อง เรื่องแรกคือการให้อี้เทียนหยุนเป็นศิษย์ของตำหนักเทียนเฉวียน เรื่องที่สองคือให้สิทธิ์เขาในการเข้าไปยังซากโบราณสถานเทียนเฉิน” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างจริงจัง “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีปัญหาหรือไม่?”

 

“ข้าขอคัดค้าน ความสามารถของเขาแน่นอนว่าน่าตกใจ แต่ตั้งแต่ที่ตำหนักเทียนเฉวียนก่อตั้งขึ้นมาก็ไม่เคยรับศิษย์ผู้ชายมาก่อน ธรรมเนียมนี้ไม่อาจถูกทำลาย ยิ่งกว่านั้น พลังบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้สูง การได้สิทธิ์เข้าไปยังซากโบราณสถานเทียนเฉินนับเป็นการสูญเปล่า! ยิ่งกว่านั้น เขายังมีสายเลือดของคนบาป การให้ที่ซุกหัวนอนกับเขานับว่าเป็นความใจกว้างอย่างมากแล้ว!” คนที่พูดขึ้นคนแรกคือผู้อาวุโสรอง เจี้ยนอวี่ผิง สายตาที่มองมายังอี้เทียนหยุนไร้ซึ่งความเป็นมิตร เป็นปฏิปักษ์อย่างสมบูรณ์

 

คำพูดของเธอชัดเจน ธรรมเนียมไม่อาจถูกทำลาย พลังบ่มเพาะไม่ได้มาตรฐาน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับสิทธิ์นี้ แต่ต่อให้เขาได้รับสิทธิ์นี้ แต่ธรรมเนียมก็ไม่อาจถูกทำลาย!

 

ร่างกายของอี้เทียนหยุนรู้สึกอึดอัด ยัยแก่นี่กลับมีท่าทางแบบนี้กับเขา เขาแน่ใจว่าไม่ได้ไปยั่วยุอะไรเจี้ยนอวี่ผิงคนนี้เลย เห็นได้ชัดว่าเธอเอาความแค้นที่มีต่อแม่ของเขามาลงที่เขา!

 

“ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้อาวุโสรอง ธรรมเนียมไม่อาจถูกทำลาย ผู้ชายทุกคนไม่เคยเป็นศิษย์สายในมาก่อน เขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถ้าเกิดผู้ชายที่อยู่ข้างนอกรู้เข้า มันจะต้องสร้างปัญหาให้กับตำหนักเทียนเฉวียนของพวกเราอย่างมากแน่” ผู้อาวุโสสาม ลู่ซือปิงพูดออกมา

 

“การกระทำของเขานั้นมีสิทธิ์ แต่ธรรมเนียมไม่อาจทำลาย เราจะชดเชยสิ่งอื่นให้กับเขา ตัวอย่างเช่นวิชายุทธ์หรืออื่นๆ ให้เขาเลือกมาสักอย่าง” ท่าทางของผู้อาวุโสใหญ่ โม่อวี่นั้นดีกว่ามาก อย่างน้อยเธอก็ไม่คัดค้านไปทุกเรื่อง นอกจากเรื่องธรรมเนียมแล้ว เธอยังมีการชดเชยให้ เป็นการพูดที่ค่อนข้างดี

 

การที่ผู้อาวุโสทั้งสามคัดค้าน นี่ไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจ เขาเพิ่งทำงานหนักให้กับตำหนักเทียนเฉวียน การที่ต้องมาถูกปฏิบัติอย่างนี้ มันทำให้รู้สึกเย็นไปถึงกระดูก

 

“ศิษย์คนอื่นมีใครมีความเห็นอื่นไหม?” สีหน้าชิเสวี่ยอวิ๋นยังคงสงบ ไม่แสดงให้เห็นถึงความยินดียินร้ายอะไร

 

ศิษย์รอบๆ ต่างพากันมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่พูดอะไร พวกผู้อาวุโสนั้นพูดเหมือนกับต้องการขับไล่อี้เทียนหยุนออกจากตำหนักเทียนเฉวียน

 

ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ดูเหมือนทุกคนเลือกที่จะปฏิเสธสินะ งั้นข้าจะพูดความคิดของข้าบ้าง เทียนหยุนจะกลายเป็นศิษย์หลัก และได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปในโบราณสถานเทียนเฉิน”

 

หลังจากอี้เทียนหยุนได้ฟังก็ต้องตาโต ไม่เสียทีที่เป็นถึงน้าของเขา แค่เปิดปากพูดก็มอบผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ให้กับเขาแล้ว!

 

“เจ้าตำหนัก นี่ทำไม่ได้! นี่เป็นการขัดต่อธรรมเนียมอย่างมาก มันจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเราดูแย่!” ผู้อาวุโสรองรีบค้านขึ้นมา

 

“ใช่แล้ว เรื่องนี้ทำไม่ได้! ตั้งแต่ก่อตั้งตำหนักเทียนเฉวียนขึ้นมาก็ไม่เคยรับศิษย์ผู้ชายมาก่อน!” ผู้อาวุโสสามพูด

 

ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าข้าจำไม่ผิด ตอนแรกทางตำหนักได้รับศิษย์ชายเข้ามา แล้วค่อยมาเปลี่ยนตอนหลัง ตอนนี้ไม่คิดว่าควรถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วหรอกเหรอ? ไม่ใช่ว่าต้องรับแต่ศิษย์ผู้ชายเสียหน่อย แต่จำเป็นต้องรับศิษย์ผู้ชาย!”

 

ที่เธอพูดก็ถูก ก่อนหน้านี้ตำหนักเทียนเฉวียนได้มีศิษย์ผู้ชายจริงๆ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นถึงระดับเจ้าตำหนัก..... แต่ได้ยินว่าหลังจากนั้นเขาได้หนีไป จากนั้นมา ผู้สืบทอดคนต่อไปจึงรับเพียงศิษย์สตรี

 

“เอาจริงๆ แล้ว จากประสิทธิภาพที่นิกายเทียนหลิงแสดงออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะเทียนหยุน พวกเราไม่เพียงแต่จะเสียสิทธิ์ไปเท่านั้น แต่ยังจะเสียหน้าตำหนักเทียนเฉวียนของพวกเราด้วย! การยึดติดกับธรรมเนียมแบบนี้ เป็นเพราะเห็นว่าชื่อเสียงสำคัญ หรือว่าธรรมเนียมสำคัญกว่า!”

 

คำพูดไม่กี่คำนี้ทำให้ผู้คนพากันตกตะลึง ท่าทีที่แสดงออกมาของชิเสวี่ยอวิ๋นได้กวาดความเห็นของผู้อาวุโสทั้งสามทิ้งไป นี่จึงจะสมกับคนที่เป็นเจ้าตำหนัก

 

คำพูดนี้ช่างไร้สาระอย่างมาก สำหรับอี้เทียนหยุนแล้ว คนที่ต่ำกว่าระดับปรับแต่งกายาในตำหนักเทียนเฉวียนนี้ ไม่มีใครสู้เขาได้!

 

“แต่.....”

 

เจี้ยนอวี่ผิงกำลังอยากจะพูดอะไร แต่ก็ได้ถูกชิเสวี่ยอวิ๋นถลึงตาใส่ “ผู้อาวุโสรอง ท่านคิดว่าข้าไม่รู้อย่างงั้นเหรอ ท่านคงอยากจะมอบสิทธิ์ให้กับศิษย์สายตรงของท่านสินะ สิทธิ์นี้เป็นอี้เทียนหยุนต่อสู้เพื่อให้ได้มา ไม่ใช่เพราะข้าปกป้องเขา แต่เป็นสิทธิ์ที่เขาสมควรได้ ถ้าเขาเป็นขยะ ไร้ซึ่งพลังเหมือนก่อนหน้า ไม่ได้แสดงพลังออกมา ข้าจะไม่พูดถึงมันแม้แต่ครึ่งคำ! แต่ตอนนี้ สิทธิ์นี้เป็นเขาต่อสู้เพื่อให้ได้มา ชื่อเสียงของตำหนักเทียนเฉวียนก็เป็นเขาที่เป็นคนกอบกู้ สิทธิ์นี้จึงเหมาะสมแล้วที่เขาจะได้รับ!”

 

เมื่ออี้เทียนหยุนได้ยินก็คิดว่าสมแล้วกับตำแหน่งเจ้าตำหนัก รู้จักใช้การการกดดันและคำพูดในการชักจูง

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเขา อย่าว่าแต่สิทธิ์เลย ทั้งตำหนักเทียนเฉวียนยังต้องเสียหน้าครั้งใหญ่! แล้วการแย่งสิทธิ์ในครั้งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างงั้นเหรอ?

 

เจี้ยนอวี่ผิงโกรธจนสีหน้าแดงก่ำ เธออยากจะมอบสิทธิ์ในการเข้าซากโบราณสถานเทียนเฉินให้กับศิษย์สายตรงของเธอจริงๆ นี่ถือเป็นโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง เธอจะพลาดมันได้ยังไง แต่ตอนนี้ชิเสวี่ยอวิ๋นกลับมองทะลุความคิดของเธออย่างปรุโปร่ง แล้วจะไม่ให้เธออับอายได้ยังไง

 

“พลังบ่มเพาะของเขาต่ำไป ข้าไม่ตกลง! ต่อให้เขาได้ไป เขาก็ไม่ได้ผลลัพธ์ดีเยี่ยมอะไร กระทั่งอาจจะเสียชีวิตด้วยซ้ำ!” เจี้ยนอวี่ผิงยังคงไม่ยอมตัดใจ

 

“ตั้งแต่ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออีก 6 เดือน ข้าเชื่อว่าเทียนหยุนจะต้องเข้าสู่ระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 2 ได้อย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะนี่ถือเป็นมาตรฐานต่ำสุด ยังมีข้อโต้แย้งอะไรอีกไหม?” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างไม่แยแส

 

“นี่เขาทะลวงเข้าสู่ระดับปรับแต่งวิญญาณแล้วอย่างงั้นเหรอ?!”

 

พวกเธอพากันตกใจ พวกเธอคิดว่าพลังของอี้เทียนหยุนยังคงอยู่ในระดับปรับแต่งกายา แต่ไม่คิดว่าเขาจะทะลวงผ่านเข้ามายังระดับปรับแต่งวิญญาณได้แล้ว ทั้งยังเตรียมจะเข้าสู่ระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 2!

 

อี้เทียนหยุนที่อยู่ด้านข้างก็เผยรอยยิ้มสงบออกมา นี่นับเป็นเรื่องเล็กน้อย เวลา 6 เดือน อย่าว่าแต่ระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 2 กระทั่งระดับปรับแต่งกายาขั้นที่ 4 ยังไม่ใช่ปัญหา ยังไงก็ตาม ถ้าอยู่ที่นี่มันจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะงั้นต้องออกไปข้างนอก

 

“แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ ก็ไม่อาจให้เขาเป็นศิษย์หลักได้..... นี่ไม่เหมาะกับธรรมเนียม อย่างมากที่สุดเขาก็เป็นได้แค่ศิษย์สายนอก” พวกเธอให้ตายก็ไม่ยอมในจุดนี้

 

“งั้นก็ตามนั้น นับแต่นี้ไปเทียนหยุนคือศิษย์สายนอก” ชิเสวี่ยอวิ๋นตอบรับอย่างสดชื่น ทำให้พวกเธอต้องพากันเบิกตากว้าง พวกเธอคิดว่าชิเสวี่ยอวิ๋นจะต้องคัดค้าน แต่เธอกลับตอบรับโดยไม่ต้องคิด

 

เธอปิดหัวข้อเมื่อเธอได้สิ่งที่ต้องการ เพราะยังไงสำหรับเธอแล้ว จะเป็นศิษย์สายนอกหรือว่าศิษย์หลักก็เหมือนกัน เพราะหากต้องการใช้สิทธิ์ อย่างน้อยต้องกลายเป็นศิษย์ซะก่อน

 

“เทียนหยุน เจ้าต้องตั้งใจฝึกให้ดี เมื่อถึงเวลาเข้าไปยังซากโบราณสถานเทียนเฉิง มันจะมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่รอเจ้าอยู่!” ชิเสวี่ยอวิ๋นแนะนำอย่างจริงใจ

 

“ข้าจะตั้งใจฝึกฝน!”

 

อี้เทียนหยุนพยักหน้าให้กับเธอด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ติ๊ง! ท่านได้รับภารกิจหลัก ยึดครองซากโบราณสถานเทียนเฉิง รางวัลเมื่อสำเร็จ: ได้รับซากโบราณสถานเทียนเฉิง, ค่าประสบการณ์ 100,000 แต้ม, ค่าความคลั่ง 10,000 แต้ม, กระบี่นิรันดร์!”

 

หลักจากเห็นรางวัลของภารกิจหลัก เขาก็พลันตกใจ นี่มันจะใจกว้างเกินไปแล้ว!

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด