ตอนที่แล้วChapter 29 : คำพิพากษาของศาลผู้ใช้เวท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 31 : ภารกิจใช้หนี้

Chapter 30 : ของขวัญปีใหม่


Chapter 30 : ของขวัญปีใหม่

        31 ธันวาคม

        วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมได้นอนหลับโง่ ๆ แบบเต็มอิ่ม ไม่ต้องตื่นนอนตอนเช้าไปวิ่งออกกำลังกายเหมือนเช่นเคย เพราะสภาพอากาศและหิมะที่ตกลงมาจนพื้นถนนขาวโพลน ดังนั้นการนอนอุ่น ๆ ใต้ผ้าห่มผืนหนาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด กว่าจะตื่นนอนก็เกือบ 10 โมงเช้าได้ เนื่องจากได้ยินเสียงของมินจุนที่ดังขึ้นมาในห้องเหมือนจะแต่งตัวหรือทำอะไรสักอย่าง

เมื่อวานเย็นหลังจากได้รับคำพิพากษาว่าพวกเราต้องแบกหนี้ก้อนโตจำนวน 100 ล้านเคอเรน ก็พบว่าทางออกทางเดียวที่จะแก้ปัญหาคือต้องทำภารกิจพิเศษใช้หนี้ นั่นคือการล่าหัวของอามุน ซึ่งเป็นผู้ถือครองกุญแจจักรราศีพิจิก พวกเราอยู่ที่สเปนต่ออีกสองสามวัน เพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าไปตามล่าตัวอามุนดี หรือกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนแล้ววางแผนเรื่องนี้อีกที

เพราะข่าวคราวล่าสุด ประเทศที่มีผู้ใช้เวทพบอามุนคือประเทศอียิปต์ ซึ่งอยู่ในทวีปแอฟริกาตอนเหนือห่างจากตรงที่พวกเราอยู่อีกประมาณ 3,500 กิโลเมตร เดินทางด้วยเครื่องบินไปอีกสองสามชั่วโมง แต่คงจะไม่เหมาะเพราะพวกเราไม่ได้จองเครื่องบินไว้และไม่น่าจะมีเที่ยวบินไปเนื่องจากตรงกับช่วงปีใหม่

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายสักเท่าไรที่จะจัดการกับอามุน จากการพูดคุยกับลีโอ ลีโอบอกว่า ภูติดวงดาวจักรราศีพิจิกคือ Scorpius [สกอเปียส] คู่ปรับเก่าของลีโอเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว สกอเปียสจัดเป็นภูติดวงดาวที่มีความสามารถในการลอบสังหารสูงมาก เรียกได้ว่าเป็นแอสซาซินของภูติดวงดาวเลยทีเดียว

เวทมนตร์ที่สกอเปียสใช้มีรูปแบบที่รวดเร็วและประชิดตัวเช่นเดียวกับลีโอ แต่อาวุธสกอเปียสจะมีลักษณะเป็นดาบสั้นสองเล่มเหมือนกับที่พวกนักฆ่าชอบใช้ พร้อมกับความสามารถในการควบคุมแมงป่องเป็นฝูงและพายุทะเลทราย ส่วนตัวของอามุน พวกเราก็ได้แต่เสิร์ชหาข้อมูล และได้รับข้อมูลบางส่วนมาจากศาลผู้ใช้เวท อามุนไม่ใช่อาชญากรผู้ใช้เวทชื่อดังเหมือนมิเกล เขาเป็นนักฆ่าที่ชอบหลบตัวอยู่ในเงามืด และให้คนรอบตัวจัดการแทน แม้แต่ใบหน้าของเขา ศาลผู้ใช้เวทก็ไม่ทราบ พวกเขารู้แค่ว่ามีชายที่ชื่ออามุนและเป็นผู้ถือครองกุญแจจักรราศีพิจิก ที่เป็นอาชญากรเบื้องหลังกุมบังเหียนอาชญากรทั่วแอฟริกาเหนือ มีเมืองบางเมืองที่อามุนและพรรคพวกล้างบางจนไม่เหลือมนุษย์สักคนเดียว แต่พวกเราก็ไม่ทราบข่าวเพราะมีผู้ใหญ่ของพวกมนุษย์ปิดข่าวไว้ กันความแตกตื่นที่จะเกิดขึ้น ทางศาลผู้ใช้เวทจึงต้องหาคนไปจัดการกับอามุน เพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และผู้ใช้เวทที่อาจก่อให้เกิดสงครามในอนาคต

ดังนั้นสงครามระหว่างผู้ใช้เวทและมนุษย์จึงพร้อมที่จะปะทุขึ้นทุกเมื่อ ทุกอย่างมันเริ่มมาหลายปีแล้ว

แต่พวกเราเพิ่งจะรู้ ...

ลีโอยังบอกอีกว่า สกอเปียสนี่แหละ ที่เป็นคนฆ่าผู้ถือครองกุญแจจักรราศีของลีโอเมื่อสงครามจักรราศีครั้งที่แล้ว ลีโอเลยดูเจ็บแค้นสกอเปียสเอามาก ๆ เมื่อเล่าเรื่องพวกนี้ให้เราฟัง และที่สำคัญที่สุด

สงครามเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว ...

ผู้ถือครองกุญแจจักรราศีของสกอเปียส ได้ครอบครองกุญแจดอกที่ 13 ...

“หึ อย่าให้ฉันเจอหน้าไอ้แมงป่องนั่นนะ พ่อจะจับมาชุบแป้งทอดกินทั้งตัว ตั้งแต่หางยันหัว” ลีโอพูดขึ้นมา ดูหงุดหงิดจนผมอดขำไม่ได้กับท่าทางที่หักนิ้วดังกร๊อบ ๆ

พอเสร็จก็หยิบชูโรส [Churros] หรือปาท่องโก๋สเปนขึ้นมาหักเล่น ชูโรสมีลักษณะเป็นแท่ง ๆ สีเหลืองทองโค้ง ๆ เอาไว้ดื่มคู่กับกาแฟหรือชา บนโต๊ะอาหารยามสายตอนนี้ยังมีแซนด์วิชฮามอน [Jamón Sandwich] ของขึ้นชื่อของสเปนที่พวกเราสั่งมาทานด้านล่างของโรงแรม

“งั้นแสดงว่าหมอนั่นมันต้องเก่งกว่านายมาก” ผมพูดออกไปพร้อมกับยกกาแฟขึ้นมาดื่ม บนโต๊ะอาหารตอนนี้มีเพียงผมกับลีโอ ส่วนไอรีนกับมินจุนทานกันเรียบร้อยแต่เช้าแล้ว เพราะมีผมคนเดียวที่ตื่นสาย สองคนนั้นเลยเลือกที่จะนั่งพักผ่อนอยู่ชั้นบนภายในห้อง

“เก่งกว่าบ้าอะไร ฉันแค่พลาดท่านิดเดียว” ลีโอคุยโวออกมา

“หรอ” ผมลากเสียงถามแบบกวน ๆ

“เออดิ คราวนี้ฉันจะไม่พลาดเหมือนรอบที่แล้วหรอก แม้ว่าจะมีผู้ถือครองกุญแจที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้แบบนาย วิน” ลีโอพูดพร้อมกับจิ้มแซนด์วิชยัดเข้าปากพร้อมกับเคี้ยวตุ่ย ๆ

“เหอ ๆ ครับพี่ลีโอ พี่ลีโอช่วยปกป้องน้องวินคนนี้ด้วยนะครับ อย่าให้ถูกฆ่าตายเหมือนผู้ถือครองกุญแจจักรราศีคนเก่าของพี่ด้วยนะครับ” ผมพูดออกไปพร้อมกับหัวเราะขำ

แต่ดูเหมือนลีโอจะไม่ตลกด้วย ...

ปากที่เคี้ยวตุ่ย ๆ หยุดเคี้ยวไป ใบหน้าดูนิ่งจนไม่เหมือนลีโอที่ร่าเริง จอมกะล่อนคนเดิม ผมนี่ใจแป้วเลย เหมือนเมื่อกี้จะพูดอะไรออกไปโดนไม่ทันคิด การที่ผู้ถือครองกุญแจจักรราศีตาย ลีโอคงรู้สึกแย่ไม่มากก็น้อย เพราะขนาดลีโอมาอยู่กับผมได้แค่ไม่กี่เดือน ผมยังรู้สึกผูกพันเหมือนลีโอเป็นพี่ชาย เป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งเลย สำหรับลีโอมันคงจะไม่ต่างกัน แม้เวลามันจะผ่านไปนานมากแล้วก็เถอะ

“เฮ้ย ขอโทษ ฉันแค่แซวเล่น นายคงคิดถึงผู้ถือครองกุญแจคนเก่ามากซินะ ฉันปากเสียเอง” ผมรีบพูดออกไปอย่างรู้สึกผิด เหมือนบรรยากาศการทานอาหารมันจะกร่อยไปแล้ว

“ไม่เป็นไรวิน ถึงฉันจะดูเป็นคนที่ไม่สนใจผู้ถือครองกุญแจ แต่เชื่อฉันเถอะอย่างที่ฉันบอก ฉันเห็นนายไม่ต่างอะไรไปจากน้องชาย ภูติดวงดาวทุกคนเมื่อทำพันธสัญญากับผู้ถือครองแล้ว ไม่ว่าผู้ถือครองจะเป็นคนดี หรือเลว ภูติดวงดาวก็พร้อมจะยอมทำทุกอย่างตาม และมองคนคนนั้นเหมือนคนในครอบครัว”

พูดซะตอนนี้ผมดูเหมือนทำผิดใหญ่หลวงไปแล้วเลย ...

“เล่าเรื่องของนายกับผู้ถือครองกุญแจคนเก่าให้ฟังหน่อยสิ” ผมพูดออกไป

“อยากรู้ ?”

“อื้ม” ผมตอบกลับไป ลีโอส่ายหัว ใบหน้านิ่ง ๆ เมื่อกี้เปลี่ยนไปเป็นใบหน้ากวน ๆ แทน

“นายไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่า ผู้ถือครองกุญแจจักรราศีคนเก่าของฉันเป็นผู้หญิง สวย น่ารัก นิสัยดี มีเวทมนตร์ และมีทักษะการต่อสู้ที่เก่งมาก” ลีโอพูด

“ตรงกันข้ามกับฉันทุกอย่างเลยนี่หว่า ผู้ชาย หล่อ เร้าใจ ไม่มีเวทมนตร์ และมีทักษะการต่อสู้ที่เลวร้ายมาก ไม่แปลกใจเลย วันแรกที่เจอกัน นายถึงอยากให้ฉันฆ่าตัวตายแล้วไปหาผู้ถือครองกุญแจคนใหม่” ผมพูดกลับไปขำ ๆ แต่คราวนี้เรียกเสียงหัวเราะจากลีโอได้เช่นกัน

“จำได้ด้วย”

“อื้มดิ แล้วนี่กินเสร็จยัง ไอรีนกับมินจุนบอกว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าแถวนี้ จะได้โทรให้พวกนั้นลงมาเลย แล้วออกไปพร้อมกัน”

“ขออีกจาน อาหารที่นี่ถูกปาก”

แล้วผมก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับไอ้สิงโตเผือกตรงหน้า ...

ผมหมดค่าอาหารไปกับการเลี้ยงสิงโตนี่ไปกี่เคอเรนแล้วเนี่ย ...

 

หลังจากหาอะไรทานลงท้องเสร็จ มินจุนกับไอรีนก็เดินลงมารวมตัวกับผม พวกเรามีแพลนว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ ๆ ในเมืองนี้ ไหน ๆ วันนี้ก็วันสิ้นปีแล้ว เลิกคิดเรื่องที่มันทำให้ปวดหัวสักวัน ไปเดินเล่นชิว ๆ พักผ่อนกันดีกว่า ไม่นานพวกเราก็มาถึงห้างสรรพสินค้ากลางเมืองหลังจากต่อรถในเมืองอีกต่อ แน่นอนว่าพวกภูติดวงดาวก็ออกมาเดินเล่น เปิดหูเปิดตาด้านนอกของกุญแจเช่นกัน

บรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้าตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยกันส่งท้ายปี ทั้งเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกนำเอามาจัดวางให้ผู้คนได้เลือกซื้อเต็มไปหมด พวกเราเดินดูข้าวของไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผมเดินผ่านร้านเครื่องประดับผู้หญิงร้านหนึ่ง มันเป็นร้านเครื่องประดับของผู้หญิงที่ไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย เป็นร้านเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ แต่มันกลับดึงดูดให้ผมเดินเข้าไปดู

ไม่ใช่ว่าผมสนใจเอาไปใส่เองนะ ผมอยากเลือกให้ผู้หญิงคนหนึ่งต่างหาก ตุ้มหู กำไลข้อมือ แหวน อะไรดีนะ ผมมองไปรอบร้านจนทั่ว จนกระทั่งผมสะดุดตาอยู่ที่สร้อยคอเงินเส้นหนึ่ง ซึ่งมีจี้รูปหยดน้ำเล็ก ๆ ติดอยู่

มันดูเข้ากับไอรีนดี ...

ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนอมยิ้ม เมื่อพยายามจะนึกว่าหน้านิ่ง ๆ ของไอรีนจะทำหน้ายังไงเมื่อผมให้สร้อยคอเส้นนี้

ว่าแล้วผมก็รีบเดินไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ร้าน หลังจากได้ยินเสียงของลีโอร้องเรียกอยู่ด้านหน้าร้านว่าคนอื่นเดินนำไปหมดแล้ว

“สนใจของแบบนี้ด้วยหรอวิน ฉันคงมองนายผิดไปซินะ เอาเถอะ ฉันไม่บอกใครหรอก” ลีโอพูด มองผมยิ้ม ๆ ก่อนตบไหล่แปะ ๆ

“ฉันซื้อให้ไอรีน” ผมพูดออกไป มองหน้าลีโอที่ยังทำท่าทางกวน ๆ อยู่แบบนั้น

หมั่นไส้โว้ย ...

ว่าแล้วก็เอามือคล้องคอลีโอแล้วบิดเข้าหาตัว ล็อกคอแน่นเหมือนเล่นมวยปล้ำ ให้หมอนั่นหายใจไม่ออกเล่น ๆ

“แค่ก ๆ อ้าวหรอ นึกว่าอยากซื้อใส่เอง” ลีโอพูดพร้อมกับหัวเราะขำ วิ่งหนีผมไปข้างหน้าหลังจากสะบัดตัวออกได้

หมอนั่นอายุเท่าไรแล้วเนี่ย ... เล่นเป็นเด็ก แถมผมยังบ้าจี้ตามอีก

 

ไม่นานผมกับลีโอก็เดินตามคนอื่น ๆ ทัน แต่ละคนต่างได้ของติดไม้ติดมือกันเต็มไปหมด โดยเฉพาะสองฝาแฝดไพส์ซีส ที่สองมือเต็มไปด้วยถุงเสื้อผ้า ผมเห็นมินจุนสแกนบาร์โค้ดจ่ายเงินให้เป็นว่าเล่น เดินเข้าเดินออกแทบจะทุกร้าน ส่วนซาจิททาเรียสกับมินจุนก็กลายเป็นคนช่วยถือของ ไอรีนกับอควาเรียสดูไม่ค่อยชอบการช้อปปิ้งเท่าไร เน้นเดินเล่นดูของมากกว่า ทั้งสองจึงไม่มีอะไรติดไม้ติดมือเลย

“วิน ๆ ฉันอยากได้ชุดใหม่ ดูดิ เซลจนโคตรถูกเลย นะ ๆ ซื้อให้หน่อย รองเท้าด้วย” ลีโอเรียก หันมาสะกิดผมที่กำลังเดินมองซ้ายขวาเพลิน ๆ ผมหันไปมองตามที่ลีโอชี้ ถึงจะเซลก็เหอะ แต่นั่นมันแบรนด์ที่ขนาดลดราคาแล้วผมยังไม่กล้าซื้อใส่เองเลย แล้วจะให้ซื้อให้ลีโอหรอ ... หึ ๆ

“แพงอยู่ดี” ผมพูดออกไปทำท่าจะเดินต่อ

“น่า ซื้อให้หน่อย นะ ๆ เดี๋ยวฉันกลับไปช่วยงานที่ร้านแล้วหาเงินใช้คืน” ลีโอพูด ทำท่าทางจะเอาให้ได้ แต่ตอนนี้ผมกำลังเห็นภาพเด็กที่โวยวายอยากได้ของเล่นขึ้นมาแล้วพ่อแม่ไม่ซื้อให้เลย

นี่ก็ไม่ได้ดูสภาพทางการเงินตอนนี้เลย เพิ่งถูกตัดสินว่าต้องจ่ายค่าปรับ 100 ล้านเคอเรนเนี่ย ...

“ฉันยกชุดฉันให้นายไปตั้งหลายชุดแล้วไง จะเอาไรอีก เปลืองเงิน” ผมบอกลีโอไป หมอนั่นทำหน้าสุดเซ็ง

“ชุดนายมันไม่ได้เรื่อง ไร้รสนิยม ดู ๆ นายหันไปมองชุดมินจุนบ้าง แล้วดูชุดซาจิททาเรียสกับฝาแฝดไพส์ซีส นายเป็นผู้ถือครองกุญแจที่แม่งโคตรงกเลย” ลีโอพูดเสียงดังแบบเอาแต่ใจเหมือนเด็ก

คิ้วผมกระตุกขึ้นมาทันที ...

 

“เอาน่าไอ้วิน ปีใหม่ทั้งที ซื้อให้ภูติดวงดาวเป็นของขวัญปีใหม่สิ” มินจุนที่ได้ยินเสียงดังโวยวายจากลีโอหันมามองพวกเรา ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ไหน ๆ ก็ยังไม่เคยซื้ออะไรให้ลีโอเป็นชิ้นเป็นอันเลย ...

“อื้มก็ได้ อยากได้ไร ไปดูกัน เดี๋ยวซื้อให้เป็นของขวัญปีใหม่”

เท่านั้นแหละ ไอ้สิงโตเผือกกลายเป็นโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ลากผมเข้าไปร้านนู้นร้านนี้ทันที

ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย ว่าหมอนั่นมีอายุหลายพันปีแล้ว เห็นอะไรก็ตื่นเต้นอยากได้ไปหมด ...

และหมดกัน เงินในบัญชีที่ไม่ค่อยจะมีของผม ...

 

พวกเราเดินเล่นกันจนเพลินถึงเย็น ข้าวของเต็มไม้เต็มมือแต่ละคน จนต้องเอาไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์รับฝากของของห้างสรรพสินค้า หลังจากนั้นก็ไปหาร้านเครื่องดื่มนั่งเล่นให้หายเหนื่อย พวกเราว่าจะออกไปเคาท์ดาวน์บริเวณด้านหน้าของห้าง ซึ่งมีงานฉลองปีใหม่ที่กำลังจะถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เป็นอีกวันหนึ่งที่ใช้ชีวิตไปอย่างไร้สาระและสิ้นเปลืองแบบสุด ๆ

ลีโอร่าเริงผิดปกติ หลังจากไปเปลี่ยนเอาชุดที่ซื้อมาใส่เก๊กหล่ออวดทุกคน ส่วนผมนี่ซิ ซึมเศร้าผิดปกติ เพราะเงินในบัญชีที่หายไปกับการซื้อเสื้อผ้าให้กับลีโอ พวกเราคุยเล่นเรื่องไร้สาระกันจนเกือบห้าทุ่มครึ่งก็ออกไปบริเวณด้านนอกข้างห้างสรรพสินค้า

ด้านนอกของห้างสรรพสินค้ามีการแสดงโชว์ต่าง ๆ ต้นไม้บริเวณรอบ ๆ ถูกประดับไปด้วยแสงไฟสีสันสวยงามตัดกับความมืดยามค่ำคืน ผู้คนต่างออกมาถ่ายรูปกับแสงไฟและของที่ประดับประดากับบริเวณรอบ ๆ เหมือนกับเทศกาลแสงไฟ ตรงบริเวณด้านหน้าของพวกเรามีภาพฉายโฮโลแกรมสามมิติ ที่บอกเวลาซึ่งกำลังนับถอยหลังลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับการก้าวเข้าสู่ปีใหม่ มีเวทีขนาดไม่ใหญ่มาก ที่มีพิธีกรพูดคุยกับผู้คนที่อยู่รอบ ๆ งานพร้อมกับเสียงดนตรีที่คลอเบา ๆ เสียงพูดคุยมากมายดังไปรอบบริเวณ ผู้คนมาเคาท์ดาวน์ที่นี่ค่อนข้างจะเยอะมากเลยทีเดียว

ไม่ช้า เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ...

เสียงนับถอยหลังดังขึ้นรอบ ๆ ตัวของพวกเรา

5

4

3

2

1

        Happy New Year !

        เสียงร้องตะโกนดังขึ้นรอบ ๆ บริเวณ ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผมหันไปสวัสดีปีใหม่กับทุกคน

ปีที่แล้ว เป็นปีที่ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์หรือการต่อสู้ ...

ปีที่แล้ว ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่อย่างมินจุนและเพื่อนภูติแห่งดวงดาวหลายคน ...

ผมหันไปหาไอรีน สะกิดเรียกแล้วส่งยิ้มกว้างให้เธอ ก่อนหยิบสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของตัวเองออกมายื่นให้กับเจ้าตัว มันเป็นสร้อยเงินจี้หยดน้ำที่ผมซื้อมาเมื่อตอนบ่าย

“ฉันให้” ผมพูดออกไป ยื่นสร้อยไปข้างหน้า

“ให้ฉันทำไม” ไอรีนถามกลับมาทำหน้าไม่ถูก ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเจ้าตัวหน้าแดงหรือเปล่า เพราะแสงไฟบริเวณนี้เป็นสีแดง

“ถามจริง ไม่รู้จริงหรอว่ากำลังจีบอยู่”

เท่านั้นแหละ ใบหน้าที่ทำหน้าไม่ถูกก้มหน้างุดไปมองพื้นไม่พูดอะไร มือไม้ไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน ผมหัวเราะขำกับอาการคนตัวสูงน้อยกว่า ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ ไม้ช้าผมก็เอื้อมมือเอาสร้อยคอไปใส่บนลำคอขาวเนียนอย่างถือวิสาสะ

ท่ามกลางผู้คนมากมาย และพลุหลากหลายแบบสวย ๆ ที่จุดขึ้นบนฟ้าตัดกับความมืด

ผมเห็นพลุรูปหัวใจอยู่บนนั้นที่เด่นชัดกว่าพลุอันอื่น

 

ปีนี้ ... มันต้องเป็นปีที่ดีแน่ ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด