ตอนที่แล้วบทที่ 8 การเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 โดนสาวน้อยเข้าใจผิด

บทที่ 9 เจอผู้รอดชีวิต


บทที่ 9 เจอผู้รอดชีวิต

 

แต่เมื่อหลิงม่อพาเย่เลี่ยนออกเดินทางไปยังเขตตัวเมืองหลัก เขาถึงได้พบว่าการเปลี่ยนแปลงทางด้านการรับรู้ของเย่เลี่ยนไม่เพียงจะทำให้เธอไปไหนมาไหนเองเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นสัญชาตญาณของเธอก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

 

เวลาที่เผชิญหน้ากับซอมบี้ทั่วไป ท่าทางของเย่เลี่ยนดูเหมือนเผชิญกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไม่อยู่ในสายตา อีกทั้งฝีมือในการสังหารก็หมดจดราบคาบกว่าเดิม แววตาของเธอเหมือนกับเหยียบขยี้แมลงธรรมดาๆ เท่านั้น นอกจากนี้เธอยังจู่โจมได้รวดเร็วกว่าเดิมมากทีเดียว หากก่อนหน้านี้เปรียบเธอว่าเหมือนเสือชีตาห์ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เธอก็กลายเป็นเสือชีตาห์ในคราบคนไปแล้ว

 

ถึงแม้วิวัฒนาการของเชื้อไวรัสจะทำให้ลักษณะภายนอกของเย่เลี่ยนใกล้เคียงกับคนปกติทั่วไปมากขึ้น หากแต่พฤติกรรมกลับยิ่งใกล้เคียงกับสัตว์ป่ามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่าสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่า สำหรับเย่เลี่ยนแล้วอาจจะพูดได้ว่าซอมบี้ทั่วไปก็เป็นแค่กากเดนที่อ่อนแอเท่านั้น

 

หลิงม่ออดคิดไม่ได้ว่าเมื่อเย่เลี่ยนประจันหน้ากับมนุษย์ เธอจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร...แต่ขณะที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา การยับยั้งป้องกันไม่ให้เย่เลี่ยนโจมตีตามใจชอบนั้น ยังคงสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์

 

หลิงม่อขี่จักรยานพาเย่เลี่ยนผ่านถนนหนทางและตรอกซอกซอยต่างๆ อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่ว่ารอบด้านเต็มไปด้วยพวกซอมบี้แล้วล่ะก็ ภาพนี้ก็ทำให้หลิงม่อเพลิดเพลินอยู่พอดู

 

แต่ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ เพิ่งจะเข้ามาในเขตตัวเมืองได้ไม่นาน หลิงม่อก็พบว่าปัญหามาเยือนซะแล้ว

 

พูดให้ถูกก็คือเขาเจอเข้ากับผู้รอดชีวิตสองคนที่กำลังถูกซอมบี้รุมล้อมเล่นงานอยู่

 

ผู้รอดชีวิตชายหนึ่งหญิงหนึ่งคู่นี้ดูแล้วอายุยังไม่เยอะ ดูจากกระเป๋าเป้ของพวกเขาแล้ว บอกได้เลยว่าพวกเขาออกมาหาเสบียงอาหารกัน และสถานที่ที่พวกเขาทำการต่อสู้ก็คือด้านนอกซุปเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง ทั้งคู่พยายามต้านทานการโจมตีอันบ้าระห่ำของพวกซอมบี้โดยอาศัยประตูของซุปเปอร์มาร์เกตเป็นเกราะกำบัง แต่ซอมบี้ที่เข้าห้อมล้อมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาเริ่มตกอยู่ในภาวะวิกฤตซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

ซอมบี้พวกนี้ล้วนเคลื่อนไหวโจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรง ไม่นานบานประตูกระจกของซุปเปอร์มาร์เกตก็ถูกทุบจนแตกละเอียด สองคนนี้จึงจำต้องถอยร่นเข้าไปข้างใน แล้วใช้พวกชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์ในการสกัดกั้นเหล่าซอมบี้

 

ส่วนหลิงม่อมองดูเหตุการณ์นี้อยู่ไกลๆ ตอนแรกเขาก็คิดจะขี่จักรยานอ้อมไป แต่กลับถูกดึงดูดความสนใจโดยเด็กสาวคนนั้น

 

เด็กสาวคนนั้นถือดาบเล่มยาวพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอด แล้วทุกครั้งที่เกิดภาวะวิกฤต การตวัดฟันอันรวดเร็วฉับไวของเธอก็ล้วนสามารถสอยซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาตรงหน้าได้อย่างราบคาบ ความรวดเร็วของเธอนั้นสูสีพอๆ กับเย่เลี่ยนเลยทีเดียว ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง หลิงม่อคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าในบรรดาคนธรรมดาจะมีเด็กสาวฝีมือฉกาจแบบนี้อยู่ด้วย

 

แต่ประเด็นสำคัญคือรอยยิ้มของเธอต่างหาก สาวน้อยทั่วไปเจอเข้ากับสถานการณ์แบบนี้ ถึงจะไม่ตกใจช็อก แต่อย่างน้อยก็ต้องหน้าซีดตัวสั่นกันบ้าง แต่ดูสีหน้าเธอสิ ดูเหมือนว่าเธอจะสนุกสนานกับการต่อสู้แบบนี้สุดๆ หนำซ้ำยังเป็นสถานการณ์ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดอีกต่างหาก แต่ถึงแม้เธอจะแข็งแกร่งแค่ไหน การที่ต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วพละกำลังของเธอก็ต้องถูกใช้จนหมด แม้แต่หลิงม่อเองยังดูออกเลยว่าวิธีการโจมตีแบบเร่งความเร็วฉับพลันของเธอนั้น ไม่เพียงจะเป็นการทดสอบพละกำลังครั้งใหญ่ แต่ยังเป็นการท้าทายสมาธิอยู่ไม่น้อย

 

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอก็ยังคงสามารถสงบนิ่งได้...

 

หลิงม่อถึงกับเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที หรือว่าเด็กสาวคนนี้จะเหมือนกับเขาที่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง

 

ทันทีที่ความคิดนี้แวบขึ้นมา หลิงม่อก็เกิดความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับเด็กสาวคนนี้ทันที แต่เมื่อหันไปมองเย่เลี่ยนที่เบาะหลังแล้ว เขาก็ตัดสินใจไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนจะดีกว่า ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้รอดชีวิตธรรมดาก็แล้วไป แต่หากมีความสามารถพิเศษจริงๆ ล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเย่เลี่ยนก็เป็นได้ เมื่อถึงตอนนั้นต้องเป็นเรื่องแน่...

 

แต่ขณะที่เขาตั้งใจจะปั่นจักรยานอ้อมไป หูก็พลันได้ยินเสียงร้องดังลอยมาจากซุปเปอร์มาร์เกต “พี่ชาย! ช่วยด้วย!”

 

พอได้ยินเสียงตะโกนร้องนี้ หลิงม่อก็รู้สึกปวดจี๊ดที่สมองทันที

 

แน่นอนว่าเสียงเรียกพี่ชายนี้ทำให้หลิงม่อรู้สึกอึดอัดใจ แค่เสียงตะโกนนี้อย่างเดียวก็เพียงพอจะนำพาปัญหาลูกใหญ่มาให้แล้ว! การได้ยินของซอมบี้ฉับไวกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว พอเจ้าเด็กหนุ่มนั่นตะโกนดังขนาดนี้ บรรดาซอมบี้ทั้งหลายก็พากันกรูออกมาจากซอยและร้านค้าในละแวกนั้นทันที มิหนำซ้ำพอปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็สังเกตเห็นหลิงม่อโดยฉับพลัน และกระโจนเข้าใส่เขากับเย่เลี่ยน

 

“อะไรมันจะซวยขนาดนี้!” หลิงม่อก่นด่าอยู่ในใจ ชักมีดสั้นที่เอวออกมาและกระโดดลงจากจักรยาน ด้วยความที่แคลงใจเรื่องตัวตนของเด็กสาวคนนั้นอยู่ หลิงม่อจึงจำต้องให้เย่เลี่ยนหลบอยู่ข้างหลังตน ไม่ปล่อยให้เธอออกโรง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตนของเย่เลี่ยนถูกเปิดเผย

 

แต่เขาคนเดียวรับมือกับซอมบี้เกือบสิบตัว นับได้ว่าเป็นครั้งแรกเลย อย่างไรเสียการพึ่งพลังการโจมตีของเขาเพียงอย่างเดียว ก็เกรงว่าจะไม่สามารถรับมือได้เยอะขนาดนี้

 

ยังดีที่หลิงม่อมีความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้ อีกอย่างตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้พิสูจน์ยืนยันผล ขณะที่เงื้อมีดสั้นขึ้นฟันซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาตัวแรกสุด สายตาของหลิงม่อก็เบนไปยังซอมบี้ตัวที่สองแล้ว และในชั่วพริบตาที่ประสานสายตากับอีกฝ่าย พลังจิตอันแข็งกร้าวของเขาก็สามารถบังคับควบคุมเจ้าซอมบี้ตัวนี้ได้ทันที

 

ดังนั้นระหว่างที่เขาลงมือสังหารซอมบี้ตัวแรก เจ้าซอมบี้ตัวที่สองที่ถูกควบคุมก็เหมือนว่าจะพุ่งเอาหัวมาเสียบที่ปลายมีดของหลิงม่อด้วยตัวเองเลย

 

นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น พอเหลือบเห็นว่าซอมบี้หลายตัวกรูกันเข้ามาหาตัวเอง หลิงม่อที่กำลังถีบซากซอมบี้ออกไปก็หนาวสะท้านขึ้นทันที ทว่าสมองกลับปลอดโปร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

เขาเคยลองควบคุมซอมบี้สองตัวพร้อมกันมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นสามตัวพร้อมกันล่ะ

 

การควบคุมซอมบี้สามตัวพร้อมกันนับเป็นการท้าทายรูปแบบใหม่สำหรับหลิงม่อ แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้ เขาไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรเยอะแยะนัก จึงแค่ปล่อยให้ความคิดนี้ลอยอยู่ในหัวเพียงแวบเดียว จากนั้นก็ลงมือปฏิบัติจริงโดยไม่ลังเลทันที

 

เขาฟันใส่ซอมบี้ตัวที่อยู่ตรงหน้าสุดหนึ่งที พร้อมกับบังคับควบคุมซอมบี้อีกสองตัวที่ตามหลังมาติดๆ แล้วเมื่อการเคลื่อนไหวของพวกมันหยุดชะงักลงชั่วคราว มีดสั้นของหลิงม่อก็ปาดเข้าที่ลำคอของพวกมันอย่างรวดเร็ว การควบคุมแบบนี้จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของซอมบี้ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งแม้แต่หลิงม่อเองก็ไม่เคยคิดว่ามันจะได้ผลขนาดนี้เมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้จริง

 

แล้วก็เหมือนเช่นเคย ดูเหมือนว่าหลิงม่อจะพุ่งเข้าไปท่ามกลางเหล่าซอมบี้อย่างชิลสุดๆ แล้วจัดการฆ่าซอมบี้นับสิบตัวได้ราบคาบด้วยการโจมตีที่รวดเร็วเหลือเชื่อ ในช่วงเวลาแทบจะแค่พริบตาเดียว รอบกายหลิงม่อก็เหลือเพียงซากซอมบี้ที่นอนตายเกลื่อนพื้น

 

หลิงม่อที่เปรอะเปื้อนคราบเลือดไปทั่วร่างดูแล้วเหมือนเทพสังหารก็ไม่ปาน จนทำให้ชายหญิงในซุปเปอร์มาร์เกตตะลึงงันตาค้างทันที

 

“ให้ตายเถอะ! ซย่าน่าเธอเห็นไหม คนนั้นมันทำอะไรเนี่ย โหดสุดๆ ไปเลย!” ชายหนุ่มมองด้วยความตะลึงงัน อดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงตื่นตกใจ แต่เขากลับไม่ได้สังเกตเลยว่ามีซอมบี้ตัวหนึ่งโผล่มาจากร่องของเคาน์เตอร์และยื่นมือมาจับเขา

 

“ฟึ่บ!”

 

คมแสงอันเยียบเย็นแฉลบผ่านตรงหน้าเขา จากนั้นมือข้างนั้นก็ร่วงอยู่ข้างเท้าเขา ส่วนตัวเขาเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหัวพลางมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

ซย่าน่าเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะปักดาบยาวเข้าไปที่ท้องของซอมบี้ตัวนั้นและดึงออกมาอย่างแรง “เกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ”

 

“มีคนมาช่วยเราแล้ว! มา เราฝ่าออกไปกัน!” แม้ว่าซย่าน่าจะเย็นชาใส่ แต่ชายหนุ่มกลับตื่นเต้นดีใจสุดๆ อย่างไรเสียเหตุการณ์ก็คลี่คลายลงแล้ว

 

ชายหนุ่มไม่สนใจว่าหลิงม่อเต็มใจช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่ เขารีบพุ่งออกมาจากเคาน์เตอร์ทันที ส่วนซย่าน่าขมวดคิ้วก่อนจะวิ่งตามออกมา

 

เมื่อเห็นแต่ไกลว่าสองคนนั้นกำลังวิ่งฝ่ามาหาเขา หลิงม่อก็รู้ได้ทันทีว่าสลัดพวกเขาไม่หลุดแล้ว เพราะฉะนั้นแทนที่จะมองดูพวกเขาพาซอมบี้มาอีกกลุ่ม สู้ช่วยพวกเขาออกมาจากซอมบี้เหล่านี้จะดีกว่า

 

.........................................................................

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด