ตอนที่แล้วตอนที่ 113 ความลับ (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 115 พลัดพราก (ฟรี)

ตอนที่ 114 ความจริง (ฟรี)


ภูเขาที่เหมือนกับถูกวาดขึ้นมาจากปลายพู่กัน เพียงแค่ปลายตาก็สามารถที่จะมองเห็นได้จนถึงสุดปลาย กระนั้นก็ยังมีความยาวหลายร้อยลี้ ตรงจุดที่มีหน้าผาหันหน้าชนกัน ยังคงหลงเหลือร่องรอยของคมดาบเอาไว้อยู่

 

ภายในหุบเขามีสายธารไหลที่เชี่ยวประดุจกลุ่มม้าพยศกำลังวิ่งผ่านอยู่สายหนึ่ง เสียงน้ำซัดกระแทกโขดศิลาดังก้องไปทั้งผืนป่าจนสะท้อนขึ้นมาหลายเสียงนับไม่ถ้วน

 

ปลายสุดของเขาลูกหนึ่งมีเงาร่างสองร่างลอดผ่านไปตามเส้นทาง สายตาของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งจดจ้องไปยังสายธารที่ไหลเชี่ยวกราด

 

“ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงพาข้ามายังที่แห่งนี้?” หลงเฉินถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

ชายทั้งสองนั่งสัตว์มายาโบยบินมาจนถึงสถานที่แห่งนี้มาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ถึงแม้ว่าหุบเขาแห่งนี้จะมีทิวทัศน์ที่งดงามและน่าตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง ทว่าหลงเทียนเซียวกลับไม่ได้หมายจะพาหลงเฉินมาเพื่อชื่นชมทิวทัศน์อย่างแน่นอน

 

“ที่ข้าพาเจ้ามายังที่แห่งนี้ก็เพื่อ...บอกเล่าถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของเจ้า” หลงเทียนเซียวยังคงจ้องมองไปยังสายธารที่เชี่ยวกราด ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่รู้ว่าจะแสดงอารมณ์ใดออกมาดี

 

“ชาติกำเนิดที่แท้จริง?” หลงเฉินย้ำคำพูดอีกครั้งด้วยความงุนงง

 

หลงเทียนเซียวถอนหายใจออกมาก่อนจะตบไปที่ไหล่ของหลงเฉินแล้วกล่าวว่า “แท้ที่จริงแล้วเจ้านไม่ใช่บุตรบังเกิดเกล้าของข้า ทว่าถูกเก็บมาเลี้ยงดูเท่านั้น”

 

“ท่านว่าอย่างไรนะ?” หลงเฉินแตกตื่นขึ้นมาในทันทีพร้อมทั้งจ้องมองไปที่หลงเทียนเซียวอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง อีกทั้งใบหน้าของเขาก็เริ่มชาซ่านขึ้นมาทีละน้อย

“นี้จึงเป็นสาเหตุว่าเพราะเหตุใดมารดาของเจ้าจึงไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ นางไม่อยากให้เจ้าล่วงรู้ถึงความลับนี้มาตลอด” หลงเทียนเซียวกล่าวออกมาด้วยความลำบากใจไม่น้อย

 

แม้ว่าจะผ่านศึกต่อสู้มามากมายนับครั้งไม่ถ้วน หลงเฉินก็สามารถทนรับความลำบากเช่นนั้นได้ ทว่ากับสิ่งที่ได้ยินมาในตอนนี้กลับไม่อาจทานรับอย่างเต็มใจได้ ทั้งบิดาและมารดาของเขาไม่ใช่บิดาและมารดาบังเกิดเกล้าอย่างนั้นหรือ?

 

หลงเฉินรู้สึกหวาดหวั่นและหวาดกลัวขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม รู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาหวิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนราวกับว่าได้กลายเป็นเพียงวิญญาณสายหนึ่งไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

 

“เฉินเอ๋อ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่บุตรบังเกิดเกล้าของข้า ทว่าในสายตาของข้ากับฮูหยินนั้นก็เห็นเจ้าเป็นบุตรบังเกิดเกล้าของพวกเราอยู่ดี” หลงเทียนเซียวจ้องมองไปยังใบหน้าที่มีแต่ความสับสนของหลงเฉินจึงกล่าวปลอบประโลมออกมา

 

“ในเมื่อข้าไม่ใช่บุตรที่แท้จริงของพวกท่าน แล้วเหตุใดจึงได้มีคำมั่นสัญญาต่อกันได้เล่า?” หลงเฉินถามออกมา

 

เมื่อได้ยินวาจาฉุนเฉียวของหลงเฉิน หลงเทียนเซียวก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด แล้วหันไปจ้องมองไปยังสายธารที่ไหลเชี่ยวอีกครั้งหนึ่ง “ในช่วงเวลาที่ข้าและมารดาของเจ้ากำลังมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ทว่าขณะที่นางตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่เจ็ดก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจนทำให้พวกเราสูญเสียบุตรชายเพียงคนเดียวไป

 

ในเวลานั้นมารดาของเจ้าร่ำไห้ไม่เป็นอันกินอันนอนด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่เสื่อมคลาย อีกทั้งข้าเองก็ไปออกรบอยู่ นางเอาแต่โทษตัวเองจนคิดสั้นไปหลายครั้ง หลังจากนั้นข้าก็ได้พาเจ้ากลับมาด้วย นางจึงบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ข้าฟัง”

 

“ยิงฮวาเป็นผู้กระทำใช่หรือไม่?” หลงเฉินกัดฟันกรอดก่อนที่จะถามออกไป

 

หลงเทียนเซียวส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่ เมื่อขณะนั้นข้ากับยิงฮวายังไม่มีความแค้นอันใดต่อกัน เรื่องนิ้วที่ถูกตัดไปเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาในภายหลัง

 

เป็นมารดาของเจ้าที่ไม่ระวังตัวเอง แม้เรื่องราวจะผ่านพ้นไปนานแล้ว นางก็ยังเอาแต่ทุกข์ระทมอยู่อย่างนั้น อีกทั้งยังเอาแต่กล่าวโทษตัวเองไม่หยุด

 

หลังจากนั้นเมื่อข้าได้อุ้มเจ้ากลับมาด้วยก็เป็นเหมือนกับการได้ชดเชยสิ่งที่มารดาของเจ้าได้ขาดหายไป จะว่าไปแล้วพวกเราต้องขอบคุณเจ้าจึงจะถูกต้อง ไม่เช่นนั้นมารดาเจ้าคงจะเจ็บปวดใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน”

 

หลงเฉินเงียบไปและไม่คิดจะกล่าววาจาอันใดออกมาอีก หลงเทียนเซียวจึงตบเข้าไปที่บ่าของเขาเบาๆ แล้วกล่าวต่ออีกว่า “เป็นลูกผู้ชายอกสามศอกก็อย่าได้มองโลกในแง่ร้ายเหมือนกับหญิงสาวไปเลย

 

ต่อให้เจ้าไม่ใช่บุตรชายบังเกิดเกล้าของข้า ข้าก็ยังจะคอยบังลมบดฝนเพื่อเจ้าไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน หากว่าข้าต้องพบเจอกับความยากลำบาก เจ้าก็ไม่คิดที่จะแลกชีวิตเพื่อปกป้องข้าอย่างนั้นหรือ? ฉะนั้นก็อย่างได้เก็บเรื่องเช่นนี้มาผูกเจ็บเลย”

 

หลงเฉินพยักหน้าไปมาอย่างว่าง่าย บิดาและมารดาต่างก็รักและทะนุถนอมเขามาโดยตลอดทั้งที่ไม่ใช่บิดาและมารดาบังเกิดเกล้า ทว่าความรู้สึกในตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาที่จะยอมรับเรื่องราวเช่นนี้เอาไว้ได้

 

“ข้าและมารดาของเจ้าต่างก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของพวกเรา โดยเฉพาะมารดาของเจ้า หลังจากที่สูญเสียบุตรชายไปนางก็ทุกข์ระทมเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเจ้าจึงเป็นดั่งทั้งชีวิตของนางเลยก็ว่าได้” หลงเทียนเซียวยังคงกล่าวปลอบประโลมออกมา

 

หลงเฉินจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อนานมาแล้วหลงเทียนเซียวได้ส่งเฉินเฟยมาเพื่อคุ้มครองตระกูลหลง ทว่าหากเกิดอันตรายอันใดให้เลือกปกป้องเขาก่อนเป็นอันดับแรก

 

ในครั้งนั้นเขาจึงคิดโกรธเกลียดบิดาที่คิดจะทิ้งมารดาเพื่อปกป้องเพียงเขาคนเดียว เมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากปากของบิดาแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงความจริงที่ลึกซึ้งแล้ว

 

เมื่อมารดาได้สูญเสียบุตรชายไปแล้วหนึ่งคน แน่นอนว่านางย่อมไม่อาจทนรับความเจ็บปวดที่จะสูญเสียบุตรชายคนที่สองไป หากบิดาช่วยเหลือมารดาแล้วปล่อยให้เขาตายไป มารดาก็คงจะเกลียดชังบิดาไปชั่วชีวิตอย่างแน่นอน

 

เมื่อเห็นถึงความรักของบิดาและมารดาที่ทำเพื่อเขาถึงเพียงนี้ก็อดตื้นตันใจจนหยาดน้ำตาหลั่งไหลออกมาอาบสองแก้มอย่างที่ไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้ จากนั้นก็ร้องระงมออกมาเสียงดังไม่หยุด

 

ความรักของบิดานั้นเปรียบเสมือนขุนเขาอันยิ่งใหญ่ที่โอบล้อมปกป้องเขาไว้ ส่วนความรักของมารดาก็เปรียบเสมือนมหาสมุทรคอยหล่อเลี้ยงชีวิตของเขา ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่อาจตอบแทนพวกท่านได้จนหมดสิ้น และหากเขายังคิดที่จะจากไปก็ช่างไร้น้ำใจจนเกินไปแล้ว

 

“ท่านพ่อ ข้า……” หลงเฉินคิดจะปฏิเสธจากออกไปดูโลกภายนอก ทว่าเสียงทุ้มต่ำของหลงเทียนเซียวกลับแทรกขึ้นมาก่อน

 

“เฉินเอ๋อ เกิดเป็นบุรุษจำเป็นจะต้องออกไปท่องให้ทั่วทั้งสี่ทิศ อย่าได้หมกตัวอยู่แต่ในเรือนเหมือนกับอิสตรี หากเจ้าต้องปล่อยวางความฝันของตัวเองไปเพื่อข้ากับมารดา เจ้าคงจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิตอย่างแน่นอน

 

และข้าเองก็เข้าใจมารดาของเจ้าดี ถึงแม้ว่านางจะเสียใจในตอนนี้ ทว่าภายในส่วนลึกของจิตใจก็หวังจะให้เจ้าพบเจอกับความสุข”

 

หลงเทียนเซียวหยุดพ่นลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “เจ้าเองก็คงจะสังเกตได้แล้วว่าร่างกายของเจ้านั้นได้ถูกผู้คนลงมือมาก่อนใช่หรือไม่

 

ข้าเองก็ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดกันที่ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ถึงกับลงมือต่อทารกน้อยที่เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกหล้าได้เพียงแค่เดือนเดียว ในตอนที่ข้าเจอเจ้าที่จุดตันเถียนตรงหน้าอกกลับมีสามสิ่งที่น่าแปลกใจอยู่ อีกทั้งยังมีบาดแผลมากมายที่ยังไม่หายดีเต็มไปหมด

 

หากข้าจำไม่ผิด เส้นรากปราณภายในจุดตันเถียนของเจ้าก็ได้ถูกคนใช้เครื่องมือพิเศษชนิดหนึ่งดึงเอาออกไปด้วย ทว่าอีกสองจุดนั้นข้ากลับไม่อาจสังเกตเห็นได้ชัดเจนนัก”

 

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดทว่าในตอนนี้หลงเฉินกลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาเคยคิดว่ายิงฮวาเป็นผู้กระทำต่อร่างกายของเขา ทว่าแท้ที่จริงแล้วกลับเป็นเหตุผลและผู้อื่นแทน

 

หลงเทียนเซียวทราบแค่เพียงว่าจุดตันเถียนของหลงเฉินว่าง และรากปราณก็ถูกช่วงชิงไป ทว่าหลงเฉินที่ผนึกเข้ากับความทรงจำของจักรพรรดิโอสถได้ทราบแล้วว่าไม่เพียงแค่รากปราณที่ถูกช่วงชิงไปเท่านั้น ทว่ายังมีกระดูกปราณและปราณโลหิตที่ถูกชิงไปด้วย

 

คนผู้นั้นต้องมีจิตใจที่เยือกเย็นถึงพียงใดจึงสามารถลงมือกับทารกที่เพิ่งเกิดมาได้แค่เพียงเดือนเดียว เขาจึงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“ตั้งแต่ที่ทราบเรื่องของเจ้า ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าชั่วชีวิตของเจ้าคงจะไม่อาจฝึกยุทธ์ได้อีกแล้ว ข้าจึงสัญญาว่าด้วยพลังความสามารถของหลงเทียนเซียวจะคอยดูแลสองแม่ลูกให้มีกินมีใช้ไปทั้งชีวิต

 

ทว่าสิ่งที่ข้าเสียใจที่สุดกลับเกิดขึ้นมารวดเร็วเหลือเกิน ข้าต้องเข้าไปอยู่ภายในวังวนที่ไม่อาจออกมาได้จนทำให้พวกเจ้าต้องตกระกำลำบาก” หลงเทียนเซียวส่ายหน้าไปมาอย่างสลด

 

“ข้ากับมารดาของเจ้าหวังจะให้เจ้าสามารถยืนหยัดขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง หากเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องห่วงเจ้าให้มากมายอีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้ชะตาชีวิตของเจ้าได้เปลี่ยนไปแล้ว ข้ากับนางก็ไม่มีพลังเพียงพอที่จะคุ้มครองเจ้าได้อีกแล้ว

 

และข้าเองก็ได้เตรียมใจเอาไว้พร้อมแล้ว ที่นำพาเจ้ามายังสถานที่แห่งนี้ก็เพื่อบอกเล่าเรื่องทั้งหมดให้แก่เจ้า ถึงไม่ว่าเจ้าจะจากไป ทว่าอย่างไรเสียพวกเราก็ยังคงเป็นบิดามารดาของเจ้า และก่อนที่จะสูญเสียบุตรอันเป็นที่รักไป ข้าจึงอยากให้เจ้าล่วงรู้ถึงความจริงที่เจ้าสมควรจะรู้”

 

“แล้วบิดามารดาที่แท้จริงของข้าเป็นผู้ใดกัน?” หลงเฉินหยุดเสียงร่ำไห้ลง พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วถามออกมา

 

หลงเทียนเซียวส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ทราบ ข้าเพียงบังเอิญไปเจอเจ้าในสถานที่แห่งนี้ ที่แห่งนั้นมีคนสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่”

 

หลงเฉินเบิกตากลมโตจนแทบจะถลนออกมาในทันที ความเงียบงันเข้าครอบงำที่แห่งนั้นชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่คำพูดเดียวก็ไม่อาจเค้นขึ้นมาได้

 

“ถ้าหากข้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองก็คงจะไม่เชื่อ ทว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเรื่องจริง ในตอนที่ข้าพบเจ้านั้นกำลังมีคนสองคนต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ

 

บนร่างกายของพวกเขาเปล่งประกายแสงอันคมกล้า เสียดผ่านห้วงอากาศออกมาเป็นระลอก รังสีกระบี่ฟาดฟันไปยังยอดเขา……”

 

ภายในดวงตาของหลงเทียนเซียวเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย เขาหวนนึกถึงความทรงจำที่ผ่านพ้นไปสิบกว่าปีขึ้นมา เป็นความทรงจำที่น่าตกใจและไม่อาจลืมเลือนไปได้

 

“ช่วงเวลานั้นข้าได้ออกท่องเที่ยวสู่ภายนอกเพียงลำพังเพื่อออกล่ากวางยักษ์เขาแดงตนหนึ่งสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการหลอมโอสถบำรุงร่างกายให้แก่มารดาของเจ้า ทว่ากลับได้มาพบเจอกับการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า

 

ข้าได้หลบซ่อนอยู่หลังศิลาก้อนใหญ่ที่อยู่ห่างไกลจากสนามต่อสู้ ทว่าคนผู้หนึ่งใช้วิชาลี้ลับบางอย่างออกมาจนรังสีกระบี่พุ่งผ่านท้องฟ้าไปสังหารคนอีกผู้หนึ่งด้วยกระบี่เดียว

 

คมกระบี่สายนั้นได้สร้างหน้าผาแห่งนี้ขึ้นมา ในตอนนั้นข้าทั้งตกใจทั้งแตกตื่นจนโง่งมจนคิดอันใดไม่ออก นับตั้งแต่กำเนิดมาข้ายังไม่เคยพบเห็นขอบเขตการฝึกยุทธ์ที่สูงส่งถึงเพียงนั้นมาก่อน

 

หลังจากที่คนผู้นั้นได้ใช้กระบี่เดียวสังหารศัตรูลงไปได้แล้ว ข้าจึงเห็นว่าเขาได้อุ้มทารกน้อยขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้ย่างกรายเข้ามาโดยที่ข้าไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายหลบหนีได้ คล้ายกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยพลังกดดันบางอย่าง ข้าจึงคิดว่าชีวิตคงจะต้องจบสิ้นลงตรงนี้เสียแล้ว

 

ทว่าไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะส่งมอบทารกน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขามาให้ข้า แล้วบอกให้เลี้ยงดูเด็กน้อยผู้นั้นให้เติบใหญ่ขึ้นมา

 

ข้านั้นแตกตื่นจนสติหลุดลอยออกไป ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะมองว่าเขาเป็นใคร แล้วส่งมอบทารกน้อยมาให้ด้วยเหตุอันใด รู้เพียงแต่ว่าคนผู้นั้นช่างน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

หลังจากนั้นเขาก็ได้กล่าวคำพูดกับข้าอยู่หลายประโยค แล้วก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ก่อนจะพลิกฝ่ามือครั้งหนึ่งแล้วส่งข้าออกมาในที่ที่ห่างไกล” เมื่อกล่าวมาจนถึงตรงนี้หลงเทียนเซียว ก็กระแอมออกมาครั้งหนึ่ง คำบอกเล่าของเขาราวกับว่าเหมือนกับได้กลับไปสู่วันวานที่ยังตราตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำ

 

“เฉินเอ๋อ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าของเจ้านั้นเป็นผู้ใด ทว่าข้าตอบได้อย่างกล้าหาญเลยว่าพวกเขาจะต้องเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่จนน่าตกใจอย่างแน่นอน

 

เพราะว่าคนที่ส่งเจ้าให้กับข้านั้นเรียกขานเจ้าว่านายน้อย หากบุคคลที่มีแข็งแกร่งเช่นนั้นยังเป็นได้แค่ข้ารับใช้ เช่นนั้นบิดาและมารดาที่แท้จริงของเจ้าจะต้องยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

หลงเฉินเกิดความตื่นเต้นขึ้นมา ความแข็งแกร่งของคนผู้หนึ่งสามารถตัดผ่าขุนเขาแห่งนี้จนกลายเป็นสองซีกไปได้ยังเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้เท่านั้น แล้วบิดามารดาของเขาจะแข็งแกร่งไปถึงระดับใดกัน?

 

หลงเทียนเซียวกล่าวต่ออีกว่า “หลังจากนั้นข้าก็ได้พบกับกล่องคัมภีร์หนึ่งที่มีร่องรอยการจดบันทึกด้วยอักษรประหลาดที่เรียกกันว่าอักษรยันต์ ของสิ่งนี้มีความลึกลับเกินกว่าที่เผ่ามนุษย์อย่างพวกเราจะคาดเดาได้

 

และวิชาสุดท้ายที่พอจะเข้าใจได้นั้นเรียกกันว่าวิถีเปลี่ยนแปลง (化道) ซึ่งในช่วงเวลานั้นข้าเองก็ไม่ได้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ทว่าก็พอทราบได้ว่ามันต้องเป็นเคล็ดวิชาลี้ลับที่ข้าเห็นอย่างแน่นอน วิชานั้นจะใช้พลังการดับสูญของร่างกายเพื่อแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของเจ้า

 

หลังจากที่ข้าพาเจ้ากลับมายังจักรวรรดิก็ได้แต่หวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ และย้ำเตือนอยู่ตลอดว่าเจ้าคือบุตรชายของข้า ชั่วชีวิตนี้จะไม่ให้สิ่งใดมาแยกพวกเราจากกันได้ ทว่าจากศึกกลางเมืองที่ผ่านานี้ได้ทำให้ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นชะตาชีวิตของเจ้า”

 

“ชะตาชีวิตอะไรกัน?” หลงเฉินถามออกมา

 

“ก่อนที่คนผู้นั้นจะหายไป เขาได้สั่งเสียเอาไว้ว่าหากเจ้าไม่อาจฝึกยุทธ์ได้ ก็จงให้เจ้าใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาอย่างมีความสุขไปทั้งชีวิต ทว่าวันใดที่เจ้าสามารถฝึกยุทธ์ได้ก็จงให้ข้าบอกถึงชาติกำเนิดของเจ้า แล้วให้เจ้าเลือกเองว่าจะทำเช่นไรต่อไป

 

เดิมทีแล้วข้าคิดว่าชั่วชีวิตนี้ของเจ้าก็คงไม่อาจทราบถึงความจริงนี้ได้อีกแล้ว ทว่าเมื่อเห็นเจ้าต่อสู้กับชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้นกับตาตัวเอง ข้าก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่าเจ้าจะต้องจากไปแล้วจริงๆ

 

ส่วนที่มารดาของเจ้าไม่ต้องการให้เจ้าจากนางไป ส่วนหนึ่งก็เพราะกลัวเจ้าจะรู้ถึงชาติกำเนิดแล้วจะตามไปล้างแค้นคนพวกนั้น”

 

คนที่นำพาหลงเฉินหลบหนีออกมาจากที่ใดสักแห่งได้พบกับสุ่มโจมตีมาตลอดทาง และเพื่อปกป้องหลงเฉินเอาไว้ เขาจึงต้องใช้วิถีเปลี่ยนแปลงออกมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นั่นก็แสดงว่าศัตรูนั้นมีความน่ากลัวมากกว่าเป็นอย่างยิ่ง

 

ฮูหยินหลงคาดเดาเอาไว้ว่าหากหลงเฉินได้ล่วงรู้ถึงชาติกำเนิดที่แท้จริง แน่นอนว่าย่อมเขาต้องเลือกที่จะล้างแค้น อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายกาจมากมายที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน

 

“แน่นอนความแค้นย่อมต้องได้รับการชำระ ทว่าท่านพ่อโปรดวางใจได้ ข้าย่อมไม่เข้าไปหาที่ตายอย่างโง่งมแน่นอน” หลงเฉินกล่าวอย่างหนักแน่น

 

คนพวกนั้นขโมยทุกอย่างไปจากเขา ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตอบแทนกลับไปอย่างทัดเทียมกันอย่างแน่นอน ทว่าก่อนจะไปถึงเวลานั้น เขาจำเป็นที่จะต้องเพิ่มพูนพลังฝีมือให้สูงยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นคงจะเป็นการไปที่ตายเองเท่านั้น

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องตัดสินใจเช่นนี้ ตามข้ามา บิดาและมารดาของเจ้าได้ทิ้งบางสิ่งไว้ให้เจ้าด้วย” เมื่อหลงเทียนเซียวกล่าวจบก็ได้โบกมือครั้งหนึ่ง ทันให้นั้นศิลาก้อนใหญ่เบื้องหน้าก็ได้ระเบิดออก เผยให้เห็นวัตถุชิ้นหนึ่งที่อยู่ภายใน ....

 

ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา   <<< (ถึงตอนที่ 293 แล้วครับ)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด